Post by พลังประชาชน โค่นล้มระบบทักษิณ.
ลองฟังดู !! เสธแดงเคยพูดถึง M-79 เขาคือคนที่เฉลยไว้ว่า M-79 มาจากฝีมือใครอยู่ฝั่งไหน แชร์ด่วน !! <<<
ลองฟังดู !! เสธแดงเคยพูดถึง M-79 เขาคือคนที่เฉลยไว้ว่า M-79 มาจากฝีมือใครอยู่ฝั่งไหน แชร์ด่วน !! <<<
'คนดูไบ' เดินเกมแรง ส่อนองเลือด
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ในสถานการณ์บ้านเมืองซึ่งกำลังสุกงอมเต็มที่ ก้าวมาถึงห้วงเวลาที่รัฐบาลเจียนอยู่เจียนไป จนหลายฝ่ายไม่แน่ใจว่ารัฐบาลยังมีอำนาจ หากแต่พยายามใช้เล่ห์กล ความด้านทนแถไถ อ้างกฎหมายมั่วซั่ว เปลี่ยนถูกให้เป็นผิด เปลี่ยนผิดให้เป็นถูก อ้างข้อกฎหมายให้ตนเองยังคงอยู่ในอำนาจต่อไป
โดยหลังจาก 'น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร' รักษาการนายกฯ ตกเก้าอี้เพราะการกระทำผิดซ้ำซ้อนในสองกรณี คือถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่ามีความผิดในกรณีสั่งโยกย้าย 'นายถวิล เปลี่ยนศรี' เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ โดยมิชอบ และกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ปปช.) ชี้มูลความผิดกรณีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวแล้วส่งเรื่องให้วุฒิสภาถอดถอน ฟากฝั่งพรรคเพื่อไทยก็รีบตีเนียนดัน 'นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล' รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ขึ้นมาทำหน้าที่แทนรักษาการนายกรัฐมนตรีอีกตำแหน่ง และเข้าปฏิบัติหน้าที่แทนในวันรุ่งขึ้นทันที ทั้งที่หลายฝ่ายยังแคลงใจว่าแท้จริงแล้วรักษาการรองนายกฯ ขึ้นทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี ได้หรือไม่
สภาทนายชี้ 'นิวัฒน์ธำรง' ไม่มีอำนาจ
แต่หากพิจารณาตามตัวบทกฎหมายตามที่สภาทนายความฯ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับตัวบทกฎหมายโดยเฉพาะได้พินิจพิเคราะห์ ก็จะได้ข้อสรุปชัดเจนว่านายนิวัฒน์ธำรงนั้นไม่ได้มีอำนาจในการบริหารราชการในฐานะนายกรัฐมนตรีแต่อย่างใด ดังปรากฎในแถลงการณ์ของสภาทนายความฯ เรื่อง 'ปัญหาความชอบด้วยกฎหมายของรักษาการนายกรัฐมนตรี และปัญหาการปฏิบัติหน้าที่ราชการของรักษาการนายกรัฐมนตรี และปัญหาการปฏิบัติหน้าที่ราชการของรักษาการรัฐมนตรีชุดที่เหลือ หลังมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ' บางช่วงบางตอนดังนี้
ประการที่ 1) ข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงก็คือในขณะนี้ประเทศไทยไม่มีนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีรักษาการ คงมีแต่รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และรักษาการรัฐมนตรีที่เหลืออยู่ 25 คน และตามที่ได้มีการประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อมอบหมายให้รักษาการรองนายกรัฐมนตรี แลรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) ทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีอีกตำแหน่งหนึ่ง โดยได้มีการมอบหมายกันในขณะที่รักษาการนายกรัฐมนตรี(น.ส.ยิ่งลักษณ์)พ้นจากตำแหน่งไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้น การรับช่วงงานหลังจากที่มีคำวินิจฉัยแล้วจึงชัดเจนว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่มีอำนาจเข้าประชุม ครม.และมอบหมายงานให้รักษาการนายก(นายนิวัฒน์ธำรง)
ประการที่ 2) ตามความในมาตรา 11 (1) ของพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2553 กำหนดไว้ชัดเจนว่า “นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาลเท่านั้นที่มีอำนาจหน้าที่ในการกำกับโดยทั่วไป ซึ่งการบริหารราชการแผ่นดิน และจะสั่งให้ราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค และส่วนราชการซึ่งมีหน้าที่ควบคุมราชการส่วนท้องถิ่น ชี้แจง แสดงความคิดเห็น ทำรายงานเกี่ยวกับการปฏิบัติราชการ ในกรณีจำเป็นจะยับยั้งการปฏิบัติราชการใดๆที่ขัดต่อนโยบายหรือมติของคณะรัฐมนตรีก็ได้” แต่บทบัญญัติของ (1) ดังกล่าว ไม่ได้กำหนดให้รองนายกรัฐมนตรีหรือรักษาการรองนายกรัฐมนตรีที่ทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีตามที่มีมติแต่งตั้งกันไป มีฐานะเป็นหัวหน้ารัฐบาลหรือใช้อำนาจของนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาลได้ ดังนั้นในขณะนี้จึงไม่มีนายกรัฐมนตรีหรือผู้ที่จะปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีของประเทศไทยได้โดยชอบ
ประการที่ 3) ตามความในมาตรา 11 (2) ของพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดินฉบับนี้ก็ได้กำหนดไว้ชัดเจนว่า รองนายกรัฐมนตรีจะกำกับการบริหารราชการของกระทรวงหรือทบวงหนึ่งหรือหลายกระทรวงหรือทบวงก็ได้ แต่ต้องเป็นการมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ดังนั้นความในอนุ (2) ของมาตรา 11 นี้จึงเป็นการยืนยันข้อกฎหมายได้ชัดเจนว่ารองนายกรัฐมนตรีที่จะมาปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีดังที่เข้าใจกันนั้น ต้องได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี และไม่มีบทบัญญัติใดในรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายบริหารราชการแผ่นดินให้รักษาการรองนายกฯมีฐานะเป็นหัวหน้ารัฐบาลได้ ทำให้กรณีของรักษาการรองนายกฯ ที่มีการประชุมกันเมื่อวันที่ 7 พ.ค.2557 จะมาทำหน้าที่ของรักษาการนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาลอีกตำแหน่งหนึ่งนั้นย่อมไม่อาจกระทำได้
4.กรณีที่มีอดีตรัฐมนตรีหลายคนอ้างข้อกฎหมายเกี่ยวกับความเป็นรัฐมนตรีของตนเองยังอยู่ ทั้ง ๆ ที่เป็นผู้ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีแล้ว แต่กลับมากล่าวอ้างว่าในขณะที่มีคำวินิจฉัยได้มีสองตำแหน่งควบกัน. เช่น ตนเองดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีอยู่ด้วยหรือเป็นรัฐมนตรีที่ได้ถูกสับเปลี่ยนกระทรวงที่รับผิดชอบไปแล้ว จึงสามารถทำหน้าที่ได้ต่อไปนั้น เป็นกรณีที่พยายามแปลความให้เป็นประโยชน์ต่อตนเอง ไม่ชอบด้วยบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญในเรื่องการขัดกันของผลประโยชน์ และไม่มีกฎหมายสนับสนุนข้ออ้างเช่นนั้นอย่างชัดเจน ในเรื่องนี้หน่วยงานที่รับผิดชอบจ่ายเงินเดือนหรือให้สิ่งอำนวยความสะดวกในฐานะที่เคยดำรงตำแหน่งอยู่ ต้องเรียกกลับ คืนรถประจำตำแหน่งและทรัพย์สินของทางราชการ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ผู้ช่วยของรักษาการรัฐมนตรีนั้น ๆ พร้อมกับให้ข้าราชการประจำที่ไปช่วยงานรักษาการรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่งกลับสู่งานในหน้าที่เดิมทั้งหมด และต้องงดจ่ายเงินเดือนและผลประโยชน์ห้กับรักษาการรัฐมนตรีทั้งหมดทันที เพราะเงินเหล่านี้มาจากภาษีของประชาชน
อนึ่ง หากยังมีข้าราชการไม่ยึดถือปฏิบัติโดยยังคงจะรับใช้รักษาการรัฐมนตรีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งไปแล้วนั้น ควรที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินจะมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ในทุกส่วนราชการงดการจ่ายเงินและประโยชน์ใดๆ รวมถึงการเพิกถอนหรือเรียกคืนทรัพย์สินของรัฐที่อยู่ในความครอบครองของรัฐมนตรีนั้นกลับคืนทันทีเช่นกัน.
ดันสุดลิ่ม สู่เลือกตั้ง
ทั้งนี้เป็นที่รู้กันดีว่าเหตุที่พรรคเพื่อไทยภายใต้ระบอบทักษิณแถไถยืนกรานว่านายนิวัฒน์ธำรงมีอำนาจเทียบเท่านายกรัฐมนตรีนั้นก็เพียงเพื่อเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งเพื่อนำพาระบอบทักษิณให้กลับมาครองอำนาจให้ได้เท่านั้น จึงไม่แปลกที่รักษาการนายกฯปลอมๆคนนี้จะกระเหียนกระหือเร่งรัดให้ กกต.(คณะกรรมการการเลือกตั้ง) ดำเนินการจัดการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด โดยทันที่ได้นั่งรักษาการนายกฯนายนิวัฒน์พยายามนัดหมายหารือกับ 'นายสมชัย ศรีสุทธิยากร' คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ด้านบริหารจัดการเลือกตั้ง มาหลายครั้งหลายครา แต่ก็ดูจะเหลวไม่เป็นท่า
โดยครั้งแรกนัดหารือที่ศูนย์ราชการก็มีอันต้องล่มเพราะนายนิวัฒน์ธำรงเกรงว่าตนเองจะไม่ปลอดภัยหากต้องก้าวเข้าไปในพื้นที่ซึ่งมีการชุมนุมของกลุ่ม กปปส.ที่นำโดยหลวงปู่พุทธอิสระ จึงขอย้ายสถานที่ประชุม โดยขอใช้สถานที่ของกองทัพอากาศแทน วันรุ่งขึ้นแม้จะไปอาศัยร่มเงากองทัพในการนัดพูดคุยกันที่สโมสรกองทัพอากาศ แต่คุยกันได้ไม่กี่คำนิวัฒน์ธำรงก็ต้องตาลีตาลานเผ่นแน่บเมื่อเจอมวลชน กปปส. ซึ่งนำโดย กำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ เคลื่อนขบวนปิดล้อม ด้วยเกรงเหตุการณ์จะซ้ำรอยฝ่ายรัฐบาลได้เสนอให้มีการจัดการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์แทน ส่วนข้อสรุปจะออกมาเป็นไรก็คงต้องเงี่ยหูฟังกันอีกครั้งหนึ่ง แต่ที่แน่ๆการจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่คงไม่ใช่วันที่ 20 ก.ค.2557 อย่างที่เคยกะเกณฑ์กันไว้ในช่วงที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังนั่งในตำแหน่งนายกฯ
“ หลังจากนี้ขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าจะนัดหมายหารือครั้งต่อไปเมื่อไหร่ โดยรัฐบาลเสนอให้มีการหารือผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ แต่ปัญหาการเลือกตั้งมีความซับซ้อนต้องมีการคุยในรายละเอียดมากกว่านี้ ซึ่งการออก พ.ร.ฎ.กำหนดวันเลือกตั้ง อาจไม่ทันวันที่ 20 ก.ค.ตามกำหนดเดิม ” นายสมชัย ศรีสุทธิยากร คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ระบุ หลังเจรจาที่สโมสรกองทัพอากาศล่มไม่เป็นท่า
'คนดูไบ' เดินเกมแรง ส่อนองเลือด
เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนั้น ข้างฝ่ายระบอบทักษิณจึงมิอาจนิ่งเฉยต้องใช้ทุกยุทธวิธีเพื่อบดขยี้ฝ่ายต่อต้านให้จงได้ ว่ากันว่างานนี้ 'นักโทษหนีคดีคอร์รัปชั่น' สั่งการสายตรงจากดูไบให้เล่นเกมแรงเต็มพิกัด ทั้งในมุมมืดและมุมสว่าง
ข้าง ศอ.รส. (ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย) ที่มี 'เฉลิม อยู่บำรุง' อดีต รมว.แรงงาน เป็นผู้อำนวยการศูนย์ นั้นแม้แม้ตอนนี้หลายฝ่ายไม่แน่ใจว่าศูนย์นี้ยังมีอำนาจอยู่หรือไม่ แต่เป็ดเหลิมก็อาศัยความหน้าด้านหน้าทนยืนกรานจะใช้อำนาจจัดการกับฝ่ายต่อต้ายต่อไป โดยล่าสุด ศอ.รส.ได้มอบหมายให้นายธาริต เพ็งดิษฐ อธิบดีกรมสอลบสวนคดีพิเศษ ในฐานะเลขาธิการ ศอ.รส. ยื่นเรื่องต่อศาลขออนุมัติหมายจับแกนนำ กปปส.และพวก รวม 43 คน ในข้อหากบฎ และในความผิดอื่นอี ก8 ข้อหา ซึ่งที่สุดศาลก็อนุมัติหมายจับออกมาจนได้ แต่อนุมัติหมายจับเพียง 30 คน เพราะอีก 13 คนนั้นถูกหมายจับในคดีเก่าอยู่แล้ว งานนี้เรียกว่าแกนนำตัวกลั่นโดนกันทั่วหน้า ไม่ว่าจะเป็น นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย , นายชุมพล จุลใส , นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ , นายนิติธร ล้ำเหลือ , นายอุทัย ยอดมณี แม้แต่แขกรับเชิญที่ไปขึ้นปราศัยบนเวที อย่าง ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ และนายสาธิต เซกัล ก็ไม่ละเว้น และที่พลาดไม่ได้คือ พระสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือหลวงปู่พุทธอิสระ แกนนำเวทีแจ้งวัฒนะ ที่ธาริตจ้องเล่นงานมานานก็คงได้โอกาสในคราวนี้
นอกจากนั้น ศอ.รส. ยังสั่งการให้หน่วยอรินทราช, เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการพิเศษ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เตรียมพริ้มเต็มพิกัด เพื่อจู่โจมเข้าจับกุม นายสุเทพ และ แกนนำ กลุ่ม กปปส. ซึ่งแน่นอนว่าหากมีการบุกเข้าจับกุมก็สุ่มเสี่ยงที่จะนำไปสู่การเสียเลือดเสียเนื้อ เพราะข้างฝ่ายมวลชน กปปส.คงไม่ยอมให้ตำรวจฝ่าเข้าไปง่ายๆเป็นแน่
เป็นที่น่าสังเกตว่าการจับกุมแกนนำ กปปส.ในครั้งนี้นั้น ศอ.รส.เลือกใช้ชุดสืบสวนของตำรวจในพื้นที่สีแดง หรือพื้นที่ที่เป็นฐานเสียงพรรคเพื่อไทยเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น เชียงใหม่ อุดรธานี และตำรวจภูธรภาค 3 ซึ่งอยู่แถบภาคอีสาน เป็นหลัก ซึ่งหากประเมินจากการสลายการชุมนุมของกลุ่ม กปปส.ที่ผ่านฟ้าเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา ก็คงไม่ต้องคาดเดาว่าปฏิบัติการจะเป็นไปด้วยความเหี้ยมโหดรุนแรงขนาดไหน และประชาชนจะบาดเจ็บล้มตายกันอีกกี่คน ว่ากันว่าหลังจากได้รับมอบหมาย ในช่วงเย็นของวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร.ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบปฏิบัติการครั้งนี้ ก็ได้มีการสั่งการผ่านวิทยุในราชการ ศอ.รส. ถึง พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. ในฐานะ ผบ.กกล.ศอ.รส. พร้อมด้วย ผบก.น.8, ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา, ภ.จว.อุดรธานี, สส.ภ. 3 (นครราชสีมา) และ ตชด.ภาค 3 ให้ส่งตัวข้าราชการตำรวจมาปฏิบัติหน้าที่เป็นชุดสืบสวน จับกุม ของ ศอ.รส. ประกอบด้วย พ.ต.ท.อภิรัตน์ ชาญอสิกุลพิทยา ผบ.ร้อย ตชด 116 ต.บ่อพลอย อ.บ่อไร่ จ.ตราด
ตามมาด้วย พ.ต.ท.จิรายุส วานิชกูล สว.อก.สภ.วังน้อย, พ.ต.ต.ปฐวี ก้อนวิมล สว.กก.สส.ภ.จว.อุดรธานี, พ.ต.ต.วรา พงษ์สิริ สว.สส.สน.สมเด็จเจ้าพระยา, ร.ต.อ.วิวัฒนชัย คลื่นแก้ว รอง สว.กก.สส. 3 บก.สส.ภ.3 จ.นครราชสีมา, ด.ต.ทินกร ปัญญาชัยสิทธิ์ ด.ต.มานะ สุระชนม์ ด.ต.ภมร จันทร์บุญสิทธิ์ ผบ.หมู่ กก.สส.ภ.จว.อุดรธานี และ ส.ต.อ.มงคล งามบุญช่วย ผบ.หมู่ กก.ตชด. 33 ค่ายสมเด็จพระบรมราชชนนี อ.สันทราย จ.เชียงใหม่
แต่ที่น่าจับตาเป็นพิเศษเห็นจะเป็นดาบตำรวจ 3 คนที่มาจาก ภ.จว.อุดรธานี เป็นหนึ่งในทีมชุดสืบสวนที่ชื่อว่า “ชุดคมประจักษ์” ซึ่งขึ้นตรงกับ พล.ต.ต.บุญลือ กอบางยาง ผบก.ภ.จว.อุดรธานี นายตำรวจคนสนิทของ นายขวัญชัย สาราคำ หรือ “ขวัญชัย ไพรพนา” ประธานชมรมคนรักอุดร แกนนำเสื้อแดงคนสำคัญที่ถูกยิงอาการปางตายก่อนหน้านี้
โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าวมารายงานตัวกับ พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. ในฐานะผู้ช่วย ผบ.กกล.ศอ.รส. ในวันรุ่งขึ้น คือวันที่ 15 พ.ค. ณ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ถนนวิภาวดีรังสิต
“ วางแผนจัดกำลังพร้อมเข้าจับกุมแกนนำที่ถูกศาลออกหมายจับแล้ว โดยจะเริ่มแผนปฏิบัติการทันที โดยการจับกุมจะยึดหลักหลีกเลี่ยงการปะทะเพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสีย ซึ่งแนวทางการจับกุมจะเริ่มจากแกนนำที่ไม่มีกองกำลังติดอาวุธให้การคุ้มกันก่อน ส่วนกลุ่มที่มีกองกำลังของตัวเองจะรอจังหวะที่เหมาะสมรวบตัว” พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร.ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบปฏิบัติการจับกุมแกนนำ กปปส.ระบุ
ทั้งนี้ยังไม่นับรวมการเล่นเกมใต้ดินเพื่อข่มขู่เช่นฆ่าให้มวลชน กปปส.หวาดกลัว โดยในช่วงเวลา 02.00 น.ของวันที่ 15 พ.ค.ได้มีมือมืดกระหน่ำยิง M79 ถล่มพื้นที่ชุมนุมจุดต่างๆมาโดยตลอด แต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาดูเหมือนจะทวีความอุกอาจรุนแรงมากขึ้น โดยมีการลอบยิงระเบิด M79 ลงใกล้เวที กปปส.อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และตามมายิงถล่มซ้ำด้วย M16 เป็นเหตุให้มีผุ้เสียชีวิตถึง 3 ราย และบาดเจ็บอีก 23 ราย และในคืนเดียวกันก็มีการยิง M79 เข้าใส่พื้นที่ชุมนุมของ คปท.บริเวณนางเลิ้ง แต่ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต
ขณะที่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ ที่ปวารณาตัวรับใช้ระบอบทักษิณอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู แถลงการณ์ข่มขู่ไว้ก่อนหน้าในทำนองว่าหากมีการผลักดันนายก มาตรา 7 คนเสื้อแดงก็อาจขนมวลชนมาปะทะกับกลุ่ม กปปส.
“ ส่วนสถานการณ์ในขณะนี้ ศอ.รส.ประเมินแล้ว มีข้อมูลเพียงพอที่บ่งชี้ว่า จะเกิดความรุนแรงและเหตุร้ายขึ้น โดยเฉพาะหากเกิดการคัดเลือกนายกรัฐมนตรีมาตรา 7 ขึ้น ตามที่กลุ่ม กปปส. เรียกร้อง เชื่อว่าจะเกิดความไม่พอใจจากมวลชนอีกกลุ่มหนึ่งอย่างรุนแรง และ ลุกลามไปถึงขั้นก่อเหตุร้าย เข้าเผชิญหน้ากันอย่างแน่นอน จนอาจทำให้เป็นสงครามกลางเมืองได้ในที่สุด”
ดังนั้นจึงปฏิเสธไม่ได้ว่าสถานการณ์ขณะนี้กำลังก้าวเข้าสู่ความรุนแรงเต็มรูปแบบ โดยพรรคเพื่อไทยและลิ่วล้อระบอบทักษิณต่างออกมาประกาศกร้าวว่าจะทำทุกทางเพื่อรักษาอำนาจของ 'นายใหญ่' ไม่ว่าจะเป็น การนองเลือด หรือฆ่าคนไทยด้วยกัน
สาส์นจาก จปร.รุ่นพี่ ถึง จปร.รุ่นน้อง
ท่านเหลือเวลาอีกไม่นานแล้ว
Message from a "Retired General" to the Chief of Army, General Prayuth Chanochar.
There is not much time left for you until your retirement date..please do something for your country and for people to talk about when you are gone.
1) Declare Martial Law now.
2) Set up Army Check Points around Bangkok areas to ensure that the Yellow and Red shirts never meet each other and fight.
3) Do not stage a Coup d'etat or set up an Army Council to run the country....
4) Set up armed forces to hunt down the terrorists.
5) Never negotiate with the terrorists.
6) Put under house-arrest all the violent red-shirt ringleaders.
7) Confiscate all the financial pipelines to the terrorists.
8) Provide Army Police to safe-guard all the Constitutional Court Judges and Independent Organization Officials from any violent threats.
9) Then wait until the arrival of the new dust-free Government as long as it takes.
It's do or die time for all the Anti-Taksin protesters.
พี่น้องต้องภาคภูมิใจว่าที่