GREAT KING OF THAILAND, KING BHUMIBHOL

GREAT KING OF THAILAND, KING BHUMIBHOL
LONG LIVE THE KING BHUMIBHOL

วันพฤหัสบดีที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2557

ต้องต่อสู้แม้กับ “อเมริกาและสหประชาชาติ”/ช่วยกันกดไล้ค์ "องค์กรเก็บขยะแผ่นดิน" กันด้วย


ต้องต่อสู้แม้กับ “อเมริกาและสหประชาชาติ”
โดย วสิษฐ เดชกุญชร

ผมเชื่อด้วยว่านางเคนนี่และนางชัมดาซานีคงไม่มีความรู้เรื่องกฎหมายอาญาของประเทศไทยมากนัก มิฉะนั้นก็คงจะรู้ว่า ความผิดต่อพระมหากษัตริย์ไม่ใช่ความผิดต่อบุคคลสามัญทั่วไป หากแต่เป็นความผิดต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร รัฐธ...รรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกฉบับบัญญัติว่า พระมหากษัตริย์ทรงเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ เพราะไม่ตระหนักในความจริงข้อนี้

จึงพากันออกมาวิพากษ์หรือตำหนิการดำเนินคดีและพิพากษาของศาลไทยว่าไม่สอดคล้องกับมาตรฐานสากลว่าด้วยเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิมนุษยชน และเลยเถิดไปถึงเรียกร้องให้แก้ไขกฎหมายอาญาที่ว่าด้วยการหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์

ผมขอแจ้งผ่านบทความนี้ให้สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย และสำนักงานข้าหลวงใหญ่สหประชาชาติว่าด้วยสิทธิมนุษยชนทราบว่า ผมเข้าใจดีว่ามนุษยชนมีสิทธิอย่างใด แต่ผมก็เข้าใจด้วยว่ามนุษยชนคนไหนก็ตามมี หน้าที่ ด้วย หน้าที่ที่พึงปฏิบัติต่อผู้อื่น ต่อสังคม และต่อประเทศชาติที่ตนเป็นพลเมือง

การหมิ่นประมาทจาบจ้วงล่วงเกินลบหลู่หรือด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคายเอากับผู้เป็นที่เคารพสักการะของผู้อื่นนั้น เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพเกินขอบเขตที่มนุษยชนพึงใช้ และเป็นการไม่ปฏิบัติหรือทรยศต่อหน้าที่ของมนุษยชนผู้นั้น ยิ่งสำหรับประเทศไทยที่พระมหากษัตริย์ทรงเป็นที่รักเคารพและสักการะสูงสุดของคนไทยด้วยแล้ว พฤติการณ์เช่นนั้นก็ยิ่งเป็นอนันตริยกรรม ที่คนไทยไม่อาจให้อภัยได้

น่าสังเกตด้วยว่า พฤติการณ์ของนางเคนนีและนางชัมดาซานีเกิดขึ้นในขณะที่การหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ทางเว็บไซต์ต่าง ๆ กำลังเป็นไปอย่างคะนองมือ เหมือนกับว่าทั้งเอกอัครราชทูตอเมริกันและข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนไม่รู้หรือไม่ได้ดูเว็บไซต์เหล่านั้น หรือเจ้าหน้าที่ของสถานเอกอัครราชทูตและสำนักงานข้าหลวงใหญ่ไม่ได้รายงานให้นายของตนทราบ หรือเป็นเจตนาของเอกอัครราชทูตอเมริกันและข้าหลวงใหญ่สหประชาชาติ ที่จะผสมโรง?

คนไทยอกตัญญูเนรคุณจำนวนหนึ่งกำลังพยายามทำลายการปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยแบบที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ถ้าสหรัฐอเมริกาและหรือองค์การสหประชาชาติพลอยเห็นงามตามไปด้วยและหรือสนับสนุน ก็ขอให้รู้ว่ามหาชนคนไทยที่เคารพสักการะและกำลังป้องกันพระมหากษัตริย์อยู่ ก็พร้อมที่จะเป็นปฏิปักษ์และต่อสู้กับสหรัฐอเมริกาและองค์การสหประชาชาติด้วย


















....รองปลัดคลองหลอด ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล โพสต์เฟซ ชี้นิ้วกล่าวโทษ หน่วยงานความมั่นคง ไม่กำจัดขยะแผ่นดิน ที่หมิ่นสถาบันเบื้องสูง ทำให้ประชาชนว้าเหว่ เห็นด้วยอย่างยิ่งคะ "คุณเหลน" แต่ กระทรวงมหาดไทย ทำให้ประชาชน ว้าเหว่มากกว่า เย็นเยือกถึงหัวใจ เจ้ากระทรวง ขึ้นเวทีราชมังคลาฯ ยืนฟัง ตั้งอาชีวะ จาบจ้วงองค์พระประมุข จนถึงวันนี้ยังจับกุมตัวไม่ได้ และกระทรวงคลองหลอด ก็ควรมีบทบาทสำคัญ เพราะเป็นหน่วยงาน ที่เข...้าถึงประชาชน ทุกพื้นที่ของประเทศ ทำกระทรวงคลองหลอด เป็นหน่วยงานหลัก ในการรณรงค์เรื่องนี้เลย ค่ะ

....."ข้าพเจ้าขอเปิดใจพูดสักเรื่องในเช้าวันนี้ เก็บความรู้สึกนึกคิดนี้มานานพอสมควรแล้ว ข้าราชการหลายคน ผู้เป็นทั้งเพื่อนฝูงและรุ่นพี่ๆ น้องๆ ก็ถามข้าพเจ้ากันเป็นเสียงเดียว หรือแม้แต่ชาวต่างประเทศ ที่เขารักเมืองไทยมาก ไม่ใช่เพื่อหวังที่จะไปทะเลาะเบาะแว้ง ให้ต่างชาติเขาดูถูกว่าคนไทย ตั้งตัวเป็นศัตรูกันเอง และพูดจากันไม่รู้เรื่อง ข้าพเจ้านึกถึงคำสอนสุภาษิตไทยแต่โบราณ “หัวไม่ส่ายหางไม่กระดิก” ที่ข้าพเจ้าคิดว่าใช้ได้ในทุกยุคสมัย เมื่อสังคมใดประเทศใดมีปัญหา ที่มีความหมายว่า “ผู้บังคับบัญชาหรือหัวหน้าหน่วยงาน จะต้องเป็นแบบอย่างทางจริยธรรมแก่องค์กรเพื่อที่ทุกๆ คนในองค์กรจะได้เรียนรู้และปฏิบัติตาม”
แต่ในเวลานี้คนไทยอดทนกันมานานมาก ทั้งๆ ที่ข้าพเจ้าและเพื่อนๆ หลายคนรับราชการ อีกหลายๆ คนทำงานภาคเอกชน เป็นแพทย์ เป็นพยาบาล เป็นกัปตันเครื่องบิน เป็นสถาปนิก เป็นพ่อค้า เป็น อปพร. เป็นเกษตรกร เป็นกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ แต่ก็ทำให้เราทุกคนนึกถึงสมัยก่อนที่ประเทศไทยมีความเจริญรุ่งเรืองมีความร่มเย็นเป็นสุขมาก ไม่เคยมียุคใดเวลาใดในอดีตที่ผู้บริหารและกองทัพไทย จะยอมให้สถาบันสูงสุด ของชาติที่คนไทยเคารพรัก และเทิดทูนถูกข่มเหงรังแกสร้างความเจ็บปวด สร้างความเสียใจให้กับประชาชนคนไทย

.....ภาคราชการ โดยเฉพาะหน่วยงานด้านความมั่นคง ต้องเป็นแบบอย่างในการแสดงออก ถึงความจงรักภักดีด้วย ความบริสุทธิ์ใจ ทั้งต้องเป็นแบบอย่าง ที่ชัดเจนที่สุดให้กับข้าราชการ ทุกหมู่เหล่ารวมถึงนักการเมือง ความเข้มแข็งไม่ย่อท้อ ของส่วนราชการจะช่วยเสริมสร้าง ความมั่นใจ ความอบอุ่นใจ และความสุขใจในการดำรงชีวิต แก่พี่น้องประชาชนที่ต่างมีความจงรักภักดีต่อพระองค์ท่านอย่างสุดพรรณนา ภาครัฐไม่ควรเพิกเฉย ปล่อยปละละเลยความรับผิดชอบ พูดจาบ่ายเบี่ยง และสร้างความทุกข์ใจ ให้กับประชาชนคนไทย ที่แอบร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดทุกวัน

.....ข้าพเจ้ามีความคิดถึงท่านผู้บริหาร ในอดีตหลายต่อหลายท่าน ที่จะไม่ยอมให้ใครมาลบหลู่ดูหมิ่นสถาบันสูงสุด ของคนไทย ท่านเหน็ดเหนื่อยมามาก ให้กับแผ่นดินไทยและพสกนิกรทั้งมวล ทำไมท่านผู้มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบ จึงไม่เข้าใจความรู้สึกของคนไทย ทำไมท่านผู้มีอำนาจหน้าที่จึงไม่มีน้ำใจใ ห้กับคนไทยเหมือนกับเวลา ที่ให้ความสำคัญกับในเรื่องอื่นๆ ทั้งเรื่องโครงการสร้าง ระบบคมนาคมสมัยใหม่ ซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จากต่างประเทศ เปิดความสัมพันธ์กับประเทศโน้น ประเทศนี้ เรื่องการบริหารจัดการน้ำ และอีกหลายๆ เรื่อง ทำไมภาคราชการจึงทำให้คนไทยรู้สึกว้าเหว่ท่ามกลาง นานาอารยประเทศรอบข้าง ที่เขามีความสุขไม่แตกแยกไม่ทุจริตคดโกง ไม่โลภโมโทสัน

.....ความในใจนี้คงสามารถถ่ายทอด ออกมาได้เพียงส่วนหนึ่ง แต่ที่ยังอยู่ในใจของข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้าไม่ทราบจะพูดอย่างไร ให้พี่น้องและเพื่อนข้าราชการได้เข้าใจ ความรู้สึกในส่วนลึกของข้าราชการคนหนึ่ง ซึ่งอายุมากแล้วคนนี้ ข้าพเจ้ารักประเทศไทยมาก เช่นเดียวกับพี่น้องชาวไทยทุกๆ ท่าน เราเกิดบนแผ่นดินนี้ เราตายบนแผ่นดินนี้เฉก เช่นบรรพบุรุษไทย เราไม่ร่ำรวยที่จะไปมีบ้านเรือนใหญ่โต ในต่างประเทศ ไม่สามารถซื้อสินค้าราคาแพงๆ แต่เรามีหัวใจไทยเดียวกัน เรารักล้นเกล้าฯ ทั้งสองพระองค์มาก

กราบมายังทุกท่านผู้เป็นที่เคารพรักยิ่ง ของกระผมเนื่องในโอกาสสงกรานต์ ๒๕๕๗




เรียนประชาชนผู้มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ต่อไปนี้ ขอประกาศเปิดองค์กร เก็บขยะแผ่นดิน เพื่อขจัดพวกหมิ่นและแนวร่วม ให้หมดสิ้นจากแผ่นดินไทย
..... พลตรี เหรียญทอง แน่นหนา

กดไล้ค์เพจกันด้วยนะคะ

https://www.facebook.com/thaigoldmedal






เสธ.น้ำเงิน แฉ…ปมเหตุเสื้อแดงหมิ่นเบื้องสูง และพระราชทรัพย์ของราชวงศ์จักรี

13 เม.ย.57 เผย..ปมเหตุเสื้อแดงหมิ่นเบื้องสูง และพระราชทรัพย์ของราชวงศ์จักรี
ราว 10 กว่าปีที่ผ่านมา บริษัทเผาไทย เจ้าของลัทธิทุนนิยมสุดโต่ง ร่วมกับคอมมิวนิสต์อกหักกลายพันธ์ ที่พ่ายแพ้สมัย นักฆ่าแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา เป็นนายก มีความพยายามจะรวบอำนาจการบริหารประเทศ ให้เป็นเหมือนบริษัทเอกชน จึงดำเนินการราว 5 แนวทางที่สำคัญ ตามลำ...ดับ คือ

1. มุ่งสู่การบริษัทการเมืองเดียว ในยึดอำนาจบริหาร และนิติบัญญัติ โดยวิธีการ
- ไม่สร้างพนักงาน ส.ส.ใหม่ แต่ใช้วิธีเป็นยี่ปั้วไปซื้อตัวพนักงาน ส.ส.จากบริษัทอื่น ที่เขาเป็นอยู่แล้ว ด้วยราคา 50-60 ล้านบาทต่อหัว

- บีบบังคับให้ยุบบริษัทเดิม มาควบรวมกิจการ กับบริษัทเผาไทย แต่แบ่งย่อยเป็นมุ้งเล็ก มุ้งน้อย และมี CEO เป็นชายดูไบ ชี้นิ้วสั่งการตั้งแต่สากกะเบือ ยันเรือรบ เสมือนฮิตเลอร์ ของบริษัทว่างั้นเถอะ

- ช่วงแรกๆ ชายดูไบ จะมีค่าหัวคิวการเสนอชื่อเป็น รตม.เช่น รมต.ค้าขาย 250 ล้านบาท ถ้ายังไม่มีเงิน ก็โอนโรงแรมให้เขา เป็นค่าหัวคิวแทน ตามที่เคยเล่าไปแล้ว

- ต่อมาคดโคงจนรายได้ดี ก็จะมีเงินเดือนบริษัทจ่าย ส.ส. , ส.ว. ต่างหากจากเงินเดือนหลวง ในอัตราเดือนละ 50,000 – 100,000 บาท , ค่าคอมมิสชั่นยกมือผ่านกฎหมายอีกต่างหาก เช่น ถ้าเรื่องสัมปทานแบบนี้จะตกราว Job ละ 5 แสน – 1 ล้านบาท , เทศกาลทางประเพณีมีโบนัสต่างหากราว 1 แสนบาท

- ต่อมาใครจะลง ส.ส.แบ่งเขต หรือปาร์ตี้ลิส , ส.ว.ประเภทเลือกตั้ง , ใครจะเป็น รมต. , ผู้ช่วย รมต., เลขา ฯลฯ ต้องทำบัญชี 1,2,3 เสนอ CEO ชายดูไบ Approved ก่อน และเขาจะปรับแก้ ตามเงินที่เสนอให้ เช่น ต้องการสมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิส ลำดับต้นๆ ต้องจ่าย 60 ล้านบาท

- ตำแหน่ง รตม.ไม่ต้องพูด และคิด มีหน้าที่เซ็นต์อนุมัติ ตามที่มี Note ปะหน้าหนังสืออย่างเดียว ทุกโครงการต้องจ่ายให้ CEO บริษัท 50% ผ่านสารพัดนอมินี ที่เหลืออีก 50% เจ้าของโครงการไปโกงเอาเข้ากระเป๋าเองตามใจชอบ เม็ดเงินโครงการ 100 % จะเหลือไปถึงประชาชนจริงๆ ไม่เกิน 5-10 % เท่านั้น จึงเป็นสาเหตุสร้างถนนก็พัง , ตึกก็ร้าว, สีก็ร่อน , วัสดุ อุปกรณ์ เจ้งวินาศหมด จะได้ตั้งโครงการจัดซื้อ จัดจ้างใหม่บ่อยๆ เขาชอบ

2. หลอกมวลชน คือ เข้าถึงระบบรากหญ้า ที่เป็นมวลชนยากจนจำนวนส่วนใหญ่ของประเทศ ให้ทั่วถึงมากที่สุด โดย

- ให้ข้อมูลเฉพาะมุมที่ดี และกระทำในสิ่งที่หัวหน้าชุมชน รับนโยบายจากบริษัทเผาไทย ไปถ่ายทอดสู่คนรากหญ้า

- เสกสรรปั้นแต่งให้เวอร์เกินจริง เช่น หลอกรากหญ้าว่าถ้าเลือกบริษัทการเมืองอื่น จะยกเลิก 30 บาทรักษาทุกโรค, จะยกเลิกการพักหนี้ ธ.ก.ส. , จะยกเลิกการจ่ายเงินเดือนคนแก่ , จะไม่ให้กู้กองทุนหมู่บ้าน ฯลฯ

3. รื้อระบบราชการเดิมที่เข้มแข็งทั้งหมด แล้วทำให้อ่อนแอ โดย
- ใช้ระบบซื้อขายตำแหน่ง แล้วแต่งตั้งไปอยู่ในระดับมอบนโยบายทางราชการทุกส่วน หรือแต่งตั้งโยกย้ายระดับรองลงไป

- ล้วงลูก ก้าวก่าย บังคับ ระบบงานราชการ ให้ทำผิดจากหน้าที่ตามที่ CEO บริษัทเผาไทยต้องการ

- คัดเลือกคนไปเป็น ข่มขู่ ติดสินบน หรือบีบบังคับองค์กรอิสระต่างๆ เช่น กกต. ปปช. ฯลฯ ให้ขึ้นตรงกับหัวหน้าบริษัทเผาไทยเพียงคนเดียว “ ไฮ้!! ฮิตเลอร์ “

4. หนุนทุนนิยมอย่างบ้าครั้ง ให้ประชาชนอุปโภคและบริโภคทรัพยากรมากๆ คือ
- ให้ใช้จ่ายในสิ่งที่ไม่จำเป็นในชีวิตประจำวัน ของฟุ่มเฟือยต่างๆ เช่น กู้กองทุนหมู่บ้านมาซื้อโทรศัพท์มือถือ , รถมอเตอร์ไซต์ , คนชั้นกลางก็ยุให้ซื้อรถยนต์ บ้านจัดสรร เพราะพรรคพวกตนผลิตของ และอะไหล่ไว้รอจำหน่ายแล้ว

- โฆษณาชวนเชื่อ ด้วยสื่อมวลชนรับจ้างในเครือข่าย ที่ถูกซื้อตัว ให้สร้างภาพบริษัทเผาไทย จากผิดเป็นถูก และ CEO เก่งเกินมนุษย์ ตลอดเวลา ตามวิธีการ 7 อย่างที่เคยเล่าไปแล้ว

- หาเรื่องลงทุนในโครงการใหญ่ๆ อ้างว่ายกระดับคุณภาพชีวิตให้ประชาชน เช่น ปล่อยข่าวว่าจะยุบโรงเรียนขนาดเล็กหลายหมื่นโรงให้ปั่นป่วน แล้วไปตั้งโครงการซื้อรถตู้แสนแพงไปแจกโรงเรียน แค่อยากได้เปอร์เซ็นต์ , ซื้อแท๊ปเล็ตพีซี เป็นล้านเครื่อง จากตัวแทนเทียมที่มีออฟฟิสเป็นอาแปะ กับอาม่า แค่ห้องแถวเดียว ฯลฯ

5. บั่นทอนสถาบันเบื้องสูง ที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศ โดย
- เต้าข่าว ปล่อยข่าว ให้ร้ายเบื้องสูง เสียๆ หายๆ ให้ประชาชนผู้หูเบา ซุบซิบนินทา ให้คล้อยตาม เช่น เต้าข่าวว่ามีความขัดแย้งในราชวงศ์ เรื่องการตั้งรัชทายาท เรื่องการเลือกข้าง จากต้นตอหลัก คือ ท่านผู้หญิง ว.ผ่านเครือข่ายของมวลชนบริษัทเผาไทย โดยที่ไม่มีมูลความจริงใดๆ สักเพียงน้อย

- ผสานกับ NGO ที่เป็นนักวิชากำกวม , สื่อวิทยุออนไลน์ต้นต่อจากต่างประเทศ , เว็ปไซต์ , สื่อสังคมออนไลน์ , วิทยุชุมชน, แดงล้มสถาบัน โดยอ้างง่ายๆ ว่าต้องการความเท่าเทียม ในความเป็นจริงเบื้องหลัง คือ กลุ่มพวกนี้ได้ทุนอุดหนุนที่กองทุนต่างชาติเอกชนแห่งหนึ่ง เมืองลุงแซม ที่ให้ทุนปี 1,500 ล้านบาท เพื่อให้ใส้ร้ายสถาบันเบื้องสูง ในทุกประเทศที่ยังมีสถาบันนี้อยู่

- ในไทยมีฐานเป็น NGO ใหญ่ทำงานกับต่างชาติอยู่อำเภอแห่งหนึ่ง ในจังหวัดที่วางแผนจะตั้งเป็นเมืองหลวงใหม่ สปป.ล้านนา โดยแอบแฝงในรูปการทำวิจัย เพื่อฟอกเงินให้กับนักวิชากำกวมหลายคนในส่วนกลาง และภูมิภาค เช่น มหาวิทยาลัยตีหนึ่ง

- เครือข่ายวิทยุชุมชน มีเครือข่ายโกเต็กเรดการ์ด เป็นแกนสำคัญในนาม กวป. ล่าสุดมีการเผยแพร่ใบสมัคร และเรียกประชุมกันที่ รร.แห่งหนึ่ง ฝั่งเดียว ใกล์กับศูนย์ราชการนนท์ ชี้แจงการโอนเงินสนับสนุนสถานีภาคเหนือ และอีสาน เดือนละ 5 พันบาท , ภาคไต้เดือนละ 1 แสนบาท แกนนำสถานี 2 แสนบาท โดยมีข้อแม้ว่าต้องเกี่ยวสัญญาณเสียงหมิ่นเบื้องสูง ที่ต้นทางมาจากต่างประเทศ เช่น ชูพงศ์, เพียงดิน ที่เจาะวิทยุแท็กซี่ หรือ ในประเทศจากเครือข่าย กวป. ฯลฯ จากระบบอินเตอร์เน็ตของแก๊งค์นี้ วันละไม่ต่ำกว่าระยะเวลาที่กำหนด

- ทางเว็ปไซต์และสื่อสังคมออนไลน์ จ้างไว้ 3 พันคน เงินเดือนประมาณ 2.8 หมื่นบาท ให้ตัดต่อภาพ โพสป่วน ปล่อยข่าวลือให้ร้าย โพสหมิ่นเบื้องสูง สร้างเว๊ปไซต์หมิ่น เช่น เว็ปประชาลาว , พันทิบ ชื่อห้อง เหมือนสนามมวยแห่งหนึ่ง แก๊งค์นี้ได้รับทุนหนุนจากแก๊งเลวแล้วรวย และ รมต.เทคโน มีการจัด Meeting ร่วมกันเป็นประจำ

ในสภาพความเป็นจริงคือ สถาบันเบื้องสูง และรัชทายาท ทุกพระองค์ ไม่เคยลงมายุ่งเกี่ยวใดๆ ทางการเมืองเลย ข่าวที่เกิดขึ้นตลอดมา จึงเป็นเรื่องโป้ปดมดเท็จ ตัดต่อภาพนิ่ง วิดีโอ ที่เกิดจากแก๊งค์นี้นั่นเอง สาเหตุสำคัญที่แก๊งค์อั้งยี่แดง ต้องการทำลายและล้มล้างสถาบันเบื้องสูง ก็เพราะยังเป็นสถาบันหลัก ที่คนไทยทุกสีเคารพและศรัทธา ตามรากฐานวัฒนธรรมดังเดิมกว่า 800 ปี ที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ยังคงสามารถสร้างความสมัครสมานสามัคคี ยึดโยงเป็นปึกแผ่น เป็นศูนย์รวมใจของประชาชนไทยไว้ได้

ไม่ได้เกิดจากการอำนาจ แต่เกิดจากทรงพระปรีชาสามารถ ทรงคุณงามความดี และมีพระเมตตา แก่ราษฎรทุกคน ทุกศาสนา อย่างทั่วถึงเท่าเทียมกัน จึงเป็นจุดแข็งให้อำนาจตุลาการ มีความเข้มแข็ง ตรงไปตรงมา ให้ความเป็นธรรมกับประชาชน ไม่ว่าร่ำรวย หรือยากจน ก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายกติกาเดียวกัน ทำให้บริษัทเผาไทยยึดอำนาจประเทศได้แค่อำนาจบริหาร และนิติบัญญัติ เท่านั้น การคดโกงต่างๆ จึงไม่รอดจากอำนาจตุลาการได้นั่นเอง

เมื่อแทรกแซงอำนาจตุลาการไม่ได้ ก็ต้องทำลายสถาบันเบื้องสูงเสีย และแก้กฎหมายใหม่ เช่น พรบ.ล้างผิดสุดซอย , เพื่อให้ตุลาการต้องตัดสินตามความต้องการของตน แต่ก็มาถูกมวลมหาประชาชนนำโดยกำนัน รู้ทันและออกมาขัดขวางจนแท้งไปอีก จะสลายมวลชน กปปส.ก็โดนนักรบป๊อบคอร์นสลายชุดดำซะเอง ต่อมาพวกโลกสวยต้องออกมาเรียกร้อง ขอให้เอาบังเกอร์ออกไป กดดันชายชุดเขียวที่วางกำลังเรือนหมื่น ให้ถอนกำลังเข้าที่ตั้งไป เพื่อที่แก๊งค์ก่อการร้ายสากล จะได้บรรจงเล็งยิงอาวุธสงคราม M79 ใส่ศาล ปปช. มวลมหาประชาชนได้สะดวกแม่นยำ แต่ก็ไม่ใครสนใจใยดีทำตาม ทำให้แดงพวกนี้ดิ้นๆๆๆ ที่ทำอะไรไม่ได้เลย จึงต้องหันมาเร่งให้โจมตีให้ร้ายเบื้องสูงอย่างหนักอีกครั้ง บริษัทเผาไทย และแก๊งค์อั้งยี่แดง จึงเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการที่สำคัญ ของพวกนักวิชากำกวม แดงโลกสวย และแดงหมิ่นสถาบันนั่นเอง

มีการโจมตีให้ร้ายเรื่องทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ โดยให้ข้อมูลผิดๆ กับพวกที่หูเบา เชื่อคนง่าย เกี่ยวกับทรัพย์สินมูลค่ามาก ของ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตรย์ ที่ฝรั่งไปเอามูลค่าของบริษัท ในตลาดหลักทรัพย์ เช่น บริษัทปูน ธนาคารค้าขาย ฯลฯ มารวมเหมาเอาว่าเป็นทรัพย์สินของในหลวงด้วยนั้น เป็นเรื่องที่ใส่ร้ายทั้งเพ

ทรัพย์สินของพระมหากษัตริย์ เดิมทีเป็นพระราชทรัพย์ของราชวงศ์จักรี ได้ถูกยึดมาเป็นของรัฐ ทั้งหมดนานแล้ว เมื่อครึ้งปฎิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองฯ เมื่อ พ.ศ. 2475 ทั้งหมดได้ตกเป็นของรัฐไปหมดแล้ว โดยรัฐสมัยนั้นออก พรบ.จัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ พ.ศ. 2479 และได้จัดตั้งหน่วยงานขึ้นมาดูแล คือ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เดิมมีสถานะเป็นหน่วยราชการระดับกอง ในสังกัดกระทรวงการคลัง ให้ รมต.คลังของรัฐ แต่ละสมัยเป็นประธานควบคุมดูแล

ต่อมามีการแก้ไขปรับปรุง จนจัดตั้งยกระดับหน่วยงานขึ้นมาดูแลใหม่ มีสถานะเป็นนิติบุคคลเมื่อปี พ.ศ. 2491 ที่ตั้งอยู่ที่ วังแดง ถนนนครราชสีมา เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ที่ดินของราชวงค์ ก็ถูกยึดมาใช้ประโยชน์เรียกว่า ที่ดินราชพัสดุ , สมบัติที่ยึดมาทั้งหมด กระทรวงการคลัง ก็ดูแลออกดอกออกผล อยู่จนถึงบัดนี้ โดยทรัพย์สินส่วนนี้จึงไม่ต้องเสียภาษีเพราะเป็นของรัฐเอง ใครเป็นรัฐบาลก็จะได้ใช้ประโยชน์

ธนาคารออมสิน รัชกาลที่ 6 ก็ทรงตั้งด้วยเงินส่วนพระองค์เริ่มต้นเอง ท่านวางระเบียบไว้เดิมให้เสนาบดีพระคลังเป็นคนดูแล จนถึงปัจจุบันมีเงินเพิ่มพูนเป็นแสนล้านบาท ก็กลายเป็นธนาคารของรัฐ 100 เปอร์เซ็นต์ไปแล้ว ปัจจุบัน รมต.คลัง ก็เป็นคนดูแลเอง ตั้งกรรมการได้เอง ทั้งคณะ รัฐจึงเอาเงินไปใช้ได้สะดวก..นี่แหละที่ชายดูไบ ถึงเคยพูดว่าให้ตั้งมันเป็นที่ปรึกษา สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เพราะว่ามันจะเข้าไปถลุงสมบัติชาตินี้ ไปเป็นของตระกูลมันเอง..เสื้อแดงตาสว่างหรือยัง?

ดังนั้นใครกล่าวร้ายว่าพระองค์ท่านร่ำรวยที่สุดในโลกนั้น ท่านกำลังทำบาปอย่างมหันต์ เพราะทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ปัจจุบันนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับสถาบันเบื่องสูงเลยสักน้อย พระราชวงค์ไม่มีสิทธิ์ใดๆ ในทรัพย์สิน หรือในธนาคารใดๆ เลย..เคยมีบันทึกในประวัติศาสตร์รัชกาลที่ 8 ไว้ว่า ” แม้แต่รถก็ไม่มีให้ใช้ หากแม่เราป่วยจะไปโรงพยาบาลจะไปอย่างไร “..จะพูดก็ได้ว่า ในหลวงรัชกาลปัจจุบัน ท่านทรงเป็นพระมหากษัตริย์ ที่ทรงยากจนทรัพย์มากด้วยซ้ำไป

ที่เป็นทรัพย์ของส่วนพระองค์ จริงๆ ก็เกิดการที่ประชาชนสาขาต่างๆ บริจาคให้ตามพระราชอัธยาศัย หรือโดยเสด็จพระราชกุศลเข้ามูลนิธิต่างๆ เช่น มูลนิธิชัยพัฒนา ฯลฯ ทรัพย์ที่บริจาคก็ เช่น ที่ดิน ทุนทรัพย์ ฯลฯ ที่เราเห็นทางทีวีบ่อยๆ นั่นเอง แต่มีไม่มากนัก ทรัพย์ส่วนนี้เรียกว่า “ทรัพย์สินส่วนพระองค์” และในหลวงท่าน ก็จะเสียภาษีอากรภายใต้กฏหมายเหมือนประชาชนทั่วไปนั่นแหละ ใครอยากรู้ว่ามีเท่าไร ก็ไปตรวจสอบที่กรมสรรพากรเอา ทรัพย์สินส่วนนี้ดูแลโดยสำนักงานจัดการทรัพย์สินส่วนพระองค์ และทรัพย์สินส่วนสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ซึ่งอยู่ในความดูแลของสำนักพระราชวัง

ยามประชาชนเดือนร้อน และทุกข์ยาก ในหลวง พระราชินี และองค์รัชทายาท ท่านก็จะพระราชทานให้นำทรัพย์สินส่วนพระองค์นั้น กลับคืนมาสู้ราษฎร์ของท่านอีก เช่น ทรงบริจาคที่ดินทำกินประเดิมให้ผู้ยากจน ถุงยังชีพพระราชทานยามเกิดอุทกภัย หรือภัยพิบัติ หรือโครงการพระราชดำริส่วนพระองค์ต่างๆ

จะมีราษฎรสักกี่คนที่ทราบว่า วังสวนจิตรที่ในหลวงประทับนั้น เป็นบ้านที่เล็กกว่าบ้านของเศรษฐีไทยหลายพันคน และเล็กกว่าแม้กระทั่งบ้านของอดีต รมต.หลายร้อยคนด้วยซ้ำ วังสวนจิตรลดาถึงแม้จะมีบริเวณใหญ่ แต่ส่วนที่เป็นที่ประทับมีบริเวณเล็กมาก ที่ดินส่วนใหญ่เป็น โรงเรียน โรงงานทดลองทำปุ๋ย แปลงนาสาธิต โรงเลี้ยงวัว ทดลองปลูกข้าว โรงสี ฯลฯ มีวังกษัตริย์ประเทศไหนเป็นแบบนี้บ้าง ลองตรองดูกันเถอะ

ใครไม่เชื่อและอยากตรวจสอบตามที่เห็นพูดเหย็งๆ กัน อย่ารอช้า ให้ไปพิสูจน์ด้วยตาตนเองเลย ประชาชนทั่วไปเขาอนุญาตให้เข้าไปได้สะดวกง่ายๆ ถึง รร.จิตรลดา เลย ได้โดยขอแลกบัตร ได้จากบริเวณโรงเรียน ก็สามารถมองเห็นอาคารที่ในหลวงประทับ ห่างออกไปเพียงไม่ถึง 100 เมตรเท่านั้น พวกที่หมิ่นทั้งหลาย กล่าวร้ายว่าท่านร่ำรวย อย่าเชื่อใคร แต่ให้ไปเห็นด้วยตาตนเอง เห็นกับตาว่าพระองค์ท่านกิน อยู่ แบบคนไทยชั้นกลางทั่วๆ ไป เท่านั้นเอง ไม่ใช่แบบเศรษฐีไทย อย่างแน่นอน

ช่างซ่อมรองพระบาท (รองเท้า) ของพระองค์ท่าน เล่าว่า ท่านจะส่งรองเท้าเก่าๆ ของท่านมาซ่อมตลอด จนซ่อมไม่ไหว รองพระบาทเก่าคู่นั้น ช่างยังเก็บไว้ให้เราไปดูได้ , สมาคมทันตแพทย์ไทย เคยไปขอพระราชทานหลอดยาสีฟันเก่า ที่ทรงใช้ได้จนหยดสุดท้าย โดยรีดจนหลอดแบนเป็นกระดาษ ไปขอดูที่สมาคมฯ ได้เลย , แม่แต่ดินสอดำ ที่พระองค์ท่านทรงขีดเขียนงานต่างๆ ท่านก็ทรงเบิกใช้เพียงเดือนละ 1 ด้ามเท่านั้น และพระองค์ท่านก็เขียนและเหลา เสียจนสั้นจู๋เลย

เงินที่คดโกงจากภาษีประชาชนไป ลูกสาวทอม เลสเบี้ยน ของชายดูไบ ใช้ชีวิตหรูหรา เที่ยวเมืองนอก กินไข่ปลาแพงๆ ถ้วยละ 2 แสนบาท , สมุนบริวาร เอามาจ้างหลอกประชาชนมาชุมนุม หัวละ 300, 500, 1000 บาท แล้วอมคาหัวคิวนี้ไป คากคกตู่ซื้อนาฬิกาเรือนละล้านกว่าบาทใส่ , ใส้เดือนเต้นขึ้นบ้านใหม่ 70 ล้านบาท , ไข่มุกดำ มีร้านอาหารอยู่เมืองผู้ดี..เรียกร้องประชาธิปไตยกันจนน้ำลายหก..แล้ววันนี้คนเสื้อแดงรากหญ้ามีอะไร?..ได้เงินจำนำข้าวหรือยัง?..ไปถาม รมต.ช.ค้าขายหน่อย ว่าสต๊อคข้าวเหลือกี่ตัน ขายไปแล้วกี่ตัน..ดูซิมันจะตอบคำถามง่ายๆ แบบนี้ได้ไหม?

พวกหมิ่น กล่าวร้ายเบื้องสูงอยู่ มีวาสนาแค่ไหนแล้ว ที่ได้เกิดมาในประเทศไทยที่แสนจะมีความสุขสบาย ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว และมีพระมหากษัตริย์ที่แสนจะประเสริฐ การใส่ร้าย ป้ายสี พระองค์ท่านต่างๆ นาๆ ไม่ได้ให้ความเป็นธรรมกับพระองค์ท่านเลย อยากจะบอกว่าในหลวงท่านถูกรังแก จากราษฎรที่ไม่ดีของท่านเอง

มีพวกบ้าโรคจิต ที่ออกมาเรียกร้องให้ยกเลิก มาตรา 112 อยากจะถามว่ามีมาตรานี้แล้วมันทำให้กินเงินจำนำข้าวไม่ลง , ยิง M79 ไม่ได้ , ว.5 ไม่สะดวก , กู้มาโกง 2.2 ล้านๆ ไม่ได้ หรือมันหนักกะบาลใครตรงไหน? มาตรานี้ เป็นหนึ่งในประมวลกฎหมายอาญา มีเนื้อหา คือ “มาตรา 112 ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จ ราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี”

มาตรานี้ไม่มีผลอะไรเลยกับคนทั่วไปเลย แต่มีผลกับคนหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย เบื้องสูงเท่านั้น ถ้าใครไม่ทำก็ไม่เห็นต้องดิ้นรนไปทำไม เหมือนกฎหมายบัญญัติว่าถ้าโกงจำนำข้าวจะต้องออกจากตำแหน่ง และต้องติดคุก..ก็ถ้าไม่ได้โกงจำนำข้าวจะมาเดือดร้อน ดิ้นๆๆ ทำไม !!

พวกเราธรรมดาใครมาหมิ่นประมาทก็สวนตอบโต้ได้ แต่เบื้องสูงท่านลงมาโต้ตอบกับพวกหมิ่นไม่ได้เหมือนคนทั่วไป จึงจำเป็นต้องมีมาตรา 112 นี้ไว้ กันพวกทุยแดงตกมันมาขวิดเอา ประมุขของประเทศใดก็ตาม ย่อมถือเป็นเกียรติยศสูงสุดของประเทศนั้น แค่มีมาตรา 112 ทุยแดงยังหมิ่นกันขนาดนี้ และอาฆาดมาร้ายท่าน กันทุกวัน ถ้าไม่มีมาตรา 112 พวกนี้ก็จะรังแกท่านสบายเลย โดยที่ท่านก็ทำอะไรไม่ได้ สรุปกฎหมายมาตรานี้มีไว้เพื่อปกป้องพระองค์ท่านจากคนพาลนั่นเอง

ส่วนบางคนก็สงสัยว่า ชายดูไบ ทำไมถูกพิพากษาโดยศาลเดียว? และจำคุก 2 ปี ทำไมไม่กลับมารับโทษสักพัก ก็ออกมาได้แล้ว ? เรื่องนี้อธิบายดังนี้

1. ถูกพิพากษาโดยศาลเดียว คือ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งการเมือง ก็เพราะกฎหมายเขาเขียนไว้ เพราะนักการเมืองมีวาระแค่ 4 ปีเอง และส่วนใหญ่ก็หลุดจากตำแหน่งก่อนวาระเสมอ รมต.บางคนเป็น 6 เดือนเอง สมัยปูเน่าปรับ รมต.ถี่มาก ราวกว่า 200 คนได้มั้งที่ได้เป็น รมต. (นับรวมคนที่เป็นซ้ำด้วย) แทบเป็น รมต.กันทั้งบริษัทอยู่แล้ว แล้วแบบนี้จะให้สู้คดี 3 ศาล เป็น 10 ปีได้ไง มันก็ตายไปก่อนแล้ว และพวกนี้เล่ห์เหลี่ยม และเงินมาก กฎหมายเขาถึงบัญญัติให้ศาลเดียวพอ

2. จำคุก 2 ปี ทำไมไม่กลับมารับโทษ..มันตัดสินไปได้แค่คดีเดียวแล้วเหลี่ยมมันหนีเตลิดไป มันยังมีคดีค้างที่ศาลอีกราว 15 คดีที่รออยู่ และคดียังไม่จำหน่าย จะเดินหน้าพิจารณาคดีก็ไม่ได้ เพราะผู้ต้องหายังไม่มาปรากฏตัวในการพิจารณาคดีนัดแรก..ขืนเหลี่ยมยอมมาเข้าคุกคดีที่ตัดสินไปแล้ว ก็จะต้องถูกอายัดตัวทันที นำขึ้นปรากฏตัวในที่ดีที่เหลือ 2, 3,4…15 ที่นี้การพิจารณาจะเป็น Auto Run ไปเรื่อยๆ จนถึงพิพากษาได้เลย โดยไม่สนใจว่าเขาจะอยู่ที่ไหน

ที่นี้เหลี่ยมก็กลัวซิ ขึ้นเจอจำคุกอีกสัก 10 คดี x 2 ปี = 20 ปี..พอออกจากคุกคดีแรก ก็ต้องมาติดคุกต่อคดีที่ 2 ที่ 3…ที่ 10 เพราะคดีต่างเรื่อง ต่างกรรม ต่างวาระกัน..ก็ตายคาคุกซิ นี่แหละที่เหลี่ยมกลัวหนักหนาไม่กล้าเข้ามา ทั้งที่ทุกคนก็กวักมืออยากให้เข้ามาวันนี้เลย จะช้าอยู่ใย มันถึงอยากให้นิรโทษกรรมไง จะได้ล้างคดีเก่า และคดีที่กำลังรอพิจารณาอยู่ แถมยังจะต่อรองเอาเงินที่โกง 4.6 หมื่นล้านบาทคืน บอกว่ากว่าจะโกงมาได้ขนาดนี้ยากนะ ขอคืนเถอะ..บ้าไปแล้ว แบบนี้เหลี่ยมก็ต้องหนีโทษจำคุกคดีแรกต่อไป จนกว่าจะหมดอายุความ 15 ปีนับแต่วันพิพากษา

ช่วงสงกรานต์นี้ เขาจึงทำได้เพียงสไกป์จากเกาะฮ่องกง มาหาญาติที่เชียงใหม่ หน้าตาไม่สดชื่น แววตากังวล หน้าเหี่ยว ใหล่ห่อ คอตก มีเงินมากมาย แต่หาความสุขสบายที่แท้จริงไม่ได้ เพราะหมิ่นเบื้องสูง พอลูกน้องถามท่านจะเอายังไง ชายดูไบ ตอบว่า “ผมไม่ยอม ให้พวกเราลงใต้ดิน” เพราะเขาสะกดคำว่าแพ้ไม่เป็นจริงๆ..หลังสงกรานต์คนเสื้อแดงที่มาชุมนุม ได้ลงไต้ดินแน่ๆ เตรียมถูกพวกเดียวกันบอมบ์ ศพแหลกเหลวถูกฝังอยู่ไต้ดินนั่นแหละ

จับตาหลังสงกรานต์ เพราะเขาจะไปจีน เพื่อให้ครอบครัวและวีไอพีอีกสาย “เผ่นหนี” ออกนอกประเทศตามไปสมทบ ไปเสวยสุขอยู่ต่างประเทศ งานนี้คนเสื้อแดงเตรียมล่ำลาญาติเสียก่อนถูกหลอกจ้างมาชุมนุมลอยแพนะ เพราะ “บอมบ์ “สังหารคนเสื้อแดงด้วยกันเองคราวนี้ ระเบิดแสวงเครื่องที่แก๊งค์อั้งยี่แดงทำไว้มันแรงมาก ชิ้นส่วนร่างกายจะขาดกระเด็นจากกันไปคนละทิศละทาง ใส้แตกแหลกเละ จะสั่งลาคนที่บ้านไม่ทัน ส่วนพวกที่เหลือก็ติดคุก และโดนคดี หมดเนื้อหมดตัวกันไป..มุกเดิม

ทุยแดงพวกนี้ทำเวรทำกรรมมามาก เห็นผิดเป็นชอบ ไร้สติ ขาดปัญญารุนแรง แบบกู่ไม่กลับ ตัวเองไม่ค่อยจะมีหญ้าแดก แต่ออกมาต่อสู้เพื่อให้เศรษฐีแสนล้านกินไข่ปลาคาเวียร์ ที่เป็นโรคจิต ได้กลับมามีอำนาจ ข่มเหง แบ่งแยกชนชั้น และทำร้ายประเทศชาติบ้านเกิดเมืองนอน

ครั้งก่อน ค่ำวันเสาร์ที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา แก๊งค์แดงใส้แตก ก่ออุบาทพระเพลิง บางรายรับกรรมระเบิด “ไปป์บอมบ์บ์” โดนตัวเองจนแขน ขา กระเด็นไปคนละทิศละทาง ที่ซอยราษฎร์อุทิศ 25-27 ใกล้สุเหร่าทรายกองดิน แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี ผลการตรวจหลักฐานครั้งนั้นพบระเบิด “ไปป์บอมบ์บ์” อีกหลายลูกในเวลาต่อมา ตรวจค้นบ้านเช่าของแก๊งค์นี้ พบอุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องไม้ รวมทั้งวัสดุ ประกอบระเบิดแสวงเครื่องอีกเพียบ

บ้านเช่าหลังนั้นเป็นแหล่งซุกซ่อน และผลิตวัตถุระเบิดชนิดแสวงเครื่อง ของกลางที่ตรวจพบในบ้าน และรอบๆ บริเวณบ้านเช่ากว่า 20 รายการ ที่ยึดได้ เช่น กระเดื่องถังดับเพลิง 9 อัน , หัวถังดังเพลิงพร้อมกระเดื่อง 1 อัน , แผ่นกระดาษอธิบายการทำงานของวงจรตั้งเวลา 1 สัปดาห์ 4 ชุด , ซากโทรศัพท์มือถือยี่ห้อหนึ่งที่นิยมนำมาประกอบเป็นระเบิด , หัวตะปูที่ถูกตัดแล้ว คล้ายเหล็กตัดท่อนเพื่อทำเป็นสะเก็ดระเบิด , บัตรเติมเงินโทรศัพท์ , เศษสายไฟ , ถุงมือ , กาวซีเมนต์ , ม้วนตะกั่วบัดกรี , ซากระเบิดปิงปอง ,กระป๋องที่มีคราบดินระเบิด , หมายเลขโทรศัพท์ที่ถูกฉีกทำลาย , หน้ากาก , แว่นตา , เศษซองปืน , สัญญาเช่าบ้านหลังนี้ , เอกสารเกี่ยวกับบุคคล , เสื้อผ้า ของใช้ , ลายนิ้วมือ ฯลฯ

รอบๆ บริเวณบ้าน มีการเผาถุงดินระเบิด และชนวนระเบิดปิงปอง รวมทั้งพบถังปูน 2 ถัง ที่มีการเผาทำลายก้นถังด้วย ภายในตู้เสื้อผ้ามีเสื้อสีแดง และสัญลักษณ์แก๊งค์แบ่งแยกดินแดน นปช.แขวนอยู่อย่างโจ่งแจ้ง แก๊งค์นี้เร่งผลิตระเบิดเพื่อให้ทันกับการสร้างสถานการณ์ความรุนแรงที่จะ “ บอมบ์คนเสื้อแดงด้วยกันเอง ในช่วงหลังสงกรานต์ “ เพื่อให้แกนนำแดง เช่น ผู้พันเปีย แนวคิดการปฏิวัติฝรั่งเศส และแกนนำสู้แล้วรวย จะได้ใส้ร้าย ป้ายสี โยนความผิดให้สถาบัน ชายชุดเขียว มุกเดิมเหมือนปี 53 “ แต่คนเสื้อแดงตายจริง “

บ้านเช่าหลังนั้น จึงเป็นแหล่งประกอบระเบิดแสวงเครื่อง มีวัตถุระเบิดซุกซ่อนอยู่จำนวนมาก มีทีมงานราว 10 กว่าคน รถตู้ติดฟิล์มกระจกทึบ 1 คัน และรถจักรยานยนต์อีกหลายคัน เมื่อประกอบเสร็จก็จะมีทีมขนส่งวัตถุระเบิดไปให้เป้าหมาย ทีมวางระเบิด หรือ ทีมก่อเหตุ ซึ่งเป็นอีกชุดหนึ่งแยกต่างหากจากกัน แก๊งค์นี้เชื่อมโยงกับเหตุป่วนในเขต กทม. และปริมณฑล และเชื่อมโยงกับการระเบิดที่จังหวัดชายแดนไต้ ช่วงที่ผ่านมานี่แหละ

แก๊งค์นี้เชื่อมโยงกับ อส.คนหนึ่ง ที่ใกล้ชิดกับข้าราชการแดง ผอ.ศูนย์ที่นั่น เป็นลูกน้องชายดูไบ ที่ไม่ถูกกับเป็ดเหลิมนั่นแหละ พวกนี้หวังผลหลายอย่างในเวลาเดียวกัน คือ
- ล่อบิ๊กสีเขียวลงไปหาจังหวะลอบทำร้าย แต่ก็ล้มเหลว ( ล่อหลอกไปครั้งแรกที่https://www.facebook.com/media/set/?set=a.214631298726905.1073741916.1875






แม้ว ขอเจรจา-เปลี่ยนแปลงใหญ่เดือนเมษาฯ !!

ศูนย์กลางอำนาจผ่านทางรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กว่าสองปีก็ไร้ผลงานที่โดดเด่น ไม่มีอะไรน่าประทับใจ สร้างความผิดหวังแม้กระทั่งพวกเดียวกัน กลายเป็นว่าฝ่ายที่ได้ประโยชน์ไปเต็มๆล้วนแล้วแต่คนกันเอง คนในครอบครัวชินวัตรเท่านั้นที่รวยกันเละ เอาเปรียบคนอื่นได้ทุกเรื่อง และสาเหตุที่เกิดปรากฏการณ์เรียงหน้ากันขับไล่อย่างที่เห็นกันอยู่ในเวลานี้

ความเคลื่...อนไหวเสนอร่างกฎหมายลบล้างความผิดให้ตัวเอง การเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อผูกขาดอำนาจ และผลประโยชน์ทางธุรกิจ ทำให้ชาวบ้านตาสว่างและทนไม่ไหว ความรับรู้ถึงเรื่องการหมิ่นสถาบันเบื้องสูง การคิดแบ่งแยกดินแดนเป็น สปป.อีสานล้านนา อะไรเป็นต้น หรือแม้แต่ ความล้มเหลวในเรื่องโครงการประชานิยมสารพัดจนกระทั่งมาถึงความล้มเหลวในโครงการรับจำนำข้าว ที่เกิดการทุจริต ทำให้ต้องขาดทุน สูญเสียงบประมาณแผ่นดินไปจำนวนไม่ต่ำกว่า 4-5 แสนล้านบาท

ทุกอย่างล้วนเป็นความล้มเหลวและเห็นแก่ตัวของ ทักษิณ ชินวัตร และวงศ์วานของพวกเขาทั้งสิ้น เพราะผลประโยชน์ไม่ได้ตกลงมาถึงชาวบ้านเลยแม้แต่น้อย อย่างมากก็เป็นแค่เศษเงินเล็กๆน้อยๆเท่านั้น

แม้ว่าในเวลานี้สถานการณ์กำลังพลิกกลับจนต้องถอยร่นจนแทบจะติดมุมอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ยังสามารถคุมอำนาจรัฐ มีกลไกอยู่ในมือ จนสามารถยันเอาไว้อย่างเหนียวแน่น ถึงจะไม่เต็มร้อยเหมือนก่อน แต่ก็ยังไม่พังครืนลงมาทันท

ดังนั้นด้วยสถานการณ์ดังกล่าว มองอีกมุมหนึ่งมันก็คงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ ทักษิณ ชินวัตร ต้องส่งสัญญาณเจรจา แต่ในความหมายที่ว่า"สู้พลางถอยพลาง" เพราะภาวะแบบนี้เขาไม่อาจรุกไปข้างหน้าได้ ทุกอย่างถดถอย ไม่ว่าจะเป็นมวลชนคนเสื้อแดงที่มีปริมาณน้อยลงจนน่าใจหาย บรรดาข้าราชการที่อยู่สังกัดก็เริ่มวางเฉย หลายคนก็เริ่มตีตัวออกห่าง ที่สำคัญไม้เด็ดก็คือเป้าหมาย"เลือกตั้ง"ยังไม่สามารถทำได้ ทำให้ยังคาราคาซัง และเมื่ออยู่ในสถานการณ์ยืดเยื้อไม่อาจหวนกลับคืนสู่อำนาจรัฐได้อย่างเต็มที่ สั่งการใครไม่ได้ ทำให้ชะงักไปหมด เมื่อเป็นแบบนี้มันก็คงไม่มีอะไรที่เหมาะสมไปกว่าการเจรจา แต่เป้าหมายข้างหน้าก็คือมุ่งไปสู่การเลือกตั้ง ซึ่งหากให้เดาทางกัน เชื่อว่าในที่สุดแล้ว ฝ่าย ทักษิณ ต้องยอมให้มีนายกฯคนกลางที่ตัวเองก็เห็นชอบ หลักการก็คือ "ถอยเพื่อรอจังหวะรุก"





MANA PRADITKET

MANA PRADITKET
Handpainted oil painting by Mana Praditket

NIRAN PAIJIT

NIRAN PAIJIT
Original handpainted oil painting by Niran Paijit

PRAYAD TIPPAWAN

PRAYAD TIPPAWAN
ORIGINAL IMPRESSIONAL OIL PAINTING BY PRAYAD TIPPAWAN

Achara 34 (24x36)

Achara 34 (24x36)
ORIGINALl OIL PAINTING

Amornsak Livisit 74 (24x36)

Amornsak Livisit 74 (24x36)
ORIGINAL OIL PAINTING, Impressionist style

Suwan Khanboon 11 (24x24 inches)

Suwan Khanboon 11 (24x24 inches)
Original handpainted oil painting abstract style

NIRAN PAIJIT

NIRAN PAIJIT
ORIGINAL ABSTRACT STYLE OIL PAINTING BY NIRAN PAIJIT

Chavalit (Pong)

Chavalit (Pong)
PINTO Horses

Komez 78 (22x30)

Komez 78 (22x30)
Original handpainted pastel painting on paper

KOMES

KOMES
Handpainted pastel painting by Komez

PRATHOUN

PRATHOUN
ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING BY PRATHOUN

THAVORN IN-AKORN

THAVORN IN-AKORN
ORIGINAL OIL PAINTING BY THAVORN IN-AKORN (SIZE 20x30")

THAVORN IN-AKORN

THAVORN IN-AKORN
Original oil painting by Thavorn In-akorn

Facebook


ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING

PHOTO GALLERY

PHOTO GALLERY

Facebook

PHOTO GALLERY