แกนสับปะรด ใบโหระพา แก้หินปูนเกาะ
คนที่มีหินปูนเกาะตามข้อกระดูกจะทำให้ รู้สึกปวดเวลาเดิน มีอาการบ่อยๆ เป็นๆ หายๆ วิธีแก้ด้วยหลักโภชนาบำบัด ให้เอาแกนสับปะรด จำนวน 2 ขีด กับ ใบโหระพาสด 2 ขีด ใส่น้ำที่ต้มสุกปล่อยให้เย็น 3 แก้ว ปั่นจนละเอียดแล้วกรองเอาเฉพาะน้ำ กินครั้งละ 1 แก้ว เช้า เย็น ก่อนอาหาร ทำกินประจำจนกว่าจะรู้สึกว่าเบาตัว ไม่ปวดตามข้อเวลาเดินอีก สามารถหยุดกินได้ เป็นเมื่อไหร่ทำกินใหม่
ระหว่างที่กิน แกนสับปะรดใบโหระพา ให้ดียิ่งขึ้น ให้เอาขิงแก่
หั่นแผ่นบางๆ กะจำนวนตามต้องการ หรือตามวัตถุประสงค์ที่จะใช้
ผสมกับเกลือสมุทร หมายถึงเกลือเกล็ดเม็ดใหญ่ๆ
บรรจุกระสอบวางขายริมถนนข้างนาเกลือ จ.สมุทรสงคราม จำนวนตามสมควร
เทน้ำร้อนปนน้ำเย็นให้น้ำอุ่นๆลงไปในภาชนะ
แล้วเอาส่วนที่ปวดเนื่องมาจากหินปูนเกาะลงไปแช่ 5-10 นาที
หรือจะทำในอ่างอาบน้ำแช่ทั้งตัวก็ได้ จะช่วยทำให้เส้นตึงหายเร็วขึ้นด้วย
สับปะรด เนื้อผลแก้ไอขับเสมหะ เหง้าขับปัสสาวะแก้นิ่ว ลำต้นมีเอนไซม์ย่อยโปรตีน ใช้เป็นยาลดอาการอักเสบและบวมจากการถูกกระแทก บาดแผล หรือการผ่าตัด มีการผลิตเป็นยาเม็ดชื่อ ANANASE FORTE TABLET
โหระพา ใบสดแก้ท้องอืดเฟ้อ ขับลม มีน้ำมันหอมระเหย เมล็ดแช่น้ำพองตัวเหมือนแมงลัก เป็นยาระบาย เนื่องจากไปเพิ่มจำนวนกากอาหาร (BULK LAXATIVE)
สรรพคุณ สัปปะรดกับใบโหระพา
สัปปะรด มีรสเปรี้ยวหวาน จะช่วยขับปัสสาวะ ขับนิ่ว ขับเสมหะ แก้ไอ
ใบโหระพา ช่วยย่อยอาหาร แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับลมในลำไส้ แก้ปวดประจำเดือน เป็นยาอายุวัฒนะ
วิธีทำ
1. เตรียมเนื้อสัปปะรด 1 หัว ใบโหระพา 1 ขีด และน้ำ 1/2 ลิตร
2. นำสัปปะรดมาหั่นเป็นชิ้นๆ ขนาดพอคำรวมทั้งแกนสัปปะรดด้วย
3. นำสัปปะรดและใบโหระพามาปั่นผสมน้ำ จนได้ที่แล้วกรองกากออก ดื่มได้เลยคะ
สรรพคุณของเครื่องดื่มนี้คือ
1. ทำให้เม็ดเลือดไปเลี้ยงสมองส่วนหน้าได้ดีขึ้น
2. เพิ่มเม็ดเลือดแดง หากต้องการให้เพิ่มเม็ดเลือดขาว ต้องใส่แกนสัปปะรดด้วย
3. ช่วยลดความดันโลหิตสูง
4. ลดลมในตัว
5. ช่วยแก้ไม่ให้เลือดข้นหรือหนืดเกินไป
6. ช่วยบำรุงหัวใจ
7. ลดอนุมูลอิสระ
8. นำมาตำใช้พอกแก้ไขข้ออักเสบ
*การดื่มน้ำเมื่อท้องว่าง* "ได้ประโยชน์อย่างที่คุณคิดไม่ถึง"
***************
การดื่มน้ำเมื่อท้องว่างผ่านกระเพาะอาหาร เพื่อรักษาสุขภาพที่ดีในประเทศญี่ปุ่นทุกวันนี้ เป็นที่นิยมดื่มน้ำทันทีหลังจากตื่นนอนตอนเช้า( ก่อนแปรฟัน)เพื่อการรักษาสุขภาพที่ดี *มีการทดลองทางวิทยาศาสตร์* "พบว่าน้ำสามารถใช้ชะลอความแก่" และสามารถบำบัดรักษาโรคเหล่านี้ได้ผล100% (แบบค่อยเป็นค่อยไปต้องใช้ระยะเวลา) ปวดหัว ปวดตามตัว โรคระบบหัวใจ โรคไขข้ออักเสบ โรคหัวใจเต้นเร็ว โรคลมบ้า หมู โรคอ้วน โรคหลอดลมอักเสบ โรคหืด วัณโรค อาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ไขสันหลังอักเสบ โรคไตและยูริก โรคแสลง คลื่นไส้ต่างๆ โรคกระเพาะ โรคท้องร่วง โรคริดสีดวงทวาร โรคเบาหวาน โรคอาการท้องผูก โรคตา โรคภายในสตรี มะเร็ง รอบเดือนไม่ปกติ โรคคอ หู จมูก
วิธีการปฏิบัติ
1. ตื่นนอนตอนเช้า ก่อนแปรงฟัน ให้ดื่มน้ำ 4 แก้ว (640 ซีซี)
2. หลังจากนั้นสามารถและล้างหน้าอาบน้ำได้ แต่ต้องไม่ดื่ม หรือรับประทานอะไร จนกว่า 45 นาทีผ่านไป จึงจะรับประทานได้ตามปกติ
3. หลังรับประทานอาหารเช้า กลางวัน เย็น ไปแล้ว 15 นาที ไม่ควรดื่มน้ำหรือรับประทานอะไร จนกว่า 2 ชั่วโมงผ่านไป
4. ผู้ป่วย หรือคนชรา ที่ไม่สามารถดื่มน้ำ 4 แก้ว ก็ให้ค่อยๆ ดื่ม ค่อยเป็นค่อยไปเรื่อยๆ จนได้ครบ 4 แก้ว
ข้อปฏิบัติ 4 ข้อดังกล่าว จะทำให้ท่านบำบัดรักษาโรคที่เป็นอยู่ค่อยๆเบาและหายขาดได้ในที่สุด ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น และไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ทั้งสิ้นเพียงแต่อาจปัสสาวะบ่อยขึ้นและหลังดื่มน้ำไปแล้วประมาณ 1-2 ชั่วโมง จะปวดปัสสาวะ
จากสถิติข้อมูลโรคที่บำบัดรักษาทำให้หายได้ภายในเวลาดังนี้
1. โรคความดันโลหิตสูง 30 วัน
2. โรคกระเพาะ 10 วัน
3. โรคเบาหวาน 30 วัน
4. โรคท้องผูก 10 วัน
5. โรคมะเร็ง 180 วัน
6. โรควัณโรค 90 วัน
7. โรคไขข้ออักเสบจะเห็นผลภายใน 3 วัน
กระดูกเสื่อม หายจริงๆ !!!
เก็บตก จากวัดเขาพุทธโคดม คอร์สก่อน ....
☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆
“หมอเพชร” หรือ ดร.กฤษณา รัตนชาลี ศัลยแพทย์ด้านหัวใจ วัย 60 ต้นๆ
เรียนจบ แพทย์จากอังกฤษ และทำงานประจำอยู่ที่ต่างประเทศ
เพิ่งบินกลับมาปฏิบัติธรรม ที่วัดเขาฯ เป็นครั้งแรก
เล่าให้ฟังถึง เพื่อนหมอซึ่งไปตรวจที่ รพ.ศิริราช
พบว่า เป็นโรคกระดูกเสื่อมเฉียบพลัน รพ.ให้ยามากินมากมาย
หมอเพชรบอก เพื่อนเอายาทิ้งไป
และลองกิน น้ำกระชาย ซึ่งตามสูตรธรรมชาติบำบัด เป๊ะยิ่งกว่า ท่าน อ.สุทธิวัสส์ ซะอีก คือ ห้าม เพื่อนใช้เครื่องปั่นไฟฟ้า ให้ใช้ครกหินอ่างศิลาตำๆ พอกระชายแหลก ก็เอามากรองด้วย “กระชอนไม้” ปูรองด้วยผ้าขาวบาง จนได้หัวเชื้อ มาผสมกับ น้ำผึ้ง และน้ำมะนาว
กินอยู่ประมาณ ๑ เดือน ไปตรวจใหม่ หมอที่ศิริราชตกก๊ะใจ สงสัยว่าไปทำอะไรมา มวลกระดูกถึงแน่นปึ้กขนาดนี้! คนไข้ก็ไม่กล้าบอก หมอถามต่ออีกว่าแล้วยาที่ให้ไปกินหมดรึยัง? ... ยังค่ะ
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เพื่อนหมอเพชรคนนี้ก็กินน้ำกระชายเป็นเครื่องดื่ม
ประจำตัวประจำบ้าน แล้ว
ไม่เคยป่วยด้วยโรคกระดูกเสื่อม อีกเลย...
ท่านจำเป็นต้องล้างน้ำมันพืชในร่างกาย ที่สะสมมาตั้งแต่เกิดเสียที ด้วยสูตรตามธรรมชาติ ที่ท่านสามารถพึ่งพาตัวเองได้ มี 2 สูตร ที่ได้รับการทดสอบจากประชาชนทั่วไป มากกว่า ห้าหมื่นคน และได้ผล
สูตรที่เร็วที่สุดคือ น้ำชามะละกอ (ล้างอย่างเดียว แต่เร็ว)
วิธีทำ : มะละกอดิบ ที่ใช้ตำส้มตำ นำมาหั่นเป็นชิ้นเหมือนชิ้นฟัก ประมาณ 6-8 ชิ้นต่อน้ำ 2 ลิตร จะขาดจะเกิน ไม่ผิด (ถ้าใส่มากเกินไปจะทำให้บูดง่าย มะละกอดิบที่เหลือ ใส่ตู้เย็นเก็บไว้ใช้ได้ในครั้งต่อไป) และใบเตย หรือ เก๊กฮวย อย่างใดอย่างนึง กะเอง ต้มในน้ำ จนเดือด พอเดือดได้ประมาณ 1 นาที ปิดไฟทันที อย่าต้มต่อ ให้เอามะละกอ กับ ใบเตยทิ้ง (อย่าปล่อยให้มะละกอเดือดจนเละ) แล้วใส่ใบชา ลงไปแช่ประมาณ 4 นาที ห้ามแช่นานกว่า 4 นาทีเพราะสารแทนนินจะออกมา ทำให้ท้องผูก แล้วตักใบชาทิ้ง จะได้น้ำชามะละกอ ดื่มร้อน หรือ เย็นได้ น้ำชาที่เหลือให้แช่ตู้เย็น เก็บไว้ได้ประมาณ 2 วัน เกินกว่านั้นจะบูด (ยางมะละกอล้างไขมัน, ใบเตยให้ความสดชื่น, ชาดับกลิ่นมะละกอ)
สูตร นมสดโยเกิร์ตน้ำผึ้งมะนาว (ล้างและบำรุง ค่อย ๆ ล้าง)
วิธีทำ : นมสด โยเกร์ต น้ำผึ้ง มะนาว : ใช้โยเกิร์ตชนิดจืดครึ่งถ้วย ผสมนมสดชนิดจืด 1 กล่อง เติมน้ำผึ้ง 2 ช้อนชา และบีบมะนาว 2 ลูก คนให้เข้ากัน ทิ้งไว้ 5-10 นาที แล้วค่อยดื่ม
คุณสมบัติ : ให้วิตามิน B บำรุงสมอง วิตามิน C เพิ่มภูมิต้านทาน, จุลินทรีย์ตัวดีช่วยย่อยน้ำมันพืช, นมสดให้แคลเซียม
ขอให้ท่านมองดูคนป่วยรอบกายท่าน คนป่วยในสังคม แล้วถามตัวเองว่า
- คนเหล่านั้น ทานน้ำมันพืชแล้ว ภูมิคุ้มกันมีปัญหา ป่วย แต่ไปรักษา ปลายเหตุ ใช่หรือไม่ ?
- คนป่วยเหล่านี้มากพอหรือยัง เงินที่คนป่วยเหล่านี้ต้องจ่ายซื้อยา เงินนั้นอยู่ในประเทศหรือนอกประเทศ ?
- เศรษฐกิจพอเพียงจะเกิดขึ้นได้อย่างไร หากคนไทยยังไม่ดูแลสุขภาพตนเอง ต้องพึ่งพายาฝรั่งไปเรื่อย ๆ ?
หมายเหตุ : การทานอะไรก็ตาม แม้จะเป็นสมุนไพรก็ดี ควนทานแต่พอเหมาะ เพราะจะเกิดการสะสมตกค้างในอวัยวะ ภายในต่างๆ เช่นกัน
การเสียชีวิตกระทันหันขณะออ กกำลังกาย สาเหตุที่พบบ่อยๆคือเส้นเลื อดไปเลี้ยงหัวใจตีบตัน (STEMI)
เมื่อออกกำลัง ร่างกายต้องการออกซิเจนและ อาหารไปเสริมเพิ่มพลัง โดยส่งผ่านทางกระแสเลือด โดยกระตุ้นให้หัวใจทำงานเร็ วขึ้นและหนักขึ้น หากขาดเลือดไปเลี้ยงหัวใจจา กเส้นเลือดตีบตัน หัวใจจะทำงาน overload และหยุดทำงานในที่สุด
หน้าที่สำคัญอยู่ที่ตัวผู้อ อกกำลังกายต้องรู้ตัวเอง เช่น มีอาการของหัวใจขาดเลือดมาก ่อนหรือไม่ ซึ่ง อาการที่มักแสดงออกคือ เจ็บแน่นหน้าอก อย่างรุนแรง ร้าวไปที่คางหรือไหล่ เหงื่อออกตัวเย็น
ถ้ามีอาการขณะวิ่งบนสายพานต ้องหยุดทันที บอกครูฝึกหรือเพื่อนที่ออกก ำลังด้วยขอความ ช่วยเหลือ เช่น เคี้ยวแล้วกลืน แอสไพริน 300 มิลลิกรัมทันที (ยาตัวนี้ควรมีอยู่ที่ fitnessตลอดเวลา) ช่วยกันผายปอด/ ปั้มหัวใจ และที่สำคัญต้องรีบส่ง โรงพยาบาลซึ่งสามารถให้ยาละลายลิ่มเลือดที่ อุดตันได้ โดยการโทร. 1669
กระทรวงสาธารสุขและ สป.สช.มีโครงการ STEMI fast tract รองรับอยู่ ยิ่งได้ยาละลายลิ่มเลือดเร็ วเท่าไหร่ ยิ่งปลอดภัยมากเท่านั้น ครับ
Credit : นายแพทย์ชูวิทย์ ลิขิตยิ่งวรา
สับปะรด เนื้อผลแก้ไอขับเสมหะ เหง้าขับปัสสาวะแก้นิ่ว ลำต้นมีเอนไซม์ย่อยโปรตีน ใช้เป็นยาลดอาการอักเสบและบวมจากการถูกกระแทก บาดแผล หรือการผ่าตัด มีการผลิตเป็นยาเม็ดชื่อ ANANASE FORTE TABLET
โหระพา ใบสดแก้ท้องอืดเฟ้อ ขับลม มีน้ำมันหอมระเหย เมล็ดแช่น้ำพองตัวเหมือนแมงลัก เป็นยาระบาย เนื่องจากไปเพิ่มจำนวนกากอาหาร (BULK LAXATIVE)
สรรพคุณ สัปปะรดกับใบโหระพา
สัปปะรด มีรสเปรี้ยวหวาน จะช่วยขับปัสสาวะ ขับนิ่ว ขับเสมหะ แก้ไอ
ใบโหระพา ช่วยย่อยอาหาร แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับลมในลำไส้ แก้ปวดประจำเดือน เป็นยาอายุวัฒนะ
วิธีทำ
1. เตรียมเนื้อสัปปะรด 1 หัว ใบโหระพา 1 ขีด และน้ำ 1/2 ลิตร
2. นำสัปปะรดมาหั่นเป็นชิ้นๆ ขนาดพอคำรวมทั้งแกนสัปปะรดด้วย
3. นำสัปปะรดและใบโหระพามาปั่นผสมน้ำ จนได้ที่แล้วกรองกากออก ดื่มได้เลยคะ
สรรพคุณของเครื่องดื่มนี้คือ
1. ทำให้เม็ดเลือดไปเลี้ยงสมองส่วนหน้าได้ดีขึ้น
2. เพิ่มเม็ดเลือดแดง หากต้องการให้เพิ่มเม็ดเลือดขาว ต้องใส่แกนสัปปะรดด้วย
3. ช่วยลดความดันโลหิตสูง
4. ลดลมในตัว
5. ช่วยแก้ไม่ให้เลือดข้นหรือหนืดเกินไป
6. ช่วยบำรุงหัวใจ
7. ลดอนุมูลอิสระ
8. นำมาตำใช้พอกแก้ไขข้ออักเสบ
*การดื่มน้ำเมื่อท้องว่าง* "ได้ประโยชน์อย่างที่คุณคิดไม่ถึง"
***************
การดื่มน้ำเมื่อท้องว่างผ่านกระเพาะอาหาร เพื่อรักษาสุขภาพที่ดีในประเทศญี่ปุ่นทุกวันนี้ เป็นที่นิยมดื่มน้ำทันทีหลังจากตื่นนอนตอนเช้า( ก่อนแปรฟัน)เพื่อการรักษาสุขภาพที่ดี *มีการทดลองทางวิทยาศาสตร์* "พบว่าน้ำสามารถใช้ชะลอความแก่" และสามารถบำบัดรักษาโรคเหล่านี้ได้ผล100% (แบบค่อยเป็นค่อยไปต้องใช้ระยะเวลา) ปวดหัว ปวดตามตัว โรคระบบหัวใจ โรคไขข้ออักเสบ โรคหัวใจเต้นเร็ว โรคลมบ้า หมู โรคอ้วน โรคหลอดลมอักเสบ โรคหืด วัณโรค อาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ไขสันหลังอักเสบ โรคไตและยูริก โรคแสลง คลื่นไส้ต่างๆ โรคกระเพาะ โรคท้องร่วง โรคริดสีดวงทวาร โรคเบาหวาน โรคอาการท้องผูก โรคตา โรคภายในสตรี มะเร็ง รอบเดือนไม่ปกติ โรคคอ หู จมูก
วิธีการปฏิบัติ
1. ตื่นนอนตอนเช้า ก่อนแปรงฟัน ให้ดื่มน้ำ 4 แก้ว (640 ซีซี)
2. หลังจากนั้นสามารถและล้างหน้าอาบน้ำได้ แต่ต้องไม่ดื่ม หรือรับประทานอะไร จนกว่า 45 นาทีผ่านไป จึงจะรับประทานได้ตามปกติ
3. หลังรับประทานอาหารเช้า กลางวัน เย็น ไปแล้ว 15 นาที ไม่ควรดื่มน้ำหรือรับประทานอะไร จนกว่า 2 ชั่วโมงผ่านไป
4. ผู้ป่วย หรือคนชรา ที่ไม่สามารถดื่มน้ำ 4 แก้ว ก็ให้ค่อยๆ ดื่ม ค่อยเป็นค่อยไปเรื่อยๆ จนได้ครบ 4 แก้ว
ข้อปฏิบัติ 4 ข้อดังกล่าว จะทำให้ท่านบำบัดรักษาโรคที่เป็นอยู่ค่อยๆเบาและหายขาดได้ในที่สุด ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น และไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ทั้งสิ้นเพียงแต่อาจปัสสาวะบ่อยขึ้นและหลังดื่มน้ำไปแล้วประมาณ 1-2 ชั่วโมง จะปวดปัสสาวะ
จากสถิติข้อมูลโรคที่บำบัดรักษาทำให้หายได้ภายในเวลาดังนี้
1. โรคความดันโลหิตสูง 30 วัน
2. โรคกระเพาะ 10 วัน
3. โรคเบาหวาน 30 วัน
4. โรคท้องผูก 10 วัน
5. โรคมะเร็ง 180 วัน
6. โรควัณโรค 90 วัน
7. โรคไขข้ออักเสบจะเห็นผลภายใน 3 วัน
กระดูกเสื่อม หายจริงๆ !!!
เก็บตก จากวัดเขาพุทธโคดม คอร์สก่อน ....
☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆
“หมอเพชร” หรือ ดร.กฤษณา รัตนชาลี ศัลยแพทย์ด้านหัวใจ วัย 60 ต้นๆ
เรียนจบ แพทย์จากอังกฤษ และทำงานประจำอยู่ที่ต่างประเทศ
เพิ่งบินกลับมาปฏิบัติธรรม ที่วัดเขาฯ เป็นครั้งแรก
เล่าให้ฟังถึง เพื่อนหมอซึ่งไปตรวจที่ รพ.ศิริราช
พบว่า เป็นโรคกระดูกเสื่อมเฉียบพลัน รพ.ให้ยามากินมากมาย
หมอเพชรบอก เพื่อนเอายาทิ้งไป
และลองกิน น้ำกระชาย ซึ่งตามสูตรธรรมชาติบำบัด เป๊ะยิ่งกว่า ท่าน อ.สุทธิวัสส์ ซะอีก คือ ห้าม เพื่อนใช้เครื่องปั่นไฟฟ้า ให้ใช้ครกหินอ่างศิลาตำๆ พอกระชายแหลก ก็เอามากรองด้วย “กระชอนไม้” ปูรองด้วยผ้าขาวบาง จนได้หัวเชื้อ มาผสมกับ น้ำผึ้ง และน้ำมะนาว
กินอยู่ประมาณ ๑ เดือน ไปตรวจใหม่ หมอที่ศิริราชตกก๊ะใจ สงสัยว่าไปทำอะไรมา มวลกระดูกถึงแน่นปึ้กขนาดนี้! คนไข้ก็ไม่กล้าบอก หมอถามต่ออีกว่าแล้วยาที่ให้ไปกินหมดรึยัง? ... ยังค่ะ
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เพื่อนหมอเพชรคนนี้ก็กินน้ำกระชายเป็นเครื่องดื่ม
ประจำตัวประจำบ้าน แล้ว
ไม่เคยป่วยด้วยโรคกระดูกเสื่อม อีกเลย...
ท่านจำเป็นต้องล้างน้ำมันพืชในร่างกาย ที่สะสมมาตั้งแต่เกิดเสียที ด้วยสูตรตามธรรมชาติ ที่ท่านสามารถพึ่งพาตัวเองได้ มี 2 สูตร ที่ได้รับการทดสอบจากประชาชนทั่วไป มากกว่า ห้าหมื่นคน และได้ผล
สูตรที่เร็วที่สุดคือ น้ำชามะละกอ (ล้างอย่างเดียว แต่เร็ว)
วิธีทำ : มะละกอดิบ ที่ใช้ตำส้มตำ นำมาหั่นเป็นชิ้นเหมือนชิ้นฟัก ประมาณ 6-8 ชิ้นต่อน้ำ 2 ลิตร จะขาดจะเกิน ไม่ผิด (ถ้าใส่มากเกินไปจะทำให้บูดง่าย มะละกอดิบที่เหลือ ใส่ตู้เย็นเก็บไว้ใช้ได้ในครั้งต่อไป) และใบเตย หรือ เก๊กฮวย อย่างใดอย่างนึง กะเอง ต้มในน้ำ จนเดือด พอเดือดได้ประมาณ 1 นาที ปิดไฟทันที อย่าต้มต่อ ให้เอามะละกอ กับ ใบเตยทิ้ง (อย่าปล่อยให้มะละกอเดือดจนเละ) แล้วใส่ใบชา ลงไปแช่ประมาณ 4 นาที ห้ามแช่นานกว่า 4 นาทีเพราะสารแทนนินจะออกมา ทำให้ท้องผูก แล้วตักใบชาทิ้ง จะได้น้ำชามะละกอ ดื่มร้อน หรือ เย็นได้ น้ำชาที่เหลือให้แช่ตู้เย็น เก็บไว้ได้ประมาณ 2 วัน เกินกว่านั้นจะบูด (ยางมะละกอล้างไขมัน, ใบเตยให้ความสดชื่น, ชาดับกลิ่นมะละกอ)
สูตร นมสดโยเกิร์ตน้ำผึ้งมะนาว (ล้างและบำรุง ค่อย ๆ ล้าง)
วิธีทำ : นมสด โยเกร์ต น้ำผึ้ง มะนาว : ใช้โยเกิร์ตชนิดจืดครึ่งถ้วย ผสมนมสดชนิดจืด 1 กล่อง เติมน้ำผึ้ง 2 ช้อนชา และบีบมะนาว 2 ลูก คนให้เข้ากัน ทิ้งไว้ 5-10 นาที แล้วค่อยดื่ม
คุณสมบัติ : ให้วิตามิน B บำรุงสมอง วิตามิน C เพิ่มภูมิต้านทาน, จุลินทรีย์ตัวดีช่วยย่อยน้ำมันพืช, นมสดให้แคลเซียม
ขอให้ท่านมองดูคนป่วยรอบกายท่าน คนป่วยในสังคม แล้วถามตัวเองว่า
- คนเหล่านั้น ทานน้ำมันพืชแล้ว ภูมิคุ้มกันมีปัญหา ป่วย แต่ไปรักษา ปลายเหตุ ใช่หรือไม่ ?
- คนป่วยเหล่านี้มากพอหรือยัง เงินที่คนป่วยเหล่านี้ต้องจ่ายซื้อยา เงินนั้นอยู่ในประเทศหรือนอกประเทศ ?
- เศรษฐกิจพอเพียงจะเกิดขึ้นได้อย่างไร หากคนไทยยังไม่ดูแลสุขภาพตนเอง ต้องพึ่งพายาฝรั่งไปเรื่อย ๆ ?
หมายเหตุ : การทานอะไรก็ตาม แม้จะเป็นสมุนไพรก็ดี ควนทานแต่พอเหมาะ เพราะจะเกิดการสะสมตกค้างในอวัยวะ ภายในต่างๆ เช่นกัน
การเสียชีวิตกระทันหันขณะออ
เมื่อออกกำลัง ร่างกายต้องการออกซิเจนและ อาหารไปเสริมเพิ่มพลัง โดยส่งผ่านทางกระแสเลือด โดยกระตุ้นให้หัวใจทำงานเร็
หน้าที่สำคัญอยู่ที่ตัวผู้อ
ถ้ามีอาการขณะวิ่งบนสายพานต
กระทรวงสาธารสุขและ สป.สช.มีโครงการ STEMI fast tract รองรับอยู่ ยิ่งได้ยาละลายลิ่มเลือดเร็
Credit : นายแพทย์ชูวิทย์ ลิขิตยิ่งวรา