GREAT KING OF THAILAND, KING BHUMIBHOL

GREAT KING OF THAILAND, KING BHUMIBHOL
LONG LIVE THE KING BHUMIBHOL

วันจันทร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2557

ด่วน! คำทำนายพระอาจารย์ในดงจุดจบ พท.แกนนำนปช.เร็วๆนี้




คำทำนายดวงเมืองไทย เมษายนเลือด ฤาษีกัสสปะ 2557 ดวงเมือง 2558





นายกคนกลางคือใคร กฏอัยการศึก ปฏิวัติ รัฐประหาร 2557REFORMTHAI





ใกล้วันล่มของระบอบเหลี่ยม


        ขบวนการขี้ข้าบักเหลี่ยมอยู่ในภาวะระส่ำระสาย หวาดวิตกว่าวันตัดสินชะตากรรมใกล้มาถึง แม้จะเก็บอาการผวาอย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่ปกปิดความตื่นตระหนกได้สำเร็จ แกนนำแกนรอง ทาส ไพร่ ขี้ครอก พร่ำเพ้อใกล้สติแตก
      
        ศูนย์อาชญากรขี้ข้าบักเหลี่ยมได้แปรสภาพเป็นหัวหอก แต่ละวันเนติขี้ข้าสุมหัวกันหารูหมารอด เล่ห์กล ลูกไม้ต่างๆ ช่องทางกฎหมายเพื่อต้านการรุกคืบเร็วของบ่วงกรรมที่จะรัดคอคิดบัญชีบาปพวกสามานย์ชั่วร้ายขายชาติ
      
        บักเหลี่ยมเป็นบุคคลพิเศษ นอกจากได้สร้างความแตกแยก ต่ำทราม เสื่อมโทรมให้บ้านเมืองทุกด้าน หลักคุณธรรม ศีลธรรม ความละอาย ค่านิยมต่างๆ ถูกทำลาย ชาวบ้านรากหญ้าชาวนาอกไหม้ไส้ขมจมอยู่ในกองทุกข์เข็ญ
      
        ยิ่งสภาวะบีบคั้น การดิ้นรนต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของขี้ข้าบักเหลี่ยมเริ่มหนักหนาสาหัส ทำให้เห็นชัดว่าทาสเงินขายตัวขายชาติทุ่มเทความคิด ความพยายามให้กลุ่มตัวเองรอด ไม่หวั่นต่อน้ำเสียงประณามหยามเหยียดของคนดี
      
        ยิ่งพวกหัวโจก อาชญากรตัวกลั่นอยู่ในศูนย์อาชญากร เหมือนติดเชื้อสุนัขบ้านหน้าร้อน พวกที่เคยหลบอยู่หลังฉาก ทนไม่ได้ ต้องเปิดหน้าพยายามสร้างความน่าเชื่อถือ จึงเหมือนเป็นการประจานความชั่วช้าของตัวเอง
      
        พรรคเพื่อเหลี่ยมจึงระดมเนติขี้ข้าทาสเงินให้ร่วมมือกันหาทางออกให้ได้ นักกฎหมายประเภทด็อกเตอร์ ด็อกตีน ต้องกล้าตะแบง บิดเบือนหลักการ จริยธรรม การตีความ เพราะรู้ว่าถ้าแพ้ต้องยกครอบครัวหนีคุกไปต่างประเทศ
      
        บักเหลิม บักปึ้ง บักริดสีดวง บักเนติขี้ข้า รวมทั้งทีมนักกฎหมายทำลายชาติจึงคิดหัวแทบแตก หาทางให้นางบาปปูซั่มรอดจากโทษกรณีทุจริตจำนำข้าว และโยกย้ายข้าราชการโดยไม่เป็นธรรม หวังประโยชน์ให้เครือญาติ
      
        ช่วงสุมหัวกันคิด พวกนี้ดูเหมือนร่วมมือกันรับใช้นายทาส แต่มีโอกาสก็เร่งขนย้ายทรัพย์สินไปต่างประเทศ แม้แต่ครอบครัวบักเหลี่ยม นางปูซั่มก็ยังใช้เครื่องบินส่วนตัวขนทรัพย์สินมีค่าออก โดยไม่ต้องผ่านพิธีการศุลกากร
      
        ล่าสุด ขนกล่องทรัพย์สินมีค่า 40 กล่องใส่เครื่องบินส่วนตัวผ่านสนามบินอู่ตะเภาวันที่ 17 เอาไปส่งฮ่องกง ก่อนย้ายไปจุดหมายปลายทาง ไม่รอให้พ่ายแพ้เต็มรูปแบบ เพราะเวลานั้นอาจไม่มีเวลาพอที่จะขนทรัพย์หนี
      
        อย่างน้อยก็มีเงินทอง ทรัพย์สินใช้จ่ายยามหนี ไม่ดิ้นรนเดือดร้อน ดูสภาพแล้วคงไม่มีโอกาสได้กลับมาใช้ชีวิตในบ้านเกิดตลอดไปเพราะกรรมชั่ว บักเหลี่ยมเริ่มคุ้น ทำใจกับการไร้แผ่นดิน เพียงแต่ยังหวังลมๆ แล้งๆ อยู่เท่านั้น
      
        แม้แต่บักเหลี่ยมก็ดูเหมือนจะรู้ชะตากรรมเป็นอย่างดี แต่ยังไม่ทิ้งสันดานชั่ว ปากก็บอกว่าพร้อมจะเจรจาหาทางออกเพื่อสันติ ห้ามเครือข่ายมวลชนบูชาส้นตีนแดงก่อกวน แต่พฤติกรรมตรงกันข้าม ข่มขู่คุกคามรายวัน
      
        จากระดับเบาก็ปิดล้อมสถานที่ ไล่ล่าคนฝ่ายตรงข้าม เมื่อเผชิญกับผู้มีพลังก็ใช้ปืนเอ็ม 79 คุกคามปองร้ายหมายชีวิต ไม่แยแสกฎหมายบ้านเมือง เพราะเชื่อว่าขบวนการตำรวจแตงโม มะเขือเทศยังปกป้องอาชญากรรมเสมอ
      
        เหยื่อรายล่าสุดคือปลัดกระทรวงสาธารณสุข ผู้กล้าต้านอำนาจรัฐบาลนางปูซั่ม ส่วนพล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ถูกชายฉกรรจ์นั่งรถยนต์เวียนวนหน้าบ้านคุกคามกันชัดๆ
      
        แต่ศูนย์รักษาความสงบล้มเหลวซ้ำซาก มีแต่คอยประจบประแจงนางปูซั่มและบักเหลี่ยม เป็นองค์กรฟาดฟันฝ่ายตรงข้าม ขณะที่สถานภาพยังคลุมเครือว่าเป็นศูนย์เถื่อน ต้องรับรองโดยคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือไม่
      
        การไล่ล่าไอ้ตั้งอาชีวะ ไอ้โกตี๋ หมิ่นสถาบัน ก็ทำไปอย่างแกนๆ ตำรวจดูเหมือนเป็นผู้ไร้ความสามารถ หาตัวไม่เจอ อ้อมแอ้มว่าทั้งคู่หลบไปต่างประเทศแล้ว แต่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน ไม่บอกว่าออกไปอย่างไร ด่าน ตม.ไหน
      
        ทำเป็นออกหมายจับไล่หลัง ประกาศว่าจะจับตัวมาให้ได้ คนรู้ทันท้าทายว่าถ้าจริงใจ ก็ขอให้ยกเลิกหนังสือเดินทางของทั้ง 2 คน จะได้เคว้ง เพราะดูความสามารถของเสื้อแดงปลายแถวแบบนี้คงไม่มีหนังสือเดินทางต่างชาติ
      
        ไม่มีความสำคัญพอที่บักเหลี่ยมจะหาหนังสือเดินทางมอนเตเนโกรให้ อย่างมากก็ขอหนังสือเดินทางกัมพูชาให้ แต่คงยาก เพราะข่าวแว่วว่าบักเหลี่ยมมีปัญหากินเกาเหลากับบักฮุนเซน หลังจากขบเหลี่ยมทรยศหักหลังกัน
      
        ช่วงนี้จะเห็นความรวนเรของขบวนการบักเหลี่ยม แกนนำเสื้อแดงยังพยายามปลุกระดมมวลชนเสื้อแดงตาสว่าง จัดตั้งกองกำลัง และเตรียมเล่นของหนัก พร้อมประกอบอาชญากรรม รวมทั้งฆ่าคนเพื่อรักษาอำนาจเจ้านาย
      
        ผลสุดท้าย ก็หลีกเลี่ยงผลกรรมชั่วไม่พ้น ถ้าไม่ผิดคิวหรือสภาวะแปรผัน ขบวนการชั่วร้ายของรัฐบาลนางปูซั่มจะโดนกวาดทั้งพวง สิ้นสภาพในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมนี่แหละ ทั้งยังมี ป.ป.ช.จ้องชี้มูลความผิดคดีทุจริตจำนำข้าว
      
        ไม่ว่าจะเป็นกรณีใด นางปูซั่มต้องสิ้นสภาพ ขบวนการบักเหลี่ยมจะระดมมวลชนให้ลุกฮือหรือไม่ ถ้ายังกำแหง ก็จะเผชิญการรักษาความสงบโดยภาคบังคับเมื่อกองทัพอาจจำเป็นประกาศกฎอัยการศึกคิดบัญชีย้อนหลังด้วย
 
        โดยสรุป ความวุ่นวายทางการเมืองจะจบลงภายในวันที่ 17 มิถุนายน ด้วยกระบวนการยุติธรรม และมีรัฐบาลได้แน่นอนก่อนวันที่ 1 กรกฎาคม 2557 แต่ถ้าจบลงก่อนหน้านี้ อาจต้องพึ่งกองทัพออกมาและกดดันจึงจะบรรลุผล

ประชานิยมล่มสลาย : เหตุทำลายระบอบทักษิณ
ในการเลือกตั้งทั่วไป ส.ส.ในปี 2544 พรรคไทยรักไทยหรือที่เรียกชื่อย่อว่า ทรท. ภายใต้การนำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักธุรกิจผู้มั่งคั่งร่ำรวยมาจากธุรกิจสัมปทานด้านสื่อสารคมนาคม ได้นำนโยบายประชานิยมมาใช้เป็นยุทธศาสตร์การต่อสู้ทางการเมืองเป็นครั้งแรกในแวดวงการเมืองไทย และได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในหมู่ประชาชนระดับรากหญ้าอันได้แก่ เกษตรกร และผู้ใช้แรงงานในชนบททางภาคเหนือ และอีสาน จะเห็นได้จากการได้รับชัยชนะการเลือกตั้งในสองภาคนี้เกือบจะทุกเขต ส่งผลให้พรรคไทยรักไทยได้เสียงข้างมากและเป็นรัฐบาล
      
        นโยบายประชานิยมที่ทำให้ ทรท.ชนะการเลือกตั้งเหนือคู่แข่งสำคัญคือพรรคประชาธิปัตย์น่าจะได้แก่
      
        1. โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค
      
        โครงการนี้เป็นสิ่งใหม่ และตรงกับความต้องการของประชาชนคนยากไร้
      
        แต่โครงการนี้มิได้มีเพียงด้านบวกเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีด้านลบคือรัฐจะต้องจ่ายค่ารักษาทุกรายการของโครงการ 30 บาท จึงทำให้รัฐต้องแบกรับภาระทางด้านการเงินเพิ่มขึ้นตามจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น เมื่อมีจำนวนประชากรเพิ่มขึ้น และมีผู้ใช้บริการจากโครงการนี้เพิ่มขึ้น
      
        แต่ด้านลบที่ยิ่งกว่านี้ และเป็นผลเสียแก่ผู้ป่วยในโครงการ 30 บาทโดยตรงก็คือ ได้รับบริการทางการแพทย์ไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็น เมื่อเทียบกับการจ่ายเงินเองตามความเป็นจริง จึงเท่ากับว่าโครงการนี้ทำให้เกิดการแบ่งชั้นการให้บริการทางการแพทย์โดยปริยาย ทั้งๆ ที่ไม่ควรจะมี
      
        2. โครงการกองทุนหมู่บ้านละ 1 ล้านบาท
      
        นโยบายนี้เป็นเสมือนดาบสองคมคือ มีทั้งแง่บวกและแง่ลบ
      
        ในแง่บวกทำให้คนในชนบทเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่าย และถ้าผู้เข้าถึงแหล่งทุนมีศักยภาพในทางธุรกิจ ก็จะช่วยให้การผลิต การขายในหมู่ชนระดับกลางลงมาถึงระดับล่าง มีโอกาสพัฒนาตนเองในด้านเศรษฐกิจได้มากขึ้น
      
        ส่วนในแง่ลบเท่าที่ปรากฏหลังมีกองทุนก็คือ การเป็นหนี้ในหมู่คนจนเพิ่มขึ้น และเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ เนื่องจากเป็นการกู้หนี้เพื่อมากินมาใช้มิใช่เพื่อการลงทุน จึงทำให้ยากจนเพิ่มขึ้นและส่งผลถึงการใช้หนี้คืนกองทุนด้วย
      
        ดังนั้น ความนิยมอันเกิดจากนโยบายประชานิยมค่อยๆ เสื่อมลงและหมดไป เมื่อรัฐบาลทักษิณได้ตกเป็นข่าวกระทำการทุจริตในเชิงนโยบายในหลายกรณี แต่ที่สำคัญและน่าจะเป็นสาเหตุให้เกิดกระแสคัดค้านจากประชาชน และถูกกองทัพโค่นล้มเห็นจะได้แก่
      
        1. การแก้กฎหมายเพื่อเกื้อกูลธุรกิจของคนในครอบครัวชินวัตร เช่น การแก้กฎหมายที่ว่าด้วยสัดส่วนการถือหุ้นของต่างชาติ ซึ่งลงทุนในประเทศไทยก่อนการขายหุ้นชินคอร์ปให้แก่เทมาเส็กประเทศสิงคโปร์ เป็นต้น
      
        2. การหลบเลี่ยงไม่ยอมเสียภาษีเงินได้อันเกิดจากการขายหุ้น
      
        3. การยินยอมให้คู่สมรสทำนิติกรรมซื้อขายกับรัฐในกรณีของการซื้อที่ดินรัชดาฯ
      
        จากการที่รัฐบาลภายใต้การนำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีพฤติกรรมกระทำผิดกฎหมายดังกล่าวแล้วนี้เอง ทำให้ประชาชนกลุ่มหนึ่งภายใต้ชื่อย่อ พธม.ลุกฮือขึ้นขับไล่รัฐบาล
      
        ในที่สุดรัฐบาลทักษิณก็ได้ประกาศยุบสภาในเดือนกุมภาพันธ์ 2549 และจัดการเลือกตั้งในวันที่ 2 เมษายน 2549 โดยหวังว่าจะได้รับเลือกตั้งมาครองอำนาจอีกครั้ง และจะได้อ้างความชอบธรรมที่ได้จากการได้รับเลือกตั้งเป็นการฟอกตัวเองทางการเมือง
      
        แต่โชคไม่เข้าข้าง เมื่อการเลือกตั้ง 2 เมษายนล้มเหลวเป็นโมฆะ เนื่องจากพรรคไทยรักไทยทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง และถูกยุบพรรคในเวลาต่อมา
      
        แต่ก่อนที่จะถูกยุบพรรครัฐบาลของทักษิณได้ถูกกองทัพโค่นล้มเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ด้วยเหตุอ้างหลายประการซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นความผิดที่ปรากฏเป็นรูปธรรม จึงเป็นอันปิดฉากรัฐบาลที่เกิดจากนโยบายประชานิยมในยุคแรก
      
        จริงอยู่ รัฐบาลของทักษิณไม่อาจถือได้ว่ามีอันต้องจบลง เนื่องจากผลกระทบในทางลบของนโยบายประชานิยมโดยตรง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าประชานิยมมิได้เป็นเหตุให้รัฐบาลทักษิณล้มลง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากนโยบายประชานิยมโดยอ้อม กล่าวคือ เมื่อได้รับความนิยมจากประชาชน และได้รับชัยชนะการเลือกตั้งโดยอาศัยนโยบายประชานิยมนี้เอง ที่ทำให้ผู้นำรัฐบาลเหลิง และหลงในอำนาจขาดสติ กล้าทำผิดกฎหมาย และกล้าแก้กฎหมายเพื่อให้ตนเองไม่ต้องทำผิดในสิ่งที่กฎหมายห้าม
      
        แต่รัฐบาลในระบอบทักษิณที่ได้รับผลกระทบในทางลบโดยตรงจากนโยบายประชานิยมก็คือ รัฐบาลภายใต้การนำของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ นอมินีคนที่ 3 ของระบอบนี้ และนโยบายประชานิยมที่ส่งผลกระทบในทางลบโดยตรงเห็นจะได้แก่
      
        1. ค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศ นโยบายนี้ถ้ามองเพียงผิวเผิน และมุ่งเน้นเฉพาะตัวลูกจ้างน่าจะเป็นด้านบวก เพราะทำให้ลูกจ้างได้เงินเพิ่มขึ้น
      
        แต่ถ้ามองให้ลึกลงไปก็จะพบว่า มีด้านลบอยู่ด้วย กล่าวคือ หลังประกาศใช้นโยบายนี้ทั่วประเทศ มีผลในทางลบเกิดขึ้น กล่าวคือ สินค้าและบริการขึ้นราคาโดยอ้างต้นทุนเพิ่มขึ้น ก่อความเดือดร้อนแก่ผู้บริโภคถ้วนหน้า รวมทั้งลูกจ้างที่ได้ค่าจ้างเพิ่มด้วย และเมื่อนำราคาสินค้าและบริการที่เพิ่มขึ้นมาเทียบกับราวได้ที่เพิ่มขึ้น ลูกจ้างก็จะเหลือเงินน้อยลง
      
        นอกจากการขึ้นค่าจ้างทำให้ข้าวของแพงขึ้นแล้ว ผู้ใช้แรงงานยังได้รับผลกระทบจากการที่ผู้ประกอบการแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไม่ไหว บางรายลดการจ้างแรงงานคน และหันไปลงทุนซื้อเครื่องจักรมาแทนคน บางรายปิดกิจการหนีการขาดทุน และในบางรายได้ย้ายฐานประกอบการธุรกิจไปยังต่างประเทศที่ค่าจ้างแรงงานต่ำกว่า รวมไปถึงเลิกการผลิตในประเทศ และนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศเข้ามาขายแทนการผลิตก็มี ทั้งหมดนี้ส่งผลกระทบถึงการจ้างงาน และเป็นเหตุให้ลูกจ้างตกงานโดยตรง
      
        2. โครงการรับจำนำข้าวในราคา 15,000 บาทต่อตันข้าวเปลือก
      
        โครงการนี้ได้ส่งผลกระทบถึงรัฐบาลอย่างมากเมื่อโครงการขาดทุนอันเนื่องมาจากรับจำนำในราคาสูง และขายออกไปในราคาต่ำกว่า แต่ที่ทำให้รัฐบาลได้รับผลกระทบมากก็คือ โครงการนี้เป็นแหล่งกอบโกยผลประโยชน์ในทุกขั้นตอน จึงทำให้รัฐสูญเสียเงินนับแสนล้านบาท และที่สำคัญเหนืออื่นใดในระยะหลังโครงการนี้ทำให้ชาวนาเดือดร้อนเมื่อนำข้าวไปจำนำแล้วไม่ได้เงิน และได้ฆ่าตัวตายไปแล้ว 10 กว่าราย
      
        นโยบายประชานิยมทำให้ระบอบทักษิณเกิด และทำให้ระบอบทักษิณตาย เมื่อกาลเวลาผ่านไปเพียง 10 กว่าปีเท่านั้น

MANA PRADITKET

MANA PRADITKET
Handpainted oil painting by Mana Praditket

NIRAN PAIJIT

NIRAN PAIJIT
Original handpainted oil painting by Niran Paijit

PRAYAD TIPPAWAN

PRAYAD TIPPAWAN
ORIGINAL IMPRESSIONAL OIL PAINTING BY PRAYAD TIPPAWAN

Achara 34 (24x36)

Achara 34 (24x36)
ORIGINALl OIL PAINTING

Amornsak Livisit 74 (24x36)

Amornsak Livisit 74 (24x36)
ORIGINAL OIL PAINTING, Impressionist style

Suwan Khanboon 11 (24x24 inches)

Suwan Khanboon 11 (24x24 inches)
Original handpainted oil painting abstract style

NIRAN PAIJIT

NIRAN PAIJIT
ORIGINAL ABSTRACT STYLE OIL PAINTING BY NIRAN PAIJIT

Chavalit (Pong)

Chavalit (Pong)
PINTO Horses

Komez 78 (22x30)

Komez 78 (22x30)
Original handpainted pastel painting on paper

KOMES

KOMES
Handpainted pastel painting by Komez

PRATHOUN

PRATHOUN
ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING BY PRATHOUN

THAVORN IN-AKORN

THAVORN IN-AKORN
ORIGINAL OIL PAINTING BY THAVORN IN-AKORN (SIZE 20x30")

THAVORN IN-AKORN

THAVORN IN-AKORN
Original oil painting by Thavorn In-akorn

Facebook


ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING

PHOTO GALLERY

PHOTO GALLERY

Facebook

PHOTO GALLERY