ถึงใครจะไม่ยอมรับคำตัดสิน...ก็ไม่มีความหมาย
โดย สิริอัญญา
วันอังคารที่ 22 เมษายน 2557
ทีมงานของพรรคเพื่อไทยและผู้คนในขบวนการของพรรคเพื่อไทย ได้แสดงท่าทีครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งว่า จะไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญและการชี้มูลความผิดของ ป.ป.ช.
มิหนำซ้ำยังขู่ด้วยประการต่าง ๆ ถึงขนาดว่าถ้าหากตัดสินว่านางยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีความผิด ก็จะเกิดเหตุรุนแรงถึงขั้นนองเลือด รวมทั้งขู่ครั้งล่าสุดนี้ว่าถ้าตัดสินอย่างนั้นก็ตัวใครก็ตัวมัน
ก็คงตัวใครก็ตัวมันแน่นอน! เพราะคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญก็ดี การชี้มูลความผิดของ ป.ป.ช. ก็ดีย่อมมีผลเสมอ ถึงใครจะยอมรับหรือไม่ยอมรับก็ตามที
ที่ ป.ป.ช. จะชี้มูลความผิดก็คือคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งมีผลเสียหายขาดทุนอย่างน้อย 425,000 ล้านบาท และมีการทุจริตกันตลอดทั้งโครงการทุกขั้นทุกตอน ดังที่ ป.ป.ช. ได้ตั้งข้อกล่าวหา
ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินก็คือคดีที่นางยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สั่งย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการ สมช. โดยฝ่าฝืนต่อรัฐธรรมนูญ
ป.ป.ช.ได้ทำการไต่สวนเสร็จสิ้นแล้ว กำลังสรุปสำนวนเพื่อนำเสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดใหญ่พิจารณา
ในขณะที่กำหนดการที่นางยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะต้องยื่นคำให้การต่อศาลรัฐธรรมนูญตามที่ศาลได้กำหนดไว้เดิมคือวันที่ 18 เมษายน 2557 ได้ผ่านพ้นไปแล้ว โดยนางยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่ได้ยื่นคำให้การ แต่ไปยื่นคำร้องขอขยายเวลา ซึ่งศาลมิได้สั่งอนุญาตแต่ประการใด โดยศาลรัฐธรรมนูญนัดประชุมคดีในวันที่ 23 เมษายน 2557 และจะมีการพิจารณาคำร้องขอขยายเวลานั้นด้วย
ดังนั้นทั้ง ป.ป.ช. และศาลรัฐธรรมนูญจะชี้มูลความผิดหรือวินิจฉัยคดีในช่วงเวลาที่เสร็จสิ้นการพิจารณาแล้วเมื่อใดก็ได้ เพราะเหตุนี้จึงมีการออกอาการแปลก ๆ ที่จะไม่ยอมรับผลแห่งคำตัดสินดังกล่าวทั้งของ ป.ป.ช. และของศาล
ก็ต้องขอบอกไว้ล่วงหน้าว่า ถึงใครจะประกาศไม่ยอมรับการชี้มูลความผิดหรือคำตัดสินของศาลประการใดก็ตาม ก็มิได้มีผลแต่ประการใด เพราะคำวินิจฉัยชี้มูลความผิดของ ป.ป.ช. ก็ดี คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญก็ดี ย่อมมีผลเสมอ
ความจริงการปฏิเสธไม่ยอมรับศาล ไม่ยอมรับคำตัดสินไม่ใช่เพิ่งมีขึ้นในครั้งนี้เป็นครั้งแรก มีมาตั้งแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุกมาแล้ว
ในระยะเวลาใกล้ ๆ นี้ก็มีการประกาศไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าด้วยที่มาของสมาชิกวุฒิสภา การประกาศไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในคดีแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 190 การประกาศไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในเรื่องโครงการกู้มาโกง 2 ล้านล้านบาท และการประกาศไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่เป็นโมฆะ
แล้วเป็นอย่างไรบ้าง? คำตัดสินของศาลทุกเรื่องดังกล่าวยังคงมีผล และไม่มีใครโต้แย้งหรือไม่ยอมรับผลนั้นได้เลย รวมทั้งบรรดาคำขู่สารพัดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นก็ไม่มีคุณค่า ไม่มีความหมายแต่ประการใด
นั่นคืออานุภาพและความศักดิ์สิทธิ์ของความยุติธรรมที่ไม่มีใครต้านทานได้ เพราะบรรดาคำตัดสินทั้งหลายได้กระทำในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ ผู้ทรงไว้ซึ่งอำนาจและบารมีที่ไม่มีใครจะต้านทานได้
มาบัดนี้ก็มาข่มขู่คุกคามด้วยประการต่าง ๆ รวมทั้งการระดมเอานักวิชากิน จิ้งเหลือง และกระบอกเสียงขายตัวมาโหมกระแสเพื่อไม่ให้ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดและไม่ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ากระทำความผิด รวมทั้งได้มีการขู่เข็ญที่จะระดมมวลชนมาปิด ป.ป.ช. และปิดศาล
ก็คงเหมือนกับที่เคยขู่นั่นแหละ และการกระทำเช่นนี้ก็เคยเกิดขึ้นมาก่อนหน้าแล้วเมื่อครั้งคดีซุกหุ้น ที่ระดมทั้งพระ ทั้งครู และทั้งสื่อมวลชนซึ่งครั้งนั้นล้วนแต่เป็นผู้นำทางความคิดที่ประชาชนนับถือ แต่ครั้งนี้ต่างกันอย่างลิบลับ เพราะล้วนเป็นพวกหน้าเก่าเหลาเหย่ที่สังคมตราหน้าว่าเป็นขี้ข้า หาคุณค่าอันใดไม่ได้ การเคลื่อนไหวครั้งนี้จึงกล่าวได้ว่ามือตกมาก หากจะเทียบกับเมื่อครั้งคดีซุกหุ้น
ดังนั้นจึงอาจสรุปอาการดิ้นรนที่กำลังปรากฏในขณะนี้ได้ดังต่อไปนี้
ประการแรก ถึงจะมีการประกาศไม่ยอมรับคำตัดสินของ ป.ป.ช. และของศาล คำประกาศนั้นมีค่าเป็นเพียงการผายลมเท่านั้น ไม่มีคุณค่าในทางความเป็นจริง ป.ป.ช.และศาลรัฐธรรมนูญตัดสินอย่างไรย่อมเป็นไปและมีผลตามนั้นเสมอ ไม่มีใครต้านทานได้
ประการที่สอง การสร้างกระแสเพื่อขอโอกาสหรือเพื่อให้เห็นว่ามีความชอบธรรมที่จะอยู่ในอำนาจต่อไปโดยการเกณฑ์นักวิชากิน จิ้งเหลือง และกระบอกเสียงทั้งหลายเป็นการฉายหนังเก่าโดยผู้คนที่ชำรุดทางประวัติศาสตร์และถูกสังคมตราหน้าว่าเป็นขี้ข้า ไร้ราคาแห่งการเชื่อถือ
ประการที่สาม คำขู่เข็ญต่าง ๆ สารพัดจะไม่สามารถหยุดยั้งกระบวนการยุติธรรมทั้งหลายได้ และคงไม่มีเหตุการณ์รุนแรงถึงขั้นนองเลือดเกิดขึ้นตามคำขู่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา.
http://www.paisalvision.com/content/88-features/11442----qq-22-2557.html
'พุทธะอิสระ' กดดัน 'กวป.' หนีกระเจิงจากศูนย์ราชการฯ !!!!!
เดลินิวส์ออนไลน์
“พุทธะอิสระ” เปลี่ยนแผนนำมวลชนกดดัน "เสื้อแดง" บุกศาล รธน. ก่อนตะเพิดพ้นพื้นที่ไร้เหตุปะทะ ระทึกคนร้ายยิงการ์ด 2 นัด ก่อนตามรวบ 3 ตำรวจแฝงตัวหาข่าวในม็อบ
เมื่อวันที่ 22 เม.ย. เวลา 08.30 น. หลวงปู่พุทธะอิสระ นำมวลชน กปปส. จากเวทีแจ้งวัฒนะ เคลื่อนตัวออกจากเวทีชุมนุมด้วยขบวนรถบัสกว่า 10 คัน เพื่อไปปฏิบัติภารกิจนอกพื้นที่ตามกำหนดการเดิม เป้าหมายแรกไปพบปะกับพนักงานของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ต่อด้วยภารกิจตามล่าตัวบุคคลที่มีพฤติกรรมจาบจ้วงสถาบัน อย่างไรก็ตามหลังขบวนกปปส.แจ้งวัฒนะ มุ่งหน้าออกจากเวทีเคลื่อนตัวไปยังถนนแจ้งวัฒนะเพื่อขึ้นทางด่วน ปรากฎว่าขบวนได้ลงทางด่วนบริเวณงามวงศ์วานก่อนจะวนรถกลับเวทีที่ตั้งกะทันหัน โดยระบุว่าได้รับรายงานว่า
กลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (กวป.) ที่จะเดินทางเข้ามาชุมนุมที่ศาลรัฐธรรมนูญจะนำมวลชนมาตลบหลังเวทีชุมนุมแจ้งวัฒนะอย่างไรก็ตาม มีรถบัสและรถยนต์ส่วนตัวของผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งได้จอดปิดกั้นทางเข้าออกโรงแรมมิราเคิลแกรนด์ สถานที่ที่จะมีการประชุมระหว่างคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กับพรรคการเมืองในวันนี้ ทำให้ กกต. เร่งตรวจสอบข้อมูล เพื่อเปลี่ยนสถานที่จัดประชุม แต่เมื่อ กปปส.แจ้งวัฒนะได้รับแจ้งว่าไปผิดที่ก็รีบนำขบวนกลับที่ตั้งทันที
หลังนำมวลชนกลับที่ตั้งเวทีแจ้งวัฒนะ ไม่พบว่ามีเหตุการณ์ผิดปกติ โดยหลวงปู่ฯ ได้นำรถบัสจำนวนหนึ่งไปปักหลักด้านหลังศูนย์ราชการอาคารบี เพื่อปิดเส้นทางเข้า-ออกด้านหลังศูนย์ราชการฯ ป้องกันไม่ได้คนเสื้อแดงเดินทางเข้าไปศาลรัฐธรรมนูญโดยยืนยันว่า กปปส.แจ้งวัฒนะจะตรึงกำลังจนกว่าคนเสื้อแดงจะล่าถอยออกจากพื้นที่ ท่ามกลางการตรึงกำลังดูแลความเรียบร้อยของทั้งทหารและตำรวจที่ตั้งแถวอยู่ด้านหลังศูนย์ราชการอาคารบี โดยแกนนำ กปปส.แจ้งวัฒนะ ประกาศให้เวลามวลชนเสื้อแดงที่ระบุว่าเก็บตัวอยู่ในสโมสรราชพฤกษ์เดินทางออกไปภายใน 5 นาทีและมีการประกาศกดดันอย่างหนักว่าหากไม่ออกจากพื้นที่จะบุกเข้าไปขับไล่
จากนั้นทหารได้ส่งตัวแทนเข้าเจรจากับหลวงปู่ฯ โดยระบุว่าคนเสื้อแดงได้ขึ้นรถออกจากสโมสรฯ ไปแล้ว โดยใช้ทางออกอีกด้านเพื่อไม่ให้เผชิญหน้ากับ กปปส.ทำให้หลวงปู่ฯ นำมวลชนกลับมาปักหลักในที่ตั้งก่อนที่จะเคลื่อนขบวนออกไปปฏิบัติภารกิจอีกครั้งในช่วงบ่าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่มีการเผชิญหน้าระหว่าง กปปส.แจ้งวัฒนะ และตำรวจกับทหาร ที่ตรึงกำลังรักษาความปลอดภัยด้านหลังศูนย์ราชการฯ มีการปล่อยข่าวว่ามีการวางระเบิดบริเวณลานจอดรถอาคารศูนย์ราชการฯ อาคารเอทำให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ที่นำรถมาจอดด้านหน้าประตูทางเข้ากระทรวงยุติธรรม ต้องรีบนำรถออกไปจอดในที่ปลอดภัยอย่างโกลาหล แต่สุดท้ายปรากฏว่าเป็นการปล่อยข่าวของการ์ด เพราะต้องการเคลียร์พื้นที่เท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อเวลาประมาณ10.30 น. ที่บริเวณปาก ซอยแจ้งวัฒนะ 12 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงหลักสี่ เขตหลักสี่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารกำลังตั้งแถววางแนวกั้น เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มกปปส.เวทีแจ้งวัฒนะ ที่อยู่บริเวณข้างรั้ว บ.ทีโอที คอมเปอร์เรชั่น จำกัด มหาชน ช่วงฝั่งตรงข้ามปาก ซอยแจ้งวัฒนะ 12 ที่พยายามจะเข้าปิดบริเวณปากทางเข้า ซอยแจ้งวัฒนะ5
ซึ่งทางกลุ่ม กวป. กำลังเคลื่อนออกมาจากซอยดังกล่าวได้เรียกตะโกนว่า มีคนปาระเบิด จากนั้นก็ได้พบชายเสื้อสีขาว กางเกงขายาวได้วิ่งหนีจากบริเวณป้ารถประจำทาง ปาก ซอยแจ้งวัฒนะ 12 เข้ามายังภายในซอยแจ้งวัฒนะ 12 ทำให้ กลุ่มการ์ด กปปส.เวทีแจ้งวัฒนะ ที่อยู่บริเวณนั้น ได้คว้าปืนสั้นไม่ทราบขนาด ยิงตามเข้าไปใน ซอยแจ้งวัฒนะ12 จำนวน 1 นัด ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารที่ตรึงกำลังอยู่นั้นต่างหมอบหลบหนีวิถีกระสุนกันจ้าละหวั่น จากนั้นกลุ่มการ์ด ก็ได้ขี่จยย.เข้าไปทางเวทีแจ้งวัฒนะซึ่งจากการตรวจสอบไม่พบว่ามีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
ขณะที่อีกด้านหนึ่ง มีการยิงปืน 2 นัดใส่การ์ด กปปส. ที่บริเวณปากซอยแจ้งวัฒนะ 5แต่ผู้ก่อเหตุได้วิ่งหลบหนีเข้าซอย
***ต่อมาการ์ดได้จับตัวผู้ต้องสงสัยได้ 3 รายที่ปากซอยแจ้งวัฒนะ 5 และ 12 ตรวจค้นพบหลักฐานว่าเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบแฝงตัวเป็นวินมอร์เตอร์ไซค์รับจ้างพร้อมพกอาวุธปืน เครื่องกระสุน
ในตัวยังพบบัตรประจำตัวตำรวจทั้ง 3 ราย คือ จ.ส.ต.ณรงค์เดชจาระนุ่น ผู้บังคับหมู่ สน.คันนายาวด.ต.สมหมาย แก้วดินไทร และ ร.ต.อ.ธวัชชัย จิตตรีธาติรองสว.สส.สน.ประชาชื่น
โดยทั้งหมดยืนยันว่าเป็นตำรวจสายสืบเข้ามาหาข่าว และไม่รู้จักกับผู้ที่ยิงปืนใส่การ์ด เพราะในร้านกาแฟที่เห็นว่าใกล้กับพื้นที่เกิดเหตุ มีตำรวจนอกเครื่องแบบหลาย สน.นั่งอยู่ในร้านจากนั้นหลวงปู่ฯ ได้ติดต่อไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อให้มารับตัวกลับออกไปพร้อมกำชับว่า อย่าพกอาวุธเข้ามาหาข่าวในที่ชุมนุมอีก.
เดลินิวส์ออนไลน์
“พุทธะอิสระ” เปลี่ยนแผนนำมวลชนกดดัน "เสื้อแดง" บุกศาล รธน. ก่อนตะเพิดพ้นพื้นที่ไร้เหตุปะทะ ระทึกคนร้ายยิงการ์ด 2 นัด ก่อนตามรวบ 3 ตำรวจแฝงตัวหาข่าวในม็อบ
เมื่อวันที่ 22 เม.ย. เวลา 08.30 น. หลวงปู่พุทธะอิสระ นำมวลชน กปปส. จากเวทีแจ้งวัฒนะ เคลื่อนตัวออกจากเวทีชุมนุมด้วยขบวนรถบัสกว่า 10 คัน เพื่อไปปฏิบัติภารกิจนอกพื้นที่ตามกำหนดการเดิม เป้าหมายแรกไปพบปะกับพนักงานของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ต่อด้วยภารกิจตามล่าตัวบุคคลที่มีพฤติกรรมจาบจ้วงสถาบัน อย่างไรก็ตามหลังขบวนกปปส.แจ้งวัฒนะ มุ่งหน้าออกจากเวทีเคลื่อนตัวไปยังถนนแจ้งวัฒนะเพื่อขึ้นทางด่วน ปรากฎว่าขบวนได้ลงทางด่วนบริเวณงามวงศ์วานก่อนจะวนรถกลับเวทีที่ตั้งกะทันหัน โดยระบุว่าได้รับรายงานว่า
กลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (กวป.) ที่จะเดินทางเข้ามาชุมนุมที่ศาลรัฐธรรมนูญจะนำมวลชนมาตลบหลังเวทีชุมนุมแจ้งวัฒนะอย่างไรก็ตาม มีรถบัสและรถยนต์ส่วนตัวของผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งได้จอดปิดกั้นทางเข้าออกโรงแรมมิราเคิลแกรนด์ สถานที่ที่จะมีการประชุมระหว่างคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กับพรรคการเมืองในวันนี้ ทำให้ กกต. เร่งตรวจสอบข้อมูล เพื่อเปลี่ยนสถานที่จัดประชุม แต่เมื่อ กปปส.แจ้งวัฒนะได้รับแจ้งว่าไปผิดที่ก็รีบนำขบวนกลับที่ตั้งทันที
หลังนำมวลชนกลับที่ตั้งเวทีแจ้งวัฒนะ ไม่พบว่ามีเหตุการณ์ผิดปกติ โดยหลวงปู่ฯ ได้นำรถบัสจำนวนหนึ่งไปปักหลักด้านหลังศูนย์ราชการอาคารบี เพื่อปิดเส้นทางเข้า-ออกด้านหลังศูนย์ราชการฯ ป้องกันไม่ได้คนเสื้อแดงเดินทางเข้าไปศาลรัฐธรรมนูญโดยยืนยันว่า กปปส.แจ้งวัฒนะจะตรึงกำลังจนกว่าคนเสื้อแดงจะล่าถอยออกจากพื้นที่ ท่ามกลางการตรึงกำลังดูแลความเรียบร้อยของทั้งทหารและตำรวจที่ตั้งแถวอยู่ด้านหลังศูนย์ราชการอาคารบี โดยแกนนำ กปปส.แจ้งวัฒนะ ประกาศให้เวลามวลชนเสื้อแดงที่ระบุว่าเก็บตัวอยู่ในสโมสรราชพฤกษ์เดินทางออกไปภายใน 5 นาทีและมีการประกาศกดดันอย่างหนักว่าหากไม่ออกจากพื้นที่จะบุกเข้าไปขับไล่
จากนั้นทหารได้ส่งตัวแทนเข้าเจรจากับหลวงปู่ฯ โดยระบุว่าคนเสื้อแดงได้ขึ้นรถออกจากสโมสรฯ ไปแล้ว โดยใช้ทางออกอีกด้านเพื่อไม่ให้เผชิญหน้ากับ กปปส.ทำให้หลวงปู่ฯ นำมวลชนกลับมาปักหลักในที่ตั้งก่อนที่จะเคลื่อนขบวนออกไปปฏิบัติภารกิจอีกครั้งในช่วงบ่าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่มีการเผชิญหน้าระหว่าง กปปส.แจ้งวัฒนะ และตำรวจกับทหาร ที่ตรึงกำลังรักษาความปลอดภัยด้านหลังศูนย์ราชการฯ มีการปล่อยข่าวว่ามีการวางระเบิดบริเวณลานจอดรถอาคารศูนย์ราชการฯ อาคารเอทำให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ที่นำรถมาจอดด้านหน้าประตูทางเข้ากระทรวงยุติธรรม ต้องรีบนำรถออกไปจอดในที่ปลอดภัยอย่างโกลาหล แต่สุดท้ายปรากฏว่าเป็นการปล่อยข่าวของการ์ด เพราะต้องการเคลียร์พื้นที่เท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อเวลาประมาณ10.30 น. ที่บริเวณปาก ซอยแจ้งวัฒนะ 12 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงหลักสี่ เขตหลักสี่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารกำลังตั้งแถววางแนวกั้น เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มกปปส.เวทีแจ้งวัฒนะ ที่อยู่บริเวณข้างรั้ว บ.ทีโอที คอมเปอร์เรชั่น จำกัด มหาชน ช่วงฝั่งตรงข้ามปาก ซอยแจ้งวัฒนะ 12 ที่พยายามจะเข้าปิดบริเวณปากทางเข้า ซอยแจ้งวัฒนะ5
ซึ่งทางกลุ่ม กวป. กำลังเคลื่อนออกมาจากซอยดังกล่าวได้เรียกตะโกนว่า มีคนปาระเบิด จากนั้นก็ได้พบชายเสื้อสีขาว กางเกงขายาวได้วิ่งหนีจากบริเวณป้ารถประจำทาง ปาก ซอยแจ้งวัฒนะ 12 เข้ามายังภายในซอยแจ้งวัฒนะ 12 ทำให้ กลุ่มการ์ด กปปส.เวทีแจ้งวัฒนะ ที่อยู่บริเวณนั้น ได้คว้าปืนสั้นไม่ทราบขนาด ยิงตามเข้าไปใน ซอยแจ้งวัฒนะ12 จำนวน 1 นัด ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารที่ตรึงกำลังอยู่นั้นต่างหมอบหลบหนีวิถีกระสุนกันจ้าละหวั่น จากนั้นกลุ่มการ์ด ก็ได้ขี่จยย.เข้าไปทางเวทีแจ้งวัฒนะซึ่งจากการตรวจสอบไม่พบว่ามีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
ขณะที่อีกด้านหนึ่ง มีการยิงปืน 2 นัดใส่การ์ด กปปส. ที่บริเวณปากซอยแจ้งวัฒนะ 5แต่ผู้ก่อเหตุได้วิ่งหลบหนีเข้าซอย
***ต่อมาการ์ดได้จับตัวผู้ต้องสงสัยได้ 3 รายที่ปากซอยแจ้งวัฒนะ 5 และ 12 ตรวจค้นพบหลักฐานว่าเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบแฝงตัวเป็นวินมอร์เตอร์ไซค์รับจ้างพร้อมพกอาวุธปืน เครื่องกระสุน
ในตัวยังพบบัตรประจำตัวตำรวจทั้ง 3 ราย คือ จ.ส.ต.ณรงค์เดชจาระนุ่น ผู้บังคับหมู่ สน.คันนายาวด.ต.สมหมาย แก้วดินไทร และ ร.ต.อ.ธวัชชัย จิตตรีธาติรองสว.สส.สน.ประชาชื่น
โดยทั้งหมดยืนยันว่าเป็นตำรวจสายสืบเข้ามาหาข่าว และไม่รู้จักกับผู้ที่ยิงปืนใส่การ์ด เพราะในร้านกาแฟที่เห็นว่าใกล้กับพื้นที่เกิดเหตุ มีตำรวจนอกเครื่องแบบหลาย สน.นั่งอยู่ในร้านจากนั้นหลวงปู่ฯ ได้ติดต่อไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อให้มารับตัวกลับออกไปพร้อมกำชับว่า อย่าพกอาวุธเข้ามาหาข่าวในที่ชุมนุมอีก.
ตะครุบตัว "ไอ้โม่งยิงการ์ดกปปส.แจ้งวัฒนะ" !! สาวไส้พบเป็นตร.ปลอมตัวเป็นวิน
เกิดเหตุมีผู้ยิงปืน 2 นัดใส่การ์ด กปปส. .ปากซอยแจ้งวัฒนะ5 ก่อนถูกรวบตัวได้พร้อมผู้ต้องสงสัย 3 ราย ตรวจค้นพบหลักฐานเบื้องต้นเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบแฝงตัวเพื่อเข้ามาหาข่าว
ขณะที่บรรยากาศที่เวทีกปปส.แจ้งวัฒนะ มวลชนยังปักหลักชุมนุม หลังจากเมื่อช่วงเช้าเวลา 08.30 น. หลวงปู่พุทธะอิสระนำมวลชน กปปส.ออกจากเวทีแจ้งวัฒนะด้วยขบวนรถบัสกว่า 10 คัน เพื่อไปปฏิบัติภารกิจนอกพื้นที่ ตามกำหนดการจะไปพบปะกับพนักงาน กฟผ. แต่ต้องวกรถกลับเวทีหลังจากที่มีรายงานว่า คนเสื้อแดงกลุ่ม กวป. เดินทางเข้ามาชุมนุมที่ศาลรัฐธรรมนูญ โดยหลวงปู่พุทธะอิสระได้นำรถบัสจำนวนหนึ่งไปปักหลักด้านหลังศูนย์ราชการ อาคารบี เพื่อปิดเส้นทางเข้า-ออกด้านหลังศูนย์ราชการ ป้องกันไม่ได้คนเสื้อแดงเดินทางเข้าไปศาลรัฐธรรมนูญ