ขรัวโต-เทศน์ครั้งสุดท้าย
สมเด็จโต (ขรัวโต) ท่านได้เทศน์เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนละสังขาร มาฟังกัน ทุกวันนี้ยังเป็นคำสอนที่ฝากไว้ให้แก่คนรุ่นหลังถือปฎิบัติ เพื่อการหลุดพ้น ใครอยากหลุด....
จาก หนังสือ ตายแล้วไม่สูญ...แล้วไปไหน ( หลวงพ่อฤาษีลิงดำ )
"..ตามที่หนังสือโบราณท่านเ
๑) เวลาก่อนจะตาย ถ้าเห็นไฟ กองไฟ หรือดวงไฟ แสดงว่าคนนั้นตายแล้วตรงไปน
๒) เวลาก่อนจะตาย ถ้าเห็นป่า จะเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน
๓) เวลาก่อนจะตาย ถ้าเห็นก้อนเนื้อ จะเกิดเป็นคน
๔) เวลาก่อนจะตาย ถ้าเห็นสิ่งที่เป็นบุญเป็นก
ตามที่หลวงพ่อปานเขียนมาอย่
วันสุดท้ายของชีวิตของเธอ อาตมาไปเทศน์ที่จังหวัดสุพร
พอไปถึงคุณจวนก็อาการหนักจร
ท่านก็ตอบว่า "เวลานี้มีภาพไฟลอยข้างหน้า
ท่านก็แสดงอาการหวาดกลัวไฟม
ก็คิดอะไรไม่ถูกจึงถามว่า "จวน ภาวนาว่าพุทโธ ได้ไหม"
เธอส่ายหน้าบอกว่า "คิดไม่ออก"
อาตมาจึงหันไปถามภรรยาท่านว
เธอก็ตอบว่า "มี"
ก็เลยบอกว่า "ถ้ามีละก็ขอสัก ๒๐ บาทได้ไหม"
เธอก็นำธนบัตรใบละ ๒๐ บาทมาให้ อาตมาก็นำไปใส่มือจวน เอามือทั้งสองประกบกันในท่า
"จวน เอาอย่างนี้นะ ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง แต่ความตายเป็นของเที่ยง เราจะตาย หรือไม่ตายนั้นไม่มีความสำค
ท่านก็พูดเบาๆ ตามแล้วก็น้อมทำท่าผงกศีรษะ
พระทั้งหลายก็ "สาธุ" พร้อมกัน พอพระสงฆ์สาธุพร้อมกัน รู้สึกว่าจิตใจของท่านสดชื่
ท่านก็ตอบ "ไฟหายไปแล้ว"
ถามว่า "เห็นภาพอะไร"
ท่านบอก "เห็นภาพพระประธานในพระอุโบ
ถามว่า "เห็นชัดไหม"
ท่านก็บอก "เห็นชัด อยู่ใกล้มาก"
เลยบอกว่า "จวน นึกในใจก็ได้นะ ออกเสียงมันจะเหนื่อย นึกภาวนาในใจว่า พุทโธ"
แทนที่ท่านจะนึกในใจกลับออก
ถามว่า "จวน เวลานี้เห็นพระไหม"
ท่านตอบว่า "เห็นพระ"
ถามว่า "ชัดขึ้นไหม"
ท่านก็ตอบว่า "ชัดเจนแจ่มใสมาก สุกสว่างใหญ่กว่าเดิมมาก"
เลยบอกว่า "ถ้าอย่างนั้น นึกถึงพระเป็นที่พึ่งนะ นึกถึงว่าเวลานี้เราอยู่กับ
ท่านยิ้มนิดหนึ่งแล้วบอกว่า
จึงถามว่า "เวลานี้ต้องการอยู่บ้านหรื
ท่านก็ตอบเบาๆ ว่า "ต้องการวิมานครับ"
ก็ไม่ต้องรบกวนให้เหนื่อยต่
ท่านก็ภาวนาเบาๆ ว่า "พุทโธๆ ๆ ๆ"
ในที่สุดก็เงียบไปพร้อมกับค
รวมความว่าท่านตายคู่กับพุท
เป็นอันว่า นิมิตเครื่องหมายมีจริง อาตมาพบมาเองหลายสิบราย และวิธีแก้ก็มีวิธีเดียวคือ
เป็นอันว่ามนุษย์เราที่ตาย ทุกคนจะเห็นนิมิตก่อน แต่ว่านิมิตที่ดีและถูกตัดร
__________________________
"...คนก่อนจะตาย จะเห็นนิมิตก่อน นี้ในสมัยพระพุทธเจ้ายังทรง
ท่านธรรมิกอุบาสกมีความเคาร
ต่อมาท่านธรรมิกอุบาสกป่วยห
๑) ชั้นจาตุมหาราช
๒) ชั้นดาวดึงส์
๓) ชั้นยามา
๔) ชั้นดุสิต
๕) ชั้นนิมมานรดี
๖) ชั้นปรนิมมิตวสวัตตี
ยกขบวนกันมามากลอยในอากาศใก
"ท่านธรรมิกะ จงไปอยู่กับฉันเถิด ฉันอยู่ชั้นจาตุมหาราช มีความสุข"
"ท่านธรรมิกะ จงไปอยู่กับฉันเถิด ฉันอยู่ชั้นดาวดึงส์ มีความสุข"
"ท่านธรรมิกะ จงไปอยู่กับฉันเถิด ฉันอยู่ชั้นยามา มีความสุข"
"ท่านธรรมิกะ จงไปอยู่กับฉันเถิด ฉันอยู่ชั้นดุสิต มีความสุข"
"ท่านธรรมิกะ จงไปอยู่กับฉันเถิด ฉันอยู่ชั้นนิมมานรดี มีความสุข"
"ท่านธรรมิกะ จงไปอยู่กับฉันเถิด ฉันอยู่ชั้นปรนิมมิตวสวัตตี
เทวดาต่างส่งเสียงเชื้อเชิญ
และก็เป็นการบังเอิญจริงๆ ที่บรรดาลูกหลานทั้งหมดของท
เมื่อพระกลับไปสักครู่เทวดา
ท่านก็บอกว่า "พ่อไม่ได้บอกให้พระหยุด พ่อตั้งใจจะฟังพระสวดพระปริ
ลูกก็มีความรู้สึกในใจว่า พ่อของเรามีความเคารพในองค์
แล้วท่านก็บอกอีกว่า "พ่อนึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นป
ท่านก็ถามว่า "สวรรค์ชั้นไหนมีความสุข น่าอยู่ที่สุด" แสดงว่าท่านมีสิทธิ์อยู่สวร
แล้วท่านก็โยนพวงมาลัยขึ้นไ
เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า คนก่อนจะตายต้องเห็นนิมิตก่
" ก่อนตายจะทรงกำลังใจอย่างไร
( หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ )
ผู้ถาม : หลวงพ่อครับ สมมุติว่าพวกเราบำเพ็ญบารมี
หลวงพ่อ : เอาอย่างนี้ซิ อย่าไปรอเมื่อป่วย รอเมื่อป่วยมันเจ๊ง ต้องคิดไว้ทุกวันแล้ว โลกนี้มันเป็นทุกข์ เทวโลกและพรหมโลกก็ไม่สุขจร
ถ้าคิดอย่างนี้แล้วอย่าไปนั
กรวดน้ำ ถ้าเราไม่ได้เทน้ำ แค่ใช้จิตอุทิศ/ ที่ให้ผู้ร้บจะได้รับหรือไม่ ?
ท่านเล่าให้ฟัง การใช้น้ำในการอุทิศบุญ เป็นการรับแบบอย่างมาจากพิธ ีพราหมณ์ที่มีการเทน้ำ
...
การแผ่เมตตาก็มิได้กรวดน้ำ ครูบาอาจารย์ก็บอกว่าถึงอย่ างแน่นอน ถ้าใจตั้งใจอุทิศให้จริงๆ ผู้ให้บริสุทธิ์แล้วอย่างไรก็ถึงจ้ะ
หลวงพ่อ : น้ำไม่ต้องไปกรวดมันหรอก กรวดน้ำทำยังไง? ก็ต้องไปดู ดูว่าน้ำในถังมันเหลือเท่าไ หร่ ในคลองมันแห้ง ลาไปหรือมากขึ้นมา อย่างนั้นกระมัง เพราะสำรวจกับตรวจ มันศัพท์เดียวกัน ไอ้ "กรวด" ก็ไม่ถูกอีกน่ะแหละ สำนวนทางศาสนาเขาเรียก "อุทิศ" แปลว่า เจาะจง คือ ไม่เห็นต้องใช้น้ำ การ "กรวดน้ำ" มันเริ่มสมัยเปรต มาทวงขอบุญกุศล จากพระเจ้าพิมพิสาร พระพุทธเจ้า ทรงบอกวิธีทำให้ว่า ให้พระองค์ ถวายภัตตาหาร กับพระสงฆ์แล้วอุทิศส่วนกุศ ลให้ซี ท่านก็ทำแบบนั้น อีตอนอุทิศส่วนกุศล ท่านเป็นคนมาจาก พราหมณ์ ที่มีธรรมเนียมว่า จะให้ของใคร ก็ต้องเอาน้ำราดมือผู้รับ แสดงเป็นอาการว่า ยกให้ ท่านก็เอาน้ำในคนโท เทราดพระหัตถ์พระพุทธเจ้า เลยรับกันต่อๆ มาว่า อุทิศส่วนกุศลต้องราดน้ำด้ว ย
อุทิศ นี่แปลว่า เจาะจง เราทำบุญเจาะจงไปให้ ถ้าไปใช้น้ำก็เจ๊ง เพราะใจมัวเป็นห่วงน้ำ ห่วงมือ ใจก็แกว่ง ใช้ไม่ได้หรอก เสียผลตั้งเยอะ เคยเห็นผีมาหลายรายแล้ว ที่มารับส่วนกุศล แต่ไม่ได้กิน บางครั้งเวลาทำบุญนะ คนที่นำอุทิศส่วนกุศลน่ะ มันให้แต่ เฉพาะญาติ พวกที่ไม่ใช่ญาติ ก็เดินร้องไห้ไปเลย น้ำตาไหล เพราะไม่ใช่ญาติ ไม่มีโอกาส นี่เป็นยังงี้ เป็นผีแล้วมันแย่งกันกินไม่ ได้
ทีหลังไม่ต้อง "กรวดน้ำ" นะ ตั้งใจเฉยๆ มีผลกว่าตั้งเยอะ ฉันไม่ใช้เลยแหละ แล้วเวลาอุทิศส่วนกุศลจริงๆ นี่ใช้ภาษาบาลีไม่ดีหรอก เพราะอะไรรู้ไหม เพราะบางทีไอ้ภาษาบาลีนี่ มันไม่ตรงกับเจตนาที่จะให้
อย่างฉันเจริญกรรมฐานกับหลว งพ่อปานนี่ คืนที่ 3 มีผีมานั่งอยู่ตรงหน้า ยายคนหนึ่งอ้วนยังกะพ้อม มีไอ้เจ้าคนหนึ่งผอมกะหงองก ๋อง ยายนั่นแกบอก เอ้า จะพูดอะไรก็พูดซี จะขออะไรท่านก็ขอ ไอ้เราก็มองดู เอ...ไอ้นี่ มันคงอด อาจารย์ฉัตรท่านเคยบอกว่า ถ้าไม่ขอก็อย่าให้ แต่มานึกดูว่า เอ๊ ไอ้นี่มันพูดไม่ได้เราจะไปร อให้ มันขอทำไม ก็เลยให้เวลาให้ก็ "อิมินา" เข้าให้ อิมินาปุญญกุเม อุปัชฌาย์ ฯลฯ แปลไปเถอะไม่ได้ ตรงกับหมอนั่นเลย ไปให้เอาครูอาจารย์ ที่ไหนก็ไม่รู้ ไอ้คนนั่งตรงหน้า ไม่ได้ให้ ว่าไปไม่ถึงครึ่ง พวกมาแล้วโซ่คล้องคอหมับ ลากไปเลย
ตอนเช้าไปบิณฑบาตกลับมา ก็ฉันข้าว หลวงพ่อปาน โดยปกติสังเกตได้ ถ้าไม่มีเรื่องอะไรจะพูด ฉันข้าวเสร็จ ท่านต้องเช็ดบาตร เช็ดช้อน เช็ดชามของท่าน พระอื่น ก็ต้องทำเหมือนกัน แล้วข้าวแกง ที่กินหมด แล้วก็ไม่ใช่โยนให้เด็กล้าง พระต้องล้างเองเช็ดเอง เช็ดถ้วยเช็ดชามเสร็จ ท่านก็จะยถาทันที วันไหนเช็ดชามเสร็จยังไม่ยถ า วันนั้นแปลว่า มีเรื่องแล้ว อีวันนั้น มองไปมองมา พอเจอะหน้ากัน ท่านก็พยักหน้าถามว่า
ยังไงพ่ออิมินาคล่อง แล้วมันจะได้แดกรึ?
แล้วกัน เอาเราเข้าแล้ว รู้เสียด้วยนะ ท่านอยู่ในกุฏิเราอยู่ใน ป่าช้า โกหกท่านไม่ได้ ผีพวกนั้นน่ะมันไปเร็วมาเร็ ว ต้องใช้เวลาเร็วๆ ถามว่า ทำยังไง ท่านบอกว่า เอางี้ พอเห็นหน้ามันปั๊บ ก็ตั้งใจเลยว่า
ฉันบำเพ็ญกุศลมาตั้งแต่ต้นจ นบัดนี้ บุญบารมีจะมีแก่ฉันเพียงใด เธอจงโมทนาและมีประโยชน์อย่ างเดียวกับที่ฉันจะพึงได้รั บ
เอาแค่นี้ อย่าให้ยาวกว่านี้ ถ้าสั้นกว่านี้ได้เท่าไรยิ่ งดี เพราะว่า มันคอยนานไม่ได้
ถาม - คนไปนิพพานแล้วอุทิศให้ได้ห รือไม่?
ได้ แม้แต่พระพุทธเจ้าเราก็ควรอ ุทิศให้ได้ เพราะเป็นการสนองคุณ แสดงความกตัญญูกตเวที ความจริง ท่านไม่ต้องการหรอก ของท่านมีจนล้นแล้ว ถึงแม้ท่านจะไม่รับ แต่อย่าลืม อย่างเราเป็นพ่อแม่เขาน่ะ ถ้าไอ้ลูกมันอยู่บ้านไกล นานๆ มาหาที เอาของอะไรมาให้ ถึงแม้ว่าของนั้นไม่มีค่าอะ ไรเราก็ยังดีใจ ใช่ไหม เห็นว่า ลูกน่ะมีน้ำใจ มีกตัญญูรู้คุณ อันนี้ ก็เหมือนกัน ถ้าหากว่า เราอุทิศส่วนกุศลให้พระพุทธ เจ้า ก็แสดงว่า เรากตัญญูรู้คุณของพระพุทธเ จ้า การบูชาคุณของพระพุทธเจ้าด้ วยกตัญญูรู้คุณนี่ เป็นเหตุให้เราไม่ลงนรก ท่านจะรับหรือไม่รับนี่ไม่ส ำคัญ สำคัญที่ว่า ให้ใจของเราตามระลึกถึงอยู่ เสมอก็แล้วกัน
พระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีล ิงดำ)
ท่านเล่าให้ฟัง การใช้น้ำในการอุทิศบุญ เป็นการรับแบบอย่างมาจากพิธ
...
การแผ่เมตตาก็มิได้กรวดน้ำ ครูบาอาจารย์ก็บอกว่าถึงอย่
หลวงพ่อ : น้ำไม่ต้องไปกรวดมันหรอก กรวดน้ำทำยังไง? ก็ต้องไปดู ดูว่าน้ำในถังมันเหลือเท่าไ
อุทิศ นี่แปลว่า เจาะจง เราทำบุญเจาะจงไปให้ ถ้าไปใช้น้ำก็เจ๊ง เพราะใจมัวเป็นห่วงน้ำ ห่วงมือ ใจก็แกว่ง ใช้ไม่ได้หรอก เสียผลตั้งเยอะ เคยเห็นผีมาหลายรายแล้ว ที่มารับส่วนกุศล แต่ไม่ได้กิน บางครั้งเวลาทำบุญนะ คนที่นำอุทิศส่วนกุศลน่ะ มันให้แต่ เฉพาะญาติ พวกที่ไม่ใช่ญาติ ก็เดินร้องไห้ไปเลย น้ำตาไหล เพราะไม่ใช่ญาติ ไม่มีโอกาส นี่เป็นยังงี้ เป็นผีแล้วมันแย่งกันกินไม่
ทีหลังไม่ต้อง "กรวดน้ำ" นะ ตั้งใจเฉยๆ มีผลกว่าตั้งเยอะ ฉันไม่ใช้เลยแหละ แล้วเวลาอุทิศส่วนกุศลจริงๆ
อย่างฉันเจริญกรรมฐานกับหลว
ตอนเช้าไปบิณฑบาตกลับมา ก็ฉันข้าว หลวงพ่อปาน โดยปกติสังเกตได้ ถ้าไม่มีเรื่องอะไรจะพูด ฉันข้าวเสร็จ ท่านต้องเช็ดบาตร เช็ดช้อน เช็ดชามของท่าน พระอื่น ก็ต้องทำเหมือนกัน แล้วข้าวแกง ที่กินหมด แล้วก็ไม่ใช่โยนให้เด็กล้าง
ยังไงพ่ออิมินาคล่อง แล้วมันจะได้แดกรึ?
แล้วกัน เอาเราเข้าแล้ว รู้เสียด้วยนะ ท่านอยู่ในกุฏิเราอยู่ใน ป่าช้า โกหกท่านไม่ได้ ผีพวกนั้นน่ะมันไปเร็วมาเร็
ฉันบำเพ็ญกุศลมาตั้งแต่ต้นจ
เอาแค่นี้ อย่าให้ยาวกว่านี้ ถ้าสั้นกว่านี้ได้เท่าไรยิ่
ถาม - คนไปนิพพานแล้วอุทิศให้ได้ห
ได้ แม้แต่พระพุทธเจ้าเราก็ควรอ
พระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีล
พระสยามเทวาธิราชคือใคร
พระสยามเทวาธิราช นี่นะ เริ่มมีเมื่อสมัยก่อน รัชกาลที่ ๔ มีนะ แต่ก่อนพระเจ้าแผ่นดินสมัยน ั้นก็บูชาเทวาชื่อนั้นชื่อน ี้ ที่เป็นญาติผู้ใหญ่เป็นคนสำ คัญ ขออย่างนั้นอย่างนี้ต่อมา สมัยรัชกาลที่ ๔ ท่านเป็นนักปราชญ์ เป็นนักบาลี ก็มาตั้งชื่อใหม่ว่า พระสยามเทวาธิราช หมายถึงว่า เทวดาทั้งหมดที่รักษาประเทศ สยาม ทีนี้ที่ถามว่า ให้คุณให้โทษทางไหน ให้โทษนี้ก็ไม่ทราบ ให้คุณน...ี่ก็ไม่รู้ แต่ท่านเป็นเทวดาเอาอย่างนี ้ก็แล้วกันนะ เมื่อปี ๒๕๑๘ ปีนั้นพระเจ้าอยู่หัวนิมนต์ เข้าไป ที่ไป พระที่นั่งไพศาลทักษิณ พอเข้าไปทำบุญ วันจักรี พอเข้าไปนั่งปั๊บไม่ต้องคุย กับใครละ บรรดาพระสยามเทวาธิราชมากัน เยอะแยะเลย โอ้โฮ้ไม่ใช่องค์เดียว ๒ องค์นะ ไม่ทราบว่าจะมากเท่าใดในบริ เวณเต็มไปหมด ไม่ใช่เฉพาะในวังนะ เราก็ชักสงสัยว่าองค์ไหนชื่ อ พระสยามเทวาธิราช พอถามว่าองค์ไหนชื่อ พระสยามเทวาธิราช ให้บอก ชี้องค์นั้นก็ไม่ใช่ ชี้องค์นี้ก็ไม่ใช่ ต่างคนต่างบอกชื่อของตัวหมด ก็เลยนึกขึ้นมาว่า เออ ยังไงเทวดานี่ เลยบอกว่า ถ้าไม่ใช่ พระสยามเทวาธิราช แล้วมาทำไมล่ะ พระเจ้าอยู่หัวก็ดี พระราชินีก็ดี ท่านทำบุญเพื่อ พระสยามเทวาธิราช ท่านก็บอกว่า เขาอยากเรียกผมอย่างนั้นทำไ มล่ะ ผมไม่ได้ชื่อนั้นนี่ ก็รวมความว่า พระสยามเทวาธิราช จริงก็เป็นเทวดาที่รักษาประ เทศไทยทั้งหมด สมัยก่อนเรียกประเทศสยามใช่ ไหมถ้าถามว่าให้คุณแบบไหน ก็ต้องถือว่า เทวดามีความดีอะไรบ้าง แต่ละคนมีความสามารถไม่เสมอ กัน อันนี้ตอบไม่ได้ เกินวิสัย
วัดพรหมคุณวนาราม จันทบุรี บันไดไปสู่ความรู้แจ้งในธรรมชาติ