GREAT KING OF THAILAND, KING BHUMIBHOL

GREAT KING OF THAILAND, KING BHUMIBHOL
LONG LIVE THE KING BHUMIBHOL

วันจันทร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2557

นิมิตร หลวงพ่อวิริยังค์ อยากสร้างวัดไทยที่ใกล้สนามบิน ในที่สุดกลายมาเป็นวัดใหม่ "วัดศรีรัตนธรรมาราม"

วางศิลาฤกษ์ ศาลากลางน้ำ วัดศรีรัตนธรรมาราม
Updated about 4 months ago

วันที่5 มกราคม พ.ศ. 2557
พระธรรมมงคลญาณ หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร ได้ทำพิธีวางศิลาฤกษ์ ศาลากลางน้ำที่วัดสร้างใหม่ ชื่อศรีรัตนธรรมาราม (กำลังก่อสร้าง)
โดยจุดมุ่งหมายให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมที่มีต้นไม้ใหญ่มากมาย
ให้เป็นวัดป่าที่อยู่ใกล้ตัวเมือง เป็นสถานที่สงบสมควรแก่การปฏิบัติสมาธิ ให้มีพระที่เคร่งครัดมาจำวัด เพื่อขัดเกลาจิตใจสร้างพระที่ดีให้แก่พระพุทธศาสนา
โดยใช้หลักยึด ที่พระอาจารย์หลวงพ่อบอกว่าให้ที่นี่เป็น สถานปฏิบัติธรรม ขิปปา ภิญญา ย่อมาจาก สุขา ปฏิปทา ขิปปา ภิญญา คือ การปฏิบัติสมาธิ โดยความสุข แต่สำเร็จผล ถึงนิพพานได้รวดเร็ว (ชื่อ ธรรมสถานสุขภิญญา)

พระอาจารย์หลวงพ่อกล่าวว่า ปัจจุบันมีวัด ในประเทศไทยจำนวนสี่หมื่นกว่าวัด
แต่ร้างซะมากมีจำนวนมากกว่าเจ็ดพันวัดที่ร้าง
วัดที่มีก็หาพระได้น้อย จึงอยากจะให้ที่นี่มีเป็นสถานที่สำหรับสร้างพระสงฆ์
และฝึกให้พระสงฆ์เป็นที่น่าเลื่อมใส เป็นที่น่าศรัทธาให้มากขึ้น
เพื่อเข้าไปอยู่จำวัดทั่วประเทศไทย ไม่ให้เกิดวัดร้างขึ้นมา
ทั้งนี้พระที่จะมาที่วัดใหม่พระอาจารย์หลวงพ่อ จะให้ปฏิบัติเหมือนวัดป่า คือ การอยู่อย่างสงบ อยู่ใกล้ต้นไม้ใหญ่ ฉันมื้อเดียว เดินจงกรม นั่งสมาธิ เป็นแบบอย่างที่ดี
ทั้งนี้
วัดใหม่นี้ได้ที่ดินจากการถวายของสามครอบครัวดังนี้ ครอบครัวพูลเจริญ ครอบครัวสุขแก้ว และครอบครัวบัวน้ำจืด
ส่วนค่าใช้จ่ายในการก่อสร้า
มาจากการรวบรวมเงินบริจาค จากทั้งจากพระอาจารย์หลวงพ่อเอง ศิษย์สถาบันพลังจิตตานุภาพ พุทธศาสนิกชนที่มีความเลื่อมใส
โดยเฉพาะ ครูสมาธิสาขาวัดบางโฉลงใน หลายท่านได้บริจาคสร้างกุฏิ จำนวน19หลัง
ในพิธีได้มีคุณศิริธัช โรจนพฤกษ์ และ นายแพทย์ประเสริฐ ปราสาททองโอสถ ร่วมเป็นประธาน
โดยนายแพทย์ประเสริฐ ได้ร่วมบริจาคเงินอีกจำนวน9ล้านบาทแก่พระธรรมมงคลญาณ
รวมกับยอดบริจาคจากพุทธศาสนิกชนอีกมากกว่า4ล้านกว่าบาท
มีอาจารย์ ณรงค์ ทัศนนิพันธ์ บมจ.ซิฟโก้ บริจาคเสาเข็ม
นับว่าเป็นวัดที่เกิดจากการร่วมบริจาคโดยศิษย์สถาบันพลังจิตตานุภาพอย่างแท้จริง
โดยพระอาจารย์หลวงพ่อได้แต่งตั้งให้
อ.ประดิษฐ์ บัวน้ำจืด เป็นผู้ควบคุมดูแลการก่อสร้าง
ขอร่วมอนุโมทนา สาธุ กันเทอญ


 














ธรรมะฟ้าสาง 26/4/57
(ธรรมมะรุ่งอรุณ)
ณ วัดศรีรัตนธรรมาราม
หลวงพ่อเทศน์ : สวัสดี วันนี้เป็นวันเสาร์แล้วก็ผ่าน 49 วันมา 20 วัน ก็ใกล้จะจบแล้ว แต่ว่าญาติโยมทั้งหลายทุกวันไม่จบ วันนี้มาเท่าไร 1,200 กว่า มาเป็นพันชนะพระขาดรอย พระ 183 องค์ แต่โยม 1,200 นี่คือพลังศรัทธา ที่ท่านทั้งหลายเดินทางมา โห ! ไม่รู้กี่จังหวัดมารวมกันที่นี่ น่าอัศจรรย์
ในการสร้างความดีในครั้งนี้ ที่นี่คือวัดใหม่ ยังไม่มีอะไรหรอกมีแต่เต็นท์ และมีอาคารบ้างเล็กน้อย แล้วก็ตั้งใจว่าสถานที่นี้ที่โยมนั่งอยู่นี่ แล้วก็มีศาลานี้ด้วยทำไปถึงข้างใน จะจัดเป็นวัดป่าให้พระมาปฏิบัติกัน และเมื่อได้ทำเป็นครั้งแรก คือ คุรุสาสมาธิ เพราะฉะนั้นในการสร้างความดีนี้ ถ้าใครมาร่วมมาอนุโมทนาด้วยก็ได้ความดีร่วมกัน เมื่อความดีร่วมกันมากๆ ความอยู่เย็นเป็นสุขก็จะเกิดขึ้น
ถ้าหากว่าต่างคนต่างทำความไม่ดี ทำไม่ดีนี่เขาเรียกว่า "บาป" ทำดีเขาเรียกว่า "บุญ"  เวลาบาปหรือทำไม่ดีมากเข้า หลายคนทำเข้ามันก็ทำให้เกิดความเดือดร้อน ไม่เหมือนกับ "บุญ" สร้างแต่ความยิ้มแย้มแจ่มใส สร้างความโสมนัส ความดีต่างๆ ความดีต่างๆ เหล่านี้ก็จะเกิดเป็นบุญที่เราต้องการสะสม เพราะว่าเราเกิดมานี้ เกิดมาเพื่อมาทำบุญ และเราก็ได้ทำบุญแล้ว ก็สมแล้วที่เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์ขององค์พระพุทธศาสนา ถือว่าเป็นลาภอันประเสริฐ
ในชีวิตแต่ละชีวิต ชีวิตนั้นมีอยู่ชั่วคราวไม่ช้าก็ต้องดับสูญด้วยกัน แต่ว่าจิตของเราไม่ได้ดับสูญตามไปด้วย เพราะฉะนั้นบุญเยอะที่เราทำไว้นี่ มันเก็บไว้ที่ใจของเรา แล้วก็ไปเป็นเชื้อความดีสนับสนุนให้เราได้รับความสุข มีความเป็นอยู่ที่สุขสบาย นั่นคือเป็นบุญเก่า และเราก็จะทำบุญใหม่เพื่อที่จะให้เป็นบันไดสู่อนาคตชาติต่อไป เพราะว่าเรามาทั้งที หมายความว่า "เราเกิดมาทั้งทีอย่าให้สูญเปล่า" แล้วเราก็ได้สมความประสงค์นั้นถูกต้อง เมื่อความถูกต้องเกิดแล้ว ตัวของเราเองก็ได้รับผลอย่างถูกต้อง สวัสดี
_____________________
พระครูสุริยาเทศน์ : ที่วัดป่าแห่งนี้ หรือใครจะเรียกว่าวัดใหม่ก็แล้วแต่ พระอาจารย์หลวงพ่อท่านได้ตั้งชื่อให้แล้วว่า “วัดศรีรัตนธรรมาราม” คือ วัดอันเป็นเหมือนแก้วรัตนมงคล ที่ที่โยมยืนอยู่ตรงนี้ ไม่น่าเชื่อว่าแต่ก่อนคือบ่อปลา บ่อเลี้ยงปลา และวัดแห่งนี้ได้ถูกก่อสร้างขึ้นมาในระยะเวลาเพียง 20 กว่าวัน ตามดำริของพระอาจารย์หลวงพ่อที่ท่านได้มองเห็นด้วยญานวิถีใดก็แล้วแต่ ว่าวัดแห่งนี้จะต้องเป็นวัดป่าที่ใกล้เมือง เป็นศุนย์กลางของการปฏิบัติกรรมฐาน เป็นศูนย์รวมของศิษยานุศิษย์ของพระอาจารย์หลวงพ่อไม่ว่าจะเป็นทั้งพระและโยม

วันนี้กำลังอยู่ในกระบวนการผลิตพระคุณเจ้า เพื่อที่จะใก้พระคุณเจ้าออกมาให้ได้คุณภาพที่สุด หลังจากที่ท่านได้ผลิตครูสมาธิมา 33 รุ่นแล้ว และรุ่นที่ 34 กำลังเรียนกันอยู่ กระบวนการผลิตพระดังกล่าวนี้ ผ่านมาแล้ว 20 วัน และเหลือเวลาอีกไม่ถึง 30 วัน ดังนั้นท่านทั้งหลายที่ได้มีโอกาสมาทำบุญใส่บาตรพระคุณเจ้า บุญกุศลก็ย่อมเกิดขึ้นแก่ท่าน

พระอาจารย์หลวงพ่อท่านได้ทำการสอนพระทั้ง 183 รูป เรียกได้ว่าทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ สะสมบุญวาสนา บารมีกันอยู่ทุกวัน ช่วงเวลา 49 วันนี้ พระอาจารย์หลวงพ่อท่านได้เอามาจาก ระยะเวลาในการเสวยพระวิมุทติสุขขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่มีปิติสุข 49 วัน หลังจากที่ท่านได้ตรัสรู้ เช่นเดียวกันเมื่อเราได้ของอะไรใหม่ๆ ได้บ้านใหม่ ได้ของสิ่งใหม่ๆ มาเราก็ย่อมมีความสุข เราจะเอิบอิ่ม ชื่นชมอยู่กับของสิ่งนั้น นั่นเป็นแค่สิ่งของที่เราหามาได้ด้วยความสุจริต ด้วยความชอบทำ ด้วยน้ำพักน้ำแรงเรา
แต่สำหรับองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ท่านตรัสรู้เองโดยชอบ ตรัสรู้อริยสัจ 4โดยชอบ และตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า อนุตระสัมมาสัมโพธิญาน (ญานหยั่งรู้) อาสาวขยญาน (ญานแห่งการสิ้นไปของกิเลส) ลองคิดดูว่าท่านจะเอิบอิ่ม ปิติ อยู่กับ “อมฤตธรรม” นั้นมากแค่ไหน ดังนั้นเมื่อโยมได้มาใส่บาตรพระ 183 รูป รวมพระอาจารย์หลวงพ่อเป็น 184 รูป ท่านก็จะได้รับความสุข ความปิติ เอิบอิ่มนี้กลับไป

พระอาจารย์หลวงพ่อได้สอนเราเสมอว่า ในโลกนี้มีความนิยมอยู่ 2 ประการ คือ materialism (วัตถุนิยม) กับ mentalism (จิตนิยม) แต่ปัจจุบันทั้ง 2 อย่างนี้ไม่มีความสมดุลกัน คนส่วนมากให้ความสำคัญกับวัตถุนิยมมากกว่าจิตใจ พระอาจารย์หลวงพ่อได้สอนไว้ว่า ให้ทำทั้ง 2 สิ่งนี้ให้สมดุลกัน หากจิตใจอ่อนล้า จิตใจตกต่ำลงจะอยู่ได้อย่างไร พระอาจารย์หลวงพ่อท่านจึงได้สร้างวัดศรีรัตนธรรมารามแห่งนี้ขึ้น เพื่อให้เป็นศูนย์พัฒนาจิตใจอย่างแท้จริง

ดังนั้นท่านทั้งหลายที่ได้มาทำบุญใส่บาตรพระ ที่วัดศรีรัตนธรรมมารามแห่งนี้ก็เท่ากับว่าท่านได้พัฒนาจิตใจของตนแล้ว วันนี้ที่โยมได้มาก็คงไม่ต่ำกว่า 1,000 คน ทุกคนก็ถือว่าได้เป็นเจ้าภาพร่วมแล้ว ก็ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วย
ต่อไปก็ขอให้ทุกท่านได้น้อมจิตน้อยใจ รับฟัง "ธรรมะฟ้าสาง"
_____________________
หมายเหตุ : "ธรรมะฟ้าสาง" พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ ได้เมตตาตั้งให้ เนื่องจากระยะเวลาและธรรมเนียมที่ต่างกัน และระยะเวลาในการเทศน์สั้นกว่า ซึ่งแตกต่าง "ธรรมมะรุ่งอรุณ" ด้วยประการเช่นนี้


ธรรมะฟ้าสาง 27/4/57
(ธรรมมะรุ่งอรุณ)
ณ วัดศรีรัตนธรรมาราม
หลวงพ่อเทศน์ :
สวัสดี วันนี้คนมา 1,700 กว่า กว่าเท่าไรไม่รู้จำไม่ได้ แล้วก็บิณฑบาตรกว่าจะจบก็เลยสาย เพราะฉะนั้นวันนี้จะเลื่อนการอธิบายสมาธิจาก 9 โมง เป็น 9 โมงครึ่ง โยมมามากการจัดการก็ช้าลง ฉันก็ช้าลง ก็เป็นที่น่าอัศจรรย์ ที่วัดนี้สร้างใหม่แล้วก็ดูลึกลับ โยมก็ตามจนเจอ นึกว่าจะเจอซักคนสองคน ที่ไหนได้เจอกันเป็นพัน ! เมื่อวันสงกราณต์ที่แล้วตอนเช้า 2,000 ตอนบ่าย 4,000  วันเดียว 6,000 ! โห ! วัดนี้เจริญเร็วน่าดู !

เพราะว่าหลวงพ่อต้องการวัดป่า เพื่อที่จะได้ย้อนยุคไปหาเมื่อครั้งหลวงพ่อได้อยู่กับหลวงปู่มั่น เคยทำเช่นนี้ แล้วก็ขออาราธนาให้พระมาร่วมกัน พระก็มาได้ 183 องค์ จำนวน 83 วัด 42 จังหวัด 5 ประเทศ ก็ อเมริกา แคนาดา อินเดีย เนปาล แล้วก็ไทย แล้วก็เวลานี้เราก็ได้มาชุมนุมกันอย่างนี้หาได้ยาก เพราะว่ามาด้วยศรัทธาไม่ได้บังคับ มาด้วยศรัทธาถึงแม้ว่าจะลำบากแค่ไหนก็ยังอุตส่าห์มากันได้ อย่างนี้เรียกว่า เป็นการบำรุงพระพุทธศาสนา

เพราะว่าการบำรุงพระพุทธศาสนานั้น หมายความถึงว่า เราต่ออายุพระพุทธศาสนา บรรพบุรุษของเรา ได้ช่วยกันรักษาพระพุทธศาสนาเรียกว่า บรรพบุรุษของเราเนี่ยสละเลือดเนื้อ เพื่อการรักษาไว้ซึ่งพระพุทธศาสนาให้พวกเรา พวกเราก็ได้รับผลของพระพุทธศาสนานี้ เราก็ถือว่าบรรพบุรุษของเรามีบุญคุณต่อเรามาก เพราะฉะนั้นเพื่อให้เป็นการรักษามรดกของบรรพบุรุษ บรรพบุรุษของเรา เราก็จะได้ช่วยกันในการที่จะมี งานเพื่อปฏิบัติให้พระพุทธศาสนาสะอาดผ่องใส

เพราะว่าในการที่จะสร้างวัดทั้งทีหลวงพ่อก็สร้างมา 10 ว่าวัดแล้ว แล้วก็ในวัดนี้ก็เลยถือว่าเป็นพิเศษ เพราะว่า เขาว่าอยู่ในกรุงเทพเหมือนกันแม้ว่าจะเป็นสมุทรปราการ แต่ก็ใกล้สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ อินเตอร์เนชั่นแนล อย่างนี้ แล้วก็เพื่อจะฉลองศรัทธาแก่ท่านทั้งหลาย เมื่อเวลามาก็จะได้ให้พระทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ ท่านอนุโมทนาให้พรญาติโยมทั้งหลายที่เสียสละเวลามานี้ให้มีความอยู่เย็นเป็นสุข ให้ได้รับผลสำเร็จในสิ่งที่ต้องการและปรารถนา

เพราะฉะนั้นเมื่อชีวิตของเราได้พัฒนามาด้วยพระพุทธศาสนาแล้ว ก็ทำให้เกิดคุณค่าของชีวิตของเรามากมาย เมื่อก่อนเราอาจมีชีวิตอยู่ 3,000 - 4,000 เดี๋ยวนี้ถ้าพัฒนาก็กลายเป็น 30,000-40,000 อะไรอย่างนี้ คือคุณค่าของชีวิตของเราเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  เมื่อเพิ่มค่าขึ้นเรื่อยๆ การที่เราจะไปสู่อบาย คือไปนรก ไปเป็นเปรต ไปเป็นอสูรกาย พวกอบายภูมิก็ปิดได้ เรามีแต่ทางไปสู่สุขติเท่านั้น รับพรกันต่อไป

____________________
พระครูสุริยา เทศน์ :
ทุกวันที่เดินบิณฑบาตรมา วันนี้ล่ะเป็นวันที่เดินไกลที่สุด วันที่โยมมาใส่บาตรเยอะที่สุด หลวงพ่อท่านได้เมตตารับบาตรทุกคน และได้สั่งให้ช่างภาพถ่ายรูปญาติโยมที่มาทำบุญนี้ให้ครบทุกคน ให้เห็นหน้าทุกคน
แต่ที่จริงแล้ว ที่เราใส่บาตรนี้ไม่ได้หายไปไหน แม้ถึงไม่ได้บันทึกภาพไว้ในกล้อง แต่สิ่งที่จารึกไว้ในใจท่านก็คือ ภาพความสุขความประทับใจที่ท่านได้มาร่วมใส่บาตร เป็นมหาชน ได้ทำบุญร่วมกัน ถวายพระพร้อมกัน จะเป็นสิ่งที่ดีงาม ซาบซึ้งอิ่มเอิบประทับอยู่ในจิตใจของทุกคน และเป็นปัจจัยว่าชาติหน้าเราและกัลญาณมิตรทั้งหลายร่วมกันอีก
ข้าวทุกเม็ดที่ตกลงในก้นบาตร เสียงดังสน่ันสั่นไหวไปถึงเทวดา นอกจากท่านจะอนุโมทนาบุญแล้ว ตัวเราเองนั่นล่ะที่มีความสุข มีความซาบซึ้งอิ่มอกอิ่มใจ ว่าข้าวแต่ละเมล็ดที่เราได้ตั้งใจใส่บาตรล้วนแล้วแต่เป็นบุญทั้งนั้น
ในสมัยพุทธกาล มีพระภิกษุรูปหนึ่ง ปรารภไว้ว่า "ไม่อยากจะอยู่แล้ว อยากลาสิกขา ลาเพศ ลาบวชออกไป" เพราะรู้สึกว่าตัวเองปฏิบัติไม่ถึงไหนเสียที เวลาบิณฑบาตรก็ไม่มีคนมาใส่บาตร พระภิกษุรูปนั้นได้มาลาพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าได้มีญาณหยั่งรู้ รู้ว่าชาติก่อนพระภิกษุรูปนี้เคยเป็นอะไรมา
พระภิกษุรูปนี้เคยเป็นเศรษฐีมาก่อน แต่เป็นเศรษฐีที่ขี้เหนียว ตระหนี่ ไม่จ้างคนใช้ ไม่จ้างคนงาน เพราะกลัวว่าจะต้องเสียค่าแรง เสียข้าวสารข้าวสุกเลี้ยง วันหนึ่งเศรษฐีนั้นหุงข้าวเอง ตักข้าวสารจากในถัง ตอนตักข้าวสารก็มีเมล็ดข้าว เมล็ดหนึ่งตกลงในรูในซอกพื้น ตกลงไปใต้ดิน ลงไปในรังมดง่าม เศรษฐีรู้สึกเสียดายข้าวเมล็ดนั้นมากจึงรีบวิ่งไปเก็บ...แต่ไม่ทัน มดง่ามได้คาบเม็ดข้าวลงไปในรัง และกินอิ่มกันทั้งรัง ทำให้เศรษฐีรู้สึกเสียดายข้าวเม็ดนั้นมาก !
ชาติต่อมาด้วยบุญบารมี เศรษฐีมาเกิดเป็นคนและได้มาบวชเป็นพระ แต่ทว่าเวลาบิณฑบาตรไม่เคยมีคนใส่บาตรพระภิกษุรูปนี้เลย ทุกวันต้องมาขอข้าวจากพระภิกษุเพื่อนด้วยกันเพื่อฉัน เลยรู้สึกท้อและทนอับอายไม่ไหวอยากสึก และสุดท้ายก็ได้มากราบลาพระพุทธเจ้า เพื่อที่จะขอลาสิกขา แต่พระพุทธเจ้าท่านได้เมตตาบอกว่า "ท่านจงเดินไปบิณฑบาตรที่หมู่บ้านแห่งนี้ จะมีคนมาใส่บาตรท่าน" เมื่อไปถึงหมู่บ้านนั้นก็มีคนมารอใส่บาตรเต็มไปหมดทั้งหมู่บ้าน
แท้จริงแล้ว มดง่ามในรังอดีตชาตินั้น เมื่อได้เมล็ดข้าวในวันนั้นก็กินกันทั้งรัง ในชาตินี้ก็ได้มาเกิดเป็นคนในหมู่บ้านแห่งนี้ และทุกคนได้มีโอกาสมาใส่บาตรกับพระผู้เป็นเศรษฐีรูปนี้ พระท่านก็ปลื้มปิติใจและได้ครองสมณะเพศต่อจนหมดอายุขัย เพราะฉะนั้นท่านทั้งหลายมาใส่บาตร จงใส่ให้ครบทุกรูป เฉลี่ยกันไป เพราะข้าวทุกเม็ดมีคุณค่า มีบุญกุศลด้วยกันทั้งนั้น
หลวงพ่อไปแคนาดาท่านก็ได้รับการต้อนรับจากคนที่นั่นเป็นอย่างดี อาจจะมีมดง่่ามของท่านอยู่ที่นั่นก็ได้ ท่านไปสร้างวัดที่แคนาดา 7 วัด เพื่อเปิดหลักสูตรครูสมาธิ ที่นั่นฝรั่งก็มีครูสมาธิ มีรุ่น 1 รุ่น 2 เหมือนกัน ไม่ต่างจากบ้านเรา
ปีนี้ถือเป็นปีมงคล ที่หลวงพ่อท่านได้อยู่จำพรรษาที่เมืองไทย เป็นโอกาสของท่านทั้งหลายแล้ว ท่านได้เห็นมหาสาธุชน ที่วัดธรรมมงคลแล้ว ก็ได้มาเห็นที่นี่อีก เพราะทุกคนก็อยากมาใส่บาตรพระอาจารย์หลวงพ่อด้วยกันทั้งนั้น
คนไทยที่ไปทำงานที่แคนาดา หลวงพ่อท่านก็จัดกิจกรรมใส่บาตรแบบนี้ เพื่อให้คนที่นั่นได้รำลึกถึงบ้านเกิด นึกถึงวัฒนธรรมของบ้านเราได้ทำกิจกรรมสำคัญที่นั่น จนฝรั่งพูดว่า...
"ถึงแม้พระจะไม่ได้อยู่ในประเทศไทย แต่ความเป็นไทยที่อยู่ในพระรูปนั้นยังเหมือนเดิม"
หมายถึง พระอาจารย์หลวงพ่อนั่นเอง ปฏิบัติภารกิจของท่านอย่างสมบูรณ์
ฉะนั้นระยะเวลาที่เหลืออยู่ พร้อมวันไหนจงรีบมาวันนั้น มาทำบุญใส่บาตรรับบุญกุศลใหญ่นี้ "ความพร้อมนั่นแหล่ะ เป็นฤกษ์ที่ดีแล้ว" ตัวเราพร้อม พระคุณเจ้าพร้อม บุญก็เกิดขึ้นอย่างบริสุทธ์ิ
ทุกครั้งเวลาได้ยินเสียงเครื่องบินท่านก็คิดถึงแคนาดา ที่นั่นมี "วัดป่าโรจนพฤกษาราม" ที่คุณศิริธัช โรจนะพฤกษ์ ได้สร้างถวายไว้ สถานที่ตั้งของวัดก็ใกล้สนามบินเช่นกัน เป็นบุญเช่นกัน เพราะเป็นวัดที่หลวงพ่อท่านใช้ในการฟื้นพลัง พักผ่อน เวลาที่ท่านจะกลับประเทศไทยก็จะพักที่วัดนี้ และเวลาที่ท่านไปแคนาดาก็จะพักที่วัดนี้ก่อนที่จะไปที่อื่น เพราะใกล้สนามบิน ไม่เหนื่อยเวลาไปมาต่างประเทศ ท่านเดินจงกรมที่นั่น ทำสมาธิที่นั่น จึงนิมิตรได้ว่าอยากสร้างวัดที่ไทยที่ใกล้สนามบิน และในที่สุดก็กลายมาเป็นวัดศรีรัตนธรรมารามแห่งนี้

ธรรมะฟ้าสาง 28/4/57
(ธรรมมะรุ่งอรุณ)
ณ วัดศรีรัตนธรรมาราม
สวัสดี วันนี้วันจันทร์ ผ่านไป 3 อาทิตย์แล้ว ยังเหลือ 4 อาทิตย์ อีกประเดี๋ยวเดียวนะ 4 อาทิตย์ หลวงพ่อไปอยู่แคนาดา 14 ปี เดี๋ยวเดียวเหมือนว่าไปอยู่เดือนเดียว ไม่รู้เป็นยังไงแต่ว่าวันนี้เราพากันมาทำงานใหญ่ พระก็มาทำงานใหญ่ โยมก็มาทำงานใหญ่ งานใหญ่ก็คืองานรักษาพระพุทธศาสนา ถ้าหากว่าเราขาดสมาธิ มันจะขาดหลักใหญ่ หลักใหญ่มีสมาธิเป็นส่วนประกอบที่มีความสำคัญ เพราะว่าสมาธินี่จะทำให้เกิดพลังจิต ทุกครั้งที่เรานึกพุทโธจะเกิดพลังจิต
เพราะฉะนั้นสมาธิไม่ใช่ของยาก ใครอยากจะทำ 5 นาที นั่งหรือเดินก็ได้ แล้วมันจะสร้างพลังจิตด้วย แล้วพลังจิตนี่ก็จะแปรสภาพ ขั้นที่ 1 คือ ตัวเองพูดอะไรก็ยัง"มีเหตุผล"ก็ฟังได้
แล้วก็ "มีความรับผิดชอบ" ต่อครอบครัวเราจะพยายามทำตัวเราให้มีความเจริญรุ่งเรืองมีคุณธรรมต่อไป แล้วข้อที่ 3 คือ "ความมีเมตตา" 3 อย่างนี้มันจะเกิดขึ้นจากพลังจิต แล้วแต่ว่าพลังจิตนี้จะมีมากน้อยแค่ไหน
นอกเหนือจากนั้นพลังจิตนี่ ยังจะไปช่วยสมองของคนที่เด็กๆ ที่เขาเรียนหนังสือ ถ้าหากว่าเขานั้นมีสมาธิ เขาจะเกิดปัญญาขึ้นเพิ่มขึ้นอีกกว่าเป็นเท่าตัว หมายความว่า เขาไม่ได้ทำสมาธิเขาจะเรียนได้ 50-60 ถ้าหากว่าเขาทำสมาธินี่จะเพิ่มมา 30 ก็เป็น 90 มันทำให้เด็กมีสติปัญญา ผู้ใหญ่ก็เช่นเดียวกันมีความคิดได้ ยับยั้งชั่งใจไม่ทำในสิ่งผิด จะทำอะไรไปก็มาจากพลังจิต
เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า "...สัพเพริโย สัพพะนัง"ท่านทั้งหลายจงทำสมาธิ "เอตัมมุตตา นุสาสะนัง" นี่แหล่ะคือคำสอนของพระพุทธเจ้า
เพราะฉะนั้นเมื่อเราทำสมาธิแล้วพลังจิตมันจะมารวม รวมหมด คือหมายความว่าบุญที่เราทำทุกอย่างมันจะมารวมเข้าที่พลังจิตหมด เพราะฉะนั้นพลังจิตจึงกลายเป็นวาสนา กลายเป็นบารมี เราก็จะเห็นว่าพวกเราที่เกิดมามีความแตกต่างกัน เพราะการสร้างพลังจิตมาในอดีต เพราะสร้างบุญมาในอดีตก็ส่งผล พลังจิตมันจะส่งผล เรียกว่า ให้เรามีสติปัญญา ส่งผลให้เรามีความสำเร็จงานการทำอะไรทุกอย่างด้วยเพราะเหตุว่าสามารถมองสิ่งต่างๆ ได้ลึกกว่าคนที่ไม่ทำสมาธิ นี่ก็พูดกัน
เพราะฉะนั้นในเวลานี้หลวงพ่อจึงยังทำสมาธิ ชวนพระมาแล้วก็มาทำสมาธิหลวงพ่อก็ทำด้วย ทุกอย่างนี่หลวงพ่อก็ทำเหมือนกันกับพระเขาทำ เพื่อที่จะเป็นตัวอย่างในอนาคตต่อไปว่า การรักษาพระพุทธศาสนานี่ พระพุทธเจ้าตรัสว่า "การปฏิบัติบูชาถือว่าเป็นการรักษาพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง"
การที่จะเสียสละมาเพื่อปฏิบัติถึง 49 วันนี่ ก็ไม่ใช่ธรรมดา หลายองค์ที่เป็นเจ้าอาวาสก็ต้องฝึก เจ้าอาวาสนี่ดูเหมือนจะมีถึง 29 วัด คือผู้ที่จะต้องสืบทอดพระพุทธศาสนาต่อไปในอนาคต ญาติโยมทั้งหลายผู้ที่มาทั้งหมด มาสนับสนุนผู้ที่ทำความดีนี่ แล้วเราสนับสนุนนี่มันจะเป็นเรื่องที่ว่าทำให้เกิดมหกรรม เรามองดูอย่างนี้มันเหมือนจะมีอะไรไม่มีอะไร แต่ว่างานที่มันใหญ่กว่างานที่เขาทำที่เขาเรียกว่างานใหญ่ หูย.. มโหฬารไปเต้นรำไปอะไรกัน มันสู้งานนี้ไม่ได้ !
งานนี่ทุกคนมานี่ ก็ล้วนแล้วแต่ว่ามาร่วมกันสนับสนุนการทำความดี เพื่อเกิดบุญกับตัวของเราเองอีก เขาพูดอย่างนั้นเอง พูดว่า "สุขะโต
สุคัตตะคานัง" "ทำความสุขให้ถึงท่าน สุขนั้นก็ถึงตน" ไม่ได้ไปไหน แต่ในขณะเดียวกัน "ทำทุกข์ให้ท่าน ทุกข์นั้นก็ถึงตน" เหมือนกัน เพราะฉะนั้นสมาธิจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด รับพรกันต่อไป
_______________________
พระอาจารย์ปริวัฒน์ อภิวฑฺฒโน : วันนี้พระสงฆ์ได้บิณฑบาตร แต่โยมบางคนเดินทางมาตั้งแต่ตี 3 บางคนก็นอนอยู่ที่นี่เลย เพื่อที่จะได้รอใส่บาตรตอนเช้า นับว่าเป็นบุญอย่างยิ่ง บุญกุศลได้เกิดขึ้นกับตัวเราแล้ว
จะเล่าย้อนไปสมัยพุทธกาลถึงยุคพระเจ้าพิมพิสาร พระเจ้าพิมพิสารท่านได้ถวายอุทธยานป่าไผ่ให้พระพุทธเจ้าเพื่อสร้างเป็น"วัดเวฬุวัน"นั่นเอง สาเหตุที่พระเจ้าพิมพิสารสร้างวัดก็เพราะว่าพระเจ้าพิมพิสารมีเจ้ากรรมนายเวรมีพระญาติที่ตายไปแล้วกลายเป็นเปรตเยอะ แล้วก็มาขอส่วนบุญ ดังนั้นเมื่อพระเจ้าพิมพิสารได้ไปพบกับพระพุทธเจ้าจึงเกิดเลื่อมใสและสร้างวัดเวฬุวันนี้ถวายและวัดเวฬุวันก็กลายเป็นวัดแห่งแรกในพระพุทธศาสนา และเป็นที่มาของการกรวดน้ำด้วย เพราะน้ำเปรียบเสมือนกับจิตใจ มีความบริสุทธ์เหมือนกับจิตใจที่ใสสะอาด หลั่งลงไปบนมือของของพระพุทธเจ้าเพื่อเป็นการมอบถวายวัดเวฬุวันในครั้งนั้น
การมาวัดนั้นเรามาทำบุญใส่บาตรพระสงฆ์ที่เป็นลูกศิษย์ของพระอาจารย์หลวงพ่อ พอท่านได้เรียนหลักสูตรสมาธิของพระอาจารย์หลวงพ่อแล้ว ท่านก็จะได้กลับไปสอนลูกศิษย์ของท่านต่อไป คำสอนของพระอาจารย์หลวงพ่อที่ได้รับมาจากพระอาจารย์หลวงปู่มั่นและพระอาจารย์หลวงปู่กงมา ก็จะได้มีผู้ช่วยเผยแพร่ต่อไป จนทุกวันนี้เดินทางไปต่างจังหวัด ใครๆ ก็รู้จักพระอาจารย์หลวงพ่อเพราะลูกศิษย์ของท่านมีอยู่แทบทุกจังหวัด
"ขอบฟ้าที่กว้างไกล
ท่ามกลางพงไพรพนา
แสงธรรมแห่งความเมตตา
ส่องลงมาทุกแห่งหน
หมื่นพันความศรัทธา
รวมลงมาเป็นหนึ่งมหาชน
นี่คือพระธรรมมงคลญาณ
สร้างคนให้เป็นคนดี"
ทั้งภัตตาหาร ทั้งน้ำปานะ และสิ่งของต่างๆ ท่านได้ตั้งใจนำสิ่งเหล่านี้มาถวายให้กับพระคุณเจ้าที่ตั้งใจเรียน บุญกุศลนั้นก็จะเกิดแก่พวกเรา เปรียบเสมือนกับเรารับประทานอาหาร เราทานเองเราก็อิ่มเอง เช่นเดียวกับบุญกุศลเราทำเอง เราก็ได้เอง อาหารเหล่านี้เมื่อเราถวายพระพุทธเจ้าแล้ว เราก็เอามาทานกันต่อเป็นอาหารมงคล เป็นศิริมงคลต่อเรา
ท่านใดที่ใส่บาตรเสร็จแล้วก็หาที่นั่ง หาที่สบายๆ นั่ง ทำจิตใจให้สบายเพื่อที่จะได้รับฟังพระธรรมคำสอนจากพระอาจารย์หลวงพ่อต่อไป

กว่าจะมาเป็นวิชาสมาธิ : 29.04.57

เสียงธรรมะฟ้าสาง: 30.04.57


เสียงธรรมะฟ้าสาง 01.05.57

MANA PRADITKET

MANA PRADITKET
Handpainted oil painting by Mana Praditket

NIRAN PAIJIT

NIRAN PAIJIT
Original handpainted oil painting by Niran Paijit

PRAYAD TIPPAWAN

PRAYAD TIPPAWAN
ORIGINAL IMPRESSIONAL OIL PAINTING BY PRAYAD TIPPAWAN

Achara 34 (24x36)

Achara 34 (24x36)
ORIGINALl OIL PAINTING

Amornsak Livisit 74 (24x36)

Amornsak Livisit 74 (24x36)
ORIGINAL OIL PAINTING, Impressionist style

Suwan Khanboon 11 (24x24 inches)

Suwan Khanboon 11 (24x24 inches)
Original handpainted oil painting abstract style

NIRAN PAIJIT

NIRAN PAIJIT
ORIGINAL ABSTRACT STYLE OIL PAINTING BY NIRAN PAIJIT

Chavalit (Pong)

Chavalit (Pong)
PINTO Horses

Komez 78 (22x30)

Komez 78 (22x30)
Original handpainted pastel painting on paper

KOMES

KOMES
Handpainted pastel painting by Komez

PRATHOUN

PRATHOUN
ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING BY PRATHOUN

THAVORN IN-AKORN

THAVORN IN-AKORN
ORIGINAL OIL PAINTING BY THAVORN IN-AKORN (SIZE 20x30")

THAVORN IN-AKORN

THAVORN IN-AKORN
Original oil painting by Thavorn In-akorn

Facebook


ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING

PHOTO GALLERY

PHOTO GALLERY

Facebook

PHOTO GALLERY