นายกฯใหม่ต้องตามกม.
รับหนักใจคำตัดสินคดี'ถวิล'
คณะรัฐบุคคลยันพึ่งพระบารมี
เทือกย้ำ30เม.ย.เปิดแผนเคลื่อน
คน'กฟภ.'ลั่นร่วมชุมนุมใหญ่
ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์คอนเวนชั่น ถนนวิภาวดีรังสิต บ่ายวันที่ 24 เมษายน พล.อ.สายหยุด เกิดผล อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในฐานะประธานคณะรัฐบุคคล แถลงย้ำถึงกรณีที่คณะรัฐบุคคลเสนอให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท องคมนตรีและรัฐบุรุษ พูดคุยกับตุลาการทหาร และผู้นำทางสังคม ขอพึ่งพระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทำให้ประเทศไทยผ่านวิกฤติทางการเมืองไปได้คณะรัฐบุคคลย้ำพึ่งพระบารมี
โดย พล.อ.สายหยุด กล่าวว่า ด้วยพระบารมีทำให้ความขัดแย้งต่างๆในอดีตสามารถคลี่คลายไปได้ ดังนั้นในครั้งนี้ เราจึงเห็นว่าจำเป็นต้องขอพึ่งพระบารมีเช่นกัน เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์ถือเป็นจุดศูนย์รวมของคนไทยทั้งชาติ และเชื่อว่าทางนี้จะเป็นทางสว่าง โดยเสนอให้รัฐบุรุษเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ เพราะเป็นผู้ที่สามารถมีหน้าที่ดังกล่าวได้ รวมถึงสามารถร่างพระบรมราชโองการขึ้นทูลเกล้าฯ สำหรับรัฐบาลที่มาบริหารประเทศก็เป็นการอาสาเข้ามาดูแลประชาชน ผ่านกระบวนการเลือกตั้ง แต่เมื่อรัฐบาลเข้ามาทำไม่ได้ตามที่อาสาเขาก็ควรมีความสำนึกและรับผิดชอบ
แนะปูทูลเกล้าฯลาออก-อย่าให้ไล่
พล.อ.สายหยุด ยังเสนอให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ลาออกจากตำแหน่งเอง หรือควรขอเข้าเฝ้าฯ เพื่อกราบบังคมทูลลาออกจากตำแหน่ง เพื่อแสดงความรับผิดชอบที่ไม่สามารถบริหารราชการแผ่นดินได้ตามที่ปฏิญาณตนไว้ โดยไม่ต้องรอให้คนมาขับไล่
เรียกร้องคนไทยสนับสนุน
“ยืนยันว่าข้อเสนอดังกล่าวไม่ขัดกฎหมาย และไม่ทำให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท แต่ในทางตรงกันข้าม หากพระบารมีสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ จะยิ่งทำให้สถาบันและประเทศไทยมีความมั่นคงมากขึ้น ทั้งนี้ถ้าทุกคนเห็นด้วยก็ขอให้ช่วยกันเรียกร้องให้ใช้พระบารมี อีกทั้งขอให้ผู้ที่มีอำนาจเกี่ยวข้องร่วมกันเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ซึ่งพวกเราพร้อมสนับสนุนช่วยเหลือ” พล.อ.สายหยุด กล่าว
“ชัยอนันต์”ย้ำไม่เกี่ยวมาตรา 7
ด้าน นายชัยอนันต์ สมุทวณิช อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) หนึ่งในคณะรัฐบุคคล กล่าวว่า เมื่อรัฐบาลประกาศไม่รับอำนาจศาล คณะรัฐบุคคลจึงเห็นว่า ควรเรียกร้องให้รัฐบุรุษเข้ามามีบทบาท และให้องค์กรต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา ซึ่งตำแหน่งรัฐบุรุษเป็นการบ่งบอกถึงความรับผิดชอบ เมื่อเกิดเหตุการณ์สำคัญของประเทศว่าจะต้องมีบทบาทอย่างไร เพราะรัฐบุรุษเป็นส่วนหนึ่งของการเมือง
ทั้งนี้ ข้อเสนอของเราไม่มีเรื่องการเสนอให้ใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 7 เพื่อขอนายกรัฐมนตรีพระราชทานแต่อย่างใด รวมถึงไม่ได้ขอให้ทหารออกมายึดอำนาจ
เป็นแนวทาง“ราชประชาสมาสัย”
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวเห็นว่าถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยหรือตัดสินให้นายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง ตนเชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญอาจยื่นขอพระบรมราชวินิจฉัย ซึ่งการที่นายชัยเกษม นิติสิริ รมว.ยุติธรรม เสนอให้มีการขอพระบรมราชวินิจฉันนั้น ก็ถือว่าเป็นเรื่องแปลกเพราะจะทับซ้อนกับกรณีของศาลรัฐธรรมนูญ ตนเชื่อว่าถ้าในที่สุดหาทางออกในทางใดๆไม่ได้ก็คงใช้แนวทางการอาศัยพระบารมี หรือเรียกว่า“ราชประชาสมาสัย” แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะใช้วิธีการดังกล่าว ขณะเดียวกันถ้าเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงจนนองเลือด ก็คงไม่ต้องมีราชประชาสมาสัย เพราะทหารจะออกมาปฏิวัติก่อนอย่างแน่นอน
ศาลรธน.ยัน6พค.ได้ข้อสรุป
วันเดียวกัน นายพิมล ธรรมพิทักษ์พงษ์ หัวหน้าคณะโฆษกศาลรัฐธรรมนูญ ให้สัมภาษณ์ถึง กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งอนุญาตให้ นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขยายเวลายื่นคำชี้แจงออกไปอีก 15 วัน ในคดีโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดยใช้ดุลยพินิจ และการกระทำที่มิชอบด้วยกฏหมาย พร้อมให้มีการไต่สวนพยานบุคคลรวม 4 ปาก ในวันที่ 6 พ.ค. ว่า การไต่สวนในวันที่ 6 พ.ค.นั้น ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะออกนั่งบัลลักก์ไต่สวนข้อเท็จจริง และคาดว่าน่าจะมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งออกมา เช่น การนัดวันอ่านคำวินิจฉัย หรือการขอเอกสารเพิ่มเติมหากการไต่สวนในวันนั้นได้ข้อเท็จจริงยังไม่ครบถ้วน
ให้รอฟังตุลาการชี้ปมพ้นทั้งคณะ
หัวหน้าคณะโฆษกศาลรัฐธรรมนูญยังกล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาดให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 182 วรรคหนึ่ง (7) ประกอบมาตรา 268 นั้น คณะรัฐมนตรีจะพ้นทั้งคณะด้วยหรือไม่ เรื่องนี้เป็นเรื่องของข้อกฎหมาย ซึ่งส่วนตัวคิดว่าหากองค์คณะตุลาการได้วินิจฉัยอย่างใดอย่างอย่างหนึ่งออกมาแล้ว เชื่อว่าน่าจะชี้ชัดในเรื่องของตัวบทกฎหมายไว้ด้วย ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่จะพิจารณา
“ปู”หนักใจ-ลังเลไปขึ้นศาล
ในขณะที่ นส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กล่าวถึงประเด็นที่ตนเองต้องไปศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนคดีโยกย้ายเลขาสมช.ไม่ชอบด้วยกฎหมายในวันที่ 6 พ.ค.ว่าขอหารือทีมทนายความก่อน ส่วนที่มีการขยายเวลาในการชี้แจงนั้น ก็ถือว่าทุกเวลามีค่า เพราะต้องเตรียมเรื่องการประสานงานและเนื้อหา รวมทั้งเรื่องของพยานด้วย
เมื่อถามว่าเตรียมรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากคำวินิจฉัยยังไงบ้าง นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ไม่ได้เตรียมอะไรหรอกค่ะ เราก็จะทำอย่างดีที่สุด ทำอย่างเต็มที่ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญให้ไป
“ก็เรียนว่าเรื่องนี้ค่อนข้างหนักใจจริง เพราะว่าศาลปกครองก็มีคำวินิจฉัยไปแล้ว ยังไงก็ตามเราจะทำหน้าที่ในการชี้แจงให้มากที่สุดค่ะ” น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว
กั๊กประกาศล่วงหน้ารับคำตัดสิน
ผู้สื่อข่าวถามว่าเกรงว่าคำวินิจฉัยจะออกมาเป็นผลลบหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่อยากตอบและคาดเดา ไม่อยากพูดประเด็นล่วงหน้า เราถือว่าเราทำหน้าที่ของเราอย่างดีที่สุด ส่วนศาลรัฐธรรมนูญเป็นส่วนที่ดูแลเรื่องของกติกาและความเป็นธรรม ก็เชื่อว่าจะได้รับการพิจารณาข้อมูลทั้งสองฝ่ายบนพื้นฐานของข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายและอะไรต่างๆบนหลักความจริงอย่างเต็มที่ ถ้าอยู่บนฐานนั้น ก็จะทำให้ทุกอย่างผ่านไปอย่างลุล่วง
เมื่อถามว่า พร้อมรับหรือไม่ว่าผลการวิจิฉัยจะออกมาในทิศทางใด นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ก็ขออนุญาตดูผลการตัดสินก่อน
“ชวน”ย้ำฝ่ายบริหารไม่ยึดกติกา
เช้าวันเดียวกันที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ ศาลรัฐธรรมนูญจัดโครงการสัมมนาทางวิชาการในวาระครบรอบ 16 ปี ศาลรัฐธรรมนูญ เรื่อง “การปฏิรูปการเมืองภายใต้หลักนิติธรรม”โดยมีนายชวนหลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นผู้บรรยาย โดย นายชวน กล่าวตอนหนึ่งว่า การปกครองที่จะก่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ประชาชนน่าจะจบลงด้วยการปกครองที่ยึดกฎเกณฎ์กติกา ทุกคนอยู่ภายใต้กฎกติกายึดหลักนิติธรรม กฎเกณฎ์ไม่ดีต้องแก้ไขเพื่อทำให้ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายที่เท่าเทียมกัน
อดีตนายกรัฐมนตรีชวน ยังระบุว่า เหตุการณ์บ้านเมืองในวันนี้ไม่ใช่เรื่องภัยธรรมชาติ แต่เกิดจากความผิดพลาดของฝ่ายบริหาร ใช้วิธีการนอกกฎหมาย อย่างเช่นเรื่องการฆ่าตัดตอนในคดียาเสพติด ที่มีหลายฝ่ายออกมาทักท้วงและเห็นว่าทุกอย่างต้องเข้ากระบวนการยุติธรรม
ยกตัวอย่างพระราชดำรัส
นายชวน ยังให้อ่านพระราชดำรัส 4 ธ.ค.2548 พระองค์พูดถึง The King can do no wrong ซึ่งมหากษัตริย์ทำผิดได้ แต่พระองค์ไม่ทำ ท่านเตือนคนทำงานว่าให้ระมัดระวังทำสิ่งที่ถูกต้อง พวกเราทั้งหลายนอกจากกฎเกณฑ์กติกา เมื่อยึดหลักธรรมาภิบาลแล้ว ก็อย่าเกรงใจทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง จึงขอให้ตุลาการอย่าได้หวั่นไหว
ศอ.รส.ออกแถลงการณ์ฉบับ2
บ่ายวันเดียวกันที่กองบัญชาการตำรวจปรามปรามยาเสพติด (บช.ปส.) นายธันว์ พีรวุฒิ คณะทำงานศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.)อ่านแถลงการณ์ศอ.รส.ฉบับที่ 2 โดยมีเนื้อหาพุ่งเป้าไปที่การดำเนินคดีกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. และคณะกว่า 80 คน ให้ถึงที่สุด
จี้อัยการส่งฟ้องแกนนำทั้งหมด
โดย นายธันว์ กล่าวว่า ขณะนี้การสอบสวนในคดีพิเศษ เกี่ยวกับแกนนำกปปส.ได้เสร็จสิ้นแล้ว คณะพนักงานสอบสวนจึงได้มีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาทุกคน โดยกำหนดส่งสำนวนการสอบสวนพร้อมความเห็นดังกล่าวไปยังพนักงานอัยการในวันที่ 1 พ.ค.นี้ ซึ่งคาดว่าพนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษจะได้มีคำสั่งทางคดีและฟ้องผู้กระทำผิดได้ภายในวันที่ 10 พ.ค. อันเป็นวันครบกำหนดฝากขังครั้งสุดท้ายของผู้ต้องหาบางคน
ขณะที่ในช่วงท้าย นายธันว์ ระบุว่า แถลงการณ์ ศอ.รส.ฉบับที่ 2 นี้เป็นความเห็นของฝ่ายบริหาร ศอ.รส. โดยมิได้ขอให้ฝ่ายทหารร่วมแถลง หรือแสดงความเห็นด้วย
“เหลิม”ไม่กลัวถูกฟ้องคดี
ก่อนหน้านี้เวลา 10.30 น. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผอ.ศอ.รส. กล่าวถึงกรณี พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เพื่อไต่สวนกรณีศอ.รส.ออกแถลงการณ์ฉบับที่1 ขัดกฎหมายอาญามาตรา 157 รวมถึงจะยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยด้วยว่าการกระทำดังกล่าวของศอ.รส.มีความผิดฐานล้มล้างการปกครองตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 หรือไม่ ซึ่งมีโทษถึงยุบพรรคการเมือง ว่า เขาจะยื่นก็ยื่นไป ตนมีหน้าที่ต่อสู้คดี ไม่มีปัญหา และไม่กังวลเพราะถูกยุบพรรคบ่อย ยุบก็ตั้งใหม่ และตนไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรค
“ปู”ถกนอกรอบผบ.เหล่าทัพ
ด้านความเคลื่อนไหวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เป็นประธานการประชุมสภากลาโหมประจำเดือน โดยก่อนหน้าการประชุมจะเริ่มขึ้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ขอคุยนอกรอบกับ ผบ.เหล่าทัพ และปลัดกระทรวงกลาโหม
ตั้งแง่พร้อมลาออกตำแหน่ง
รายงานข่าวแจ้งว่า ในการหารือดังกล่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ยืนยันกับ ผบ.เหล่าทัพว่า พร้อมเสียสละหากจะต้องพ้นจากตำแหน่ง หรือมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่นายกรัฐมนตรีที่จะขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทนตนเองจะต้องเป็นนายกฯ ที่มาตามกระบวนการทางกฎหมายและตามขั้นตอน ขณะที่ ผบ.เหล่าทัพ ได้บอกให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทำใจให้สบาย และทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป
“บิ๊กตู่”เชื่อยิ่งลักษณ์มีวุฒิภาวะ
ด้าน พล.อ.พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมสภากลาโหมว่า ในที่ประชุมไม่ได้แนะนำวิธีหาทางออกของประเทศชาติให้กับนายกรัฐมนตรีแต่อย่างใด เพราะเชื่อว่ามีวุฒิภาวะอยู่แล้ว และหวังว่า สถานการณ์จะดีขึ้นหากทุกฝ่ายช่วยเหลือกัน
แฉปูร้องสกัดกำลังพลร่วมม็อบ
ขณะที่ พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลประชุมว่า นายกฯขอให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม กำชับกำลังพลในการรักษาความปลอดภัยหน่วยที่ตั้ง พร้อมเข้มงวดไม่ให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการชุมนุมหรือก่อเหตุรุนแรงทุกรูปแบบๆ โดยเด็ดขาด รวมทั้งให้ยึดระเบียบวินัยของทหารอย่างเคร่งครัด
ทวงเบี้ยเลี้ยงทหาร-ตำรวจ
พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกลาโหม กล่าวว่า ในที่ประชุมไม่มีการหารือเรื่อง การต่ออายุ พรบ.ความมั่นคงฯ แต่ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ได้แสดงความเป็นห่วงว่า ทหารและตำรวจที่ปฎิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยในช่วงนี้ ยังไม่ได้รับเบี้ยเลี้ยง
ปปช.เลื่อนสอบพยานปู
เย็นวันเดียวกัน นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีทีมทนายความนายกรัฐมนตรียื่นคำร้องให้ ป.ป.ช. ไต่สวนพยานคดีจำนำข้าวเพิ่มเติมอีก 7 ปากว่า เนื่องจากคณะกรรมการป.ป.ช.อยู่ไม่ครบองค์ประชุม จึงขอเลื่อนการพิจารณาเรื่องดังกล่าวไปสัปดาห์หน้า เพราะเป็นเรื่องสำคัญ อยากให้กรรมการป.ป.ช.อยู่ร่วมกันพิจารณาให้ครบทุกคน
“สุเทพ”นำมวลชนบุกเยือนกฟภ.
ด้านความเคลื่อนไหวของมวลชน คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) นั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.00 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. พร้อมแกนนำ ได้ออกเดินทางจากเวทีสวนลุมพินี เพื่อเดินทางไปยังการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และหารือร่วมกับ นายพิสิษฐ์ สุรัถยา รองผู้ว่า กฟภ. พร้อมกับผู้บริหาร และสภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ กฟภ.
ขอความร่วมมือชุมนุมใหญ่
โดย นายสุเทพ กล่าวชี้แจงว่า ขอให้พนักงานรัฐวิสาหกิจช่วยกันพิจาณาการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของ กปปส. ตลอดเวลา 5 เดือน 24 วันที่สู้มา มวลมหาประชาชนไม่มีการแสดงความอ่อนล้าถดถอย แต่มุ่งมั่นที่จะต่อสู้ เพื่อให้เกิดการปฏิรูปประเทศ ทั้งนี้พวกตนปรึกษากันแล้วหากจะสู้ทั้งปีก็ไม่ไหว ขณะที่ประชาชนก็ทุ่มเทมาก แต่หากต่อสู้ยาวนานจะทำให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศ ประชาชนไม่ได้ทำมาหากิน จึงมาเพื่อเทียบเชิญเป็นทางการว่าการเผด็จศึกครั้งนี้
ย้ำประกาศขั้นตอนต่อสู้30เม.ย.
ต่อมา นายสุเทพ ขึ้นปราศรัยกับชาว กฟภ. เรียกร้องให้ให้ทุกคนออกมาต่อสู้พร้อมเพียงกัน โดยจะประกาศขั้นตอนการต่อสู้ ในวันที่ 30 เมษายนนี้ และจะสู้ให้ชนะให้ได้ อาจจะใช้เวลาในการต่อสู้ 3-7 วัน ซึ่งจะมีการปฏิบัติการหลายอย่างควบคู่กับการชุมนุมแสดงพลังของประชาชน นอกจากนี้ในวันที่ 27-28 เม.ย. กปปส.จะมีการจัดกิจกรรม เนื่องในโอกาสครบ 180 วันของการต่อสู้ จากนั้นเวลาประมาณ 14.00 น. นายสุเทพ จึงได้นำมวลชนเดินทางกลับเวทีสวนลุมพินี
24-25เม.ย.เทือกเยือนกฟภ.-บินไทย
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 20.00 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. กล่าวบนเวทีสวนลุมพินี โดยประกาศถึงความสำเร็จในการไปเยือนกฟน. ซึ่งได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีและพร้อมจะร่วมออกมาร่วมต่อสู้อยู่แล้ว ดังนั้นในวันที่24 เมษายน จะเดินทางไปที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) จากนั้นวันที่ 25 เมษายนไปบริษัทการบินไทย เพื่อชักชวนให้ออกมาต่อสู้ร่วมกับประชาชน
เดินหน้าไล่-ไม่สนคำสั่งศาล-ปปช.
“จากนี้ไปไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญ หรือ ป.ป.ช.จะมีมติอย่างไร เราไม่สามารถไปก้าวล่วงได้ แต่อยากบอกประชาชนทั้งประเทศ ว่า ทั้งเรื่องการทุจริตจำนำข้า และการกลั่นแกล้งนายถวิลคนทั้งประเทศได้ตัดสินแล้วว่าผิดทั้งสองกรณี รวมทั้งเรื่องอื่นๆด้วยจนไม่สามารถจะบริหารประเทศได้อีกต่อไป ดังนั้นไม่ว่าคำตัดสินจะออกมาเป็นอย่างไร มวลมหาประชาชนก็จะเดินหน้าทำภารกิจล้มล้างระบอบทักษิณให้สำเร็จให้จงได้”นายสุเทพ กล่าว
30เมษาฯนัดวันระดมพลใหญ่
นายสุเทพ กล่าวว่า วันที่ 30 เมษายนนี้ ตนจะเปิดเผยถึงการชุมนุมใหญ่ว่า จะมีกำหนดการรวมตัวกันเมื่อไหร่และมีรายละเอียดการชุมนุมอย่างไรบ้าง จึงอยากเชิญชวนพี่น้องประชาชนเตรียมตัวออกมามาร่วมต่อสู้กันในครั้งสุดท้าย
ประชาชนผู้เดือดร้อนจากกระทำของรัฐบาลที่จะมาประท้วงอีก ๓ ขบวนใหญ่คือ
๑ ชาวไร่อ้อย ที่ค่าต้นทุนขึ้นสูงลิบลิ่วตามลักษณะแพงทั้งแผ่นดินจะยกพหลพลไกรเข้ากรุงเทพมาเรียกร้องเรื่องค่าอ้อย
๒ พนักงานรัฐวิสาหกิจและแห่งที่นักการเมืองส่งลิ่วล้อและลูกจ้างบริษัทส่วนตัวเข้าไปโกงกินล้างผลาญจนเจ๊งระเนระนาดที่จะทะยอยออกมาประท้วง เริ่มที่การบินไทยก่อนเพื่อน
๓ ผู้ซื้อรถคันแรกอีกนับแสนรายที่ยังไม่ได้รับเงินค่าภาษีคืนจากรัฐบาลเพราะกรมสรรพสามิตไม่มีเงินเนื่องรัฐบาลไม่ได้จัดเงินให้ครบถ้วน
ยังไม่รู้ว่...าพี่น้องทหารตำรวจอีกนับหมื่นนายที่ยังไม่ได้รับเบี้ยเลี้ยงจาก ศอรส เนื่องจากไม่ได้ขออนุญาตจาก กกต ก่อน
ผู้ทุกข์ยากเหล่านี้ไม่ต้องใช้แผนดาวล้อมเดือนอะไรดอกครับ ใช้วิธีพรานจับเหี้ยก็พอ
‘ส.ศิวรักษ์’ ยกยุคทักษิณใช้ประชาธิปไตยป
"ทักษิณเอาอย่างประชาธิปไตย
22 เมษายน 2557 นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ ส.ศิวรักษ์ ปัญญาชนสยาม
อ่านต่อได้ที่ สนข. อิศรา http://bit.ly/1l4jnCX
เออ...มันช่างสมเป็นพี่-เป็ นน้องกันเสียจริงๆ
ฝ่ายพี่บอก "จะเลิกเล่นการเมือง" ฝ่ายน้องสาวเอาบ้าง...บอก "ไม่ยึดติดตำแหน่ง" แต่ทุกอย่างที่เป็นอยู่-ทำอ ยู่จริง....เหมือนหน้ามือกั บหลังตีน
โพนทะนาเป็นรัฐบาลประชาธิปไ ตย แต่โกงฉิบหาย ไปถึงขั้น "เอาประเทศขายกิน" จนคนติฉิน รู้กันไปทั้งโลก!...
23 เม.ย. 57 เปลว สีเงิน ไทยโพสต์
อ่านต่อได้ที่ http://www.thaipost.net/ news/230414/89354 See More
ฝ่ายพี่บอก "จะเลิกเล่นการเมือง" ฝ่ายน้องสาวเอาบ้าง...บอก "ไม่ยึดติดตำแหน่ง" แต่ทุกอย่างที่เป็นอยู่-ทำอ
โพนทะนาเป็นรัฐบาลประชาธิปไ
23 เม.ย. 57 เปลว สีเงิน ไทยโพสต์
อ่านต่อได้ที่ http://www.thaipost.net/