GREAT KING OF THAILAND, KING BHUMIBHOL

GREAT KING OF THAILAND, KING BHUMIBHOL
LONG LIVE THE KING BHUMIBHOL

วันศุกร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

เหวงคอนเฟิร์ม! “ธรรมกาย” ฐานกำลังทักษิณ-นปช./ดีเอสไอออกหมายเรียก “ธัมมชโย”

เหวงคอนเฟิร์ม! “ธรรมกาย” ฐานกำลังทักษิณ-นปช.

เหวงคอนเฟิร์ม! “ธรรมกาย” ฐานกำลังทักษิณ-นปช.

เหวงคอนเฟิร์ม! “ธรรมกาย” ฐานกำลังทักษิณ-นปช.


        ASTVผู้จัดการ - “หมอเหวง” ยืนยันเอง ระบุ “ธรรมกาย” เป็นคณะสงฆ์ที่เป็นฐานกำลังสำคัญของคนเสื้อแดง-นปช.-ทักษิณ ระบุ คสช.ทำรัฐประหาร 22 พ.ค.มาเพื่อทำลายนโยบายจำนำข้าว ทำลายล้าง ส.ส.-ส.ว. ไทยรักไทย เพื่อไทย พลังประชาชน และโจมตี “วัดธรรมกาย” ด้วยข้อหาปาราชิก อวดอุตริมนุสธรรม 
       
       เมื่อวันที่ 25 ก.พ. ที่ผ่านมา เฟซบุ๊ก @นพ.เหวง โตจิราการ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้โพสต์บันทึกเรื่อง ผลพวงของการรัฐประหาร “22 พฤษภาคม 2557” โดยกล่าวว่า การรัฐประหาร 22 พ.ค. 2557 โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งนำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.นั้นมุ่งเป้าไปที่ 3 จุดหลัก คือ การทำลายนโยบายจำนำข้าว, ทำลายล้าง ส.ส.-ส.ว.ฝ่ายประชาธิปไตย และรุกโจมตีวัดธรรมกายด้วยข้อหาปาราชิก อวดอุตริมนุสธรรม ทั้ง 3 จุดนี้เป็นรากฐานกำลังสำคัญของฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
       
       ทั้งนี้ นพ.เหวงยังระบุอย่างชัดเจนด้วยว่า วัดพระธรรมกายนั้นเป็นกลุ่มสงฆ์ที่เป็นฐานกำลังสำคัญของคนเสื้อแดง นปช. และอดีตนายกฯ ทักษิณ “เป็นการพุ่งปลายหอกเพื่อทำลายล้างกลุ่มพระสงฆ์ที่ถือว่าเป็น ฐานกำลังสำคัญของฝ่ายประชาธิปไตยฝ่ายคนเสื้อแดง ฝ่าย นปช.ฝ่ายอดีตนายกฯ ทักษิณ อย่างชัดแจ้ง”
       
       สำหรับบันทึกดังกล่าวของ นพ.เหวง มีรายละเอียดทั้งหมด ดังนี้
       
       ผลพวงของการรัฐประหาร “22 พฤษภาคม 2557” 

       1. ทำลายนโยบาย “จำนำข้าว” ให้พินาศวอดวาย ตามติดด้วยการเอาโทษอาญา และฟ้องแพ่งจำนวนกว่าหกแสนล้าน รวมทั้งจิกตีโขกสับ อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ อีกนับสิบคดี นี่คือการ “ทำลายล้างตระกูลชินวัตร ทางการเมืองและทางเศรษฐกิจ” อย่างอำมหิต
       
       2. เดินหน้าทำลายล้าง ส.ส.-ส.ว.ฝ่ายประชาธิปไตย โดยอ้างเหตุที่เสนอแก้รัฐธรรมนูญ ให้ ส.ว.ทั้งหมดต้องมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน ทั้งที่เป็นอำนาจสิทธิและหน้าที่ ที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ และสร้างระบอบประชาธิปไตยทีแท้จริง นี่คือการ “ทำลายล้างนักการเมืองซีกประชาธิปไตย หรือซีกไทยรักไทย พลังประชาชน เพื่อไทย” ให้สิ้นซากเช่นกัน
       
       3. รุกโจมตี “วัดธรรมกาย” อย่างดุเดือดเมามัน ด้วยข้อกล่าวหาที่ฉกาจฉกรรจ์ว่า


       “เป็นปาราชิก อวดอุตริมนุสธรรม”  ทั้งที่ผู้กระทำนั่นแหละคือ  “พวกปาราชิก พวกอุตริมนุสธรรม” เหิมเกริมถึงขั้นนำเอาสากกะเบือ ดอกไม้จัน กางเกงในหญิงที่เปื้อนอาจม รองเท้าแตะไปเป็นสังฆทานให้กับพระเถรานุเถระชั้นผู้ใหญ่ เป็นการพุ่งปลายหอกเพื่อทำลายล้างกลุ่มพระสงฆ์ที่ ถือว่าเป็นฐานกำลังสำคัญของฝ่ายประชาธิปไตย ฝ่ายคนเสื้อแดง ฝ่าย นปช. ฝ่ายอดีตนายกฯ ทักษิณ อย่างชัดแจ้ง

       
       นี่คือการ “รุกโจมตีทำลายล้างศัตรูทางการเมืองของพวกอนุรักษนิยม จารีตนิยม ด้วยการรัฐประหารครั้งนี้อย่างชัดเจน เพื่อไม่ทำให้เสียของ”
       
       ผลึกรวบยอดที่กำลังจะคลอดตามมาคือ “รัฐธรรมนูญฉบับ ฟื้นคืนประเทศไทย ไปสู่ รัฐข้าราชการ อนุรักษนิยม ระบอบอภิชนาธิปไตย ที่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ จะเป็นเพียง ผู้คอยก้มหน้าก้มตารับใช้ผู้มีอำนาจทางการเมืองอย่างเซื่องๆ เท่านั้น” 


เหวงคอนเฟิร์ม! “ธรรมกาย” ฐานกำลังทักษิณ-นปช.

ดีเอสไอออกหมายเรียก “ธัมมชโย” แจงรับเช็คเงินโกงเครดิตยูเนียนฯ


ดีเอสไอออกหมายเรียก “ธัมมชโย” พร้อมพระในวัดธรรมกายเข้าให้ปากคำ ฐานมีชื่อรับเช็คจากอดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ผู้ต้องหายักยอกเงินกว่า 16,000 ล้าน กำหนดเข้าให้ปากคำตั้งแต่ 10 มี.ค.นี้ เผยดีเอสไอชุดเดิมเคยสรุป “ธัมมชโย” สารภาพรับเช็ค 13 ฉบับ ซ้ำพบพิรุธเช็คบางฉบับสลักหลังโอนเงินหลักร้อยล้านไปยังบัญชีบุคคลอื่น
       
       วันนี้ (4 มี.ค.) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน กล่าวถึงความคืบหน้าในการดำเนินคดีนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น กับพวก ร่วมกันยักยอกทรัพย์สหกรณ์มูลค่าความเสียหายกว่า 16,000 ล้านบาท ว่าเมื่อเย็นวันที่ 3 มี.ค.ที่ผ่านมา ตนได้ออกหมายเรียกพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และพระในวัดพระธรรมกาย ที่มีรายชื่อปรากฏเป็นผู้รับเช็คจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ย คลองจั่น รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องในการรับเช็คนี้ในช่วงปี 2552-2555 เข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนแล้ว โดยกำหนดเข้าให้ปากคำ เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 มี.ค.นี้เป็นต้นไป ทั้งนี้ดีเอสไอจะมีการแถลงความคืบหน้าการดำเนินการอีกครั้งในวันที่ 6 มี.ค.นี้
       
       ด้าน พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล หัวหน้าพนักงานสอบสวนชุดตรวจสอบความเชื่อมโยงทางการเงินระหว่างสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นกับวัดพระธรรมกาย กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ คณะทำงานชุดเดิมเคยเรียกสอบพระธัมมชโยแล้ว แต่ไม่ได้สอบในส่วนที่พระธัมมชโยมีชื่อรับเช็คด้วยตนเอง พระธัมมชโยจึงไม่ได้มาให้ปากคำด้วยตนเองโดยส่งทนายมาแทน แต่ครั้งนี้พนักงานสอบสวนชุดใหม่ดีเอสไอต้องการสอบในส่วนที่พระธัมมชโยมีชื่อรับเช็คเอง จึงเรียกพระธัมมชโยเข้าให้ปากคำด้วยตนเอง
       
       อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลที่ระบุถึงนายศุภชัยว่ามีการสั่งจ่ายเช็คเพื่อบริจาคให้วัดพระธรรมกายจำนวน15 ฉบับ มูลค่ากว่า 800 ล้านบาท แต่พนักงานสอบสวนดีเอสไอชุดเดิมได้สรุปไว้ว่าพระธัมมชโยยอมรับว่ารับเช็คเพียง 13 ฉบับ ทั้งนี้ จากการตรวจสอบ ยังพบเช็คบางฉบับมีการสลักหลังและโอนเงินหลักร้อยล้านบาทไปยังบัญชีบุคคลอื่นแทน 

oeeeeeeeddddas

ตามไปดู! บริษัทอดีตพระธรรมกาย หลังถูก ปปง.เจาะตู้เซฟ -สั่งอายัดหุ้น 1,110 ล. พบเป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น 2 หลังติด ทางเข้าทาด้วยสีเหลือง ป้ายชื่อลวดลายวิจิตรงดงาม- เผยแจ้งข้อมูลส่วนตัวช่วงจัดตั้งบ.ปี 54 มีอาชีพเป็น"นักธุรกิจ" อยู่จ.นครปฐม อายุแค่ 28 ปี 
จากกรณีสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้มีคำสั่งอายัดหุ้นในบริษัท เอส.ดับบลิว.โฮลดิ้งกรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 11,100,000 หุ้น มีนายสถาพร วัฒนาศิรินุกุล เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ รวมมูลค่า 1,110 ล้านบาท หลังตรวจสอบพบเส้นทางการเงินของ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร หนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาคดียักยอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นกว่า 1.04 หมื่นล้านบาท ถูกถ่ายโอนไปให้ นายสถาพร วัฒนาศิรินุกุล ด้วย  
ขณะที่ในการเปิดตู้เซฟที่ยึดมาจาก บริษัท เอส ดับบลิว โฮลดิ้งกรุ๊ปฯ พบว่ามีทรัพย์สินจำนวนมาก และอยู่ระหว่างการพิสูจน์หาบุคคลที่เกี่ยวข้อง นั้น 
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 26 ก.พ. 58 ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อมูล บริษัท เอส.ดับบลิว. โฮลดิ้งกรุ๊ปฯ ตามที่อยู่ที่แจ้งไว้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า คือ 49/364-365 ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 
เมื่อเดินทางไปถึงพบว่า บริษัทฯ ดังกล่าวตั้งอยู่ในหมู่บ้าน เอ็ม. ที. ซิตี้ คลองหลวง อยู่ห่างจากวัดพระธรรมกายประมาณ 1 กิโลเมตร  มีลักษณะเป็นอาคารพาณิชย์  3 ชั้น 2 หลัง บริเวณทางเข้าทาด้วย "สีเหลือง" มีป้ายชื่อบริษัทจัดทำด้วยตัวอักษรมีลวดลายงดงาม มีโกดังข้างบ้าน ภายนอกมีรถกระบะไม่ทราบยี่ห้อจอดอยู่ 3 คัน บริเวณกระจกหน้าทางเข้า ปรากฎชื่อบริษัทเอกชนในเครือประมาณ 4-5 แห่ง 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้พยายามติดต่อบุคคลภายในบริษัทฯ เพื่อขอสัมภาษณ์นายสถาพร วัฒนาศิริกุล ในกรณีที่ตกเป็นข่าว
แต่พนักงานรายแจ้งว่า "ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ที่บริษัท ไม่ทราบว่าไปไหน มีเพียงตนเองที่เข้ามาดูแลบริษัท"
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า นายสถาพร เคยบวชเป็นพระที่วัดธรรมกายกว่า 20 ปีก่อนจะสึกออกมาเมื่อปี 2554 ใช่หรือไม่
พนักงานรายนี้ ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ บอกเพียงแค่ว่า "ไม่ขอพูดถึงเรื่องดังกล่าว ดิฉันเป็นเพียงพนักงานบริษัท ไม่สามารถให้ข้อมูลอะไรได้ ต้องรอให้เจ้าตัวเข้ามาเป็นผู้ให้คำตอบเอง"
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า ในช่วงการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท เอส.ดับบลิว.โฮลดิ้งกรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อปี 2554 นายสถาพร แจ้งข้อมูลต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ว่า มีอาชีพเป็น "นักธุรกิจ" อายุ 28 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดนครปฐม 
ขณะที่เงินทุนจดทะเบียนจำนวนกว่า 5,550 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากนายสถาพร เป็นหลัก (ช่วงจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทฯ เมื่อวันที่ 18 มี.ค.54 แจ้งทุนไว้ 10 ล้านบาท ต่อมา 22 เม.ย. 54 เพิ่มเป็น 1,111 ล้านบาท จนกระทั่งวันที่ 25 ก.ย.55 เพิ่มเป็น 5,550 ล้านบาท)
oiuywwwwwwddd

ขณะที่ในการสัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 58  พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ยืนยันว่า จากการตรวจสอบข้อมูลทราบว่านายสถาพร เคยมีประวัติการบวชที่วัดธรรมกายเป็นเวลากว่า 20 ปี ก่อนจะสึกออกมาเมื่อปี 2554
ส่วนจะมีความสนิทสนมกับเจ้าอาวาสมากแค่ไหนยังไม่สามารถระบุข้อมูลที่ชัดเจนได้ 
#เชิญชวนติดตามข่าวสารสำนักข่าวอิศรา ได้ด้วยการกด "Like" ที่ แฟนเพจ "I love isranews"
อ่านประกอบ : 

ขุมธุรกิจ "วัฒน์ชานนท์ นวอิสรารักษ์" โผล่รับเช็ค450 ล.ล็อตเดียว“ธมมชโย”

เจาะคำสั่งอายัดทรัพย์ "ศุภชัย-พวก" 4.4พันล. เหลือ "ธรรมกาย" ตามคืนไม่ได้



มาเปิดโปงนายวิษณุ เครืองาม กันดีกว่า ...วิษณุ คนที่ ประยุทธ์ ใช้ให้ไปจัดการเรื่องของ มหาเถรสมาคม และ วิษณุ คนที่ เมื่อ 25 กพ. 58 ออกมาช่วย สำนักงานพุทธศาสนา ตอแหลว่า มส.ไม่ได้ประชุมลงมติยกเว้นปราชิกสมีไชยบูลย์ 
.
ก. วิษณุ เคยรับใช้ รบ.ทรท.ของทักษิณ ด้านกฎหมาย อย่างน่าประทับใจสุดๆ ของทักษิณ จนได้รับความไว้วางใจให้เป็นรองนายกถึงสองสมัย ผลักดันให้แก้ พรบ.สงฆ์ 2505 จนมีคณะผู้ปฏิบัติงานแทน สมเด็จพระสังฆราช ผ่านการออก พระราชกำหนด แล้ว รับรองเป็น พรบ.คณะสงฆ์ แก้ไข 2547
(หลวงตา มหาบัว พระแท้ คัดค้านการแก้ไขเรื่องนี้ ส่วนที่ทักษิณ ดันเรื่องนี้ ก็เพราะหวัง เกี้อกูล สมเด็จเกี่ยว + ธรรมกาย)
.
ข. วิษณุ จัดทำร่าง พรบ.เขต ศก.พิเศษ ที่ให้อำนาจ นายก รมต. ชี้เอาที่ดินของวัด ป่าสงวน ป่าเสื่อมโทรม ให้นายทุนเช่าได้ 50-99 ปี ...โชคดีที่ยังไม่ผ่านสภา รบ.ทักษิณมีอันถูก รปห.เสียก่อน
(หลวงตา มหาบัว พระแท้ คัดค้านกม.เรื่องนี้ เพราะที่วัด จะถูกยักยอกไหให้นายทุนครอบครอง หาประโยชน์ในราคาถูก)
.
ค. วิษณุ ศาสตราจารย์ กฎหมาย รามคำแหง - จุฬา แต่นอกจากเรื่องกฎหมาย ยังรอบรู้งานราชประเพณี ( เช่นเดียวกับ ธงทอง ) ...ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ด้วยความชำนาญทางช่องทางกฎหมาย รับใช้นักการเมือง ...แล้วยัง มีสายสัมพันธ์ สนิทชิดเชื้อกับ เถระ พระผู้ใหญ่ เอื้อเฟืัอกันเรื่องยศถาบรรดาศักดิ์เหรียญตรา เครื่องราชย์ และสมณศักดิ์
.
คนรับใช้ระบอบทักษิณอย่างถึงใจ แบบนี้ จะช่วยกำจัดสงฆ์กิเลสหนาฝักใฝ่เงินตราลาภยศ เถระที่ฝ่าฝืนพระลิชิต ทำผิดกฎหมายอาญา ม.157 ...จะช่วยปฏิรูปวงการสงฆ์ไทยขจัดสมี อลัชชี เดียรถีย์ ได้จริงหรือ
.
ถ้าหลวงตามหาบัว ยังมีชีวิตอยู่ คิดว่า ท่านจะไว้ใจคนแบบนี้ไหม


วันพฤหัสบดีที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

สนช. กว่าครึ่งร้อยตั้ง “ภรรยา-บุตร-เครือญาติ”ช่วยงาน นั่งเก้าอี้ บางราย “ลูก” ยังเรียนอยู่ บางคน “พี่” อยู่ต่างประเทศ

PIC sapa 27 2 58 1

เปิดหมดทุกชื่อ ! สนช. กว่าครึ่งร้อยตั้ง “ภรรยา-บุตร-เครือญาติ”ช่วยงาน นั่งเก้าอี้ “ผู้เชี่ยวชาญ-ผู้ชำนาญการ-ผู้ช่วยดำเนินงาน” รับเงินเดือน 1.5-2.4 หมื่นบาท บางราย “ลูก” ยังเรียนอยู่ บางคน “พี่” อยู่ต่างประเทศ

นอกเหนือไปจาก “พล.ร.อ.ธราธร ขจิตสุวรรณ-พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร” สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่แต่งตั้ง “ภรรยา-บุตร” มาเป็นผู้ช่วยในการทำงานแล้วนั้น
แต่เชื่อหรือไม่ ยังมี สนช. อีกกว่าครึ่งร้อยที่แต่งตั้ง “ลูก-เมีย-เครือญาติ” เข้ามาช่วยทำงานด้วย ! 
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบในคำสั่งตั้งผู้เชี่ยวชาญ-ผู้ปฏิบัติงานของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา นับแต่ตั้ง สนช. มา เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2557 พบว่า มี สนช. หลายสิบราย ที่ตั้ง “เครือญาติ” เข้ามาเป็นผู้ช่วยทำงาน ดังนี้
@คำสั่งสำนักงานเลขาฯวุฒิสภา ฉบับที่ 1657/2557 เรื่อง แต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญประจำตัว สนช. ลงวันที่ 25 ก.ย. 2557 รับเงินเดือน 24,000 บาท มีผลเมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2557
1.พล.อ.ท.จอม รุ่งสว่าง แต่งตั้ง นาวาอากาศโทหญิง กรนันท์ รุ่งสว่าง (ภรรยา) 
2.พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ แต่งตั้ง นางพรจรัส อารีราชการัณย์ (บุตร)
3.พล.อ.อ.ชนัท รัตนอุบล แต่งตั้ง รศ.อาชัญญา รัตนอุบล (ภรรยา)
4.พล.ท.ชาญชัย ภู่ทอง แต่งตั้ง พล.ร.ท.ชัยวัฒน์ ภู่ทอง (พี่ชาย)
5.พล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ แต่งตั้ง พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ (พี่ชาย ระบุว่าอยู่ต่างประเทศ) และให้พ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2557 ก่อนที่จะให้กลับเข้ารับตำแหน่งอีกครั้ง ตามคำสั่งฯที่ 1701/2557 มีผล 1 ต.ค. 2557
6.นายธำรง ทัศนาญชลี แต่งตั้ง นางกมลธรณ์ ทัศนาญชลี ศรีสถิต (บุตร)
7.พล.อ.ธีระวัฒน์ บุณยะประดับ แต่งตั้ง นายสิริพงษ์ บุณยะประดับ (น้องชาย)
8.รศ.ประดิษฐ์ วรรณรัตน์ แต่งตั้ง นายสวัสดิ์ วรรณรัตน์ (น้องชาย)
9.นายประมุท สูตะบุตร แต่งตั้ง นางรัชดา สูตะบุตร ชเตงเงอร์ (บุตร)
10.พล.อ.สกนธ์ สัจจานิตย์ แต่งตั้ง นายนิรุธ สัจจานิตย์ (บุตร)
11.พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม แต่งตั้ง นายจิรภัทร บุญถนอม (บุตร)
12.พล.ท.สุชาติ หนองบัว แต่งตั้ง พ.ต.ท.ปรีดา หนองบัว (พี่ชาย)
13.พล.อ.องอาจ พงษ์ศักดิ์ แต่งตั้ง นายวิศิษฏ์ พงษ์ศักดิ์ (เครือญาติ)
@คำสั่งสำนักงานเลขาฯวุฒิสภา ฉบับที่ 1660/2557 เรื่อง แต่งตั้งผู้ช่วยประจำตัว สนช. ลงวันที่ 29 ก.ย. 2557 รับเงินเดือน 15,000 บาท มีผลเมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2557
1.พล.ต.กลชัย สุวรรณบูรณ์ แต่งตั้ง นายก้องภพ สุวรรณบูรณ์ (บุตร ศึกษาอยู่ ม.รามคำแหง)
2.นายเจตน์ ศิรธรานนท์ แต่งตั้ง น.ส.นันทนัช ศิรธรานนท์ (บุตร)
3.พล.อ.อ. ชนะ อยู่สถาพร แต่งตั้ง นางขวัญตา อยู่สถาพร (ภรรยา)
4.พล.ต.ชัยยุทธ พร้อมสุข แต่งตั้ง น.ส.ธาริดา พร้อมสุข (บุตร)
5.พล.ร.อ.ชุมนุม อาจวงษ์ แต่งตั้ง น.ส.ภิญญาพัชญ์ อาจวงษ์ (บุตร)
6.นายชูเกียรติ รัตนชัยชาญ แต่งตั้ง นายสุกฤษดิ์ รัตนชัยชาญ (บุตร อายุ 22 ปี)
7.พล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ แต่งตั้ง นายสรรพงศ์ สังขพงศ์ (บุตร) และให้พ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2557 ก่อนที่จะให้กลับเข้ารับตำแหน่งอีกครั้ง ตามคำสั่งฯที่ 1703/2557 มีผล 1 ต.ค. 2557
8.นายตวง อันทะไชย แต่งตั้ง นายปิยะณัฐ อันทะไชย (บุตร)
9.พล.อ.ไตรรัตน์ รังคะรัตน แต่งตั้ง นายตรีณรงค์ รังคะรัตน (บุตร)
10.พล.อ.ท.ถาวร มณีพฤกษ์ แต่งตั้ง น.ส.ภัทรศยา มณีพฤกษ์ (บุตร)
11.พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ แต่งตั้ง น.ส.รวิตา จักกาบาตร์ (บุตร)
12.พล.อ.อ.ธงชัย แฉล้มเขตร แต่งตั้ง น.ส.ศศิธร แฉล้มเขตร (บุตร)
13.พล.ร.ท.ธราธร ขจิตสุวรรณ แต่งตั้ง พล.ร.ต.หญิง พวงพลอย ขจิตสุวรรณ (ภรรยา)
14.พล.ท.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ แต่งตั้ง นาวาเอกหญิง พงศ์พรพร ศรีสุวรรณ (เครือญาติ)
15.นายนิพนธ์ นราพิทักษ์กุล แต่งตั้ง น.ส.นิอาอีดา นราพิทักษ์กุล (บุตร)
16.นางนิพัทธา อมรรัตนเมธา แต่งตั้ง นายยสพล อมรรัตนเมธา (บุตร)
17.พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพานิชย์ แต่งตั้ง นายอรรณพ ผลพานิชย์ (เครือญาติ)
18.พล.อ.อ.ไพศาล สีตบุตร แต่งตั้ง นางสุพร สีตบุตร (ภรรยา)
19.พล.อ.ไพโรจน์ พานิชสมัย แต่งตั้ง น.ส.พิมดาว พานิชสมัย (บุตร)
20.พล.อ.เลิศฤทธิ์ เวชสวรรค์ แต่งตั้ง นายกิตติพงศ์ เวชสวรรค์ (น้องชาย)
21.พล.ต.ท.วิบูลย์ บางท่าไม้ แต่งตั้ง นายบวรวิชญ์ บางท่าไม้ (บุตร)
22.นายศรีศักดิ์ ว่องส่งสาร แต่งตั้ง นายระวิ ว่องส่งสาร (บุตร)
23.พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ แต่งตั้ง พ.อ.หญิง อรัณยานี วงษ์สุวรรณ (ภรรยา)
24.พล.ท.ศุภกร สงวนชาติศรไกร แต่งตั้ง น.ส.ณัฐกานต์ สงวนชาติศรไกร (บุตร)
25.นายสมชาย แสวงการ แต่งตั้ง นายเอกชัย แสวงการ (น้องชาย)
26.พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม แต่งตั้ง นายสมเกียรติ บุญถนอม (น้องชาย)
27.พล.ท.สุชาติ หนองบัว แต่งตั้ง นายรังสรรค์ หนองบัว (น้องชาย)
28.พล.อ.โสภณ ศีลพิพัฒน์ แต่งตั้ง น.ส.ปารณีย์ ศีลพิพัฒน์ (บุตร)
29.พล.อ.องอาจ พงษ์ศักดิ์ แต่งตั้ง นายภมร พงษ์ศักดิ์ (เครือญาติ)
30.พล.ท.อำพล ชูประทุม แต่งตั้ง นายกฤษณ์ ชูประทุม (บุตร)
31.พล.อ.อู๊ด เบื้องบน แต่งตั้ง พ.ต.ศิรพัฒน์ เบื้องบน (บุตร)
32.คุณหญิงทรงสุดา ยอดมณี แต่งตั้ง นางนิภาภรณ์ ยอดมณี (เครือญาติ)
@คำสั่งสำนักงานเลขาฯวุฒิสภา ฉบับที่ 1662/2557 เรื่อง แต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญประจำตัว สนช. ลงวันที่ 29 ก.ย. 2557 รับเงินเดือน 24,000 บาท มีผลเมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2557-1 ต.ค. 2557
1.นายนิพนธ์ นราพิทักษ์กุล แต่งตั้ง นางมารีแย นราพิทักษ์กุล (ภรรยา)
2.พล.อ.อ.บุญยฤทธิ์ เกิดสุข แต่งตั้ง นายโชติเดช เกิดสุข (บุตร)
3.คุณหญิงทรงสุดา ยอดมณี แต่งตั้ง นายสุวงศ์ ยอดมณี (บุตร)
@คำสั่งสำนักงานเลขาฯวุฒิสภา ฉบับที่ 1664/2557 เรื่อง แต่งตั้งผู้ช่วยดำเนินงานของ สนช. ลงวันที่ 29 ก.ย. 2557 รับเงินเดือน 15,000 บาท มีผลเมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2557-1 ต.ค. 2557
1.คุณพรทิพย์ จาละ แต่งตั้ง น.ส.สายทิพย์ จาละ (เครือญาติ)
@คำสั่งสำนักงานเลขาฯวุฒิสภา ฉบับที่ 1663/2557 เรื่อง แต่งตั้งผู้ชำนาญการประจำตัว สนช. ลงวันที่ 29 ก.ย. 2557 รับเงินเดือน 20,000 บาท มีผลเมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2557-1 ต.ค. 2557
1.นายนิพนธ์ นราพิทักษ์กุล แต่งตั้ง นายนภัสรพี นราพิทักษ์กุล (บุตร)
2.ศ.สม จาตุศรีพิทักษ์ แต่งตั้ง นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ (บุตร)
@คำสั่งสำนักงานเลขาฯวุฒิสภา ฉบับที่ 1685/2557 เรื่อง แต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญประจำตัว สนช. ลงวันที่ 14 ต.ค. 2557 รับเงินเดือน 24,000 บาท มีผลเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2557
1.พล.อ.วินัย สร้างสุขดี แต่งตั้ง นางเกษรา สร้างสุขดี (ภรรยา)
@คำสั่งสำนักงานเลขาฯวุฒิสภา ฉบับที่ 1686/2557 เรื่อง แต่งตั้งผู้ชำนาญการประจำตัว สนช. ลงวันที่ 29 ก.ย. 2557 รับเงินเดือน 20,000 บาท มีผลเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2557
1.พล.อ.อ.ชาลี จันทร์เรือง แต่งตั้ง นางเดือนเพ็ญ จันทร์เรือง (คู่สมรส)
2.นายแถมสิน รัตนพันธุ์ แต่งตั้ง นายสิน รัตนพันธุ์ (บุตร)
3.นายปรีชา บัววิรัตน์เลิศ แต่งตั้ง น.ส.วัจนารัตน์ บัววิรัตน์เลิศ (เครือญาติ)
4.นายมหรรณพ เดชวิทักษ์ แต่งตั้ง นายณัฐพล เดชวิทักษ์ (บุตร)
@คำสั่งสำนักงานเลขาฯวุฒิสภา ฉบับที่ 1692/2557 เรื่อง แต่งตั้งผู้ช่วยดำเนินงานของ สนช. ลงวันที่ 15 ต.ค. 2557 รับเงินเดือน 15,000 บาท มีผลเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2557
1.พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร แต่งตั้ง ร้อยโทบดินทร์ สิงห์ไพร (บุตร)
@คำสั่งสำนักงานเลขาฯวุฒิสภา ฉบับที่ 1701/2557 เรื่อง แต่งตั้งผู้ชำนาญการประจำตัว สนช. ลงวันที่ 27 ต.ค. 2557 รับเงินเดือน 20,000 บาท มีผลเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2557
1.พล.อ.ยุทธศิลป์ โดยชื่นงาม แต่งตั้ง นายวรพชร โดยชื่นงาม (บุตร)
@คำสั่งสำนักงานเลขาฯวุฒิสภา ฉบับที่ 1714/2557 เรื่อง แต่งตั้งผู้ช่วยดำเนินงานของ สนช. ลงวันที่ 31 ต.ค. 2557 รับเงินเดือน 15,000 บาท มีผลเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2557
1.พล.อ.อุทิศ สุนทร แต่งตั้ง นาวาอากาศโท พลพิบูล สุนทร (น้องชาย)
@คำสั่งสำนักงานเลขาฯวุฒิสภา ฉบับที่ 1777/2557 เรื่อง แต่งตั้งผู้ช่วยดำเนินงานของ สนช. ลงวันที่ 12 พ.ย. 2557 รับเงินเดือน 15,000 บาท มีผลเมื่อวันที่ 1 ต.ค.-1 พ.ย. 2557
1.พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพานิชย์ แต่งตั้ง ร้อยตรีธนพล ผลพานิชย์ (พี่ชาย)
@คำสั่งสำนักงานเลขาฯวุฒิสภา ฉบับที่ 1741/2557 เรื่อง แต่งตั้งผู้ชำนาญการประจำตัว สนช. ลงวันที่ 14 พ.ย. 2557 รับเงินเดือน 20,000 บาท มีผลเมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2557
1.พล.ร.อ.ธราธร ขจิตสุวรรณ แต่งตั้ง พล.ร.ต.หญิง พวงพลอย ขจิตสุวรรณ (ภรรยา)
@คำสั่งสำนักงานเลขาฯวุฒิสภา ฉบับที่ 1742/2557 เรื่อง แต่งตั้งผู้ช่วยดำเนินงานของ สนช. ลงวันที่ 14 พ.ย. 2557 รับเงินเดือน 15,000 บาท มีผลเมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2557
1.รศ.ชูศักดิ์ ลิ่มสกุล แต่งตั้ง นายชญานนท์ ลิ่มสกุล (บุตร)
@คำสั่งสำนักงานเลขาฯวุฒิสภา ฉบับที่ 1754/2557 เรื่อง แต่งตั้งผู้ช่วยดำเนินงานของ สนช. ลงวันที่ 25 พ.ย. 2557 รับเงินเดือน 15,000 บาท มีผลเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2557
1.นายบัญญัติ จันทน์เสนะ แต่งตั้ง นายวิทยา จันทน์เสนะ (เครือญาติ)
@คำสั่งสำนักงานเลขาฯวุฒิสภา ฉบับที่ 1798/2557 เรื่อง แต่งตั้งผู้ชำนาญการประจำตัว สนช. ลงวันที่ 11 ธ.ค. 2557 รับเงินเดือน 20,000 บาท มีผลเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2557
1.พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร แต่งตั้ง ร้อยโทบดินทร์ สิงห์ไพร (บุตร) 
@คำสั่งสำนักงานเลขาฯวุฒิสภา ฉบับที่ 1799/2557 เรื่อง แต่งตั้งผู้ช่วยดำเนินงานของ สนช. ลงวันที่ 11 ธ.ค. 2557 รับเงินเดือน 15,000 บาท มีผลเมื่อวันที่ 15 พ.ย. 2557
1.ผศ.พิเศษ ธำรง ทัศนาญชลี แต่งตั้ง นางรองสุดา ทัศนาญชลี (น้องสาว)
@คำสั่งสำนักงานเลขาฯวุฒิสภา ฉบับที่ 43/2558 เรื่อง แต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญประจำตัว สนช. ลงวันที่ 15 ม.ค. 2558 รับเงินเดือน 24,000 บาท มีผลเมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2558
1.พล.ร.อ.ธราธร ขจิตสุวรรณ แต่งตั้ง พล.ร.ต.หญิง พวงพลอย ขจิตสุวรรณ (ภรรยา)
@คำสั่งสำนักงานเลขาฯวุฒิสภา ฉบับที่ 44/2558 เรื่อง แต่งตั้งผู้ชำนาญการประจำตัว สนช. ลงวันที่ 15 ม.ค. 2558 รับเงินเดือน 20,000 บาท มีผลเมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2558
1.พล.ร.อ.ชุมนุม อาจวงษ์ แต่งตั้ง น.ส.สุลัยพักตร์ อาจวงษ์ (บุตร)
2.พล.อ.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แต่งตั้ง นางวีนัส ธรรมสาโรรัชต์ (ภรรยา)
@คำสั่งสำนักงานเลขาฯวุฒิสภา ฉบับที่ 44/2558 เรื่อง แต่งตั้งผู้ชำนาญการประจำตัว สนช. ลงวันที่ 12 ก.พ. 2558 รับเงินเดือน 20,000 บาท มีผลเมื่อวันที่ 5 ม.ค. 2558
1.พล.ร.อ.ธราธร ขจิตสุวรรณ แต่งตั้ง เรือตรีหญิงอนพัทย์ ขจิตสุวรรณ (บุตร)
ทั้งหมดคือรายชื่อของ สนช. ที่พบว่ามีมากกว่าครึ่งร้อยคน แต่งตั้ง “ภรรยา-บุตร-เครือญาติ” เข้ามาช่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งผู้ช่วยฯ-ผู้เชี่ยวชาญ-ผู้ชำนาญการประจำตัว 
คำถามที่น่าสนใจคือ ในตำแหน่งช่วยงานทั้งหลายนั้น ต่างระบุหน้าที่และความรับผิดชอบชัดเจนว่า ต้องให้คำปรึกษาในด้านกฎหมาย หรือทางวิชาการที่เป็นประโยชน์ รวมถึงต้องศึกษาสภาพปัญหาและข้อร้องเรียนต่าง ๆ เพื่อรวบรวมจัดทำญัตติ กระทู้ถาม ข้อหารือ หรือข้อเสนอแนะอันเป็นประโยชน์ต่อ สนช.
แต่การตั้ง “เมีย-ลูก” มาช่วยงาน ทั้งที่บางคน “ลูก” ยังศึกษาในมหาวิทยาลัยอยู่ด้วยซ้ำ จะให้คำปรึกษาได้ดีแค่ไหน
ดูผลงานในสภานิติบัญญัติแห่งชาติที่ผ่านมาเอาเอง !
 หมายเหตุ : ภาพประกอบการประชุมสภาจาก mthai

ธรรมกาย เตรียมหอบเงินคืนสหกรณ์ฯคลองจั่น











เงิน12,000 ล้านของสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น ที่โดนโกงไปไม่ได้หายไปไหนหรอกครับ อยู่ที่ๆ หนึ่งเกือบทั้งหมด สืบสาวให้ดี เอาเงินคืนผู้เดือดร้อนนับหมื่นรายให้ได้ ใครทำผิดต้องรับโทษ ฐานฉ้อโกงประชาชน ต่างกรรมต่างวาระติดคุกเป็น 10,000 ปีเเน่ ส่วนตัวการใหญ่นั้นต้องสาวลึกๆ ครับ เอาให้อยู่หมัด งานนี้เชียร์เต็มที่ทั้งดีเอสไอทำงานเเข่งกับ ปปง. เลยครับ หลักฐานมัด "ศุภชัย" ขนเงินสด 1.1 พันล้านจ่าย บ. อดีตพระธรรมกาย ก่อนโดนอายัด เขียนวันที่ วันพฤหัสบดีที่ 26 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 20:00 น. เขียนโดย isranews หมวดหมู่ข่าวเด่นสืบสวน | เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา | การทำผิดของเอกชนTags นายศุภชัย ศรีศุภอักษร | บริษัท เอส ดับบลิว โฮลดิ้งกรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมลงทุนธุรกิจปีเศษๆ ก่อนถอนชื่อออก โอนหุ้นให้ "สถาพร" ถือแทน- ชนวนเหตุ ปปง. สั่งอายัดหุ้น
หลายคนอาจจะทราบข้อมูลกันไปแล้วว่าสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) มีคำสั่งอายัดหุ้นบริษัท เอส ดับบลิวโฮลดิ้งกรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัดจำนวน 11,100,000 หุ้น มูลค่า 1,110 ล้านบาท ในชื่อของ นายสถาพร วัฒนาศิรินุกุล (ถูกระบุว่าเป็นอดีตพระวัดพระธรรมกาย) หลังจากตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่ามีความเชื่อมโยง กับ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร หนึ่งในผู้ต้องหาคดียักยอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น
(อ่านประกอบ : บ.อดีตพระธรรมกาย ก่อน ปปง.เจาะตู้เซฟ ทำธุรกิจเกษตร มีเงินให้กู้ 5.1 พันล., เจาะคำสั่งอายัดทรัพย์ "ศุภชัย-พวก" 4.4พันล. เหลือ "ธรรมกาย" ตามคืนไม่ได้ แต่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า หุ้นมูลค่า 1,110 ล้านบาท ที่นายสถาพร ถืออยู่มีที่มาที่ไปอย่างไร?
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกพบว่า ภายหลังจากที่บริษัท เอส.ดับบลิว.โฮลดิ้ง กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2554 ทุนจำนวน 10 ล้านบาท แจ้งประกอบธุรกิจจำหน่ายสินค้าเกษตร (ก่อนจะแจ้งเปลี่ยนเป็นทำธุรกิจซื้อขายให้เช่า อสังหาริมทรัพย์ ในภายหลัง) โดยปรากฎรายชื่อ นาย สถาพร วัฒนาศิรินุกุล เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
บริษัท เอส ดับบลิว โฮลดิ้งกรุ๊ปฯ ได้ทำการเพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 2 ครั้ง คือ วงเงิน 1,111 ล้านบาท เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 54 และเพิ่มเป็น 5,550 ล้านบาท เมื่อวันที่ 25 ก.ย.55 จากการตรวจสอบพบว่า เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 55 บริษัท เอส ดับบลิว โฮลดิ้งกรุ๊ปฯ ได้แจ้งต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อขอเพิ่มทุนจดทะเบียนจากวงเงินเดิม 1,111 ล้านบาท เป็น 5,550 ล้านบาท และแจ้งเพิ่มกรรมการเข้ามาใหม่ อีก 1 ราย คือ "นายศุภชัย ศรีศุภอักษร" โดยการเข้ามาเป็นกรรมการใหม่ และเพิ่มทุนจดทะเบียนดังกล่าว นายศุภชัย ได้ชำระค่าหุ้นเป็นเงินสด จำนวน 1,110 ล้านบาท พร้อมแนบเอกสารสำคัญประกอบ บัตรประจำตัวประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้าน ซึ่งระบุที่อยู่เลขที่ 4/33 ถ.สุขาภิบาล2 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ (สำนักข่าวอิศราลงพื้นที่ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นห้องพักอยู่บนชั้น 2 แฟลต 4 แฟลตคลองจั่น อ่านประกอบ : บ้าน 2 หลัง "ศุภชัย" ก่อนเซ็นจ่ายเช็ค 4 ใบ ให้"ธมมชโย-ธรรมกาย" 316ล้าน
ขณะที่บริษัท เอส ดับบลิว โฮลดิ้งกรุ๊ปฯ ได้แจ้งเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่ เมื่อวันที่ 24 ก.ย.55 โดยนายศุภชัย ปรากฎรายชื่อเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหม่ อันดับสอง จำนวน 11,100,00 หุ้น รวมมูลค่า 1,110 ล้านบาท ต่อมาเมื่อวันที่ 3 ก.ค. 2556 บริษัท เอส ดับบลิว โฮลดิ้งกรุ๊ปฯ ได้แจ้งต่อกรมพัฒนาธุรกิจ เรื่องการลาออกจากการเป็นกรรมการของ นายศุภชัย แต่ไม่ได้แจ้งเหตุผลของการลาออก?
ขณะที่บริษัท เอส ดับบลิว โฮลดิ้งกรุ๊ปฯ ได้มีการปรับโครงการหุ้นใหม่เช่นกัน โดยสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น คัดจากสมุดทะเบียนเมื่อวันที่ 2 ม.ค.56 ไม่ปรากฎรายชื่อนายศุภชัย ส่วนหุ้นจำนวน 11,100,00 หุ้น มูลค่า 1,110 ล้านบาท ได้ถูกโอนไปอยู่ในชื่อของ นายสถาพร แทนและนั้นเป็นเหตุผลสำคัญ ที่ทำให้ สำนักงาน ปปง.ออกคำสั่งอายัด หุ้นบริษัท เอส.ดับบลิว.โฮลดิ้งกรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 11,100,000 หุ้น ในชื่อของนายสถาพร ร่วมถึงการเปิดตู้เซฟของบริษัทฯ เพื่อเชื่อมโยงไปถึงผู้เกี่ยวข้องส่วนอื่นๆ ตามที่ปรากฎเป็นข่าวดังอยู่ในขณะนี้
ธรรมกาย เตรียมหอบเงินคืนสหกรณ์ฯคลองจั่น ยันจ่ายครบ933ล้าน !!!!!
MThaiNews

ประธานกรรมการดำเนินการ สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่่นเผย ธรรมกาย เตรียมหอบเงินคืนสหกรณ์ฯคลองจั่น ยันจ่ายครบ 933 ล้าน

วันที่ 26 ก.พ.58 นายเผด็จ มุ่งธัญญา ประธานกรรมการดำเนินการ สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เปิดเผยกับกรณีที่ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ได้นำเงิน 933 ล้านบาท ที่ได้จากการยักยอก จ่ายเป็นเช็คให้วัดพระธรรมกาย พระธัมมชโย และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทางสหกรณ์ฯ ได้ยื่นฟ้องต่อศาล เพื่อขอให้วัดพระธรรมกายคืนเงินแก่สหกรณ์ฯว่า ในเบื้องต้น ทางสหกรณฯ ได้ทำการฟ้องร้อง 2 คดี คือ คดีแรกขอให้วัดพระธรรมกายคืนเงินที่มีการบริจาค 814 ล้าน

โดยมีการฟ้องร้องจำเลยซึ่งเป็นผู้เกี่ยวข้อง 3 คน คือ นายศุภชัย, พระธรรมชโย และวัดพระธรรมกาย ที่ศาลธัญบุรี โดยมีการไกล่เกลี่ยเบื้องต้น ในวันที่ 19 มกราคม ที่ผ่านมา แต่มีปัญหาเรื่องเอกสารบางประการ จึงขอเลื่อนไปเป็น 16 มีนาคมนี้

อย่างไรก็ตาม เบื้องต้น ตัวแทนจากวัดพระธรรมกาย ได้มีการประสานว่า ทางวัดจะคืนเงินในคดีนี้ให้ทั้งหมด โดยจะนัดวันเวลาและสถานที่อีกครั้ง ทั้งนี้ เชื่อว่าจะมีการคืนเงินที่ศาลธัญบุรีในวันไกล่เกลี่ย

นายเผด็จ กล่าวต่อไปว่า ส่วนอีกคดีหนึ่ง เป็นการฟ้องร้อง พระปลัดวิจารณ์ พระลูกวัดพระธรรมกาย จำนวน 119 ล้านที่ศาลแพ่งกรุงเทพ ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาเช่นกัน คาดว่า ไม่น่ามีปัญหา เพราะได้รับการยืนยันจากตัวแทนวัดพระธรรมกาย ว่า จะคืนเงินในส่วนนี้ให้ทั้งหมด




พระธรรมกิตติวงศ์+พระพรหมดิลก
ประธานร่วมงานตักบาตรล้านรูปของธรรมกาย
ยิ่งลักษณ์ในชุดอุบาสิกาของธรรมกาย
อดีตกรรมการมหาเถรสมาคม ที่ถูกคำสั่งสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช "ปลด" จากตำแหน่ง เป็นองค์แรกในประวัติศาสตร์คณะสงฆ์ไทย เมื่อสิบกว่าปีก่อน เลยหันไปทุ่มเทกายใจให้กับธรรมกาย จนกระทั่งวันนี้ วันที่พรรคเพื่อไทยของทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมีกองกำลังธรรมกายหนุนหลังอยู่เต็มอัตรา ได้โอกาสครองอำนาจทางการเมือง เราจึงได้เห็นสำนักนายกรัฐมนตรีรับหน้าเสื่อจัดงานตักบาตรพระ 1,000,000 รูป ปิดถนนกลางกรุงเทพมหานคร แบบว่าประวัติศาสตร์ต้องจารึก
งานของคณะสงฆ์ไทย แต่ไม่ใช่ของ..มหาเถรสมาคม
ไม่ต้องงงนะฮะ ว่าสำนวนไทยฉบับราชบัณฑิตยสถาน โดยพระธรรมกิตติวงศ์ ในวันนี้ มีความหมายอย่างไร ? ระหว่างคำว่า คณะสงฆ์ กับคณะสงฆ์ไทย นั้น มันคือคำๆ เดียวกันหรือเปล่า และมหาเถรสมาคมนั้นเป็นอะไรในคณะสงฆ์ไทย ก็คงต้องขอรบกวนท่านราชบัณฑิตพระธรรมกิตติวงศ์ ช่วยให้ความหมายด้วย เพราะท่านเป็นอัจฉริยะทางภาษา ออกหนังสือ "คำวัด" จนเป็นที่นิยมอ้างอิงของชาวพุทธทั่วประเทศมาแล้ว
เจ้าคุณเอื้อนโชว์ !
พระพรหมดิลก วัดสามพระยา วันนี้ขึ้นโชว์ตัวบนเวทีธรรมกายที่สะพานควาย ปล่อยให้เวทีใหญ่ประตูน้ำถูกพระธรรมกิตติวงศ์ยึดไป ความหมายก็ไม่มีอะไรมาก มันเป็นเครื่องแสดงออกซึ่งความจงรักภักดีน่ะ เพราะพระธรรมกิตติวงศ์นั้นสนิทกับหลวงพ่อใหญ่-พระเทพมหาญาณมุนี (ธัมมชโย) มาแต่ครั้งอยู่วัดปากน้ำ เมื่อเกิดกรณีธรรมกายในปี 2542 นั้น พระธรรมกิตติวงศ์ก็ทุ่มช่วยธรรมกายสุดตัว จนกระทั่งตัวเองต้องตาย คือถูกปลดจากตำแหน่งกรรมการมหาเถรสมาคม แถมตำแหน่งเจ้าคณะภาค 16 ก็ถูกยึดคืนอีก กระนั้น พระธรรมกิตติวงศ์ก็ยังคงเส้นคงวา หันหน้าเข้าวัดพระธรรมกายอย่างเต็มตัว และเมื่อวันนี้ วันที่ธรรมกายสามารถยึดครองกรุงเทพมหานครได้อย่างเป็นพิธี และเมื่อมีตัวเลือกหลากหลาย ก็อย่าแปลกใจที่ชื่อของ "พระธรรมกิตติวงศ์"จะได้รับการชูขึ้นให้เป็นประธานงานใหญ่ระดับประเทศ ส่วนพระพรหมดิลกนั้นแม้ว่าจะจริงใจ ยอมลดศักดิ์ศรีออกหน้าออกตาแทนท่านธัมมชโยตั้งหลายครั้งหลายครา แต่ก็ยังมาทีหลังพระธรรมกิตติวงศ์ ทางธรรมกายยังต้องการพิสูจน์ "ความจริงใจ" ให้มากกว่านี้ ทั้งๆ ที่พระพรหมดิลกนั้น ปัจจุบันมียศสูงกว่าพระธรรมกิตติวงศ์ แถมยังเป็นเจ้าคณะภาค 14 เป็นกรรมการมหาเถรสมาคม แต่ได้จุดนั่ง "ต่ำกว่า" พระธรรมกิตติวงศ์ ก็เป็นผลของความจงรักภักดีล้วนๆ นะ อย่าน้อยใจไปเลย
สังเกตง่าย ชุดขาวมีแถบสองแถบพาดจากไหล่ทั้งสองข้างลงด้านล่าง นั่นล่ะชุดอุบาสิกาของธรรมกายเขา วันนี้เราได้เห็นยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะน้องสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สวมชุดดังกล่าว นำประชาชนชาวกรุงเทพมหานคร ตักบาตรพระล้านรูปในโครงการของธรรมกาย มีเสียงกระซิบภายในว่า เมื่อตอนเลือกตั้งครั้งใหญ่สมัยที่ผ่านมานั้น "หลวงพ่อใหญ่" วัดไหนไม่รู้ "สั่งเหล่ากัลยาณมิตร" ให้ทุ่มเทช่วยเหลือพรรคเพื่อไทยอย่างสุดความสามารถ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่ตั้งขึ้นจึงมีกองหนุนสีขาวๆ เป็นทั้งนักการศาสนาและนักการเมืองในแบบฟอร์มเดียวกัน และการที่ท่านธัมมชโยได้เลื่อนสมณศักดิ์จากชั้นราชเป็นชั้นเทพก็มิใช่เรื่องใหญ่อะไร ปลายปีนี้ท่านทัตตชีโวอาจจะได้ชั้นราชอีกด้วยฮ่ะ
พระพุทธรูปแบบธรรมกายกลางกรุงเทพมหานคร
ก็เป็นที่น่าแปลกหูแปลกตาคนดู แต่ไม่รู้ว่าจะแปลกหูแปลกตากรรมการมหาเถรสมาคมบ้างหรือไม่ กรณีที่มีคนนำเอาพระพุทธรูปแบบธรรมกายมาเป็นประธานในงานตักบาตรพระหนึ่งล้านรูป ที่อ้างว่าเป็นโครงการของ "คณะสงฆ์ไทย" แต่เมื่อเข้าไปในงานแล้ว "อะไรๆ ก็ธรรมกาย" สรุปง่ายๆ ว่า คณะสงฆ์ไทยก็คือคณะธรรมกายนั่นเอง

โครงการของใคร ? ในยุคประชาธิปไตยล้นใบ ทุกอย่างถูกต้องชอบธรรมหมด ถ้าผ่านการกากบาทบนกระดาษเลือกตั้ง สามารถทำได้ทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะการเลือกตั้งคือความชอบธรรมในระบอบประชาธิปไตย เมื่อได้เสียงข้างมากมาแล้วก็สามารถจะอ้างได้ทุกอย่าง แม้แต่คำว่า "คณะสงฆ์ไทย" ก็ถูกอ้างเอาไปใช้อย่างไม่กระดากอาย แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับว่า มหาเถรสมาคม ซึ่งเป็นองค์กรปกครองคณะสงฆ์ไทย "ในพระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว"นั้น กลับเฉยเมย ไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น คือถ้ายอมรับว่า โครงการของธรรมกายเป็นโครงการของคณะสงฆ์ไทยที่ปกครองโดยมหาเถรสมาคม ก็ควรออกมติส่งเสริมอย่างเป็นทางการ แต่ถ้าไม่ใช่ ก็ควรจะชี้แจ้งให้พุทธศาสนิกชนเข้าใจว่าใครเป็นคนแอบอ้าง แต่การปล่อยให้อ้างจัดงานกันกลางบ้านกลางเมืองอย่างนี้ โดยที่มหาเถรสมาคมก็ไม่ยอมไปร่วม มันหมายความว่าไง


วันพุธที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

หลวงตามหาบัวเคยกล่าวถึงสมเด็จเกี่ยว/ไพบูลย์” หนุนสงฆ์แก้ปัญหากันเอง



ปี 47หลวงตามหาบัวได้เคยกล่าวถึงสมเด็จเกี่ยวมหาเถรสมาคมในการตั้งเเต่งที่ปรึกษา

เผยแพร่เมื่อ 24 ก.พ. 2015
"สมเด็จเกี่ยวตาประเภทไหน ถึงได้เอาคนชั่วช้าลามกที่เป็นภัยต่อชาติต­่อศาสนาเข้ามาเผาศาสนาอยู่ในเวลานี้ กำลังอยู่ในมหาเถรสมาคม ให้พากันรีบแก้ไข ไม่แก้ไขชาติไทยจม ศาสนาจม เพราะสองสามกษัตริย์นี้แหละที่จะทำลาย กษัตริย์หนึ่งสมเด็จเกี่ยว กษัตริย์ที่สองนายอุดมเสื่อม กษัตริย์ที่สามมหาโจรคือมหาเถรสมาคม ถ้ารับไว้เป็นมหาโจรด้วยกันทั้งสามนี้เลย

“ไพบูลย์” หนุนสงฆ์แก้ปัญหากันเอง ย้ำพระลิขิตของจริง ฉะโฆษก พศ.อย่าบิดเบือน

ไพบูลย์” หนุนสงฆ์แก้ปัญหากันเอง ย้ำพระลิขิตของจริง ฉะโฆษก พศ.อย่าบิดเบือน

ประธาน คกก.ปฏิรูปพุทธศาสนา หนุนตาม “วิษณุ” ให้คณะสงฆ์ตัดสินปัญหากันเอง แต่ยันพระลิขิต 42 “ธัมมชโย” ปาราชิกของจริง จับตา มส.จะทำอย่างไร ลั่นรับปกป้องศาสนา ไร้เจตนาอื่น ฉะโฆษก พศ.ทำตัวเป็นสงฆ์ ตีความพระลิขิตบิดเบือน ลั่นเดินหน้าสอบโกงเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน ไปบริจาคธรรมกาย ปลุก มส.ทำบัญชีเรียกความเชื่อมั่นศาสนา
       
       วันนี้ (25 ก.พ.) นายไพบูลย์ นิติตะวัน สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์ กิจการพระพุทธศาสนา สปช. กล่าวถึงกรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฝ่ายกฎหมายระบุว่า ปัญหาศาสนจักรและพระธัมมชโยเป็นปัญหาที่คณะสงฆ์จะไปตัดสินกันเองว่า ตนเห็นด้วยว่าเป็นเรื่องของมหาเถรสมาคม (มส.) ที่ตนออกมากล่าวถึงก็เพราะมีพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราช และมติของ มส.เมื่อปี 2542 ที่รับรองพระลิขิตทั้งหมดว่า เป็นของจริง ขณะนี้จึงยังต้องฟังดูว่า มติของ มส.ในปี 2558 ที่ออกมาและที่ประชุม มส.ชุดปัจจุบันจะดำเนินการอย่างไรต่อมติของ มส.เมื่อปี 2542 และพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชฯ
       
       “พระลิขิตทั้งหมดมี 5 ฉบับแบ่งเป็นฉบับ 1-2 ที่พูดถึงเรื่องดังกล่าว แต่ไม่มีตราพระนามย่อของพระองค์ท่าน ถือได้ว่าเป็นเอกสารส่วนพระองค์ แต่ฉบับที่ 3-5 เป็นพระลิขิตที่เป็นเอกสารอย่างเป็นทางการที่ทรงระบุชัดเจนต่อกรณีปัญหานี้ และผมยืนยันว่าการทำงานของกรรมการที่ผมเป็นประธานฯเป็นการศึกษาวิเคราะห์ เพื่อปฏิรูปและปกป้องพระศาสนา ไม่มีเจตนาอื่นใด” นายไพบูลย์กล่าว
       
       เมื่อถามว่า นายสมชาย สุรชาตรี โฆษกสำนักพระพุทธศาสนา (พศ.) ออกมาระบุว่า พระธัมมชโยคืนทรัพย์ให้วัดแล้วไม่มีความผิด เพราะทรัพย์นั้นเป็นชื่อของพระธัมมชโย ไม่ใช่ชื่อวัด แต่พระลิขิตระบุชัดว่าการได้ทรัพย์ขณะที่เป็นพระก็ต้องคืนให้วัด นายไพบูลย์กล่าวว่า เรื่องนี้คงเป็นหน้าที่ของนายวิษณุ และนายสุวพันธ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักฯ ที่ดูแลสำนักพระพุทธศาสนาจะเป็นผู้ดำเนินการ เพราะพฤติกรรมที่นายสมชายกำลังทำอยู่เหมือนทำตัวเป็นสงฆ์เสียเอง ทั้งที่ควรจะเงียบเสียที และตอบให้ได้ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อมติ มส.ปี 2542 ที่ยังไม่ได้ดำเนินการ หากจะออกมาก็ควรจะมีหลักฐานอ้างอิงไม่ใช่ใช้ดุลพินิจตัวเองตีความพระลิขิต หรือชี้แจงแทนคณะสงฆ์ โดยการแทรกแซงให้ความเห็นที่บิดเบือน และขัดต่อนโยบายของนายวิษณุ
       
       นายไพบูลย์กล่าวต่อว่า ยืนยันว่ากรรมการฯ ชุดตนจะเดินหน้าศึกษาวิเคราะห์กรณีบริจาคเงินทุจริตของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น ที่ฉ้อโกงเงินประชาชน และนำไปบริจาคให้วัดและพระสงฆ์ ทั้งนี้ยังคาดหวังว่ากรรมการใน มส.จะใช้โอกาสนี้เพื่อวางมาตรการปกป้องพระพุทธศาสนา เพราะเห็นช่องโหว่แล้ว อยากเห็นพระผู้ใหญ่ใน มส.จะเป็นผู้นำที่กล้าหาญในการทำบัญชีทรัพย์สินของวัดและของพระเถระประกาศให้สังคมให้รับทราบเพื่อเป็นตัวอย่างกับพระที่อยู่ในปกครอง เพื่อความโปร่งใส และเรียกคืนความเชื่อมั่นศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาว่า พระสงฆ์ผู้ปฏิบัติชอบได้ปฏิบัติตามพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า คือ ผู้เป็นพระไม่สะสมทรัพย์สมบัติใดๆ ก็จะเป็นเรื่องดี

ธงปฏิรูปศาสนาหวังขจัด “ธรรมกาย” ยึดครองศาสนจักร!?

รายงานพิเศษ - วงในเผยที่มาปฏิรูปพุทธศาสนา ยอมรับ “ธรรมกาย” เป็นเหตุ นายกฯ เปรยหลายครั้ง ธุดงค์ธรรมชัยเป็นจุดเริ่มต้น หวั่นไม่เข้าแก้ปัญหาจะกลายเป็นอันตราย ขณะที่กรรมการในชุดนี้เป็นคนที่รู้จักธรรมกายเป็นอย่างดี ส่วน ดร.มโน เลาหวนิช เผยปฏิรูปพุทธศาสนาทั้งระบบ แจงเป้าแรกที่เลือก “ธรรมกาย” เพราะข้อร้องเรียนมากที่สุด เตรียมเข้าเฝ้าผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชขอกรรมการ 3 คนร่วมกันแก้ปัญหา ชี้ “ไม่ทำในช่วงนี้ถือว่าเสียของ” ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามเดินเครื่องเสนอยุบกรรมการชุดนี้

ธงปฏิรูปศาสนาหวังขจัด “ธรรมกาย” ยึดครองศาสนจักร!?

http://manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9580000022629


เจาะขุมทรัพย์อดีตผู้ช่วยโต้ง  รับเช็คชุดเดียวกับ ธัมมชโย

24 ก.พ. 58 ภายหลังจากที่มีการเปิดเผยเอกสารที่สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด สั่งจ่ายเช็คจำนวน 11 ใบ มูลค่ากว่า 1.1 พันล้านบาท ไปยังวัดพระธรรมกาย และเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ล่าสุด สำนักข่าวอิสรา ได้เปิดเผยข้อมูลทางธุรกิจของ นายวัฒน์ชานนท์ นวอิสรารักษ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับเช็ค 2 ใบ วงเงิน 450 ล้านบาทโดยเช็คใบแรกสั่งจ่ายในชื่อ สหกรณ์บริการ รัฐประชา จำกัด วงเงิน 200 ล้านบาท เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 2552 ส่วนเช็คใบที่สองสั่งจ่ายในชื่อ นายวัฒน์ชานนท์ นวอิสรารักษ์ วงเงิน 250 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 ต.ค. 2552
โดยจากการตรวจสอบ พบว่า นายวัฒน์ชานนท์ มีชื่อปรากฎเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นบริษัทเอกชน 8 แห่ง ได้แก่ 1.บริษัท รัฐประชา จำกัด ทุน 10 ล้านบาท 2.บริษัท ไชน่า-ไทย ปิโตรเลียม คอรเปอร์เรชั่น จำกัด ทุน 1,000 ล้านบาท 3.หจก.ต้นตระกูล นวอิสรารักษ์ ทุน 5 ล้านบาท 4.หจก.ไนน์ เรียลเอสเตท ทุน 80 ล้านบาท 5.บริษัท รัฐประชากระดาษคราฟท์ จำกัด ทุน 300 ล้านบาท 6.บริษัท เวิลด์ฟิวเจอร์ เทค จำกัด ทุน 10 ล้านบาท 7.บริษัท สยาม กรีนแกรนิต จำกัด ทุน 4 ล้านบาท 8. หจก.เฮ้าส์ซิ่ง นวกรุ๊ป ทุน 100 ล้านบาท ทุกบริษัทมีนายวัฒน์ชานนท์ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยบริษัทส่วนใหญ่แจ้งใช้ที่อยู่เดียวกันในการจดทะเบียนคือ 54 หมู่ 4 ถนนเทพนิมิตร-ลานตากฟ้า ต.มหาสวัสดิ์ อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ปัจจุบันแจ้งปิดกิจการไปแล้ว 2 แห่งคือ หจก.เฮ้าส์ซิ่ง นวกรุ๊ป ทุนจดเทียน 100 ล้านบาท และ หจก.ไนน์เรียลเอสเตท ทุนจดทะเบียน 80 ล้านบาท
ส่วนผลประกอบการทางธุรกิจไม่ค่อยดีนัก บางธุรกิจขาดทุน และมีกำไรสูงสุดที่ได้รับอยู่เพียงหลักหมื่นบาทเท่านั้น
แต่จากการตรวจสอบพบสิ่งน่าสนใจ ในปี 2552 บริษัท ไชน่า-ไทย ปิโตรเลียม คอรเปอร์เรชั่น จำกัด จดทะเบียน 20 มิ.ย. 2548 แจ้งประกอบธุรกิจ นำเข้า ส่งออกสินค้าทุกชนิด (น้ำมันดิบ) มีนายวัฒน์ชานนท์ และนายพรศักดิ์ ทิพอุต เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ นายพรศักดิ์ ถือหุ่นใหญ่สุด เพิ่งมีการปรับเพิ่มเงินทุนจดทะเบียนจากเดิม 3 ล้านบาท เป็น 1,000 ล้านบาท เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2552 ขณะที่งบดุลปี 52 แจ้งว่า มีเงินสดและเงินฝากสถาบันการเงิน 46,800 บาท มีเงินให้กู้ยืมและเงินลงทุนระยะยาว 999,685,000 บาท
ส่วนบริษัท รัฐประชา จำกัด แจ้งในงบดุลว่า มีเงินให้กู้ยืมระยะยาวแก่บุคคลหรือกิจการที่เกี่ยวข้อง 9,900,000 บาท , หจก. ต้นตระกูล นวอิสรารักษ์ แจ้งว่ามีเงินให้กู้ยืมระยะยาวแก่บุคคลหรือกิจการที่เกี่ยวข้อง 4,950,000 บาท บริษัท เวิลด์ฟิวเจอร์ เทค จำกัด แจ้งว่ามีเงินให้กู้ยืมระยะยาวแก่บุคคลหรือกิจการที่เกี่ยวข้อง 9,900,000 บาท บริษัท สยาม กรีนแกรนิต จำกัด แจ้งว่ามีเงินให้กู้ยืมระยะยาวแก่บุคคลหรือกิจการที่เกี่ยวข้อง 3,960,000 บาท รวมวงเงินปล่อยกู้ของ 5 บริษัท 1,028,395,000 บาท
ทั้งนี้ เคยมีการยืนยันข้อมูลจากแหล่งข่าวในสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น ว่า นายศุภชัย ศรีศุภอักษร ผู้บริหารสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น อ้างว่าเงินที่จ่ายให้กับ นายวัฒน์ชานนท์ นวอิสรารักษ์ และ สหกรณ์เครดิตยูเนียนรัฐประชา เพื่อนำไปร่วมลงทุนในกิจการต่างๆ ซึ่งน่าจะให้ผลตอบแทนที่ดี


       pyeeeeeddddd
บ้าน 2 หลัง "ศุภชัย" ก่อนเซ็นจ่ายเช็ค 4 ใบ ให้ "ธมมชโย-ธรรมกาย" 316ล้าน
ชื่นชมสำนักข่าวอิศราไล่ตามเกาะติด ข่าวทุจริตของอดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ใกล้เข้าไปทุกทีถึงบอสใหญ่ เบื้องหลังศุภชัยผู้มีบ้านเเละเเฟลตเป็นที่พักราคารวมกันไม่น่ากี่ล้านบาท แต่ใจใหญ่ใจถึงยิ่งกว่า มหาเศรษฐีคนใดในประเทศไทย เผลอๆบิลเกตยังอาจเเพ้ใจ กับการบริจาคเงินอันเป็นของคนอื่น(ของผู้ฝากเงินสหกรณ์) ไปทำบุญครั้งละเป็นพันล้านบาท ติดตามค้นหาความจริงจากเเค่จากจุดนี้จุดเดียว รับรองจะพบขบวนการอันน่าพิศวงระดับพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินกันเลยครับ ว่าเเต่ ปปง สตช ดีเอสไอ ต้องวิ่งไล่ตามนักข่าวสืบสวนสอบสวนอิศราให้ได้นะครับ ไม่งั้นเสียชื่อหมด โดยเฉพาะกรมสอบสวนคดีพิเศษ เเละกระทรวงยุติธรรมที่อุตส่าห์มีรองปลัดกระทรวงเอาตำแหน่งเเละเงินเดือนไปประกันตัวผู้ต้องหารายนี้จากศาล

กู้เงินทำบุญ !!! หลายท่านคงงงกันเลยทีเดียว่ามันมีกันด้วยเหรอ  มีสิฮะ
สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนมงคลเศรษฐี ("ประธานสหกรณ์"เดียวกับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ที่ยักยอกเงิน) ได้ออกโครการ สินเชื่อเพื่อการทำบุญหล่อทองคำรูปเหมือน “ พ ร ะ ม ง ค ล เ ท พ มุ นี ”
โดยให้กู้กับสมาชิกสหกรณ์ที่สะสมหุ้นรายเดือน วงเงินกู้ 15,000-150,000 บาท ผ่อนชำระ 15-30 เดือน
ซึ่งการกู้จะไม่ได้เงิน ???!! แต่ได้คูปอง ???!!! ที่เอาไปทำบุญหล่อพระกับวัดธรรมกายได้อย่างเดียว โดยเสียดอกเบี้ย 12% ต่อปี จะบอกว่า เป็นลูกศิษย์ทำกันเอง ธรรมกายไม่เกี่ยวไม่ได้หรอก เพราะ เมื่อกู้แล้วคนกู้ไม่ได้เงินแต่ได้คูปอง แล้วต้องเอาคูปองไปให้ที่วัด คือปกติเอาคูปองอะไรไม่รู้ไปให้วัดนี่วัดจะรับมั้ย ถ้าวัดไม่ได้มีส่วนร่วมด้วย

http:www.isranews.org/investigative/invest-slide/item/36753-inves01_36753.html#.VOx9zEI9lAg.facebook

วันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

มือที่มองไม่เห็น 21 02 58 เบรค 1/ศิษย์เอกออกซ์ฟอร์ด เปิด "ม่านดำธรรมกาย"



มือที่มองไม่เห็น 21 02 58 เบรค 1



ศิษย์เอกออกซ์ฟอร์ด เปิด "ม่านดำธรรมกาย"
(จาก : สาวกโลกอุดร ธมฺมปาโล (LD2541)
ใน บรรดาศิษย์เอกของวัดพระธรรมกาย ซึ่งดร.อภิญญา เฟื่องฟูสกุล อาจารย์ประจำ คณะสังคมวิทยามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้อ้างถึงในงานวิจัยเรื่องวัดพระธรรมกาย
ที่ได้รับการสนับสนุนการวิจัยศูนย์พุทธศาสนศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยนั้นพระรูปที่สำคัญคือ ท่านเมตตา นันโทภิกขุ ซึ่งได้รับปริญญาเกียรติ นิยมด้านภาษาสันสกฤตจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และกำลังศึกษาปริญญาเอก อยู่ในมหาวิทยาลัยฮัมบรู๊ก เพราะถือว่าเป็นผู้นำรุ่นใหม่ที่เข้ามาปรับปรุงวัดให้มีประสิทธิ ภาพ
แต่วันนี้พระมโน เมตตานันโท หรือ อดีตนายแพทย์มโน เลาหวณิช หันหลังให้กับวัดพระธรรมกายแล้ว และเข้ามาเป็นที่ปรึกษาฝ่ายกิจการพระพุทธศาสนาในเลขาธิการใหญ่องค์การสัมมนา ศาสนา
พระมโน กล่าวกับ "เดลินิวส์" ว่าเมื่อ 25 ปี ก่อนวัดพระธรรมกายเป็นวัดที่มีความอบอุ่น มีคุณยายจันทร์ ขนนกยูง เป็นหลัก แต่ต่อมาค่อยยกฐานะของพระให้สูงขึ้นเช่นเจ้าอาวาสจากหลวงพี่ไชยบูลย์ ธัมมชโย ก็ต้องเรียกว่าหลวงพ่อ
"คุณยายจันทร์มักจะเตือนสติหลวงพ่อธัมมชโยอยู่เสมอว่า ให้มักน้อย-สันโดษ อย่าไปขยายอะไรให้มันมาก นี่เป็นคำสอนประจำ พร้อมบอกว่าวัดนี้ต้องมีพระประจำอยู่มากที่สุดไม่เกิน 20 รูปเท่านั้น ไม่ทำอะไรอย่างอื่นนั่งสมาธิกัน คือปิดวัด เมื่อก่อนมีแต่ศาลาเล็กเป็นทั้งโบสถ์และศาลา จะใช้เพียงที่เดียว
และตกลงกันว่าจะปฏิบัติ ธรรมกันโดยจะไม่มีการรบกวนญาติโยม มีการปลูกสวนผักไว้รับประ ทาน ยุคนั้นเป็นยุคแรกและเป็นยุคเดียวที่สงบและอบอุ่นประมาณปี 2518-2524 มีพระอยู่เพียง 8-10 รูป ขณะนั้นอาตมาเรียนแพทย์อยู่ ถวายกายถวายใจทุ่มเทให้วัด โดยไม่มีความสงสัยอะไรในตัววัดเลย เพราะช่วงนั้นเรื่องระบบการเงินก็โปร่งใส แต่ขณะนี้การจ่ายเงินอยู่ที่เจ้าอาวาสองค์เดียว"
พระมโนบอกอีกว่าเมื่อวัดเริ่มขยายใหญ่ขึ้นมาจนเกิดการเปลี่ยนแปลง มาก โดยเฉพาะ เมื่อโทรศัพท์เข้ามา ความสะดวก ต่าง ๆ ก็เพิ่มขึ้น ทุกอย่างชักจะยุ่ง พระเริ่มมีการสั่งงานกันทางโทรศัพท์ ความใกล้ชิดกับพระสงฆ์ในวัดก็ลดน้อยลง และก็มีญาติโยมภายนอกโดยเฉพาะนักธุรกิจเข้ามามี บทบาทมากขึ้น ๆ เรื่อย ๆ
นอกจากนั้น จุดเปลี่ยนสำคัญของ วัดพระธรรมกายคือ การเข้าไปทำธุรกิจ โดยเมื่อปี 2525 ได้ตั้ง บริษัท ดูแวค ซึ่งรวบ รวมเอาญาติโยมที่เป็นแหล่งเงินทุนหลายคนร่วมด้วย และก็เริ่มมีการซื้อที่ดินขยายวัดไป 1,000 ไร่ โดยอ้างว่ามีเสียงดังรบกวนจากวัดใกล้เคียงทำให้ไม่มีสมาธิ
"อาตมานึกว่าจะดีแต่ก็ไม่เป็นดังที่คาด เพราะมีการกว้านซื้อที่ดินจนเกิดข้อพิพาทกันเป็น 2,600 ไร่ และมีการซื้อที่อีกมากมายที่ต่างจังหวัด อย่างเช่น ที่เชียงใหม่ 4,000 ไร่, ศรีสะเกษประมาณ 8,000 ไร่และที่ตามอุทยานแห่งชาติอีก"
ขณะเดียวกันเจ้าอาวาสก็เปลี่ยนไปมาก จนน่าตกใจ พร้อม ๆ กับการเสื่อมอายุสังขารของคุณยายจันทร์ สุดท้ายคุณยายจันทร์กลายเป็นสัญลักษณ์ของวัดไป
"อาตมาโชคดีกว่าใครเพื่อน สอบเข้าได้ไปเรียนที่ออกซ์ฟอร์ด ทางวัดก็เห็นช่องทางในการสร้างชื่อเสียง ก็เลยส่งเสริมเป็นอย่างดี
อาตมาจะเขียนจดหมายจากประเทศอังกฤษเพื่อเจริญศรัทธา อาตมาได้สร้างโครงการพระไตรปิฏกคอมพิวเตอร์คนแรก เพราะชอบเรียน เมื่อตอนอยู่จุฬาฯ ปี 2 เราก็รู้หลักว่าเครื่องนี้มันใช้ได้ จนในที่สุดหลวงพ่อก็ลงนามเซ็นโครงการ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2527 อาตมาก็เริ่มลงมือทำ บริษัทที่มาช่วยคือ เดต้าแมท ก็ออกมาเป็นรูปเป็นร่าง"
พระมโนเล่าให้ฟังอีกว่าในปี 2530 เมื่อเรียนจบก็เดินทางกลับเมืองไทย เรื่องวัดพระธรรมกายกำลังดัง การกลับมาครั้งนี้ทำให้รู้สึกสลดใจมาก เพราะได้เห็นอะไรหลายอย่าง ในเรื่องธุรกิจที่เกี่ยวพันกับวัดพระธรรมกาย ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว "ต่อมาก็มีธุรกิจค้าที่ดิน โครงการตะวันธรรมและโครงการอะไรต่อมิอะไรอีกมาก
โดยเฉพาะเกี่ยวกับโครงการสวนป่า คือ ให้มีการเวนคืนที่บริเวณล้อมรอบวัด โดยให้วัดเป็นไข่แดง จากนั้นก็ปลูกป่าโดยรอบ ด้วยการใช้เงินของราชการ แต่เรื่องก็ตกไปเพราะกรรมการเขาสงสัยว่ามันมีเลศนัย ว่าทำไมต้องทำกันใหญ่ขนาดนี้"
นอกจากนั้น ในสมัยที่ นายชวน หลีกภัย ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรได้มีการผลักดันโครงการอบรมเยาวชน ที่เขาใหญ่ ที่มีกำหนดสร้างอาคารให้เสร็จภายใน 72 ชั่วโมง และมีลูกศิษย์ของวัด ซึ่งเป็นข้าราชการในกรมป่าไม้ ผลัก ดันและสนองนโยบาย โดยได้มีการโทรศัพท์มาที่วัดพระธรรมกาย ให้เกณฑ์คนมาทำเสร็จตามกำหนด ครั้งนั้นมี พระชิดชัย ชิโต ซึ่งจบวิศวบัณฑิต จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นผู้ดูแลควบคุมการก่อสร้าง
พระมโนรำลึกถึงความหลังอีกว่าใน ปี 2525-2526 มีเรื่องเกิดขึ้นเกี่ยวกับพระชิดชัย ซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่จุฬาฯ ของพระมโน โดยพระชิดชัยทำงานหนักอาบเหงื่อต่างน้ำทุ่มเทเพื่อวัดทุกอย่างโดยไม่มีเงื่อนไข ไม่หลับไม่นอน แต่พระชิโตเริ่มมีอาการทางจิต พระมโนปรึกษากับพระหลายรูปว่า ต้องส่งท่านไปโรงพยาบาล
อย่างไรก็ตาม ก็มีการต่อต้านว่าการส่งพระชิโตไปโรงพยาบาลเป็นการทำลายวัด เพราะวัดที่ฝึกจิตกลับมีพระที่มีอาการทางจิต "สุดท้ายอาตมาและพวกได้นำท่านไปโรงพยาบาล พอหายแล้วก็กลับมา แต่ไม่ได้รับความสนใจเหมือนไม่มีท่านอยู่ในวัด ไม่ทักไม่พูด โดนบีบสารพัดอย่าง ทำให้ท่านคิดมากกินยาคืนวันจันทร์ พบศพวันอังคารเช้าที่กุฏิ ทางวัดได้ปิดเรื่องนี้เงียบ ตอนนั้นก็ได้เรียนท่านนายอำเภอ
หลวงพ่อทัตตชีโวเป็นคนจัดการ เจ้าอาวาสไม่อยู่ร่วมไปขึ้นดอย ก็มีการจัดงานศพ รดน้ำ ทำพิธีต่าง ๆ ที่ศาลา "หลังจากกลับจากลอยเถ้ากระดูก เถ้าอังคารพระชิโต ที่ชลบุรี พระมโนกล่าวว่ารู้สึกวัดนี้ไม่ใช่วัดแล้ว ผิดทางวิธีการบริหารเริ่มมีปัญหามาก เวลาประชุมก็เงียบไม่พูดกัน เริ่มแตกเป็นเสี่ยง ๆ พระก็เริ่มจับกลุ่ม เกิดจากเรื่องความไม่ไว้วางใจมากขึ้น ๆ
ปี 2530-2531 ภาวะวัดย่ำแย่ พระข้างในรวมตัวกันไม่ติด พระบางรูปเกิดความสับสน การปกครองไปไม่ทั่วถึง มีกฎเหล็กคือกางเกงเหล็ก ใครสวมได้ปฏิบัติตามได้ก็อยู่ได้ สวมไม่ได้ ปฏิบัติตามไม่ได้ก็ออกจากวัดไปและนับจากนั้นมา พระมโนจึงออกจากวัดพระธรรมกาย และไม่ได้หันกลับเข้าไปหาอีกเลย
ที่มา : ที่มา http://b2b2.tripod.com/dailynews/scoop19981217.htm





สหกรณ์ออมทรัพย์คลองจั่นมีเงินฝากถึง 15,000ล้านบาท มากที่สุดในบรรดาสหกรณ์ออมทรัพย์ด้วยกัน
การโกงเงิน 15,000ล้านของสมาชิกสหกรณ์นับแสนรายไม่ได้ซับซ้อนแนบเนียนอะไรเลย แค่ออกเช็คจ่ายพวกกันเองทั้งนั้น โกงกันดื้อๆอย่างนี้ด้วยฝีมือมัคทายกธรรมกายที่เข้าไปเป็นประธานสหกรณ์
ในจำนวนที่โกงไป15,000ล้านบาทนั้น ผู้แทน ปปง ชี้แจง กรรมการศาสนา สปช เมื่อวานซึ่งฝ่ายเลขาได้บันทึกเพืี่อรายงาน สปช ว่าตรวจพบเช็คสั่งจ่ายเครือข่ายธรรมกายร่วม4,000ล้านบาทคือ
1. จ่ายวัดธรรมกาย
2. จ่ายธัมมชโย แล้วโอนไปเข้าบัญชีมูลนิธิแม่ชีจันทร์
3. จ่ายพระครูปลัด พระที่เคยอยู่วัดธรรมกาย
4. จ่ายผู้บริหารสหกรณ์มัคทายกธรรมกายแล้วโอนไปซื้อที่ดินที่กาญจนบุรีเพื่อสร้างเจดีย์ทัตตะชีโว ที่ดินนี้ ดีเอสไอ อายัดแล้ว  กรรมการศาสนาจึงเสนอให้ ปปง. ตรวจสอบเพิ่มเติมว่าจำนวนเงินที่เหลือและถูกโกงอีก11,000 ล้านบาทนั้น ได้จ่ายแก่เครือข่ายธรรมกายอีกเท่าใด เพราะสงสัยว่ายังมีนอมินีรับโอนเงินที่โกงนี้อีก แต่ที่น่าแปลกคืออดีตรองปลัดกระทรวงยุติธรรม เจ้าสังกัดของดีเอสไอและ ปปง ไปเป็นนายประกันให้ผู้ต้องหาบางคน มิน่าละ ประชาชนนับพันรายที่ไปร้องทุกข์จึงได้แต่น้ำตา จะอุ้มกันต่อ จะปล่อยให้ประชาชนตาดำดำนับแสนรายหมดเนื้อประดาตัวร้องไห้กันระงมเมืองก็เชิญตามสบายเลย

ขอร้องท่านทั้งหลายอย่าได้ติเตียนมหาเถรสมาคมโดยส่วนรวม  อย่าได้ติเตียนกรรมการมหาเถรสมาคมไปหมดทุกรูป จะกระทบองค์กรคณะสงฆ์มาก  กรรมการมหาเถรสมาคมฝ่ายธรรมยุติ 8 รูป ยืนยันตามพระบัญชาสมเด็จพระญาณสังวรณ์สมเด็จพระสังฆราชลงวันที่ 26 เม.ย. 42 และมติมหาเถรสมาคมที่ 193/42 เรื่องปาราชิกว่าเป็นปาราชิกแน่นอน ฟื้นไม่ได้แล้ว  กรรมการมหาเถรสมาคมอีก3รูปจากวัดเทพศิรินทร์ วัดบวร และวัดสัมพันธวงศ์ไม่ได้ไปประชุม ท่านไม่ได้เกี่ยวข้องเลย ท่านเจ้าคุณพรหม วัดยานนาวา ยืนยันกับท่านผู้ใหญ่ว่าไม่มีมติอะไรและท่านก็ไม่ได้พูดอะไรด้วย สมเด็จวัดปากน้ำ และกรรมการมหาเถรสมาคมส่วนใหญ่ก็ไม่ได้พูดอะไร มีแต่นั่งฟังเลขานุการรานงาน  สรุปคือสมเด็จวัดปากน้ำ และกรรมการมหาเถรสมาคมไม่ได้ลงมติอะไรเลย และฟังรายงานจากเลขารายงานเสร็จ เลขาอ้างว่าติดราชการขอกลับไปก่อนแล้วเอาเอกสารให้พระพูด พระที่รับฝากพูดจากเลขาจึงเป็นหมู่บ้านกระสุนตกสิครับ ความจริงเป็นอย่างนี้แล้วหลวงพี่จีวรแดงจะว่ายังไง อย่าเอาเรื่องนี้มาบิดตะกูดปลุกระดมพระปกป้องคนโกงสหกรณ์คลองจั่นดีกว่า ท่านกรรมการมหาเถรสมาคมปรามเสียหน่อยจะช่วยบ้านเมืองได้มาก

MANA PRADITKET

MANA PRADITKET
Handpainted oil painting by Mana Praditket

NIRAN PAIJIT

NIRAN PAIJIT
Original handpainted oil painting by Niran Paijit

PRAYAD TIPPAWAN

PRAYAD TIPPAWAN
ORIGINAL IMPRESSIONAL OIL PAINTING BY PRAYAD TIPPAWAN

Achara 34 (24x36)

Achara 34 (24x36)
ORIGINALl OIL PAINTING

Amornsak Livisit 74 (24x36)

Amornsak Livisit 74 (24x36)
ORIGINAL OIL PAINTING, Impressionist style

Suwan Khanboon 11 (24x24 inches)

Suwan Khanboon 11 (24x24 inches)
Original handpainted oil painting abstract style

NIRAN PAIJIT

NIRAN PAIJIT
ORIGINAL ABSTRACT STYLE OIL PAINTING BY NIRAN PAIJIT

Chavalit (Pong)

Chavalit (Pong)
PINTO Horses

Komez 78 (22x30)

Komez 78 (22x30)
Original handpainted pastel painting on paper

KOMES

KOMES
Handpainted pastel painting by Komez

PRATHOUN

PRATHOUN
ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING BY PRATHOUN

THAVORN IN-AKORN

THAVORN IN-AKORN
ORIGINAL OIL PAINTING BY THAVORN IN-AKORN (SIZE 20x30")

THAVORN IN-AKORN

THAVORN IN-AKORN
Original oil painting by Thavorn In-akorn

Facebook


ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING

PHOTO GALLERY

PHOTO GALLERY

Facebook

PHOTO GALLERY