สัญญาณปิดเกม หยุดวิกฤติประเทศ
พล.ท.พิศณุ พุทธวงศ์ หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ และเป็นนายทหารคนสนิทของพล.อ.เปรม ให้สัมภาษณ์อันเป็นการส่งสัญญาณที่มีนัยยะทางกา...รเมืองอย่างน่าจับตาโดยกล่าวว่า
พล.ท.พิศณุ พุทธวงศ์ หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ และเป็นนายทหารคนสนิทของพล.อ.เปรม ให้สัมภาษณ์อันเป็นการส่งสัญญาณที่มีนัยยะทางกา...รเมืองอย่างน่าจับตาโดยกล่าวว่า
ขอให้อดใจรอดูสักนิดและสุดท้ายปัญหาของบ้านเมืองต้องจบหลังขัดแย้งมานานหลายปีแล้ว
สัญญาณจากนายทหารคนสนิทของประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษทำให้คาดว่า วิกฤติการณ์ของประเทศกำลังใกล้จะปิดฉากลงในไม่ช้านี้โดยเฉพาะหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย
การสิ้นสภาพนายกฯรักษาการของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขณะที่นักสังเกตุการณ์ทางการเมืองประเมินว่า ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ในที่สุดแล้วนายกฯและรัฐบาลที่เป็นกลางเพื่อเข้าสะสาง
ปัญหาของประเทศมีแนวโน้มที่จะต้องเกิดขึ้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
ขณะที่ศึกยกสุดท้ายงวดใกล้เข้ามาทุกขณะท่ามกลางความหวั่นวิตกจากทุกฝ่ายว่าจะเกิดการเผชิญหน้าขั้นแตกหักจนนำไปสู่การนองเลือดระหว่างมวลมหาปาะชาชนภายใต้การนำของกำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(กปปส.) กับรัฐบาลทรราชหุ่นเชิดระบอบทักษิณภายใต้การนำของน.ส.ยิ่งลักษ์ ชินวัตร ซึ่งมีม็อบเสื้อแดงภายใต้การนำของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานคนเสื้อแดงและกองกำลังใต้ดินติดอาวุธที่เคลื่อนไหวคู่ขนานเป็นเครื่องมือในการทำศึกแตกหักกับ กปปส.ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์พ้นสภาพการทำหน้าที่นายกฯกรณีย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรีโดยไม่ชอบด้วยกฏหมายหรือกรณีหากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ชี้มูลความผิดน.ส.ยิ่งลักษณ์ ในคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว แต่ขณะที่สถานการณ์มีนับถอยหลังใกล้ถึงจุดแตกหักก็เกิดการเคลี่อนไหว
จุดประการเสนอทางออกเพื่อผ่าทางตัน ที่น่าประหลาดใจก็คือการออกเปิดประเด็นของนายชัยเกษม นิติสิริ ผู้ทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ นายโภคิน พลกุล ซึ่งอยู่ในทีมมือกฏหมายของพรรคเพื่อไทย กลับออกมาเสนอแนวคิดให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทูลเกล้าฯขอพระบรมราชวินิจฉัยตามมาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญหากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ พ้นสภาพการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีไม่ว่าจะจากกรณีโดยศาลรัฐธรรมนูญหรือป.ป.ช.ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ทั้ง นายชัยเกษม และนายโภคิน รวมทั้งบรรดาแกนนำพรรคเพื่อไทยต่างออกมาต่อต้านแนวคิดการใช้มาตรา 7 อันเป็นข้อเสนอของมวลมหาประชาชนภายใต้การนำของ กำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(กปปส.) โดยอ้างว่าทำไม่ได้และเป็นแนวทางนอกรัฐธรรมนูญ และที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่าก็คือแม้แต่ นายใหญ่นักโทษหนีคุก ก็ออกมาส่งสัญญาณการให้อภัยกันและสนับสนุนแนวคิดมาตรา 7 จนถูกตั้งข้อสังเกตุว่าเป็นการเล่นบทตีสองหน้าของ นายใหญ่นักโทษหนีคุก ในภาวะที่รัฐบาลทรราชหุ่นเชิดระบอบทักษิณกำลังจนตรอก
นอกจากนี้ยังมีการตั้งข้อสังเกตุว่า การเสนอแนวคิดมาตรา 7 ของ นายชัยเกษม และ นายโภคิน เป็นเพียงการโยนหินถามทางและซ่อนเล่ห์แอบแฝงเพื่ออาศัยมาตรา 7 แก้เกมของมวลมหาประชาชน กปปส. โดยยังคงรักษาอำนาจของรัฐบาลทรราชหุ่นเชิดระบอบทักษิณ ขณะเดียวกันก็เป็นการปฏิเสธอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญอย่างสิ้นเชิงโดยส่อเจตนาอาศัยสถาบันเบื้องสูงเป็นเครื่องมือซึ่งไม่ต่างอะไรจากการดึงฟ้าลงต่ำ
ทั้งนี้ แนวคิดมาตรา 7 ของ นายชัยเกษม และ นายโภคิน แตกต่างจากแนวทางอันเป็นสาระสำคัญกับมวลมหาประชาชนกปปส.อย่างสิ้นเชิง เพราะข้อเรียกร้องของมวลมหาประชาชน กปปส. เห็นว่า หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องสิ้นสภาพการทำหน้าที่นายกฯจนเกิด”สุญญกาศ”ทางการเมือง จนต้องใช้มาตรา 7 สรรหานายกฯเฉพาะกาลที่เป็นกลางเพื่อมาวางแนวทางปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่ โดยผู้ที่ทำหน้าที่สนองพระบรมราชโองการก็คือประธานวุฒิสภาซึ่งทำหน้าที่ประธานรัฐสภาที่จะต้องประชุมวุฒิสภาเพื่อสรรหาผู้ที่เหมาะสมจะเป็นนายกฯเฉพาะกาลเพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯโปร่งเกล้าแต่งตั้งแต่ในกรณีข้อเสนอของนายชัยเกษมนั้นถูกตั้งข้อสังเกตุว่าเป็นการผลักภาระปัญหาร้อนแรงทางการเมืองทั้งมวลไปให้สถาบันเบื้องสูงทรงวินิจฉัย ซึ่งไม่ว่าจะทรงวินิจฉัยออกมาด้านใดอย่างไรล้วนเป็นผลลบต่อสถาบันทั้งสิ้น ขณะเดียวกันยังแฝงเล่ห์ปฏิเสธอำนาจคำวินิจฉัยของรัฐธรรมนูญ ขณะเดียวกันศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย(ศอ.รส.)ถึงกับบังอาจเหิมเกริมออกแถลงการณ์ตอกย้ำส่อเจตนาดึงฟ้าลงต่ำและไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญตามแนวคิดของนายชัยเกษม ด้วยการเรียกร้องให้รัฐบาลทรราชหุ่นเชิดยิ่งลักษณ์ทูลเกล้าฯขอพระบรมราชวินิจฉัยว่ารัฐบาลทรราชหุ่นเชิดยิ่งลักษณ์ยังสามารถอยู่ในอำนาจต่อไปหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ารัฐบาลสิ้นสภาพ
ด้านคณะรัฐบุคคลอาวุโสที่นำโดย พล.อ.สายหยุด เกิดผล อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุดได้จุดประกายแนวคิดและทำเรื่องเสนอต่อ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ โดยเห็นว่าขณะนี้สถานการณ์บ้านเมืองได้มาถึงจุดวิกฤติที่จะต้องหาทางออกคลี่คลายวิกฤติโดยเร็วโดยไม่จำเป็นต้องรอการวินิจฉัยชี้ขาดของศาลรัฐธรรมนูญหรือป.ป.ช. โดยบุคคลที่จะทำหน้าที่คลี่คลายวิกฤติชาติขณะนี้ก็คือประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ด้วยการเรียกประชุมผู้นำส่วนราชการทั้งผู้นำกองทัพ ผู้นำศาล และผู้นำสังคมทุกกลุ่มมาร่วมหาทางออกให้ชาติแล้วร่างพระบรมราชโองการนำขึ้นทูลเกล้าฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อให้ทรงพระปรมาภิไธย โดยประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษเป็นผู้สนองพระบรมราชโองการ ซึ่งแนวทางพึ่งพระบารมีในทำนองเดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในประวัติศาสตร์ อาทิ เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 หรือเหตุการณ์พฤษภาทมิฬเมื่อปี 2535
อย่างไรก็ตามแนวคิดของคณะรัฐบุคคลถูกต่อต้านอย่างหนักจากพรรคเพื่อไทยและแกนนำคนเสื้อแดง โดยเฉพาะ นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ รมช.พาณิชย์ และ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานคนเสื้อแดง ที่โจมตีคณะรัฐบุคคลและ พล.อ.เปรม อย่างแข็งกร้าว
พล.ท.พิศณุ พุทธวงศ์ หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ และเป็นนายทหารคนสนิทของพล.อ.เปรม ให้สัมภาษณ์อันเป็นการส่งสัญญาณที่มีนัยยะทางการเมืองอย่างน่าจับตาโดยกล่าวว่า ขอให้อดใจรอดูสักนิดและสุดท้ายปัญหาของบ้านเมืองต้องจบหลังขัดแย้งมานานหลายปีแล้ว
สัญญาณจากนายทหารคนสนิทของประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษทำให้คาดว่า วิกฤติการณ์ของประเทศกำลังใกล้จะปิดฉากลงในไม่ช้านี้โดยเฉพาะหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยการสิ้นสภาพนายกฯรักษาการของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขณะที่นักสังเกตุการณ์ทางการเมืองประเมินว่า ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ในที่สุดแล้วนายกฯและรัฐบาลที่เป็นกลางเพื่อเข้าสะสางปัญหาของประเทศมีแนวโน้มที่จะต้องเกิดขึ้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
ทีมข่าวการเมือง
เมื่อ ป.ป.ช. จะจัดตั้งตำรวจ ป.ป.ช....บอกสัญญาณอาเพศ
โดย สิริอัญญา
วันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน 2557
กองกำลังของนักการเมืองที่เคยปฏิบัติการในเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองเมื่อปี 2553 ได้ขยายการปฏิบัติการในปี 2556-2557 เพิ่มขึ้น ใช้ระเบิดและอาวุธสงครามยิงถล่มศาล องค์กรอิสระ และแกนนำประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยที่ไม่มีใครแสดงความรับผิดชอบเลยแม้แต่คนเดียว
หน่วยงานและหัวหน้าหน่วยงานที่มีอำนาจและหน้าที่ตามกฎหมายได้แต่บ้าใบ้พูดไม่ออกบอกไม่ถูก ไม่ยอมดำเนินการใด ๆ เพื่อหยุดยั้งเหตุร้ายเหล่านั้น จึงทำให้คนร้ายเหิมเกริมและขยายปฏิบัติการเย้ยฟ้าท้าดินต่อไป
นี่แหละคืออาเพศอย่างหนึ่ง ซึ่งโลกนิติได้บ่งชี้ว่าเป็นอาการที่หมาเป็นหัวหน้าฝูงราชสีห์ ดังนั้นจึงมีแต่เสียงเห่าหอนเลียแข้งเลียขาให้ปรากฏ
ด้วยเหตุนี้อาณาประชาราษฎร์ทั้งปวง รวมทั้งใครก็ตามที่ไม่ใช่ลิ่วล้อบริวารหรืออยู่ในขบวนการของนักการเมืองก็ต้องได้รับผลกระทบและมีความเสี่ยงมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะขณะนี้ประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีการก่อการร้ายที่ต้องระมัดระวังหรือต้องห้ามการเดินทางมาประเทศไทยไปแล้ว
สถานะของประเทศไทยในวันนี้พอ ๆ กับอิรัก เลบานอน และซีเรีย เพราะมีการเอาระเบิดและลากเอาอาวุธสงครามมาถล่มกันทั้งกลางวันและกลางคืน และในทุกพื้นที่โดยที่ไม่มีใครรับผิดชอบ
คนเหล่านี้เปลืองภาษีราษฎร เปลืองข้าวสุก เสียข้าวสาร ถึงจะทรมานด้วยการให้ไปยืนใต้ถุนโรงรถก็มิได้สำนึก เพราะมีแต่ความขี้ขลาดตาขาวในกมลสันดาน มีแต่ความโลภโมโทสันและเอาตัวรอด
เป็นเหตุให้ศาลและองค์กรอิสระต้องพยายามดิ้นรนในการปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายบัญญัติด้วยความเสี่ยงภัย แต่เปี่ยมไปด้วยความกล้าหาญ และยึดมั่นในคำสัตย์ปฏิญาณในการทำหน้าที่อย่างเสมอต้นเสมอปลาย
มีแต่กฎหมายคือนิติศาสตร์หรือศาสตราที่เป็นกฎหมายเป็นอาวุธ มีความสุจริตเป็นเกราะคุ้มกันตัว และมีความสัตย์ซื่อต่อแผ่นดิน เป็นพลังไร้สภาพที่ป้องกันตัวเท่านั้น
ศาลกำลังมีตำรวจศาลและล่าสุดนายวิชา มหาคุณ ได้แถลงต่อสื่อมวลชนว่า ป.ป.ช. เตรียมการที่จะจัดตั้งตำรวจ ป.ป.ช. เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยและป้องกันการคุกคามของอริราชศัตรู ซึ่งก็รู้กันว่าเป็นลิ่วล้อบริวารของนักการเมือง
การที่ศาลและองค์กรอิสระต่าง ๆ กระทั่งรายล่าสุดคือ ป.ป.ช. ที่กำลังเตรียมการจัดตั้งตำรวจ ป.ป.ช. เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยของตนนั้นหมายความว่าอะไร?
หมายความว่า เบื้องต้นที่สุดสำนักงานตำรวจแห่งชาติประสบความล้มเหลวอย่างรุนแรงที่สุดนับแต่ประเทศไทยมีตำรวจมา เฉพาะเสียงครหาที่ปรากฏในขณะนี้ก็คือ
ข้อแรก ตำรวจบางคนได้นำสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปขายให้กับนักการเมือง ยอมเป็นขี้ข้ารับใช้นักการเมือง ทำหรือละเว้นการกระทำตามที่นักการเมืองต้องการ ดังนั้นจึงปรากฏภาพตำรวจไปให้การดูแลคุ้มครองป้องกันผู้กระทำผิดกฎหมาย และปล่อยให้ลอยนวลในคดีความต่าง ๆ
ข้อสอง ตำรวจที่มีอำนาจทรยศต่ออำนาจหน้าที่ของตน ไม่ปกป้องคุ้มครองดูแลหรือพิทักษ์สันติราษฎร์ตามอำนาจหน้าที่ ปล่อยให้ทั้งศาล ทั้งองค์กรอิสระ โดยเฉพาะ ป.ป.ช. ถูกคนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงถล่มซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยที่มิได้ป้องกันแก้ไขใด ๆ ที่มีผล แม้กระทั่งแกนนำประชาชนดังเช่นนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็มีคนร้ายเอาอาวุธระเบิด M79 ไปยิงถล่มบ้านถึง 4 ครั้ง 4 รอบซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้ง ๆ ที่เป็นการเย้ยตำรวจ แต่ก็มิได้มีผู้ใดรู้สึกละอายใจที่ถูกเหยียดหยามเช่นนั้นเลย
แม้กระทั่งกระทรวงสาธารณสุข บุคลากรทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องก็ถูกข่มขู่คุกคามอย่างหนักหน่วง เฉพาะการใช้ระเบิด M79 ไปยิงถล่มก็กว่าร้อยนัดแล้ว และยังคงยิงถล่มต่อไปเรื่อย ๆ เพราะไม่มีใครแสดงความรับผิดชอบและคนร้ายก็ยังลอยนวล
เป็นเหตุให้ประชาชนขาดที่พึ่ง และเป็นเหตุให้มีการก่อตั้งการ์ดอาสาขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยผลที่เกิดขึ้นก็คือทุกคนต้องป้องกันตนเอง ซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปคนไทยจะเสียภาษีอากรกันไปทำไม? เพราะเสียไปก็สูญเปล่า
ข้อสาม พระมหากษัตริย์ถูกล่วงละเมิด ถูกปองร้าย ถูกกล่าวคำอาฆาตใส่ความ โดยขบวนการของนักการเมือง และโดยที่ตำรวจไม่จับกุม ปล่อยให้ผู้กระทำความผิดเยาะเย้ยอำนาจแห่งความยุติธรรมอย่างหน้าตาเฉย จนประชาชนทนไม่ไหว ต้องรวมตัวกันก่อตั้งองค์กรเก็บขยะแผ่นดิน เพื่อทำหน้าที่พิทักษ์พระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญ
สภาพเช่นนี้เป็นสภาพที่ต่างคนต่างหน่วยงานต่างต้องดูแลรักษาคุ้มครองป้องกันตัวเอง เพราะการไม่ทำหน้าที่ของตำรวจและเพราะการที่ตำรวจจำนวนหนึ่งยอมตนเป็นสมุนของผู้กระทำความผิดกฎหมาย กระทั่งยกย่องนักโทษเป็นเจ้านายเหนือหัว
นี่คือสัญญาณอาเพศเหตุร้ายของแผ่นดินที่บ่งบอกว่าอันตรายของบ้านเมืองได้มาถึงจุดสุดท้ายแล้ว นั่นคือมาถึงจุดที่จะสิ้นชาติหรือจะฟื้นฟูชาติ? ซึ่งเป็นเรื่องที่คนไทยทั้งประเทศจะต้องตัดสินใจและเผชิญกับชะตากรรมนั้นด้วยกัน!
http://www.paisalvision.com/content/88-features/11436----q---q-20-2557.html
สัญญาณจากนายทหารคนสนิทของประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษทำให้คาดว่า วิกฤติการณ์ของประเทศกำลังใกล้จะปิดฉากลงในไม่ช้านี้โดยเฉพาะหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย
การสิ้นสภาพนายกฯรักษาการของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขณะที่นักสังเกตุการณ์ทางการเมืองประเมินว่า ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ในที่สุดแล้วนายกฯและรัฐบาลที่เป็นกลางเพื่อเข้าสะสาง
ปัญหาของประเทศมีแนวโน้มที่จะต้องเกิดขึ้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
ขณะที่ศึกยกสุดท้ายงวดใกล้เข้ามาทุกขณะท่ามกลางความหวั่นวิตกจากทุกฝ่ายว่าจะเกิดการเผชิญหน้าขั้นแตกหักจนนำไปสู่การนองเลือดระหว่างมวลมหาปาะชาชนภายใต้การนำของกำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(กปปส.) กับรัฐบาลทรราชหุ่นเชิดระบอบทักษิณภายใต้การนำของน.ส.ยิ่งลักษ์ ชินวัตร ซึ่งมีม็อบเสื้อแดงภายใต้การนำของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานคนเสื้อแดงและกองกำลังใต้ดินติดอาวุธที่เคลื่อนไหวคู่ขนานเป็นเครื่องมือในการทำศึกแตกหักกับ กปปส.ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์พ้นสภาพการทำหน้าที่นายกฯกรณีย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรีโดยไม่ชอบด้วยกฏหมายหรือกรณีหากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ชี้มูลความผิดน.ส.ยิ่งลักษณ์ ในคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว แต่ขณะที่สถานการณ์มีนับถอยหลังใกล้ถึงจุดแตกหักก็เกิดการเคลี่อนไหว
จุดประการเสนอทางออกเพื่อผ่าทางตัน ที่น่าประหลาดใจก็คือการออกเปิดประเด็นของนายชัยเกษม นิติสิริ ผู้ทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ นายโภคิน พลกุล ซึ่งอยู่ในทีมมือกฏหมายของพรรคเพื่อไทย กลับออกมาเสนอแนวคิดให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทูลเกล้าฯขอพระบรมราชวินิจฉัยตามมาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญหากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ พ้นสภาพการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีไม่ว่าจะจากกรณีโดยศาลรัฐธรรมนูญหรือป.ป.ช.ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ทั้ง นายชัยเกษม และนายโภคิน รวมทั้งบรรดาแกนนำพรรคเพื่อไทยต่างออกมาต่อต้านแนวคิดการใช้มาตรา 7 อันเป็นข้อเสนอของมวลมหาประชาชนภายใต้การนำของ กำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(กปปส.) โดยอ้างว่าทำไม่ได้และเป็นแนวทางนอกรัฐธรรมนูญ และที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่าก็คือแม้แต่ นายใหญ่นักโทษหนีคุก ก็ออกมาส่งสัญญาณการให้อภัยกันและสนับสนุนแนวคิดมาตรา 7 จนถูกตั้งข้อสังเกตุว่าเป็นการเล่นบทตีสองหน้าของ นายใหญ่นักโทษหนีคุก ในภาวะที่รัฐบาลทรราชหุ่นเชิดระบอบทักษิณกำลังจนตรอก
นอกจากนี้ยังมีการตั้งข้อสังเกตุว่า การเสนอแนวคิดมาตรา 7 ของ นายชัยเกษม และ นายโภคิน เป็นเพียงการโยนหินถามทางและซ่อนเล่ห์แอบแฝงเพื่ออาศัยมาตรา 7 แก้เกมของมวลมหาประชาชน กปปส. โดยยังคงรักษาอำนาจของรัฐบาลทรราชหุ่นเชิดระบอบทักษิณ ขณะเดียวกันก็เป็นการปฏิเสธอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญอย่างสิ้นเชิงโดยส่อเจตนาอาศัยสถาบันเบื้องสูงเป็นเครื่องมือซึ่งไม่ต่างอะไรจากการดึงฟ้าลงต่ำ
ทั้งนี้ แนวคิดมาตรา 7 ของ นายชัยเกษม และ นายโภคิน แตกต่างจากแนวทางอันเป็นสาระสำคัญกับมวลมหาประชาชนกปปส.อย่างสิ้นเชิง เพราะข้อเรียกร้องของมวลมหาประชาชน กปปส. เห็นว่า หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องสิ้นสภาพการทำหน้าที่นายกฯจนเกิด”สุญญกาศ”ทางการเมือง จนต้องใช้มาตรา 7 สรรหานายกฯเฉพาะกาลที่เป็นกลางเพื่อมาวางแนวทางปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่ โดยผู้ที่ทำหน้าที่สนองพระบรมราชโองการก็คือประธานวุฒิสภาซึ่งทำหน้าที่ประธานรัฐสภาที่จะต้องประชุมวุฒิสภาเพื่อสรรหาผู้ที่เหมาะสมจะเป็นนายกฯเฉพาะกาลเพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯโปร่งเกล้าแต่งตั้งแต่ในกรณีข้อเสนอของนายชัยเกษมนั้นถูกตั้งข้อสังเกตุว่าเป็นการผลักภาระปัญหาร้อนแรงทางการเมืองทั้งมวลไปให้สถาบันเบื้องสูงทรงวินิจฉัย ซึ่งไม่ว่าจะทรงวินิจฉัยออกมาด้านใดอย่างไรล้วนเป็นผลลบต่อสถาบันทั้งสิ้น ขณะเดียวกันยังแฝงเล่ห์ปฏิเสธอำนาจคำวินิจฉัยของรัฐธรรมนูญ ขณะเดียวกันศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย(ศอ.รส.)ถึงกับบังอาจเหิมเกริมออกแถลงการณ์ตอกย้ำส่อเจตนาดึงฟ้าลงต่ำและไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญตามแนวคิดของนายชัยเกษม ด้วยการเรียกร้องให้รัฐบาลทรราชหุ่นเชิดยิ่งลักษณ์ทูลเกล้าฯขอพระบรมราชวินิจฉัยว่ารัฐบาลทรราชหุ่นเชิดยิ่งลักษณ์ยังสามารถอยู่ในอำนาจต่อไปหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ารัฐบาลสิ้นสภาพ
ด้านคณะรัฐบุคคลอาวุโสที่นำโดย พล.อ.สายหยุด เกิดผล อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุดได้จุดประกายแนวคิดและทำเรื่องเสนอต่อ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ โดยเห็นว่าขณะนี้สถานการณ์บ้านเมืองได้มาถึงจุดวิกฤติที่จะต้องหาทางออกคลี่คลายวิกฤติโดยเร็วโดยไม่จำเป็นต้องรอการวินิจฉัยชี้ขาดของศาลรัฐธรรมนูญหรือป.ป.ช. โดยบุคคลที่จะทำหน้าที่คลี่คลายวิกฤติชาติขณะนี้ก็คือประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ด้วยการเรียกประชุมผู้นำส่วนราชการทั้งผู้นำกองทัพ ผู้นำศาล และผู้นำสังคมทุกกลุ่มมาร่วมหาทางออกให้ชาติแล้วร่างพระบรมราชโองการนำขึ้นทูลเกล้าฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อให้ทรงพระปรมาภิไธย โดยประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษเป็นผู้สนองพระบรมราชโองการ ซึ่งแนวทางพึ่งพระบารมีในทำนองเดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในประวัติศาสตร์ อาทิ เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 หรือเหตุการณ์พฤษภาทมิฬเมื่อปี 2535
อย่างไรก็ตามแนวคิดของคณะรัฐบุคคลถูกต่อต้านอย่างหนักจากพรรคเพื่อไทยและแกนนำคนเสื้อแดง โดยเฉพาะ นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ รมช.พาณิชย์ และ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานคนเสื้อแดง ที่โจมตีคณะรัฐบุคคลและ พล.อ.เปรม อย่างแข็งกร้าว
พล.ท.พิศณุ พุทธวงศ์ หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ และเป็นนายทหารคนสนิทของพล.อ.เปรม ให้สัมภาษณ์อันเป็นการส่งสัญญาณที่มีนัยยะทางการเมืองอย่างน่าจับตาโดยกล่าวว่า ขอให้อดใจรอดูสักนิดและสุดท้ายปัญหาของบ้านเมืองต้องจบหลังขัดแย้งมานานหลายปีแล้ว
สัญญาณจากนายทหารคนสนิทของประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษทำให้คาดว่า วิกฤติการณ์ของประเทศกำลังใกล้จะปิดฉากลงในไม่ช้านี้โดยเฉพาะหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยการสิ้นสภาพนายกฯรักษาการของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขณะที่นักสังเกตุการณ์ทางการเมืองประเมินว่า ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ในที่สุดแล้วนายกฯและรัฐบาลที่เป็นกลางเพื่อเข้าสะสางปัญหาของประเทศมีแนวโน้มที่จะต้องเกิดขึ้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
ทีมข่าวการเมือง
สิ่งที่การเจรจาตกลงกันไม่ไ ด้...ไม่ใช่เรื่องประชาธิปไ ตย!
โดย สิริอัญญา
วันเสาร์ที่ 19 เมษายน 2557
ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือ งของประเทศไทยเกิดขึ้นและดำ เนินมาเป็นเวลา 12 ปีแล้ว ในช่วงเวลาดังกล่าวทำให้ประ เทศไทยจมปลักอยู่ในวิกฤตทาง การเมืองในระดับที่มีความรุ นแรงเป็นเวลาถึง 10 ปี...
เป็นเวลาที่ยาวนานมากและเกิ ดความเสียหายมาก มีผู้คนบาดเจ็บล้มตายกว่า 10,000 คน ทรัพย์สินเสียหายนับแสนล้าน บาท ไม่รวมทรัพย์สินและผลประโยช น์ของชาติที่ถูกโกงไปกว่า 3 ล้านล้านบาท
มวลมหาประชาชนจึงลุกฮือขึ้น ขับไล่นักการเมืองครั้งประว ัติศาสตร์ คือมีประชาชนเข้าร่วมชุมนุม เดินขบวนครั้งใหญ่ที่สุดร่ว ม 6 ล้านคน
และลงฉันทามติในการเลือกตั้ งเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ไม่ยอมรับการเลือกตั้งในระบ อบเส็งเคร็งถึง 56% ที่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง 44% ราว 14 ล้านคน ก็ได้ปฏิบัติการทางการเมือง ที่ลือลั่นสนั่นโลก
คือประชาชนถึง 2.5 ล้านคน ไปเลือกตั้งแต่ไปเขียนในบัต รเลือกตั้งด่าประณามประจานน ักการเมืองอย่างสาดเสียเทเส ีย ในขณะที่อีก 3.3 ล้านคน ไปกาบัตรว่าไม่เลือกพรรคใด หรือนัยหนึ่งก็คือกูไม่เอาก ับพวกห่านี้ทั้งหมด รวมแล้วเป็นจำนวนถึง 5.8 ล้านคน คงเหลือประชาชนที่ไปใช้สิทธ ิ์ลงคะแนนให้พรรคการเมืองทุ กพรรคเพียง 8.8 ล้านคนเท่านั้น
นั่นคือผลประชามติในระบอบปร ะชาธิปไตยที่พรรคการเมืองแล ะนักการเมืองไม่ยอมรับ ยังคงใช้เล่ห์เพทุบายที่จะอ าศัยการเลือกตั้งในระบบเส็ง เคร็งฟอกตัวกลับมาโกงบ้านกิ นเมืองในลักษณะวนเวียนแบบอั ปรีย์ไปจัญไรมาต่อไปอีก
ประชาชนที่ทนตกระกำลำบากมาย าวนานและผ่านบทเรียนการต่อส ู้มาต่อเนื่องถึง 10 ปีแล้วได้รู้เท่าทันกโลบายอ ันร้ายของนักการเมือง จึงยังคงยืนหยัดต่อสู้ต่อไป อย่างเด็ดเดี่ยว
เมื่อเห็นว่าการเลือกตั้งหล อกลวงประชาชนไม่ได้ ก็ได้ใช้ความรุนแรงข่มขู่คุ กคามสารพัด ฆ่าประชาชนไปแล้วในรอบนี้ถึ ง 23 ศพ บาดเจ็บเกือบ 800 คน แล้วยังขู่ต่อไปว่าจะระดมกำ ลังอาวุธหลายหมื่นคนเข้ามาส ังหารผลาญชีวิตประชาชนยิ่งก ว่าเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือ งเมื่อปี 2553
กระทั่งล่าสุดก็ขู่ว่าจะเกิ ดสงครามกลางเมืองแบบประเทศร วันดาในอาฟริกา ซึ่งเป็นสงครามกลางเมืองหฤโ หดในยุคปัจจุบัน แต่หามีใครเกรงกลัวไม่! โดยเฉพาะคำขู่แบบรวันดานั้น ถูกตอกหน้าว่าจะไม่เกิดขึ้น กับประเทศไทย
เพราะกองทัพไทยและประชาชนไท ยจะยืนหยัดปราบปรามอริราชศั ตรูอย่างเฉียบขาด ทหารไทยและประชาชนไทยองอาจก ล้าหาญไม่ขี้ขลาดตาขาวเอาแต ่หลบหนี แม้เพียงแค่คุกตะรางก็ยังหล บหนี หวังแต่จะจ้างคนมาตายแทน ซึ่งเป็นที่เข็ดหลาบของพวกท ี่รับจ้างเดนตายแล้ว ไหนเลยจะมีคนมายอมตายขายชีว ิตให้กับคน ๆ เดียว จึงไม่มีทางเกิดศึกสงครามแบ บรวันดาได้
ขู่แยกประเทศก็แล้ว ขู่จะล้มทุกสถาบันก็แล้ว ขู่จะปิดทุกองค์กรอิสระและศ าลก็แล้ว เอาระเบิดมายิงถล่มใจกลางเม ืองหลวงทุกวันทุกคืนก็แล้ว แต่ประชาชนไทยังคงยืนหยัดต่ อสู้อย่างเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ
คงจนท่าเข้าแล้ว จึงปรับท่าทีเป็นยกเลิกการอ าฆาตจองเวรและเรียกร้องให้ม ีการเจรจากัน
มีการขับเคลื่อนหลายรูปแบบเ พื่อสร้างกระแสการเจรจา กดดันให้มีการเจรจาและล็อบบ ี้ให้มีการเจรจา แต่ก็หามีความคืบหน้าใด ๆ ไม่
เหตุที่การเจรจาไม่สามารถเด ินหน้าไปได้ก็เพราะว่า ไม่สามารถและไม่มีทางตกลงกั นในเรื่องดังต่อไปนี้ได้ คือ
เรื่องแรก การยื้อยึดอำนาจปกครองประเท ศไทยต่อไป หรือว่าหยุดและพอแล้ว ล้างมือแล้ว
เรื่องที่สอง การยกเลิกบรรดาคดีความและคว ามผิดทั้งหมด ทั้งที่ศาลตัดสินแล้วและที่ อยู่ระหว่างพิจารณาและที่ยั งไม่มีการสอบสวน รวมทั้งการไม่เอาความใด ๆ กับการทุจริตและการเพิ่มขึ้ นของทรัพย์สินของนักการเมือ ง
เรื่องที่สาม การคืนทรัพย์สมบัติที่ถูกยึ ดเป็นของรัฐ หรือการไม่ติดใจเอาคืนอีกต่ อไป
เรื่องที่สี่ การคุ้มครองธุรกิจพลังงานแล ะธุรกิจเครือไทยคม ที่จะต้องไม่ถูกยกเลิกเพิกถ อนหรือยึดเป็นของรัฐ
เรื่องที่ห้า การเลิกและหยุดให้การสนับสน ุนขบวนการล้มเจ้าว่าจะเลิกห รือไม่เลิก จะหยุดหรือไม่หยุด
ทั้งห้าเรื่องเหล่านี้ล้วนเ ป็นเรื่องผลประโยชน์เฉพาะตั วเฉพาะตน เฉพาะคนเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องราวผลประโยชน์แ ห่งชาติ หรือเรื่องผลประโยชน์ของประ เทศชาติแต่ประการใด
นั่นเป็นเรื่องจริง เป็นเนื้อแท้แก่นแท้ที่ทำให ้การเจรจาไม่สามารถตกลงกันไ ด้ และไม่มีทางที่จะตกลงกันได้ เพราะไม่มีใครที่จะสามารถตก ลงเช่นนั้นได้
มันไม่ใช่เรื่องปัญหาระบอบป ระชาธิปไตยดังที่กล่าวอ้างม าหลอกลวงประชาชนเลยแม้แต่นิ ดเดียว!
http:// www.paisalvision.com/ content/88-features/ 11424--qq-19-2557.html
โดย สิริอัญญา
วันเสาร์ที่ 19 เมษายน 2557
ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือ
เป็นเวลาที่ยาวนานมากและเกิ
มวลมหาประชาชนจึงลุกฮือขึ้น
และลงฉันทามติในการเลือกตั้
คือประชาชนถึง 2.5 ล้านคน ไปเลือกตั้งแต่ไปเขียนในบัต
นั่นคือผลประชามติในระบอบปร
ประชาชนที่ทนตกระกำลำบากมาย
เมื่อเห็นว่าการเลือกตั้งหล
กระทั่งล่าสุดก็ขู่ว่าจะเกิ
เพราะกองทัพไทยและประชาชนไท
ขู่แยกประเทศก็แล้ว ขู่จะล้มทุกสถาบันก็แล้ว ขู่จะปิดทุกองค์กรอิสระและศ
คงจนท่าเข้าแล้ว จึงปรับท่าทีเป็นยกเลิกการอ
มีการขับเคลื่อนหลายรูปแบบเ
เหตุที่การเจรจาไม่สามารถเด
เรื่องแรก การยื้อยึดอำนาจปกครองประเท
เรื่องที่สอง การยกเลิกบรรดาคดีความและคว
เรื่องที่สาม การคืนทรัพย์สมบัติที่ถูกยึ
เรื่องที่สี่ การคุ้มครองธุรกิจพลังงานแล
เรื่องที่ห้า การเลิกและหยุดให้การสนับสน
ทั้งห้าเรื่องเหล่านี้ล้วนเ
นั่นเป็นเรื่องจริง เป็นเนื้อแท้แก่นแท้ที่ทำให
มันไม่ใช่เรื่องปัญหาระบอบป
http://
เมื่อ ป.ป.ช. จะจัดตั้งตำรวจ ป.ป.ช....บอกสัญญาณอาเพศ
โดย สิริอัญญา
วันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน 2557
กองกำลังของนักการเมืองที่เคยปฏิบัติการในเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองเมื่อปี 2553 ได้ขยายการปฏิบัติการในปี 2556-2557 เพิ่มขึ้น ใช้ระเบิดและอาวุธสงครามยิงถล่มศาล องค์กรอิสระ และแกนนำประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยที่ไม่มีใครแสดงความรับผิดชอบเลยแม้แต่คนเดียว
หน่วยงานและหัวหน้าหน่วยงานที่มีอำนาจและหน้าที่ตามกฎหมายได้แต่บ้าใบ้พูดไม่ออกบอกไม่ถูก ไม่ยอมดำเนินการใด ๆ เพื่อหยุดยั้งเหตุร้ายเหล่านั้น จึงทำให้คนร้ายเหิมเกริมและขยายปฏิบัติการเย้ยฟ้าท้าดินต่อไป
นี่แหละคืออาเพศอย่างหนึ่ง ซึ่งโลกนิติได้บ่งชี้ว่าเป็นอาการที่หมาเป็นหัวหน้าฝูงราชสีห์ ดังนั้นจึงมีแต่เสียงเห่าหอนเลียแข้งเลียขาให้ปรากฏ
ด้วยเหตุนี้อาณาประชาราษฎร์ทั้งปวง รวมทั้งใครก็ตามที่ไม่ใช่ลิ่วล้อบริวารหรืออยู่ในขบวนการของนักการเมืองก็ต้องได้รับผลกระทบและมีความเสี่ยงมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะขณะนี้ประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีการก่อการร้ายที่ต้องระมัดระวังหรือต้องห้ามการเดินทางมาประเทศไทยไปแล้ว
สถานะของประเทศไทยในวันนี้พอ ๆ กับอิรัก เลบานอน และซีเรีย เพราะมีการเอาระเบิดและลากเอาอาวุธสงครามมาถล่มกันทั้งกลางวันและกลางคืน และในทุกพื้นที่โดยที่ไม่มีใครรับผิดชอบ
คนเหล่านี้เปลืองภาษีราษฎร เปลืองข้าวสุก เสียข้าวสาร ถึงจะทรมานด้วยการให้ไปยืนใต้ถุนโรงรถก็มิได้สำนึก เพราะมีแต่ความขี้ขลาดตาขาวในกมลสันดาน มีแต่ความโลภโมโทสันและเอาตัวรอด
เป็นเหตุให้ศาลและองค์กรอิสระต้องพยายามดิ้นรนในการปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายบัญญัติด้วยความเสี่ยงภัย แต่เปี่ยมไปด้วยความกล้าหาญ และยึดมั่นในคำสัตย์ปฏิญาณในการทำหน้าที่อย่างเสมอต้นเสมอปลาย
มีแต่กฎหมายคือนิติศาสตร์หรือศาสตราที่เป็นกฎหมายเป็นอาวุธ มีความสุจริตเป็นเกราะคุ้มกันตัว และมีความสัตย์ซื่อต่อแผ่นดิน เป็นพลังไร้สภาพที่ป้องกันตัวเท่านั้น
ศาลกำลังมีตำรวจศาลและล่าสุดนายวิชา มหาคุณ ได้แถลงต่อสื่อมวลชนว่า ป.ป.ช. เตรียมการที่จะจัดตั้งตำรวจ ป.ป.ช. เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยและป้องกันการคุกคามของอริราชศัตรู ซึ่งก็รู้กันว่าเป็นลิ่วล้อบริวารของนักการเมือง
การที่ศาลและองค์กรอิสระต่าง ๆ กระทั่งรายล่าสุดคือ ป.ป.ช. ที่กำลังเตรียมการจัดตั้งตำรวจ ป.ป.ช. เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยของตนนั้นหมายความว่าอะไร?
หมายความว่า เบื้องต้นที่สุดสำนักงานตำรวจแห่งชาติประสบความล้มเหลวอย่างรุนแรงที่สุดนับแต่ประเทศไทยมีตำรวจมา เฉพาะเสียงครหาที่ปรากฏในขณะนี้ก็คือ
ข้อแรก ตำรวจบางคนได้นำสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปขายให้กับนักการเมือง ยอมเป็นขี้ข้ารับใช้นักการเมือง ทำหรือละเว้นการกระทำตามที่นักการเมืองต้องการ ดังนั้นจึงปรากฏภาพตำรวจไปให้การดูแลคุ้มครองป้องกันผู้กระทำผิดกฎหมาย และปล่อยให้ลอยนวลในคดีความต่าง ๆ
ข้อสอง ตำรวจที่มีอำนาจทรยศต่ออำนาจหน้าที่ของตน ไม่ปกป้องคุ้มครองดูแลหรือพิทักษ์สันติราษฎร์ตามอำนาจหน้าที่ ปล่อยให้ทั้งศาล ทั้งองค์กรอิสระ โดยเฉพาะ ป.ป.ช. ถูกคนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงถล่มซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยที่มิได้ป้องกันแก้ไขใด ๆ ที่มีผล แม้กระทั่งแกนนำประชาชนดังเช่นนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็มีคนร้ายเอาอาวุธระเบิด M79 ไปยิงถล่มบ้านถึง 4 ครั้ง 4 รอบซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้ง ๆ ที่เป็นการเย้ยตำรวจ แต่ก็มิได้มีผู้ใดรู้สึกละอายใจที่ถูกเหยียดหยามเช่นนั้นเลย
แม้กระทั่งกระทรวงสาธารณสุข บุคลากรทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องก็ถูกข่มขู่คุกคามอย่างหนักหน่วง เฉพาะการใช้ระเบิด M79 ไปยิงถล่มก็กว่าร้อยนัดแล้ว และยังคงยิงถล่มต่อไปเรื่อย ๆ เพราะไม่มีใครแสดงความรับผิดชอบและคนร้ายก็ยังลอยนวล
เป็นเหตุให้ประชาชนขาดที่พึ่ง และเป็นเหตุให้มีการก่อตั้งการ์ดอาสาขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยผลที่เกิดขึ้นก็คือทุกคนต้องป้องกันตนเอง ซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปคนไทยจะเสียภาษีอากรกันไปทำไม? เพราะเสียไปก็สูญเปล่า
ข้อสาม พระมหากษัตริย์ถูกล่วงละเมิด ถูกปองร้าย ถูกกล่าวคำอาฆาตใส่ความ โดยขบวนการของนักการเมือง และโดยที่ตำรวจไม่จับกุม ปล่อยให้ผู้กระทำความผิดเยาะเย้ยอำนาจแห่งความยุติธรรมอย่างหน้าตาเฉย จนประชาชนทนไม่ไหว ต้องรวมตัวกันก่อตั้งองค์กรเก็บขยะแผ่นดิน เพื่อทำหน้าที่พิทักษ์พระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญ
สภาพเช่นนี้เป็นสภาพที่ต่างคนต่างหน่วยงานต่างต้องดูแลรักษาคุ้มครองป้องกันตัวเอง เพราะการไม่ทำหน้าที่ของตำรวจและเพราะการที่ตำรวจจำนวนหนึ่งยอมตนเป็นสมุนของผู้กระทำความผิดกฎหมาย กระทั่งยกย่องนักโทษเป็นเจ้านายเหนือหัว
นี่คือสัญญาณอาเพศเหตุร้ายของแผ่นดินที่บ่งบอกว่าอันตรายของบ้านเมืองได้มาถึงจุดสุดท้ายแล้ว นั่นคือมาถึงจุดที่จะสิ้นชาติหรือจะฟื้นฟูชาติ? ซึ่งเป็นเรื่องที่คนไทยทั้งประเทศจะต้องตัดสินใจและเผชิญกับชะตากรรมนั้นด้วยกัน!
http://www.paisalvision.com/content/88-features/11436----q---q-20-2557.html
ความจริง พวกนักวิชาการสมองกลวง
มันก็น่าจะรู้ว่าศาลควรตัดส ินยังไง
เพราะ กฏหมายมันมีการระบุไว้หลายเ รื่อง
มีการทำผิดตามที่กฏหมายห้าม จริง
แต่ที่ต้องทำเป็นไม่เข้าใจก ฏหมาย ...
เห็นแยังกับศาล ปปช. เพราะ เสียประโยชน์
ว่ากันตามกฏหมาย มันแย้งไม่ได้....
ต้องใช้วิธี ดิสเครดิต อาศัยกระแสสังคม
แต่ขอโทษ..มันไม่ใช่ช่วงเวล าขาขึ้นของพวกมรึง
มันก็น่าจะรู้ว่าศาลควรตัดส
เพราะ กฏหมายมันมีการระบุไว้หลายเ
มีการทำผิดตามที่กฏหมายห้าม
แต่ที่ต้องทำเป็นไม่เข้าใจก
เห็นแยังกับศาล ปปช. เพราะ เสียประโยชน์
ว่ากันตามกฏหมาย มันแย้งไม่ได้....
ต้องใช้วิธี ดิสเครดิต อาศัยกระแสสังคม
แต่ขอโทษ..มันไม่ใช่ช่วงเวล