โทนี่ คาทาลุซซี่ จวกสหรัฐสนับสนุนแม้วสร้างป
ระเทศใหม่!
....14 เมษายน 2557 ที่ผ่านมา นาย โทนี่ คาทาลูซซี่ ชาวต่างชาติ ซึ่งเป็นนักวิจัยภูมิศาสตร์
การเมืองและนักเขียนนิตยสาร
ออนไลน์ “New Eastern Outlook” ได้ทำบทวิเคราะห์ สถานการณ์ การเมืองไทย ในชื่อ “ประเทศไทย:ชาวตะวันตกฉีกโล
กเก่าทิ้งเพื่อจะสร้างโลกให
ม่”(Thailand: West Tearing Down Old World to
...Build a “New” One) โดยมีเนื้อหา ดั้งนี้
....ขั้นตอนแรกในการปราบปรามประชาชนคือการระบุแหล่งที่มาของความแข็งแรง , ทำลายมันและในที่สุดก็กำจัดมัน ตำรากลยุทธ์นี้ใช้โดยจักรวรรดิตลอดประวัติศาสตร์ของมนุษย์ ยังคงถูกนำไปใช้ทั่วโลกในรูปแบบของ วอลล์สตรีท และ ลอนดอน ที่มีพยายามหาหนทางที่จะบรรลุผลแห่งการยึดครองโลก ในอดีตที่ผ่านมามันทำได้โดยให้สัญญาที่ว่า จักรวรรดิสง่างามคือ สังคม,เศรษฐกิจและกองทัพอันเกรียงไกร และควบรวมประเทศอื่น ๆ โดยที่ว่า มันจะทำให้ก้าวพ้นความล้าหลังและก้าวเข้าสู่ความเป็นศิวิไลซ์ วันนี้แบรนด์ของ “ศิวิไลซ์” จะรวมถึง “สิทธิมนุษยชน” ของ West และ เปลือกของ “ประชาธิปไตย” (human rights” and “democracy” racket)
ต้นกำเนิดของความแข็งแกร่งของไทย
....มีความเป็นตัวของตัวเองและเป็นชาตินิยมอย่างรุนแรง และเป็นประเทศเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สามารถหลีกเลี่ยงการเป็น อาณานิคมของยุโรป อธิปไตยของไทยได้รับความคุ้มครองนานกว่า 800 ปีโดยพระมหากษัตริย์ที่เคารพเทิดทูน ราชวงศ์ปัจจุบัน ราชวงศ์จักรี ครองราชสมบัติเกือบจะยาวนานเท่ากับการมีอยู่ของชนชาติอเมริกา และพระมหากษัตริย์ในปัจจุบันเปรียบได้ดั่ง “พ่อผู้สร้าง” ที่ยังดำรงอยู่ และเช่นเดียวกันกับที่มีมา 800 ปี ในวันนี้สถาบันกษัตริย์ไทย ยังคงมีคำตอบที่ตื่นตาตื่นใจและเต็มไปด้วยความหมายให้กับภัยคุกคามที่ราช อาณาจักรกำลังเผชิญอยู่ – รวมทั้งความหายนะทางเศรษฐกิจและความยากจน (immense corporate-financier monopolies)
....คำตอบก็คือ ความพอเพียง การเป็นอยู่อย่างพอเพียงของคนในชาติ ในจังหวัด ในชุมชน และ ในครอบครัว แนวคิด “ทฤษฎีใหม่” หรือ “เศรษฐกิจพอเพียง” ของพระมหากษัตริย์ไทยเป็นที่น่ายกย่อง และ สะท้อนถึงความพยายามที่คล้ายกันที่พบได้ทั่วโลก ที่จะขจัดการกดขี่และการแสวงหาผลประโยชน์ ที่เป็นผลพวงมาจากระบบโลกาภิวัฒน์ที่มีกันอยู่ทั่วโลก โดยที่อำนาจการผูกขาดเป็นของกลุ่มสถาบันการเงิน
....โดยสร้างสูตรสำเร็จ ในการปลุก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ให้ทำลายความสามารถในการจัดการการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจของเอเชีย ในช่วงปลายปี 2533 ในขณะที่ “ทฤษฎีใหม่“ เรียกร้องให้ทั้งส่วนรวม และ ปัจเจคบุคคล เติบโตอย่างยั่งยืน โดยการหลีกเลี่ยงการกู้ยืม และลงทุนในสิ่งที่ขยายตัวที่จับต้องได้, สินทรัพย์ทางด้านเทคโนโลยี เพื่อให้เกิดความหลากหลายและการเพิ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภายภาคหน้า
...ชนชาติที่พอเพียง คือชนชาติที่เป็นรุ่งเรืองที่สุด – เป็นชาติหนึ่ง ที่เลือกวิธีการที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับส่วนที่เหลือของโลกในแบบที่ตัวเอง กำหนด มากกว่าที่ชาติหนึ่งที่ก้มตัวลงเป็นหนึ่งข้ารับใช้ที่ต้องพึ่งพาการค้าขายระ หว่างประะทศ, “สถาบัน ระหว่างประเทศ” และ แก๊งค์ ธนาคารระหว่างประเทศ ประเทศที่พอเพียงดังกล่าวเป็นเสมือนคำสาปแช่งไปสู่พวกยึดครองโลกของ วอลล์สตรีท และ ลอนดอน
...เพราะบาปของมนุษย์ที่ต่อต้านโลกาภิวัตน์ ประเทศไทยได้ตกเป็นเป้าหมายมาอย่างยาวนาน ครั้งแรกโดยจักรวรรดิอังกฤษและฝรั่งเศส แล้วต่อมาก็ แองโกลอเมริกัน ในต้องการที่จะบั่นทอนเสถีนรภาพ, ทำลาย และ จัดการใหม่ ในปี 1932 ได้มีการทำรัฐประหาร โดยกองทัพที่มีสหราชอาณาจักรหนุนหลังอยุ่ที่นำโดย ปรีดี พนมยงค์ เพื่อล้มล้างระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ของประเทศไทย และในปี 1946 เขาก็ถูกข้อกล่าวหาที่ว่าลอบสังหารกษัตริย์อันเป็นที่รักของปวงชน กษัตริย์ อนันทมหิดล เมื่อครั้งที่เขากลับมายังประเทศไทย ปรีดีหนีไปด้วยความช่วยเหลือของสหรัฐและอังกฤษ และกลับมาช่วงสั้นๆในปี 1949 เพื่อนำการทำรัฐประหารครั้งที่สองแต่ก็ไม่สำเร็จ แล้วเขาก็จะใช้เวลาที่เหลือของชีวิตของเขาอย่างผู้ถูกเนรเทศ
ในช่วงทศวรรษที่ 70-80 สิ่งที่เรียกว่า “คอมมิวนิสต์” ได้พยายามที่จะล้มล้างอำนาจทางการเมืองของประเทศไทยรวมทั้งสถาบันกษัตริย์ และล่าสุดไม่จานมานี้เอง มหาเศรษฐีที่มีสหรัฐอเมริกาหนุนหลัง เป็นอาชญากร ถูกข้อกล่าวหาในเรื่องการสังหารหมู่ และเป็นนักโทษหนีคดี ทักษิณ ชินวัตร ได้เป็นหัวหน้านำการบ่อนทำลายและล้มล้างสถาบันกษัตริย์ไทยมาเป็นเวลา 10 ปี โดยใช้ สิ่งที่เรียกว่าการเคลื่อนไหวเพื่อ “สนับสนุน ประชาธิปไดย”
“สนับสนุน – ประชาธิปไตย” การเคลื่อนไหวที่นึกไม่ถึง
...ส่วนใหญ่ ของผู้สนับสนุน ทักษิณ ชินวัตร กราบไหว้และเคารพพระมหากษัตริย์ไทย โดยไม่ได้คำนึงอย่างจริงจังถึง สิ่งที่ทักษิณ ชินวัตร และ ผู้สนับสนุนต่างชาติของเขาออกแบบไว้ พวกเขาเชื่อว่าการต่อสู้ของพวกเขาหนึ่งของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เป็นตัวแทนที่ดีกว่า และกลุ่มคนส่วนใหญ่ของส่ิงที่กำล้งดำเนินอยู่–ที่พวกเค้าได้รับฟังมาว่าจัด ขึ้นโดยพวกชนชั้นสูงในกรุงเทพมหานคร ระบอบทักษิณมีความระมัดระวังในการแบ่งช่วงตอน ของ แผนการที่จะจัดรูปแบบใหม่ของการเมืองในประเทศไทย ให้การสนับสนุนเลี้ยงผู้สนับสนุนส่วนใหญ่ ที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์ให้โหมกระพือโฆษณาชวนเชื่อ และในวงในก็เพาะบ่ม พวกที่คิดล้มล้างสถาบันแบบสุดขั้ว ผู้ที่สนับสนุนทางออกแบบ “รูปแบบการปฏิวัติฝรั่งเศส” เพื่อที่จะยึดอำนาจและ เปลี่ยนแปลงประเทศไทย
...อย่างไรก็ดี การเติบโตของการต่อต้านกลไกทางการเมืองของทักษิณ ชินวัตร ที่เริ่มต้นเมื่อเดือนตุลาคม 2556 และยังคงดำเนินอยู่ ได้สร้างความบาดแผลฉกรรจ์ให้กับชินวัตร ในความเจ็บปวดเจียนตายนี้ ทำให้ระบอบนี้เผยโฉมหน้าออกมา ซึ่งบางทีอาจจะไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งได้ออกแบบที่จะประจัญหน้าเพื่อล้มล้างสถาบันกษัตริย์และสถาบันรากฐานของ ไทยโดยตรง — โดยการเช้ามาแทนที่ด้วย ระบอบที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกาของทักษิณ ชินวัตร ที่มีความตั้งใจและจุดมุ่งหมายทั้งหมดที่การเป็นเผต็จการเบ็ดเสร็จ ที่มีสืบทอดทายาทมาจากเผด็จการ เป็นการมีอำนาจสมบูรณ์เหนืองปวงขน มากกว่าที่สมบูรณาญาสิทธิราชของราชวงศ์จักรีที่พวกเค้าต่อต้าน หลายเท่าตัว
...ใน สารคดีที่ไม่มีความถูกต้องเลยของ นิตยสาร VICE ที่มีหัวเรื่อง “Bangkok Rising” (การลุกขึ้นสู้ของกรุงเทพฯ) หัวหน้าฝ่ายใข้กำลังความรุนแรงของผู้สนับสนุนระบอบ วุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ (โกตี๋) ประกาศอย่างเปิดเผยว่าเขา จะต่อสู้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของไทย ซึ่งเขา อ้างว่า เป็น “ผู้บงการ” และอยู่เบื้องหลัง “ทุกอย่าง” แม้ว่าพระมหากษัตริย์ จะทรงใช้เวลาส่วนใหญ่ บนรถเข็นและที่โรงพยาบาล โกตี๋ยังคงประกาศความตั้งใจของเขา ที่จะเริ่มต้น “สงครามทุกฝ่าย” ในประเทศไทยแม้จะมีอคติพจน์ของโกตี๋ ความคิดของสงครามกลางเมืองในประเทศไทยก็คงยังเป็นเรื่องเพ้อฝัน ระดับความนิยมของ ชินวัตร มีเพียงแค่ 7%ที่ระบุว่าตัวเองเป็น “แดง” หมายถึง ผู้สนับสนุนทักษิณ ชินวัตร อย่างบ้าคลั่ง ที่เรียกเก็บเงินในการเป็น”เสื้อแดง” นั่นเมื่อตอนปี 2010
....นับแต่นั้นมา ระบอบการปกครองของเขาที่ขณะนี้นำโดยน้องสาวของเค้าเอง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ทำความหายนะอย่างน่าเศร้าเสียใจต่อ ข้าว ไทย ด้วยโครงการเงินอุดหนุนข้าวทีมีเจตนาอันเลวร้ายเพื่อซื้อเสียง และนับแต่โครงการล้มเหลว ชาวนาหลายๆพันคนไม่ได้เงิน, ยากจน และ สิ้นหวัง ฐานซึ่งครั้งหนึ่งเป็นผู้สนับสนุนทางการเมืองของชินวัตร ได้ถูกผลักดันให้เป็นแปรเปลี่ยนเป็นฝ่ายตรงช้าม มีการปิดถนนหลายจุดในพื้นที่ที่เป็นจุดแข็งของทักษิณ ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในขณะที่กลุ่มอื่นๆ ก็เดินทาเข้ากรุงเทพฯและเข้าร่วมการประท้วงที่เติบโตมากขึ้นที่นั่น
...แม้จะมีความฝันเฟื่อง ของการก่อจลาจลรุนแรง ที่มุ่งล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ไทย ของโกตี๋, ส่วนของฐานสนับสนุนของทักษิณ ชินวัตร ส่วนใหญ่จะไม่สนใจในภาพนั้น หลายคนยังคงประดับประดาบ้านของพวกเขา ยานพาหนะ และ ร่างกาย ด้วยภาพของการแสดงความเคารพต่อองค์กษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ของเขา ไม่ได้ตระหนักอย่างแท้จริง ของการออกแบบ รื้อทิ้งโลกเก่าของไทย ที่ชินวัตรและผู้สนับสนุนเงินทุนต่างประเทศของเขาได้ออกแบบไว้ และสร้างอำนาจการบงการของรัฐแบบใหม่ โดยมีความพยายามเมื่อไม่นานมานี้ที่จะแบ่งแยก “สาธารณะรัฐทักษิณ” ที่ภาคเหนือของประเทศไทยเพื่อบงการ รื้อทิ้งของโลกเก่าของประเทศไทย ที่ภาคเหนือของประเทศไทย แต่โดนทำให้เป็นฝันสลายโดยผู้ที่น่าจะเป็นผู้สนับสนุนเสียด้วยซ้ำ การล้มล้างสถาบันอาจจะแปรเปลี่ยนฝันสลายนั้นให้กลายเป็นการก่อให้การแข็งขืน ไปทั่วในหมู่ของผู้ที่เคยนิยมชมชอบที่นับวันก็จะลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆอยู่ แล้วก็เป็นได้
ของเก่าจงไป ของใหม่จงมา?
...ในขณะที่หลายคนอาจยินดีต่อการล้มเลิกระบอบรัฐธรรมนูญของประเทศไทยที่มีพระ มหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ว่าเป็นสัญลักษณ์ของ “ความก้าวหน้า” แม้แต่ผู้ที่อยู่ใน ประเทศที่มกษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญของตัวเอง นี่ขึ้นอยู่กับการรับรู้ของชาวตะวันตกเกี่ยวกับว่าสถาบันกษัตริย์คืออะไร – ไม่มีความรู้ว่า สถาบันของไทย มีทั้งในแง่ ที่แตกต่างกันกับสถาบันกษัตริย์ในโลกตะวันตก และเป็นศูนย์รวมชาวไทยที่ก่อให้เกิดความรุ่งเรืองอันยาวนาน ขอเพิ่มเติมว่า การมองหาสิ่งที่จะมาแทนที่นั้นอยู่บนพื้นฐานของการรับรู้ที่โง่เขลา
...ทักษิณ ชินวัตร มีอำนาจในช่วงพศ. 2544-2549 นับแต่นั้นมาก็ยึดครองการเมืองไทยไว้ในอุ้งมืออย่างเหนียวแน่นผ่านชุดร่าง ทรงที่ได้รับมอบฉันทะต่อกันมา พี่เขย สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้รับอำนาจในปี 2551 พี่สาวน้องสาวของเขาดำรงตำแหน่งต่างๆภายในพรรคทางการเมืองของเขา และปัจจุบันนี้น้องสาวคนสุดท้องของเขา ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทำหน้าที่เป็น “นายกฯ” ในฐานะตัวแทนของเขา ในขณะที่เขาเลี่ยงโทษจำคุก 2 ปี, หมายจับหลายหมาย และ บัญชีรายการคดีที่รอขึ้นศาลอีกที่ยาวเหยียด
...หรือจะพูดได้อีกอย่างว่า สิ่งที่พยายามที่จะเข้ามาแทนที่ระบอบรัฐธรรมนูญอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น ประมุขของไทย คือ ระบอบที่มีเผ่าพันธู์ชัดเจน ชี้ตรงไปที่การให้อำนาจทางการเมืองผูกขาดกับตระกูลเพียงตระกูลเดียว ในขณะที่ผู้สนับสนุนที่บ้าคลั่งอย่าง โกตี๋ กล่าวอ้างอย่างไร้หลักฐานว่า กษัตริย์ไทย เป็น “ผู้บงการ” ตระกูลชินวัตรกำหนดอำนาจเผด็จการที่จะปกครองเหนืออาณาจักรไทยอย่างชัดเจน หาช่องทางที่จะเขียนกฎบัญญัติแห่งชาติใหม่ เอื้อให้ตัวเองมีอำนาจเพิ่มขึ้น และลดทอนการตรวจสอบใดๆและทั้งหมด และ การถ่วงดุลอำนาจ ที่จะเป็นอุปสรรคต่อการเพิ่มอำนาจทางการเมืองของพวกเขา
....ด้วยการ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร จับลูกชายขี้งอนของเขา พานทองแท้ “โอ๊ค” ชินวัตร แต่งเนื่อแต่งตัวเพื่อที่จะก้าว เข้าสู่เวทีการเมืองสักวัน ประเทศไทยจะต้องเผชิญกับการล้มล้าง ระบอบรัฐธรรมนูญที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอันเป็นพื้นฐานของความ รุ่งเรืองของพวกเขา และ ถูกแทนที่ด้วยระบอบทายาทเผด็จการที่มีต่างชาติหนุนหลังอยู่ ถ้าจะวัดว่ามีจำนวนต่างชาติให้การสนับสนุนทักษิณ ชินวัตร มาแค่ไหน ส่ิงเดียวที่ต้องทำคือลองดูบัญชีรายชื่อที่ยาวเหยียดของลอบบี้ยิสต์ที่ วอชิงตัน ที่ยืนเข้าแถวตามอยู๋ข้างหลังทักษิณ (the long list of Washington lobbyists that have lined up ) รวมถึงยังมีการโยงไยมากมาย ไปยัง Carlyle Group (of which Shinawatra was an adviser to ) ที่ซึ่ง ซินวัตรเป็นที่ปรึกษาให้ก่อนที่จะเข้าสู่ที่ทำงานในปี 2544
...อีกครั้งที่ “หลักการ” ของตะวันตก ระเหยได้อย่างรวดเร็ว เผยให้เห็น การแสวงมาให้ได้ซึ่งอำนาจโดยไม่คำนึงถึงวิธีการ – รวมทั้งที่ จะแทนที่ราชวงศ์ที่เป็นที่เคารพเทิดทูน และเป็นเอกเทศที่ไม่เกียวข้องกับใครอื่นใด ด้วยการสนับสนุนระบอบทายาทที่เป็นสมุนน้อมรับใช้ความทะเยอทะยานของพวกตะวัน ตก ให้ประจานใส่ร้าย
...สำหรับคนไทย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน ที่ถูกแบ่งแยกทางการเมือง พวกเค้าจะต้องเข้าใจความทะเยอทะยาน ที่แท้จริงของ ทักษิณ ชินวัตร และ การออกแบบที่ชาวต่างชาติเข้ามามีส่วนร่วม พวกเขาจะต้องถามตัวเองว่าระบอบการปกครองที่สืบทอดทายาทที่ให้ผลประโยชน์กับ ต่างชาตินั้น แท้จริงแล้วเกี่ยวกับ “ประชาธิปไตย” หรือ “ความก้าวหน้า” หรือ? และถ้าหากการยกเลิกสถาบันที่เป็นรากฐานอันยาวนานเพื่อแลกกับกลุ่มพวกพ้องที่ แฝงด้วยเล่ห์เหลี่ยมที่ร้ายกาจนั้นเป็นประโยชน์ที่ดีที่สุดของพวกเค้า? มันก็คงไม่เสียหายอะไรที่จะสันนิษฐานว่า ผู้ที่เป็น “เสื้อแดง” ของทักษิณ ชินวัตร ยังมีอยู่เป็นจำนวนมาก ผู้ที่ยังคงเป็นอยู่เหล่านั้นได้ยินคำพูดของ โกตี๋ และพวกเค้าจะถอนตัวออกมา เฉกเช่นเดียวกับคนไทยจำนวนหลายล้านคนที่เห็นแจ้งและเข้าใจ เรื่องการสมคบคิดทำร้ายชาติของพวกเค้า (the conspiracy against their nation)
Tony Cartalucci, นักวิจัยภูมิศาสตร์การเมืองและนักเขียน โดยเฉพาะสำหรับนิตยสารออนไลน์ “New Eastern Outlook” See More
ทุจริตจำนำข้าวเป็นเป็นคอร์รัปชันระดับโลก
“มันไม่ใช่คอร์รัปชันแบบไทยๆ แต่เป็นคอร์รัปชันระดับโลก คุณสามารถเจรจาขายข้าวกับต่างชาติได้ แต่ถามว่าคุณได้ขายข้าวจริงหรือเปล่า ขายเมื่อไร ขายอย่างไร เพราะข้าวที่อยู่ในมือคุณมันต้องส่งออก จะขายเฉพาะในประเทศไม่ได้ เพราะข้าวมันอยู่ในมือคุณทั้งหมด คุณเข้าใจมั้ย แล้วบริษัทที่ส่งออกข้าวได้เอาข้าวล็อตไหนไปขาย ข้าวล่องหนอย่างไรก็ไม่มีทางรู้ ที่เขาบอกว่าขายข้าวให้ป...ระเทศโน้นประเทศนี้ได้แล้ว ถามว่าคุณได้ขายจริงหรือเปล่า”
“ผมพูดมาเสมอว่าคดีข้าวเป็นคดีหัวใจสำคัญ เป็นคดีที่ชี้ความคงอยู่ของการบริหารราชการแผ่นดิน ถ้าหากแก้ไขไม่ได้ประเทศไทยไม่เหลือแน่ พูดกันตรงๆ ตั้งแต่อดีตข้าวเป็นสิ่งหล่อเลี้ยงคนไทยมาตลอด การทุจริตข้าว ซึ่งผมไม่ได้พูดถึงว่าใครทุจริตนะ แต่การทุจริตเรื่องข้าวเป็นเรื่องใหญ่หลวงมาก คนที่รู้ว่าเราสอบและกำลังจะถึงตัวเขากำลังเดือดร้อนมาก ตั้งแต่ต้นเรารู้ว่าเมื่อเราจับเรื่องข้าวรับรองว่าจะเหมือนผึ้งแตกรัง”
นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช.
อ่านฉบับเต็ม โพสต์ทูเดย์ http://bit.ly/1pk36xO
...ยื้อจนถึงที่สุด !!!
ใครจะคาดคิดว่าระบอบทักษิณ หรือ ทักษิณ ชินวัตร จะกล้าพลิกลิ้นกลับลำเป็นผู้เสนอใช้มาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญ โดยรัฐบาลเป็นผู้ทูลเกล้าฯนายกรัฐมนตรี หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการโยกย้าย ถวิล เปลี่ยนศรี พ้นจากตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) นั้นมีความมิชอบและส่งผลให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สิ้นสภาพไปพร้อมกับคณะรัฐมนตรี
หากย้อนรอยตัดตอนเอากันเฉพาะเรื่องม...าตรา 7 ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันถือว่าเป็นสิ่งที่ ทักษิณ ชินวัตร ต่อต้านมาโดยตลอด เพราะถือว่าตัวเองไม่ได้ประโยชน์ ไฟเขียวให้บรรดาขี้ข้าออกมาเยาะเย้ยถากถางแนวความคิดแบบนี้มาโดยตลอด รวมไปถึงเหน็บแนมตีกระทบชิ่งไปถึง “สถาบันเบื้องสูง” อยู่ตลอดเวลา
นั่นคือท่าทีของพวกเขาในช่วงที่อยู่ในสถานการณ์ได้เปรียบหรือตัวเองกำลังกุมสภาพทุกอย่างได้อย่างเบ็ดเสร็จ ยังยะโสโอหัง แต่การเปลี่ยนท่าทีล่าสุดถือว่า เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้า กลับหลังหันโดยสิ้นเชิง
การที่รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ชัยเกษม นิติศิริ และ โภคิน พลกุล ที่ถือว่าฝ่ายกฎหมายของระบอบทักษิณ เป็นผู้เสนอหน้าออกมาแสดงท่าทีสนับสนุนการใช้มาตรา 7 แม้ว่ายังเป็นวาระแอบแฝง นั่นคือต้องเป็น “รัฐบาล” เท่านั้นที่เป็นฝ่ายทูลเกล้าฯเสนอชื่อนายกฯพระราชทาน ความหมายก็คือเป็นนายกฯพระราชทานที่ฝ่ายระบอบทักษิณ เสนอทูลเกล้าฯ
ดังนั้นกล่าวโดยสรุปก็คือหากทุกอย่างเป็นไปตามนี้อำนาจของรัฐบาลใหม่ชั่วคราว เพื่อตอบสนองเรื่องการปฏิรูปการเมือง ก็ยังอยู่ในกำมือของพวกเขา ของทักษิณ ชินวัตร อยู่ต่อไปไม่เปลี่ยนแปลง
อย่างไรก็ดีข้อเสนอดังกล่าว หากมองอีกมุมหนึ่งก็ย่อมมองเห็นได้ชัดเจนแล้วว่า นี่คือสภาพการถอยร่นแบบจนตรอกเต็มทีแล้ว เพราะถ้าถึงขั้นยอมรับวิธีการของฝ่ายตรงข้ามที่ตัวเองเคยต่อต้านและเยาะเย้ยมาตลอด กลายเป็นผู้เสนอเสียเอง แม้ว่าจะพยายามสร้างเงื่อนไขต่อรอง แต่ความหมายก็คือสนับสนุนนายกฯ มาตรา 7 นั่นแหละ
ขณะเดียวกันถ้าสังเกตให้ดีเราก็จะเห็นร่องรอยหรือที่มาของการพลิกลิ้นดังกล่าว น่าจะมาจากการรับรู้ถึงชะตากรรมของตัวเองในอีกไม่กี่วันข้างหน้า หลังจากถูกสังคม “ตาสว่าง” รู้ทัน ได้เห็นถึงความห่วยแตกมากขึ้นทุกวัน พฤติกรรมไม่ต่างจากโจรร้าย ได้รับรู้ว่าบรรดาลิ่งล้อรอบตัวล้วนมีเจตนา “ล้มเจ้า” หลายคนได้เปิดเผยหน้าเผยตา เผยธาตุแท้ให้เห็นจนน่าสะอิดสะเอียน
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลหุ่นเชิดที่นำโดย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่เคยยอมรับศาลรัฐธรรมนูญ ตรงกันข้ามยังพยายามดิสเครดิตข่มขู่ทุกทาง อ้างว่าศาลฯไม่มีอำนาจในการพิจารณาความผิดของพวกเขา แต่สถานการณ์ล่าสุดทุกอย่างกำลังเปลี่ยนไป เพราะพวกเขากำลังถูกรุกไล่จนถอยร่นไม่เป็นขบวน และกำลังจะพบจุดจบในอีกไม่นานนี้ จึงพยายามแก้เกม เพื่อต่อรองกันจนถึงนาทีสุดท้าย แต่เท่าที่เห็นก็คือหนทางข้างหน้ามันตีบตันเข้ามาทุกทีแล้ว!!
ผ่าประเด็นร้อน