GREAT KING OF THAILAND, KING BHUMIBHOL

GREAT KING OF THAILAND, KING BHUMIBHOL
LONG LIVE THE KING BHUMIBHOL

วันเสาร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

คณะรัฐบุคคลเดินหน้า “ขอพึ่งพระบารมี” ผ่าน ผบ.เหล่าทัพ !!!!!



คณะรัฐบุคคลเดินหน้า “ขอพึ่งพระบารมี” ผ่าน ผบ.เหล่าทัพ !!!!!

เดลินิวส์ออนไลน์

คณะรัฐบุคคลเดินหน้า “ขอพึ่งพระบารมี” เตรียมเดินสายผ่าน ผบ.เหล่าทัพ 12 พ.ค. นี้ หวังแก้วิกฤติชาติ

เมื่อวันที่ 10 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ปฏิเสธที่จะเดินหน้าตามคำร้องขอของ พล.อ.สายหยุด เกิดผล และคณะรัฐบุคคล เพื่อแสวงหาทางออกให้กับประเทศไทยด้วยการพึ่งพระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ล่าสุด พล.อ.สายหยุด ได้ร่วมประชุมกับคณะรัฐบุคคล อาทิ พล.อ.วิมล วงศ์วานิช อดีต ผบ.ทบ. พล.อ.อ.กันต์ พิมานทิพย์ อดีต ผบ.ทอ. พล.ร.อ. วิเชษฐ การุณยวนิช อดีต ผบ.ทร. พล.ร.อ. สุรวุฒิ มหารมณ์ อดีต เสธ.ทร. พล.อ.อ. เทอดศักดิ์ สัจจะรักษ์ อดีต เสธ. ทอ.

โดยมีนายเกรียงศักดิ์ เหล็กกล้า เป็นผู้ประสานงาน โดยสรุปคณะรัฐบุคคลจะเดินหน้าในการแสวงหาทางออกให้กับประเทศไทยอีกครั้งด้วยการพึ่งพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่

โดย พล.อ.สายหยุด เกิดผล อดีตผบ.สส. และประธานคณะรัฐบุคคลให้สัมภาษณ์ว่า ที่ประชุมคณะรัฐบุคคลได้สรุปว่าจะเดินหน้าขอพึ่งพระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ โดยผ่านทางผบ.เหล่าทัพ เพราะเห็นว่าแนวทางดังกล่าวดีที่สุดกับสถานการณ์ในปัจจุบันโดยในวันจันทร์ที่ 12 พ.ค.นี้ ทางคณะรัฐบุคคล ได้มอบหมายให้นายเกรียงศักดิ์ นำหนังสือไปยื่นต่อ ผบ.เหล่าทัพ เพื่อร่วมกันหาทางออกแก้ไขปัญหาวิกฤตของชาติภายใต้แนวทางหลักคือ การขอพึ่งพระบารมี

โดยกำหนดเวลา 09.30 น.จะเดินทางไปพบ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ เวลา 11:15 น. จะเข้าพบ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ที่กองบัญชาการกองทัพไทย ในเวลา 13.30 น.จะเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ที่กองบัญชาการกองทัพบกและ ในเวลา 15.00 น.จะเข้าพบ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ ที่กองบัญชาการกองทัพเรือ

“ ผบ.เหล่าทัพ ได้ตอบรับทั้งหมดแล้ว ส่วนจะทันกับสถานการณ์ในปัจจุบันหรือไม่ก็คงจะต้องติดตามแต่ผมมั่นใจว่าการพึ่งพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นแนวทางที่ดีที่สุดเพื่อหยุดปัญหาความขัดแย้งของคนที่คิดต่างในเวลานี้ ” พล.อ.สายหยุดกล่าว
 
 
 
 
 
โลกเรียกร้องให้ยิ่งลักษณ์เคารพศาล นสพ. เมียนม่าไทม์ ลงข่าวโฆษกประจำทำเนียบ ปธ. เต็งเส่ง เรียกร้องให้นายกยิ่งลักษณ์เคารพคำสั่งศาล ขณะเดียวกัน นายบัน คีมูน เลขาฯ UN.เรียกร้องให้ไทยแก้ปัญหาอย่างสันติวิธี และให้นายกปูเคารพคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ ขณะที่ฑูตต่างๆแสดงความห่วงใยสถานการณ์ในประเทศไทย และเรียกร้องให้ทุกคนเคารพศาล ทางด้านนายสม รังสี ผู้นำฝ่ายค้านเขมรเรียกร้องให้รัฐบาลฮุนเซ็นยุติสนับสนุนทักษิณ ทางด้านสำนักข่าวแห่งชาติมาเลเซียรายงานว่า หลังจากพบการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ไทยสูญเสียเงินกว่าสี่แสนล้านกับโครงการที่เอื้อต่อการทุจริตในทุกระดับของ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ และ ปปช และหน่วยงานอื่นๆที่เป็นกลางพบว่า มีการทุจริตมากมายในโครงการดังกล่าว จนต่อมา ปปช ชี้มูลความผิดกับ นายกยิ่งลักษณ์ และก่อนหน้านี้นายกยิ่งลักษณ์ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยมีความผิดกรณีย้ายนาย ถวิล และให้พ้นสภาพนายก รมต. ทางด้านข่าว CNN และ CBS. รายงานตรงกันว่าความวุ่นวาย เหตุลอบยิง ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเกิดจาก อดีตนายก รมต ทักษิณ อยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น
 
 
 หลวงปู่พุทธะอิสระ อาการหนัก หลัง ศอ.รส.ฉีดน้ำผสมสารเคมี และระดมยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ แพทย์ต้องเอกซเรย์ปอด เช็กคลื่นหัวใจ ให้ออกซิเจน และยาขยายหลอดลม ก่อนบุก สน.ทุ่งสองห้อง แจ้งความเอาผิด ตร.พยายามฆ่า ทำร้ายประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (10 พ.ค.) เฟซบุ๊ก หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara) ระบุว่า หลังจากเหตุการณ์ที่ ศอ.รส. ฉีดน้ำผสมสารเคมี และระดมยิงแก๊สน้ำตาใส่หลวงปู่พุทธะอิสระ และพี่น้องมวลชน วานนี้ (9 พ.ค.) ทำให้หลวงปู่ฯ มีการอาพาธ และอ่อนเพลียมาก ทีมแพทย์พยาบาลเร่งเข้าตรวจร่างกายเช้านี้ (10 พ.ค.) โดยการ เอกซเรย์ปอด เช็กคลื่นหัวใจ ตรวจคลื่นหัวใจไฟฟ้า ให้ออกซิเจน ให้ยาขยายหลอดลม ยาลดการบวมของระบบทางเดินหายใจ และยาแก้แพ้
ต่อมา เมื่อเวลา 10.30 น. หลังจากรักษาอาการอาพาธจากการถูก ศอ.รส.ฉีดน้ำผสมสารเคมี และยิ่งแก๊สน้ำตาเข้าใส่แล้ว หลวงปู่พุทธอิสระ แกนนำ กปปส. เวทีแจ้งวัฒนะ พร้อมมวลชนเดินทางมาแจ้งความยัง สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อให้ดำเนินการต่อ ศอ.รส. หลังจากโดนเจ้าหน้าที่ยิงแก๊สน้ำตาที่หน้าสโมสรตำรวจวานนี้ (9 พ.ค.) ใน 4 ข้อหาคือ 1.พยายามฆ่า 2.ทำร้ายร่ายการประชาชน 3.ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และ 4.ปิดกั้นกระบวนการการเข้าถึงระบบยุติธรรมของประชาชน ที่ สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อให้นำตัวคนผิดมาลงโทษ
 
 

มวลมหาประชาชน...ขอเรียกร้อง...

ประธานศาลฎีกา...
ประธานศาลรัฐธรรมนูญ
ประธานศาลปกครองสูงสุด
ประธานวุฒิสภาและ
ประธานกกต...

กรุณาร่วมกันพิจารณาหาบุคคลที่เหมาะสม...ขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี...โดยอาศัยมาตรา 7 ตามรัฐธรรมนูญ...ให้แล้วเสร็จภายใน...วันจันทร์นี้...!!!

**** พ้นจากนี้...มวลมหาประชาชน...จะขอทำเอง... **** !!!
 
 
 
ถ้าสองม็อบเผชิญหน้า ก็ได้เวลากองทัพ !!!!!
คมชัดลึกออนไลน์

ถ้าสองม็อบเผชิญหน้า ก็ได้เวลากองทัพ : โดย...ทีมข่าวความมั่นคง

แผนล่าสุดของ กปปส.ที่กระจายไปยังสื่อต่างๆ พร้อมประกาศว่าจะปักหลักอยู่ 2-3 วันนั้น ทำให้เกิดคำถามว่า นี่ใช่แผนที่จะนำไปสู่เป้าหมายสูงสุดหรือไม่

เป้าหมายของ กปปส.ในก่อนหน้านี้ เรียกร้องให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อเปิดทางให้มีนายกฯ คนกลาง และตั้งสภาปฏิรูป

แต่เมื่อเหตุปัจจัยไม่ได้เดินไปตามที่มุ่งหวัง เพราะที่เกิดขึ้นเป็นไปตามกำหนด ตามกรอบของศาล และองค์กรอิสระ ทำให้สุดท้ายแล้วสิ่งที่ กปปส.ทำได้สำเร็จก็คือ การบีบให้ ยิ่งลักษณ์ ยุบสภาเท่านั้น

ไม่ว่าจะเป็นการลาออกจากตำแหน่งนายกฯ การเปิดให้มีนายกฯ คนกลาง หรือการตั้งสภาปฏิรูปโดย กปปส.นั้นยังไม่อาจเกิดขึ้นได้

แม้ว่าจะมีศาลรัฐธรรมนูญที่วินิจฉัยให้ ยิ่งลักษณ์ พ้นจากตำแหน่ง ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ไปแล้ว

แม้ว่า ป.ป.ช.จะมีมติเอกฉันท์ 7 ต่อ 0 ส่งเรื่องให้วุฒิสภาถอดถอนยิ่งลักษณ์ กรณีปล่อยให้โครงการรับจำนำข้าวเกิดการทุจริตเสียหายไปร่วม 3 แสนล้านบาท

แต่ทั้งสองกรณีก็ส่งผลเพียงแค่ ไม่มียิ่งลักษณ์ใน ครม.รักษาการ เท่านั้น

การเคลื่อนไหวของ กปปส.เพื่อมาบำเพ็ญเพียรอย่างที่ สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ระบุ จึงดูเหมือนเป็นเพียงการเคลื่อนไหวเพื่อมาปกป้องการประชุมวุฒิสภา ที่มีกำหนดนัดพิจารณารับรองการตั้ง กรรมการ ป.ป.ช.คนใหม่ และอีกวาระซึ่งเป็นวาระสำคัญก็คือ การโหวตเลือกประธานวุฒิสภา และรองประธานวุฒิสภาคนที่ 2

ในภาวะที่ไม่มีสภาผู้แทนราษฎร แต่มีวุฒิสภา ตำแหน่งประธานวุฒิสภาถือเป็นประธานรัฐสภาด้วย โดยแผนของกลุ่ม 40 ส.ว.ในก่อนหน้านี้ จะผ่าทางตันด้วยการให้ประธานรัฐสภาเป็นผู้นำรายชื่อผู้ที่เหมาะสมขึ้นรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย โดยมีประธานรัฐสภาเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

ในขณะที่ฝ่ายรัฐบาลนั้น แม้จะอยู่ในฐานะรักษาการ แต่ก็ยืนกรานว่า แม้จะทำหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี แต่ก็เชื่อมั่นว่าสามารถทูลเกล้าฯ ถวาย ได้ แม้รวมทั้งการทูลเกล้าฯ ถวายพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้ง

ทั้งหมดนั้นเป็นจังหวะเดียวกันกับกลุ่ม นปช.ที่นัดหมายการชุมนุมในวันที่ 10 พฤษภาคม แต่บางส่วนเดินทางมาล่วงหน้า การชิงเข้าพื้นที่ก่อนจึงเป็นยุทธวิธีของ กปปส. ถึงแม้จะรู้ดีว่า ไม่ว่าวิธีการใด หรือแรงกดดันใดๆ จากม็อบ ก็ไม่อาจทำอะไรกับรัฐบาล ซึ่งอยู่ในสภาพง่อยเปลี้ยเสียขานี้ได้

โดยที่ต่างฝ่ายต่างก็รู้ดีว่า หากเกิดเหตุรุนแรงอันเนื่องจากการเผชิญหน้าของคนทั้งสองกลุ่มเมื่อใด อำนาจนอกรัฐธรรมนูญจะออกมาแทรกแซงทันที ถึงแม้ฝ่ายหนึ่งอาจจะยินดีต่อการออกมาของกองทัพ แต่สำหรับอีกฝ่าย แม้จะไม่ยินดีนัก แต่ก็สร้างภาพให้เห็นว่า พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับกองทัพ พร้อมที่จะใช้การเผชิญหน้าเพื่อล้มทุกกระดาน หลังจากฝึกกองกำลังที่ภาคอีสานพร้อมรับมือมาหลายเดือนแล้ว

ก่อนหน้านี้บทบาทของกองทัพพยายามรักษาบทบาทเป็น "กรรมการ" ดูแลให้คู่ขัดแย้งอยู่ในกรอบ และเคารพกฎกติกาที่มีอยู่ ดังที่เคยออกมาย้ำหลายครั้งว่า ให้ทุกฝ่ายยอมรับคำตัดสินของศาล หากทุกฝ่ายนำทุกอย่างมาเป็นเกมการเมืองทั้งหมด โดยไม่คำนึงความถูกผิดบ้านเมืองคงอยู่ไม่ได้

นอกจากบทบาท "กรรมการ" แล้ว ยังนำกำลังทหารถึง 57 กองร้อย โดยจัดจากสำนักงานปลัดกระทรวง กลาโหม 1 กองร้อย กองบัญชาการกองทัพไทย 1 กองร้อย กองทัพบก 46 กองร้อย กองทัพเรือ 7 กองร้อย และกองทัพอากาศ 2 กองร้อย มาร่วมกับกำลังของตำรวจที่จัดกำลังรักษาความสงบอีก 112 กองร้อย

สำหรับการรักษาความสงบหรือการป้องกันการเผชิญหน้ากันของสองม็อบการเมืองนั้น คงไม่เท่าไหร่ ปัญหาก็คือ "กำลังทหาร" ที่เข้ามา บางฝ่ายมองว่า น่าจะมากกว่าช่วงที่มีการยึดอำนาจเสียด้วยซ้ำไป

นั่นก็หมายความว่า กำลังที่มีอยู่ในขณะนี้มากพอที่จะทำการปฏิวัติ !

ยิ่งสภาพของ ศอ.รส.ในขณะนี้ แทบจะเรียกได้ว่าเป็นสุญญากาศไปแล้ว อำนาจสั่งการขาดเอกภาพ เพราะส่วนหัวถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดการปฏิบัติหน้าที่ ก็ยิ่งทำให้ฝ่ายที่จำเป็นต้องสั่งการกองทัพ อดหวั่นไหวไม่ได้

เพราะต่างก็รู้ดีว่า สถานการณ์มาถึงวันนี้ อยู่ในภาวะที่ เดินหน้าก็ไม่ได้ ถอยหลังก็ไม่ได้ แต่ประเทศต้องไปได้ แม้จะด้วยวิธี "ถอยหลัง" เพื่อยืนให้มั่นคง ก่อนที่จะก้าวไปข้างหน้าก็ตาม

ปัญหาก็คือ วิธีการที่ว่านั้น ทำให้เกิดคำถามว่า จะยอมรับกันได้หรือไม่ ทั้งภาพลักษณ์ประเทศ ทั้งความสูญเสียที่ไม่อาจประเมินได้

แต่ที่แน่ๆ สถานการณ์เช่นนี้นับว่าใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว

MANA PRADITKET

MANA PRADITKET
Handpainted oil painting by Mana Praditket

NIRAN PAIJIT

NIRAN PAIJIT
Original handpainted oil painting by Niran Paijit

PRAYAD TIPPAWAN

PRAYAD TIPPAWAN
ORIGINAL IMPRESSIONAL OIL PAINTING BY PRAYAD TIPPAWAN

Achara 34 (24x36)

Achara 34 (24x36)
ORIGINALl OIL PAINTING

Amornsak Livisit 74 (24x36)

Amornsak Livisit 74 (24x36)
ORIGINAL OIL PAINTING, Impressionist style

Suwan Khanboon 11 (24x24 inches)

Suwan Khanboon 11 (24x24 inches)
Original handpainted oil painting abstract style

NIRAN PAIJIT

NIRAN PAIJIT
ORIGINAL ABSTRACT STYLE OIL PAINTING BY NIRAN PAIJIT

Chavalit (Pong)

Chavalit (Pong)
PINTO Horses

Komez 78 (22x30)

Komez 78 (22x30)
Original handpainted pastel painting on paper

KOMES

KOMES
Handpainted pastel painting by Komez

PRATHOUN

PRATHOUN
ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING BY PRATHOUN

THAVORN IN-AKORN

THAVORN IN-AKORN
ORIGINAL OIL PAINTING BY THAVORN IN-AKORN (SIZE 20x30")

THAVORN IN-AKORN

THAVORN IN-AKORN
Original oil painting by Thavorn In-akorn

Facebook


ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING

PHOTO GALLERY

PHOTO GALLERY

Facebook

PHOTO GALLERY