GREAT KING OF THAILAND, KING BHUMIBHOL

GREAT KING OF THAILAND, KING BHUMIBHOL
LONG LIVE THE KING BHUMIBHOL

วันศุกร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

โมเดลศูนย์ปรองดองแสวงจุดร่วม-สงวนจุดต่างสู่สันติ/ข้อความจากอาคม มกรานนท์/Sutin Wannabovorn

โมเดลศูนย์ปรองดองแสวงจุดร่วม-สงวนจุดต่างสู่สันติ !!!!!
คมชัดลึกออนไลน์

ผุดโมเดลศูนย์ปรองดองฯ2มิ.ย. แสวงจุดร่วม-สงวนจุดต่างสู่สันติ : รายงาน
               
เป็นที่จับตามองอย่างมากว่า แนวทางของ "ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป" หรือ ศปป. ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะมีรูปแบบการดำเนินการอย่างไร?

               ที่สำคัญจะสามารถแก้ไขความขัดแย้ง หรือ "สลายสีเสื้อ" ได้หรือไม่ เนื่องเพราะความขัดแย้งในสังคมการเมืองที่ดำเนินมาเกือบ 10 ปีได้ฝังรากลึกไปจนถึงระดับครอบครัวแล้ว

               ต้องยอมรับว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายกับการสร้างความปรองดองดังกล่าวของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ต้องการสลายความคิดที่ขัดแย้งที่มีอยู่เดิมที่ลงลึกไปจนถึงระดับครอบครัว เพื่อให้คนที่มีความคิดแตกต่างกันสุดขั้วสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ

               แต่ก็ต้องยอมรับถึงความพยายามของทหารที่ก้าวเท้าเข้ามาสร้างความมั่นคงในประเด็นนี้ในยามที่บ้านเมืองเข้มข้นชนิดหน้าสิ่วหน้าขวานในสังคมไทยขณะนี้

               "โครงสร้างของ ศปป. จะใช้โครงสร้างเดิมของ กอ.รมน.ทุกจังหวัด เนื่องจาก กอ.รมน.ทั้ง 77 จังหวัดรู้ปัญหาในพื้นที่ของตัวเองดี และปัญหาในแต่ละจังหวัดมีไม่เหมือนกัน โดยมีภารกิจ คือ การเร่งเข้าไปทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่"  พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ขยายความถึงแนวคิดของหัวหน้า คสช.ให้ฟัง
 
               ส่วนขั้นตอนของการดำเนินงานนั้น โฆษก กอ.รมน.ย้ำว่า จะทำตั้งแต่ระดับล่างสุดในระดับชุมชน ระดับหมู่บ้าน ในลักษณะกลุ่มย่อย และไม่ได้แบ่งแยกว่าเป็นกลุ่มรุนแรง กลุ่มรุนแรงน้อย หรือพื้นที่สีแดง สีเขียว

               ด้วยเห็นผลที่ว่า ศปป.ไม่เคยคิดว่าจะมีการแบ่งแยก!
 
               โรดแม็พของ คสช.ที่ได้วางไว้ใน 3 ขั้นตอน ได้ขับเคลื่อนไปแล้ว เริ่มจากการรักษาความสงบเรียบร้อย ความมั่นคงปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน ต่อไปคือการทำเรื่องความสมานฉันท์ สามัคคี การปฏิรูป และสุดท้ายต่อด้วยการเลือกตั้ง

               แต่สิ่งที่ต้องการโฟกัสในขณะนี้ คือ การอยู่ร่วมกันอย่างสงบสันติ และ หยุดพักเรื่องเก่าไว้ก่อน เมื่อเรียนรู้ร่วมกันอย่างสันติแล้ว ความสัมพันธ์ และเครือข่ายที่มีอยู่จะเกิดเรื่องดีๆ ต่อไปได้

               สาเหตุจากคนเราต้องอยู่ในสังคมเดียวกัน ที่ทำงานเดียวกัน ครอบครัวเดียวกัน เราจะอยู่ร่วมกันอย่างไรหากยังมีแนวคิดแตกแยกอยู่ แต่เราไม่ได้หวัง 100 เปอร์เซ็นต์ เอาแค่ประคับประคองให้อยู่ร่วมกันให้ได้ อะไรที่เป็นจุดต่างก็เว้นเอาไว้ สงวนเอาไว้ในเรื่องที่มีความเห็นร่วมกัน หรือแสวงจุดร่วม-สงวนจุดต่าง

               "ถ้าสิ่งนี้ (ความปรองดอง) ไปไม่ได้ อย่างอื่นก็ไปไม่ได้ ถ้ายังเห็นแตกแยกกันอยู่ก็จะเกิดเหตุการณ์ใต้ดิน เกิดการแสดงออกในรูปแบบต่างๆ ที่ทำให้เกิดความไม่สงบขึ้นมา ขณะนี้ความไม่สงบได้หยุดชะงัก แต่จะชั่วคราวหรือยั่งยืนยังไม่รู้...

               ...แต่พื้นฐานสำคัญคือการแก้ปัญหาทางความคิดความเชื่อ ซึ่งยังไม่ต้องไปเปลี่ยนความคิดความเชื่อ แต่ขอให้แสดงท่าทีในการอยู่ร่วมกัน อย่างเช่นแกนนำหลายคนที่ถูกปล่อยตัวมาแล้ว ก็แสดงท่าทีว่าจะหยุดกิจกรรม บางคนก็ลาออกจากพรรคการเมือง บางคนก็เห็นชอบว่าประเทศควรจะเดินหน้าแต่หลายคนก็ยังไม่แสดงท่าทีแบบนี้ ยังมาถามเรื่องการนิรโทษกรรม หรือเรื่องอดีตต่างๆ ซึ่งเรื่องอดีตจะต้องถูกดำเนินคดีไปตามกฎหมาย ส่วนปัจจุบันเราจะต้องอยู่ร่วมกันให้ได้"

               ความขัดแย้งที่ฝังรากลึกมาหลายปี ส่งผลให้โฆษก กอ.รมน. ต้องรีบเดินหน้าความปรองดองสมานฉันท์ แต่พื้นที่ต่างๆ ไม่เหมือนกัน บางพื้นที่จะต้องใช้เวลากว่าจะปรับทัศนคติได้ แต่บางพื้นที่มีความพร้อม ทั้งนี้ ไม่หนักใจในพื้นที่ภาคเหนือ-ภาคอีสาน ที่มีกลุ่มเห็นต่างเป็นจำนวนมาก

               "ที่หนักใจในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจากเรื่องย้อนหลังไปหลายร้อยปี ซึ่งเราก็พยายามแก้ไขปัญหามานานแล้ว"

               ส่วนเรื่องการ "ปฏิรูป" นั้น เขาอ้างว่า พล.อ.ประยุทธ์ ท่านได้ให้แนวทางอย่างเดียว คือ ต้องทำให้ได้ เพราะหากทำไม่ได้แล้วบ้านเมืองจะเดินหน้าอย่างไร หรือจะปฏิรูปบ้านเมืองอย่างไร ถ้าคนยังขัดแย้งกันแบบสุดขั้ว

               ดังนั้น จะต้องทำเรื่องนี้ให้เกิดความพร้อม หากนำเรื่องของความขัดแย้ง ความต้องการ หรืออุดมการณ์ทางการเมืองที่มีมาอยู่เดิมก่อนวันที่ 22 พฤษภาคม มาเถียงกันก็จะไม่รู้จบ

               "อยากจะให้หยุด และพักเรื่องอุดมการณ์การเมืองไว้ก่อน ยืนยันว่าเราเคารพความคิดเห็นอยู่แล้ว เพราะทุกคนมีเหตุมีผลของตัวเอง และมีความเชื่อในอุดมการณ์ของตัวเอง อยากให้หยุดตรงนั้นก่อน และเริ่มมาคิดถึงการอยู่ร่วมกันก่อน และนำไปสู่การปฏิรูป ซึ่งการปฏิรูปก็จะต้องได้รับการยอมรับจากทุกพวกทุกฝ่าย จะได้เดินหน้าประเทศไทยต่อไปได้"

               สำหรับรูปแบบ และแผนผังโครงสร้าง ศปป. แต่ละพื้นที่ในขณะนี้ได้มีเอกสารออกมาแล้วเป็นระดับศปป.ของ กอ.รมน. ภาค 1-4 โดยจะมีการประชุมร่วมกันอีกครั้งเพื่อนำเสนอให้เป็นแนวทางร่วมกันในวันที่ 2 มิถุนายนนี้ คาดว่าจะเป็นรูปร่าง หากในพื้นที่ใดสามารถดำเนินการได้ก็จะเริ่มดำเนินการทันที

               อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะมีการเปิดเผยรูปแบบ และโครงสร้างของ ศปป. อย่างเป็นทางการในวันที่ 2 มิถุนายน ทางกองทัพได้ขับเคลื่อน "โมเดลปรองดอง" เป็นแห่งแรกขึ้นที่หน้าหมู่บ้านเฟริสโฮม ซึ่งอยู่ตรงข้ามสถานีวิทยุเรดการ์ด (โกตี๋) ต.คูคต จ.ปทุมธานี ในเวลา 10.00-11.30 น. วันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม นี้

               ทั้งนี้ พล.ต.กู้เกียรติ ศรีนาคา ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.2 รอ.) จะเป็นประธานจัดกิจกรรม คสช.สร้างความปรองดองสมานฉันท์ พร้อมกำลังพลกรมทหารปืนใหญ่ที่ 2 รักษาพระองค์ (ป.2.รอ.) เเละกองพันทหารม้าที่ 30 (ม.พัน.30) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างประชาชนในพื้นที่และทหาร

               มีการจัดกิจกรรมกระชับสัมพันธ์ และช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ เช่น ดนตรีเทิดทูนสถาบัน, ตัดผม, บริการทางการเเพทย์, อาหารว่าง, น้ำดื่ม พร้อมนำหน่วยงานอื่นเข้าร่วม เช่น สถานีตำรวจภูธรคูคต เทศบาลคูคด โรงพยาบาล เป็นต้น

               ต้องติดตามว่า โมเดลปรองดองสมานฉันท์ของ คสช. จะสามารถนำไปสู่ "ผลลัพธ์" คือ การอยู่ร่วมกันอย่างสันติภายใต้ความคิดเห็นที่แตกต่างสมดังเจตนารมณ์ของหัวหน้า คสช. ได้หรือไม่?

โมเดลศูนย์ปรองดองแสวงจุดร่วม-สงวนจุดต่างสู่สันติ !!!!!
คมชัดลึกออนไลน์
ผุดโมเดลศูนย์ปรองดองฯ2มิ.ย. แสวงจุดร่วม-สงวนจุดต่างสู่สันติ : รายงาน
เป็นที่จับตามองอย่างมากว่า แนวทางของ "ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป" หรือ ศปป. ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะมีรูปแบบการดำเนินการอย่างไร?
ที่สำคัญจะสามารถแก้ไขความขัดแย้ง หรือ "สลายสีเสื้อ" ได้หรือไม่ เนื่องเพราะความขัดแย้งในสังคมการเมืองที่ดำเนินมาเกือบ 10 ปีได้ฝังรากลึกไปจนถึงระดับครอบครัวแล้ว
ต้องยอมรับว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายกับการสร้างความปรองดองดังกล่าวของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ต้องการสลายความคิดที่ขัดแย้งที่มีอยู่เดิมที่ลงลึกไปจนถึงระดับครอบครัว เพื่อให้คนที่มีความคิดแตกต่างกันสุดขั้วสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ
แต่ก็ต้องยอมรับถึงความพยายามของทหารที่ก้าวเท้าเข้ามาสร้างความมั่นคงในประเด็นนี้ในยามที่บ้านเมืองเข้มข้นชนิดหน้าสิ่วหน้าขวานในสังคมไทยขณะนี้
"โครงสร้างของ ศปป. จะใช้โครงสร้างเดิมของ กอ.รมน.ทุกจังหวัด เนื่องจาก กอ.รมน.ทั้ง 77 จังหวัดรู้ปัญหาในพื้นที่ของตัวเองดี และปัญหาในแต่ละจังหวัดมีไม่เหมือนกัน โดยมีภารกิจ คือ การเร่งเข้าไปทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่" พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ขยายความถึงแนวคิดของหัวหน้า คสช.ให้ฟัง
ส่วนขั้นตอนของการดำเนินงานนั้น โฆษก กอ.รมน.ย้ำว่า จะทำตั้งแต่ระดับล่างสุดในระดับชุมชน ระดับหมู่บ้าน ในลักษณะกลุ่มย่อย และไม่ได้แบ่งแยกว่าเป็นกลุ่มรุนแรง กลุ่มรุนแรงน้อย หรือพื้นที่สีแดง สีเขียว
ด้วยเห็นผลที่ว่า ศปป.ไม่เคยคิดว่าจะมีการแบ่งแยก!
โรดแม็พของ คสช.ที่ได้วางไว้ใน 3 ขั้นตอน ได้ขับเคลื่อนไปแล้ว เริ่มจากการรักษาความสงบเรียบร้อย ความมั่นคงปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน ต่อไปคือการทำเรื่องความสมานฉันท์ สามัคคี การปฏิรูป และสุดท้ายต่อด้วยการเลือกตั้ง
แต่สิ่งที่ต้องการโฟกัสในขณะนี้ คือ การอยู่ร่วมกันอย่างสงบสันติ และ หยุดพักเรื่องเก่าไว้ก่อน เมื่อเรียนรู้ร่วมกันอย่างสันติแล้ว ความสัมพันธ์ และเครือข่ายที่มีอยู่จะเกิดเรื่องดีๆ ต่อไปได้
สาเหตุจากคนเราต้องอยู่ในสังคมเดียวกัน ที่ทำงานเดียวกัน ครอบครัวเดียวกัน เราจะอยู่ร่วมกันอย่างไรหากยังมีแนวคิดแตกแยกอยู่ แต่เราไม่ได้หวัง 100 เปอร์เซ็นต์ เอาแค่ประคับประคองให้อยู่ร่วมกันให้ได้ อะไรที่เป็นจุดต่างก็เว้นเอาไว้ สงวนเอาไว้ในเรื่องที่มีความเห็นร่วมกัน หรือแสวงจุดร่วม-สงวนจุดต่าง
"ถ้าสิ่งนี้ (ความปรองดอง) ไปไม่ได้ อย่างอื่นก็ไปไม่ได้ ถ้ายังเห็นแตกแยกกันอยู่ก็จะเกิดเหตุการณ์ใต้ดิน เกิดการแสดงออกในรูปแบบต่างๆ ที่ทำให้เกิดความไม่สงบขึ้นมา ขณะนี้ความไม่สงบได้หยุดชะงัก แต่จะชั่วคราวหรือยั่งยืนยังไม่รู้...
...แต่พื้นฐานสำคัญคือการแก้ปัญหาทางความคิดความเชื่อ ซึ่งยังไม่ต้องไปเปลี่ยนความคิดความเชื่อ แต่ขอให้แสดงท่าทีในการอยู่ร่วมกัน อย่างเช่นแกนนำหลายคนที่ถูกปล่อยตัวมาแล้ว ก็แสดงท่าทีว่าจะหยุดกิจกรรม บางคนก็ลาออกจากพรรคการเมือง บางคนก็เห็นชอบว่าประเทศควรจะเดินหน้าแต่หลายคนก็ยังไม่แสดงท่าทีแบบนี้ ยังมาถามเรื่องการนิรโทษกรรม หรือเรื่องอดีตต่างๆ ซึ่งเรื่องอดีตจะต้องถูกดำเนินคดีไปตามกฎหมาย ส่วนปัจจุบันเราจะต้องอยู่ร่วมกันให้ได้"
ความขัดแย้งที่ฝังรากลึกมาหลายปี ส่งผลให้โฆษก กอ.รมน. ต้องรีบเดินหน้าความปรองดองสมานฉันท์ แต่พื้นที่ต่างๆ ไม่เหมือนกัน บางพื้นที่จะต้องใช้เวลากว่าจะปรับทัศนคติได้ แต่บางพื้นที่มีความพร้อม ทั้งนี้ ไม่หนักใจในพื้นที่ภาคเหนือ-ภาคอีสาน ที่มีกลุ่มเห็นต่างเป็นจำนวนมาก
"ที่หนักใจในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจากเรื่องย้อนหลังไปหลายร้อยปี ซึ่งเราก็พยายามแก้ไขปัญหามานานแล้ว"
ส่วนเรื่องการ "ปฏิรูป" นั้น เขาอ้างว่า พล.อ.ประยุทธ์ ท่านได้ให้แนวทางอย่างเดียว คือ ต้องทำให้ได้ เพราะหากทำไม่ได้แล้วบ้านเมืองจะเดินหน้าอย่างไร หรือจะปฏิรูปบ้านเมืองอย่างไร ถ้าคนยังขัดแย้งกันแบบสุดขั้ว
ดังนั้น จะต้องทำเรื่องนี้ให้เกิดความพร้อม หากนำเรื่องของความขัดแย้ง ความต้องการ หรืออุดมการณ์ทางการเมืองที่มีมาอยู่เดิมก่อนวันที่ 22 พฤษภาคม มาเถียงกันก็จะไม่รู้จบ
"อยากจะให้หยุด และพักเรื่องอุดมการณ์การเมืองไว้ก่อน ยืนยันว่าเราเคารพความคิดเห็นอยู่แล้ว เพราะทุกคนมีเหตุมีผลของตัวเอง และมีความเชื่อในอุดมการณ์ของตัวเอง อยากให้หยุดตรงนั้นก่อน และเริ่มมาคิดถึงการอยู่ร่วมกันก่อน และนำไปสู่การปฏิรูป ซึ่งการปฏิรูปก็จะต้องได้รับการยอมรับจากทุกพวกทุกฝ่าย จะได้เดินหน้าประเทศไทยต่อไปได้"
สำหรับรูปแบบ และแผนผังโครงสร้าง ศปป. แต่ละพื้นที่ในขณะนี้ได้มีเอกสารออกมาแล้วเป็นระดับศปป.ของ กอ.รมน. ภาค 1-4 โดยจะมีการประชุมร่วมกันอีกครั้งเพื่อนำเสนอให้เป็นแนวทางร่วมกันในวันที่ 2 มิถุนายนนี้ คาดว่าจะเป็นรูปร่าง หากในพื้นที่ใดสามารถดำเนินการได้ก็จะเริ่มดำเนินการทันที
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะมีการเปิดเผยรูปแบบ และโครงสร้างของ ศปป. อย่างเป็นทางการในวันที่ 2 มิถุนายน ทางกองทัพได้ขับเคลื่อน "โมเดลปรองดอง" เป็นแห่งแรกขึ้นที่หน้าหมู่บ้านเฟริสโฮม ซึ่งอยู่ตรงข้ามสถานีวิทยุเรดการ์ด (โกตี๋) ต.คูคต จ.ปทุมธานี ในเวลา 10.00-11.30 น. วันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม นี้
ทั้งนี้ พล.ต.กู้เกียรติ ศรีนาคา ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.2 รอ.) จะเป็นประธานจัดกิจกรรม คสช.สร้างความปรองดองสมานฉันท์ พร้อมกำลังพลกรมทหารปืนใหญ่ที่ 2 รักษาพระองค์ (ป.2.รอ.) เเละกองพันทหารม้าที่ 30 (ม.พัน.30) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างประชาชนในพื้นที่และทหาร
มีการจัดกิจกรรมกระชับสัมพันธ์ และช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ เช่น ดนตรีเทิดทูนสถาบัน, ตัดผม, บริการทางการเเพทย์, อาหารว่าง, น้ำดื่ม พร้อมนำหน่วยงานอื่นเข้าร่วม เช่น สถานีตำรวจภูธรคูคต เทศบาลคูคด โรงพยาบาล เป็นต้น
ต้องติดตามว่า โมเดลปรองดองสมานฉันท์ของ คสช. จะสามารถนำไปสู่ "ผลลัพธ์" คือ การอยู่ร่วมกันอย่างสันติภายใต้ความคิดเห็นที่แตกต่างสมดังเจตนารมณ์ของหัวหน้า คสช. ได้หรือไม่?



"บิ๊กตู่" ผุดรายการแจงผลงานคสช. ทุกวันเสาร์
พล.อ.ประยุทธ เตรียมจัดรายการทีวีทุกเช้าวันเสาร์ เวลา 08.00 น. โดยใช้ชื่อรายการว่า "คสช : คืนความสุขให้คนในชาติ" เพื่อแจงผลการดำเนินงานและผลงานของ คสช.ในรอบสัปดาห์ พร้อมทั้งทำความเข้าใจกับประชาชน
...
วันนี้ (31 พ.ค.57) มีรายงานว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้า คสช. เตรียมจะจัดรายการทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ในทุกเช้าวันเสาร์ เวลา 08.00 น. โดยใช้ชื่อรายการว่า "คสช : คืนความสุขให้คนในชาติ" ดำเนินรายการประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อแจงผลการดำเนินงานและผลงานของ คสช.ในรอบสัปดาห์ พร้อมทั้งทำความเข้าใจกับประชาชนในเรื่องการสร้างความปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปประเทศ

ทั้งนี้ วันนี้ถือเป็นครั้งแรกที่รายการดังกล่าวได้ออกอากาศ แต่เป็นการนำเทปคำปราศรัย พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงต่อประชาชนผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย มาออกอากาศซ้ำ แต่คาดว่่าในวันเสาร์หน้า (7 มิ.ย.57) รายการจะมีการกำหนดรูปแบบการจัดรายการให้ชัดเจนมากขึ้น

ซึ่งเมื่อเวลา 08.00 น. วันเดียวกันนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่รายการดังกล่าวได้ออกอากาศ โดยมีการนำเทปคำปราศรัยของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ได้พล.อ.ประยุทธ์

อย่างไรก็ตาม การจัดรายการในลักษณะนี้ เป็นการเข้าถึงประชาชนเพื่อชี้แจงทำความเข้าใจและแจงผลงานการดำเนินงานต่างๆ ซึ่งรัฐบาลก่อนหน้านี้ได้เคยดำเนินการเช่นกัน





ข้อความจากนักข่าวอาวุโส อาคม มกรานนท์
cr: Akhom Makaranond

พี่น้องร่วมชาติที่รักครับ
วันนี้เป็นวันสุดสัปดาห์ในภาวะที่ยังไม่ปกติสมบูรณ์ ข้อเขียนวันนี้จึงขอฝากไปยังประชาชนทุกหมู่เหล่าได้ทราบว่า ประเทศชาติถูกทำร้ายแทบปางตาย ถ้าเราไม่ช่วยกันรักษา บางคนออกมานั่งขวาง ไม่ยอมให้นำตัวส่งไปโรงพยาบาลอีกต่างหาก ครั้นพอหมอทหารออกมา"กู้ชีพประเทศชาติ" กลับมาส่งเสียงต่อต้านกันยกใหญ่ แน่นอนครับ เราแต่ละคน"เห็นต่าง"กันได้ในแง่ของมุมมอง ความรู้สึก แต่ในแง่ของ"ความเป็นจริง"ไม่น่าที่จะต่างกันออกไปมาก
ยกตัวอย่างเช่น ถือป้ายเขียนว่า"ไปเก่งที่ชายแดนใต้"นั้น ผมสงสัยเหลือเกินว่า "สติปัญญาของคนถือป้าย"มีความเป็นปกติดีหรือเปล่า? ทหารเขาลงไปปฏิบัติหน้าที่ในสามจังหวัดชายแดนใต้ เสียชีวิตไปแล้วไม่รู้กี่พันศพ อยากถามว่าเวลานั้นคนถือป้ายมัวไปมุดหัวอยู่ที่ไหน หรือยังอยู่ในท้องมารดา ครั้นพอโผล่หัวออกมา ก็เห็นว่าทหารเขายืนถือปืนอยู่ในกรุงเทพฯเลยไล่เขาลงใต้ หรือยังไงผมไม่เข้าใจ พวกคุณต่อต้านรัฐประหารปี ๔๙ ว่าเลวร้ายมาก แล้วความเลวร้ายก่อนหน้านั้น ที่ระบอบทักษิณและพวกพ้องร่วมกันกระทำต่อชาติบ้านเมือง ทำไมพวกคุณจึงมองไม่เห็น ทำไมคุณทำตัวเหมือนหนอนในกองขี้ ที่บังเอิญแม่เพิ่งมาหยอดไข่แล้วฟักเป็นตัวในวันรัฐประหาร คุณจึงไม่เห็นความชั่วร้ายสามานย์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นเลย มีคำกล่าวว่่า"ระหว่างศีลธรรมกับกฏหมาย เลือกศีลธรรมสิ ยกเว้นพวกกึงดิบกึงดี ขาดความอบอุ่น ต้องหลับหูหลับตากอดกฏหมาย กอดประชาธิปไตย" เหตุการณ์บ้านเมืองที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีที่มา เราจะตัดตอนมามองอย่าง"แยกส่วน"ไม่ได้ ขอถามว่า ที่ผ่านมาตลอด ๒ ปี ๙ เดือน กับ ๒ วัน บ้านเมืองปกติดี มีรัฐบาลที่เคารพกฏหมายมาก เคารพรัฐธรรมนูญ มีความรับผิดชอบ มีความสำนึกทางการเมืองที่ดี บริหารประเทศอย่างดี เศรษฐกิจดี เป็นที่ยอมรับของประชาชนใช่หรือเปล่า คำตอบ คือ "เปล่าเลย" ไม่อยากจะนำความล้มเหลวก่อนและระหว่างที่บริหารประเทศมากล่าวซ้ำ เชื่อว่าทุกคนคงทราบดี ทำให้นึกถึงข้อความบางข้อที่เขียนว่า"คนชั่วข่มขืนประเทศชาติ แล้วปิดประตูทางออก คนดีไม่มีกุญแจไข ประชาชนกำลังนัดกันพังประตู ทหารตัดสินใจพังกำแพง" เข้าใจเมืองไทยง่ายๆแค่ประโยคสั้นๆเท่านี้แหละ
ในเฟชบุ๊คที่พิมพ์กันว่อนเวลานี้"ทำเป็นรับไม่ได้" อยากให้เห็นว่า"รัฐประหาร"เพียงหนึ่งวัน ได้เห็นอะไรบ้าง
๑.  ได้เห็นหมอเหวงที่ชอบมาบอกรัฐประหารเมื่อใดจะสู้ ยกมือยอมแพ้ทหารคาเวทีเสื้อแดงอย่างง่ายดาย
๒. ได้เห็นจตุพรที่ออกมาบอกว่ารัฐประหารเมื่อใด จะปลุกแดงสู้ โดนคุมตัวจนบัดนี้
๓. ได้เห็นสุภรณ์ แกนนำแดงที่เคยประกาศจะนำกลุ่มมวลชน(อพปช.)ตั้งเป้าไว้ ๕ แสนคน แต่ได้แค่หมื่นกว่าคน เอามาฝึกกินเงินดูไบ ประกาศตอบโต้ทุกองค์กรที่เล่นงานรัฐบาลและรักษาประชาธิปไตย โดยรวบตัวอย่างง่ายดาย ไม่หือสักคำเดียว
๔. ได้เห็นพวกเสื้อแดงที่ชอบเอากองกำลังตำรวจบ้านมาเดินสวนสนามถือธงแดง สร้างภาพข่มขู่ จนบางคนโดนบ่นว่าโดนหลอกมา สุดท้ายไม่มีอะไรเกิดขึ้น ราคาคุย
๕. ได้เห็นทักษิณยื่นข้อเสนอตอนเจรจาว่า ให้นิรโทษตนและครอบครัวทุกคดี แลกกับการปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง รัฐบาลยอมลาออก แสดงว่าตัวเองนั้นทรยศพวกเสื้อแดง ทีบอกว่า"ต้องมีเลือกตั้งเท่านั้น ไม่มีนายกฯคนกลาง"หลอกแดงซ้ำซาก เหมือนตอนออกกฏหมายนิรโทษกรรม เห็นหรือยังว่ามีแต่พวกเห็นแก่ตัว ราคาคุย หลอกคนเสื้อแดงฯ
ที่กล่าวมานี้ยังไม่หมดนะครับ ยังมีอีกเยอะ เอาเพียงเท่านี้ก็พอเห็นกันแล้วว่า ที่พากันออกมาต่อต้านรัฐประหารของคนกลุ่มหนึ่งนั้น มาด้วยใจจริงหรือมาด้วย...
ประเทศไทยกำลังกลับสู่ความเป็นปกติสุข แต่ภาระอันยิ่งใหญ่ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น นั่นคือการถอนรากถอนโคนระบอบทุนสามานย์ การฟื้นฟูระบบราชการ และปฏิรูปประเทศให้เดินไปข้างหน้า ไปสู่สิ่งที่ดีกว่า พ้นจากวงจรอุบาทว์อันชั่วร้ายทางการเมืองได้สำเร็จ ตามเป้าหมายและตามความคาดหวังของประชาชน ที่ตั้งความหวังไว้ที่ตัวท่าน เช่นเดียวกับผมที่ขอบอกว่า "มีโอกาศแล้ว โปรดล้างแผ่นดินไทยให้สะอาด กำจัดพวกโกงบ้านกินเมืองให้สูญสิ้นไปจากแผ่นดินไทย เมื่อ"หมอทหาร"ได้โอกาศทำความดีแล้ว คงไม่ละทิ้งโอกาสนี้ คนไทยผู้รักชาติเชื่อเช่นนั้นด้วยความจริงใจ ขอให้"หมอทหาร"ล้างแผ่นดินไทยให้ขาวสะอาด ปราศจากคนโสโครกโกงบ้านกินเมืองทุกชนิด
"ขอกราบขอบพระคุณล่วงหน้า และคารวะด้วยจริงใจ"


By Sutin Wannabovorn
ฝรั่งใจทาสกับไทยใจสัตว์ ร่วมกันทำร้ายประเทศไทย

หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ กับ วอชิงตันโพสต์ เสนอข่าวสองเรื่องที่เป็นลบต่อประเทศไทย นิวยอร์กไทม์ เขียนโดยขาประจำด่าไทย นายThomas Fuller ส่วนวอชิงตันโพสต์ ใช้คนไทยชื่อนายกวิน วิลัยรัตน์ด่าทหารไทยว่าเป็นอุปสรรคขัดการพัฒนาประชาธิปไตย
นิวยอร์กไทม์ หยิบเอาพิมพ์เขียวที่พล.เอกประยุทธ์ จันทร์โอชา แถลงเมื่อคืนวันเสาร์ว่า จะใช้เวลาประมาณปีครึ่ง จัดระเบียบประเทศไทย ตั้งแต่ตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ สร้างความปรองดองแห่ง และ สำคัญที่สุดคือการปฏิรูปประเทศ ที่ดูเหมือนว่าทำตามความประสงค์ของ กปปส ทุกประการ
ที่เจ็บแสบที่สุดคือมันสรุปเอาตอนสุดท้ายว่า กปปส ฉลองกันเต็มคราบในชุดเสื้อลายพลางทหาร ในร้ายอาหารฝรั่งเศษแห่งหนึ่ง ในงานเลี้ยงครั้งร้องเพลง “สู้เข้าไปอย่าได้ถอย” กันกระฮึ่มว่ากับฉลองรับรองการยึดอำนาจ ส่วนฝรั่งมันอ้างชื่อใครบ้างอ่านกันเอาเองเพราะภาษาดี นักเรียนนอกกันทั้งนั้น

Junta Sets Year’s Goals for Its Rule in Thailand
But before General Prayuth’s speech photos of them celebrating at a French restaurant in an upscale Bangkok neighborhood circulated on social media. Many wore military fatigues, an apparent sign of their approval of the coup, and were shown dancing and singing their protest anthem.
A video posted by one of the protest leaders, Chitpas Kridakorn, was titled “Keep on fighting, Don’t retreat.”

ส่วนวอร์ชิงตันโพสต์ นายกวิน วิลัยรัตน์ คนไทยใจสัตว์ เขียนจดหมายถึง บก เมื่อวันที่ 30 พ.ค. ประชดประชันว่า “อเมริกา ประท้วงทหารยึดอำนาจไปจากรัฐบาลพลเรือน โดยสถานเบาทำเหมือนไม่จริงจังหรือแสแสร้งตำหนิทหารไปเล็กน้อยๆ (มันว่าของมันอย่างนั้นจริงๆลองอ่านดูข้างล่างครับ) อเมริกาไม่จริงใจตำหนิประเทศไทย เพราะไปเชื่อข้ออ้างตลอดกาลของทหารไทยว่ายึดอำนาจเพื่อรักษาความสะงบเรียบร้อย ทหารไทยพูดอย่างนี้ทุกครั้งที่ยึดอำนาจตั้งแต่ปี 2490 ความจริงแล้วทหารและกลุ่มคนรวยที่ทหารปกป้องอยู่นั้น ทำตัวอยู่เหนือกฎหมายและเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประชาธิปไตย เสถรียรภาพทางการเมือง และ ความสามัคคีในชาติตลอดมา
ลงชื่อนายปวิน วิลัยรัตน์
Letters to the Editor
Thailand’s real obstacle to democracy is the military
May 30
The U.S. government’s mild rebuke of the recent military coup in Thailand [“Army coup ousts Thai government,” front page, May 23] was as hollow as it was hypocritical. The Thai junta’s justification for its actions was the same old refrain about the need to restore peace, order and democracy that has been issued after each coup since 1947. In fact, it is the military and the groups that it has protected, enriched and placed above the rule of law that have been the real obstacle to the development of democracy, political stability and national harmony in Thailand.
The United States has turned a blind eye to what has happened and, for misguided reasons, assisted in the empowerment of the Thai military. From Chile to Iran to Vietnam, the United States has often been on the wrong side of history. Dare we hope that this will not be the case with Thailand, which faces civil war and disintegration of the country?
Kawin Wilairat, Washington
ผมเอาตัวอย่างภาษาอังกฤษ เพียงบางตอนมาให้อ่าน เพราะจะได้รู้ว่าทั้งฝรั่งทั้งคนที่ที่ระบอบทักษิณ จัดตั้งผ่านบริษัทประชาสัมพันธ์ และ ลอบบี้ยีสต์ มันหาเรื่องด่าประเทศไทยได้ทุกเรื่อง แม้แต่อเมริกา แทรกแซงกิจการภายในของจนมากกว่าคำว่าน่าเกลียดแล้ว คนไทยใจสัตว์มันยังหาว่าอเมริกา ประท้วงไทยอ่อนไป ด่าไทยน้อยไป ลงโทษประเทศไทยน้อยไป

ในเมื่อคนไทยในวอรชิงตันคิดอย่างนี้ แล้วจะให้ฝรั่งทั้งในเมืองไทยและเมืองมันคิดอย่างไร เราเองเคยเห็นความเลวร้ายของขบวนทำลายชาติกลุ่มนี้ตั้งแต่ปี 2549 ตอนนั้นเรายังทำงานอยู่กับสำนักข่าวประเทศ ได้รู้ได้เห็นเรื่องที่ระบอบทักษิณ จ้างบริษัทประชาสัมพันธ์ ให้ลอบบี้สื่อต่างประเทศให้รายงานทำร้ายประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถาบันสูงสุด บริษัทประชาสัมพันธ์เหล่านี้ อ้างนักวิชาการจากมหาวิทยาต่าง ทำวิจัยบ้าง สัมมนาบ้าง รายงานประจำเดือน บ้างล้วนแต่เป็นเรื่องเลวร้ายของประเทศไทย ส่งเป็นข้อมูลเข้ามาในกล่องรับข่าวของสำนักข่าวต่างประเทศ

เมื่อข้อมูลมาถึงประเทศไทยแล้วก็มีคนของพรรคไทยรักไทยที่ภาษาดีอย่างนายจักรภพ เพ็ญแข นายยอน บุญประคอง ตามไปประกบสำทับในสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ส่วนใหญ่นักข่าวฝรั่งจะชอบข้อมูลเลวร้ายของประเทศไทย นักข่าวไทยที่อยากดังบางคนก็ชอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่เกี่ยวกับมาตร 112 และ เกี่ยวกับสถาบัน แม้กระทั่งหนังสือเรื่อง คิง เนเวอร์ สไมล์ บางตอนก็ช่วยตรวจทานกันในกรุงเทพนี้

ผมเป็นคนเดียวที่ขัดขวางทัดทานมันในสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ จนต้องออกจากสำนักข่าวเอพี เพราะบริษัทประชาสัมพันธ์ในอเมริกา ได้รับหนังสือร้องเรียนไปจากคนที่ใช้ชื่อ เอกพิภบ Ekapipop น่าเป็นนายจักกร์ภพ ว่าผมไปร่วมมือกับพวกขบถยึดทำเนียบ (เวลานั้นพันธิมตรยึดทำเนียบ) สำนักข่าวเอพี สอบถามผมแต่ไม่ได้ว่าอะไร แต่ผมมาพลาดเองเพราะไปตั้งคำถามกับพลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา ขณะที่ช่อง 11 กำลังถ่ายทอดสอว่า “ระหว่างชีวิตเลือดเนื้อของประชาชนกับนายกเฮ็งชวยท่านจะเลือกใคร” ถึงตอนนี้มีหนังสือร้องเรียนไปถึงสำนักข่าวเอพีอีกฉบับ ผมเลยลาออกตั้งแต่วันนั้น

เขียนมายืดยาวเพราะต้องการให้รู้ว่า ขบวนการทำลายชาติโดยสื่อฝรั่งได้จัดตั้งกันมาเป็นระบบ เพราะฉะนั้นอย่าได้หวั่นไหวกับคำวิจารณ์ของสื่อฝรั่งและ ประเทศตะวันตกเพราะพวกมันเตรียมการทำลายประเทศไทยมานานแล้ว

MANA PRADITKET

MANA PRADITKET
Handpainted oil painting by Mana Praditket

NIRAN PAIJIT

NIRAN PAIJIT
Original handpainted oil painting by Niran Paijit

PRAYAD TIPPAWAN

PRAYAD TIPPAWAN
ORIGINAL IMPRESSIONAL OIL PAINTING BY PRAYAD TIPPAWAN

Achara 34 (24x36)

Achara 34 (24x36)
ORIGINALl OIL PAINTING

Amornsak Livisit 74 (24x36)

Amornsak Livisit 74 (24x36)
ORIGINAL OIL PAINTING, Impressionist style

Suwan Khanboon 11 (24x24 inches)

Suwan Khanboon 11 (24x24 inches)
Original handpainted oil painting abstract style

NIRAN PAIJIT

NIRAN PAIJIT
ORIGINAL ABSTRACT STYLE OIL PAINTING BY NIRAN PAIJIT

Chavalit (Pong)

Chavalit (Pong)
PINTO Horses

Komez 78 (22x30)

Komez 78 (22x30)
Original handpainted pastel painting on paper

KOMES

KOMES
Handpainted pastel painting by Komez

PRATHOUN

PRATHOUN
ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING BY PRATHOUN

THAVORN IN-AKORN

THAVORN IN-AKORN
ORIGINAL OIL PAINTING BY THAVORN IN-AKORN (SIZE 20x30")

THAVORN IN-AKORN

THAVORN IN-AKORN
Original oil painting by Thavorn In-akorn

Facebook


ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING

PHOTO GALLERY

PHOTO GALLERY

Facebook

PHOTO GALLERY