GREAT KING OF THAILAND, KING BHUMIBHOL

GREAT KING OF THAILAND, KING BHUMIBHOL
LONG LIVE THE KING BHUMIBHOL

วันศุกร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ต้านรัฐประหาร "มันลึกกว่าที่คิด/"หมดเวลา 'นังคริสตี้' ได้เวลาสั่งสอน 'พญาอินทรีย์'"

ที่มา ที่ปรึกษา คสช.



ห้าในสิบของคณะที่ปรึกษาคสช. เป็นอดีตทหารใหญ่ในกองทัพ ซึ่งสองในห้าเป็นอดีตผู้บังคับบัญชาโดยตรงของ พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกและหัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อย ที่เคยทำงานอย่างใก้ลชิดกันมาในค่ายพรหมโยธี จังหวัดสระแก้ว ซึ่งเป็นที่ตั้งของกองพลทหารราบที่สอง ฐานที่มั่นของบูรพาพยัคฆ์ นอกจากเติบโตมาในค่ายเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ ยังเป็นน้องเล็กในบ้านพักภายในค่ายที่เคยอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน กลายเป็นความผูกพันธ์จนถึงปัจจุบัน การแต่งตั้งให้ลุงป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ให้เป็นประธานคณะที่ปรึกษา และให้อาป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ทำหน้าที่รองประธาน รับผิดชอบงานด้านความมั่นคง ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดหรือผิดความคาดหมาย นายทหารในกองทัพตั้งข้อสังเกตถึงคำสั่งที่ออกมาว่า อาจเป็นการส่งสัญญานบอกล่วงหน้าว่าอาตู่ นอกจากจะทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่แล้ว น่าจะต้องควบตำแหน่งรมว.กลาโหมด้วย ก่อนหน้านี้มีข่าวว่ิงเต้นเพื่อมาเป็นเสนาบดีกระทรวงกลาโหม ทั้งจากอาป๊อก และ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุววณ ที่ได้รับการแต่งให้เป็นคณะที่ปรึกษาด้วยเช่นกัน นายทหารที่ใก้ลชิดอาตู่ ให้ข้อมูลว่า มีกาศึกษาบทเรียนที่เกิดขึ้นหลังการยึดอำนาจในปี 2534 และ 2549 ดึงคนนอกและอดีตผู้บังคับบัญชามาเป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้มีปัญหาตามมาบานตะเกียง เป็นเหตุผลที่น่าจะทำให้อาตู่ ตัดสินควบเองทั้งสองตำแหน่ง จะได้เล่นบทเดินหน้าผลักดันการปฏิรูปได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องกังวลเรื่องใครจะปฏิวัติซ้อน หากมีใครปล่อยข่าวนี้ก็ไม่ต้องให้น้ำหนักเพราะเป้นข่าวเลอะเทอะ ที่ไม่มีน้ำหนักของความเป็นไปได้เอาเลย...

 
By วรวรรณ ธาราภูมิ
เปลว สีเงิน เขียนว่า “ประเด็นที่น่าจับตากันเป็นพิเศษภายใต้เงื่อนไขรัฐประหาร อยากจะบอกว่า เรื่องที่พูด ว่าด้วยทักษิณ ว่าด้วยปัญหาภายในนั้น นั่นแค่...ฉากพรางตา!

เมื่อวาน มีโอกาสคุยกับ "คุณทนง ขันทอง" ผู้สันทัดวิเทศ ค่ายเนชั่น ท่านตั้งข้อสังเกตน่าคิดว่า....

"ม็อบมดกัดไข่ ช...ูป้ายต้านรัฐประหาร แถวๆ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มีแค่ ๒-๓ ร้อยคน แต่ทำไมจึงมีนักข่าวต่างประเทศแห่มาทำข่าวตั้ง ๔๐-๕๐ คน ต่างกับตอนมวลมหาประชาชนชุมนุมออกมาเป็นล้าน สื่อต่างชาติไม่ให้ความสนใจเท่านี้?"

--------------------------------------
ต้านรัฐประหาร "มันลึกกว่าที่คิด

เปลว สีเงิน (ไทยโพสท์)
30 พฤษภาคม 2557

นักข่าวถาม "พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง" รองโฆษก ทบ. เมื่อวาน (๒๙ พ.ค.๕๗) ว่า "พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะจัดการอย่างไรกับทักษิณ?"

ประเด็นนี้ ฟังดูง่าย แต่สำหรับคนตอบ ดูจะยาก ลองเดาดูซิครับว่า พ.อ.หญิงศิริจันทร์ จะตอบว่าไง  เธอตอบว่า....

"ท่านต้องการทำทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทาง ไม่ใช่เวลาที่จะพูดเรื่องอดีต และงานทุกอย่าง เริ่มตั้งแต่วันที่ ๒๒ พ.ค.ที่ผ่านมา ท่านเคยพูดต่อวงประชุมต่างๆ ว่า...เมื่อผมผูกเชือกรองเท้า ผมเดินทันที ไม่หันไปมองข้างหลัง" ทำเอาผมนึกถึงทนายนกเขา "คุณนิติธร ล้ำเหลือ" เจ้าของวลีมาดแมน "รองเท้าผ้าใบ กับใจถึงถึง" ขึ้นมาติดหมัด!  และนี่ก็...กระแทกใจผมนะ....!

"เมื่อผมผูกเชือกรองเท้า ผมเดินทันที ไม่หันไปมองข้างหลัง" เพียงสามวลีเท่านี้ อธิบายตัวตน อธิบายเป้าหมายของผู้ชายที่ชื่อ "ประยุทธ์ จันทร์โอชา-พลเอก" ได้หมดจด  สั้นๆ แต่จบจักรวาล พอๆ กับวลี "ผมขอโทษ...ผมจำเป็นต้องยึดอำนาจ" นั่นแหละ!

ท่านสังเกตมั้ย ตอนพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน รัฐประหาร ๑๙ กันยา ๔๙ พุ่งเป้าที่ตัวทักษิณโดยตรง หนึ่งในหลายความผิดของทักษิณคือ "การบริหารราชการแผ่นดินส่อไปในทางทุจริตประพฤติมิชอบ" บิ๊กบังได้ประกาศ แต่บิ๊กบังไม่ได้ทำ!  แล้วครั้งนี้ ๒๒ พ.ค. พลเอกประยุทธ์ทำรัฐประหาร ประกาศด้วยเหตุผลเฉพาะหน้า เพราะมีการฆ่ากัน และเหตุผลหลัก ตามแถลงการณ์มีว่า....

"เพื่อให้สถานการณ์ดังกล่าวกลับเข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็ว ประชาชนในชาติเกิดความรัก ความสามัคคีเช่นเดียวกับห้วงที่ผ่านมา ตลอดจนเพื่อเป็นการปฏิรูปโครงสร้างทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และอื่นๆ เพื่อให้เกิดความชอบธรรมกันทั่วทุกฝ่าย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ซึ่งประกอบด้วย กองทัพบก กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงมีความจำเป็นต้องเข้าควบคุมอำนาจในการปกครองประเทศ"
จะเห็นว่า พลเอกประยุทธ์ไม่ได้ยกเอารัฐบาลยิ่งลักษณ์ ทั้งพฤติกรรมบริหารมาเป็นเงื่อนไข รวมถึงเรื่องทุจริตคอร์รัปชันที่ขึ้นหน้า-ขึ้นตา เพราะอะไร...?

เพราะช่วงรัฐประหารนั้น พลเอกประยุทธ์ถือว่า "ไม่มีรัฐบาลแล้ว" มีแต่ผลจากอดีตสร้างเหตุการณ์ปัจจุบันที่ต้องแก้ไข คือประชาชนแตกสามัคคี งานปฏิรูปโครงสร้างการเมือง-เศรษฐกิจ-สังคม เป็นภาระที่จำเป็นต้องเข้ามาแก้ไข

ถามว่า...แบบนี้ หมายความว่า "คณะ คสช." ตีค่าทุจริต-คอร์รัปชันในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เป็น "อดีตที่ คสช.จะไม่ย้อนกลับไปสะสาง" งั้นหรือ?

ผมตอบแทน คสช.ไม่ได้ แต่เท่าที่สังเกต ก่อนลงมือรัฐประหาร กองทัพ "สะสมข้อมูล" ทุกด้านไว้พร้อมหมดแล้ว และสังเกตในรอบ ๗ วัน ผ่านงานที่ออกมา ก็บอกได้ว่า การออกหมัดของ คสช.คนละสไตล์กับกำนันสุเทพ!  กำนันสุเทพ เวลาจะนำมวลมหาประชาชนออกปฏิบัติการ จะแถลงถึงเป้าหมาย สถานที่ ตัวบุคคล วัน-เวลา ให้ทราบล่วงหน้าหมด  แต่ คสช.แต่ละปฏิบัติการ จะรู้เมื่อเป็นคำสั่งออกมาฉบับที่เท่านั้น-เท่านี้ เท่านั้น!

ดังนั้น เรื่องตัวทักษิณก็ดี เรื่องทุจริต-คอร์รัปชันรัฐบาลยิ่งลักษณ์ โดยเฉพาะเรื่องจำนำข้าวที่ฉาวออกมา คอร์รัปชันไปกว่า ๕ แสนล้านบาท ผมว่า โปรดรอซักครู่

"สิ่งที่พลเอกประยุทธ์ไม่พูด ใช่ว่าเป็นสิ่งที่พลเอกประยุทธ์ไม่ทำ"

ยิ่งเมื่อวาน "องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน" โดยคุณประมนต์ สุธีวงศ์ และคุณสมพล เกียรติไพบูลย์ ผู้เป็นหลักสู้ให้สังคมยึด ออกมากระตุกเร้า คสช.ให้ตั้งกรรมการตรวจสอบเรื่องคอร์รัปชัน ๕ แสนล้าน

ยิ่งเป็นสัญญาณตอกย้ำให้รู้ว่า ในแผนที่ "คสช.ไม่พูด" เรื่องทุจริต-คอร์รัปชันนั้น วันไหน เป็นวันลงดาบ จากฝ่ายไหนก็เถอะ วันนั้น รัฐบาลยิ่งลักษณ์ โดยเฉพาะตัวยิ่งลักษณ์"แผลแบะแฉะ" แน่!

ประเด็นที่น่าจับตากันเป็นพิเศษภายใต้เงื่อนไขรัฐประหาร อยากจะบอกว่า เรื่องที่พูด ว่าด้วยทักษิณ ว่าด้วยปัญหาภายในนั้น นั่นแค่...ฉากพรางตา! เมื่อวาน มีโอกาสคุยกับ "คุณทนง ขันทอง" ผู้สันทัดวิเทศ ค่ายเนชั่น ท่านตั้งข้อสังเกตน่าคิดว่า...."ม็อบมดกัดไข่ ชูป้ายต้านรัฐประหาร แถวๆ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มีแค่ ๒-๓ ร้อยคน แต่ทำไมจึงมีนักข่าวต่างประเทศแห่มาทำข่าวตั้ง ๔๐-๕๐ คน ต่างกับตอนมวลมหาประชาชนชุมนุมออกมาเป็นล้าน สื่อต่างชาติไม่ให้ความสนใจเท่านี้?"

"ม็อบมดกัดไข่" ผมเรียกเอง คุณทนงไม่ได้เรียก ตอนนี้เห็นเร่รังไปกัดไข่ยั่วทหารขยี้ที่โน่น-ที่นี่ เมื่อวานโผล่แถวๆ ท่าพระจันทร์

"นักข่าวต่างประเทศ" ที่ว่านั้น จะมาจากสำนักข่าวตะวันตกเป็นหลัก ก็สอดคล้องกับข้อความที่ "ขบวนการชักใย" เขียนให้ชู ด้วยศัพท์แสงสื่อให้ฝรั่งถ่ายภาพ-ทำข่าวไปเผยแพร่ในประเทศของเขาเพราะอะไร...เพราะทักษิณจ้างมางั้นหรือ?

ตื้นๆ ก็มองอย่างนั้น แต่ถ้าหรี่ตายอนลงไปตามซอกหลืบมะลำ-มะเลือง เราจะเห็นว่า "มือที่มองไม่เห็น" มันซ้อนรูป-ซ้อนรอยเข้ามาเล่นงานประเทศเราแล้ว!  มือที่มองไม่เห็น" นั้น คือ ..จักรวรรดิอำนาจทุนนิยมตะวันตก" มันสอดแทรกเข้ามาบ่อนทำลาย ตราบเท่าที่ "อำนาจประเทศไทย" หลุดไปจากมือรัฐบาล-บุคคลที่มันกดปุ่มได้

แหล่งน้ำมัน-ฐานทัพอู่ตะเภา" จักรวรรดิอำนาจทุนนิยมตะวันตก มันยอมให้หลุดมือไปไม่ได้ ขืนยอมให้ประเทศไทยหลุดไปจาก "อำนาจคอนโทรล" ตะวันตก นั่นเท่ากับยุโรป-สหรัฐ สูญเสีย "อุษาคเนย์" ให้กับจีน

ผมจะยกตัวอย่างให้ใคร่ครวญว่า "อำนาจตะวันตก" เนียนมาในรูปแบบ "สำนักข่าว" เพื่อสอดแทรก-ชักใยเป็นแนวร่วมกลุ่มต้านรัฐประหาร คสช.หรือไม่-อย่างไร

ผู้ใช้นามว่า "เจ้าหญิง ราพันเซล" นำข้อความหนึ่งมาโพสต์ใน fb ของเขาเมื่อวานว่า …

"ตอกหน้านักข่าวฝรั่งหงายเงิบเลย 555555555555... ลืมเล่าให้ฟัง วันก่อนเอาน้ำดื่มไปแจกทหารแถวๆ ราชดำเนินแล้วเจอนักข่าวฝรั่งของรอยเตอร์เข้ามาขอสัมภาษณ์ เราก็บอกว่า...ได้ คุณเธอก็ยิงคำถามเข้ามา

นักข่าว : ทำไมคุณถึงออกมามอบอาหารและน้ำดื่มให้ทหาร?

แชมป์  : เพราะเราต้องการที่จะให้กำลังใจ และแสดงความสนับสนุนแก่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่เพื่อบ้านเมืองของเรา (เน้นเสียงที่คำว่า my country)

นักข่าว : แสดงว่าคุณสนับสนุนรัฐประหารครั้งนี้สิ?

แชมป์  : ใช่ ผมและเพื่อนๆ คนไทยส่วนใหญ่ของประเทศที่รักประเทศไทยสนับสนุนการรัฐประหารครั้งนี้

นักข่าว : คุณไม่คิดเหรอว่า การรัฐประหารครั้งนี้เป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของคุณ

แชมป์ : อะไรคือลิดรอนสิทธิเสรีภาพในความหมายของคุณ ทุกวันนี้จะไปไหนก็ไม่มีใครห้าม อยากกินอะไรก็ได้

นักข่าว : แต่ทหารปิดข่าวสาร จำกัดเวลาออกจากบ้าน ค้นบ้านคนหลายๆ คน ถือเป็นการคุกคามมิใช่หรือ?

แชมป์  : ผมไม่ได้ทำผิดอะไร จะกลัวทำไมเรื่องค้นบ้าน ส่วนเรื่องปิดสื่อ ก็ไม่เห็นเดือดร้อนอะไร ทุกวันนี้ก็ไม่คิดดูทีวีอยู่แล้ว เพราะมีแต่เรื่องบิดเบือน มีแต่เรื่องไร้สาระ แบบว่าหมีแพนด้ามีเซ็กซ์ หรือว่าบูชาจิ้งจกสองหัวอะไรแบบนี้ ผมว่าปิดก็ดีเหมือนกัน เผื่อพวกรายการจะสำนึกบ้าง

นักข่าว : คุณคิดมั้ยว่ามันแรงเกินไปที่ทหารออกมาควบคุมทุกอย่างในประเทศ?

แชมป์  : มันถึงเวลาที่ประเทศไทยต้องล้างให้สะอาด ยกตัวอย่างง่ายๆ เวลาคุณไม่สบาย คุณหมอให้คุณกินยา แต่ยามันขม คุณจะกินมั้ยล่ะ?

นักข่าว : แต่ทุกอย่างไม่เป็นประชาธิปไตยเลยนะตอนนี้?

แชมป์  : แล้วไงล่ะ ประชาธิปไตยคืออะไร? คือให้คนมาฆ่ากันตามถนน หรือว่าคือให้โอกาสนักการเมืองคอร์รัปชันโดยอ้างว่ามาจากประชาชน คุณไม่รู้หรือไง หรือแกล้งไม่รู้ว่า คำว่าประชาธิปไตยในประเทศไทยนั้น มันมาจากการซื้อเสียง นักการเมืองโกงกินภาษีของประชาชน นักการเมืองสร้างความแตกแยกให้ประชาชน แม้กระทั่งยกดินแดนให้ต่างชาติ นี่หรือคำว่าประชาธิปไตยของคุณ เราไม่แคร์หรอกนะว่า จะประชาธิปไตยหรือไม่ ขอเพียงประเทศของเราเดินหน้าไปได้ก็พอ อ้อ...ฝากไปบอกพวกคุณในประเทศของคุณด้วยนะ คนอเมริกันเองก็ใช้คำว่าประชาธิปไตยบังหน้าเพื่อเข้าไปแสวงหาผลประโยชน์ในประเทศอื่นๆ มันแย่มากๆ เลวยิ่งกว่ารัฐประหารอีก แถมยังฆ่าคนในประเทศ.....

นักข่าว : โอเค...โอเค ขอบคุณมากๆ ฉันต้องไปแล้ว

แชมป์  : อ้าปากค้าง...กูยังสรรเสริญไอ้กันไม่จบเลย รีบหนีซะแล้ว! อ่านแล้วท่านเห็นอะไรในคำถามนักข่าวรอยเตอร์มั้ย

สอดคล้องกับที่ "คุณกรณ์ จาติกวณิช" โพสต์วันก่อนว่า "ทาง CNN ขอสัมภาษณ์ผมเรื่องปฏิวัติในมุมเศรษฐกิจ เขาถามว่าสถานการณ์เป็นไงบ้าง ผมตอบว่านักธุรกิจก็ดูเหมือนแฮปปี้ดี เพราะต้องทนอยู่กับความวุ่นวายมานาน ผู้สัมภาษณ์ดูเหมือนมีธงจึงสวนผมว่า 'ก็พวกนักธุรกิจเขาเป็นอำมาตย์ (elite) กันหมดไม่ใช่หรือ....."

แหม...จะเอาแถลงการณ์สหภาพยุโรปวานซืน กับแถลงการณ์นายจอห์น แคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐมาประกอบ ก็หมดเนื้อที่ซะก่อน

วันนี้อย่าเพิ่งคัน จะยกมาให้เกากันวันหลัง!.


 
 
By เจ้าหญิง ราพันเซล รักในหลวง

●●ส่วนหนึ่งของบทความ "หมดเวลา 'นังคริสตี้' ได้เวลาสั่งสอน 'พญาอินทรีย์'"
คอลัมน์...ไม้หน้าสาม โดย...วรพจน์ แสนประเสริฐ
แนวหนัา วันที่ 30 พ.ค. 2557

ในห้วงเวลาที่นักเรียนนิสิตนักศึกษาประชาชนตื่นและเรียนรู้กับประชาธิปไตย การเมืองในยุคสมัยนั้นไม่แตกต่างจากยุคสมัยนี้ แม้เวลาจะผ่านไปกว่า 40 ปี จะต่างกันก็ตรงเราอยู่บน “คณะรัฐประหาร” ที่ยังพอเป็นความหวังให้กับประชาชน และประเทศชาติบ้านเมืองเท่านั้น

ยุคสมัยนั้น ผมจำได้ว่า สิ่งแรกที่นักเรียนนิสิตนักศึกษาประชาชนมองเห็นว่าประเทศถูกเอารัดเอาเปรียบ ประเทศถูกกดขี่จากมหาอำนาจที่กล่าวอ้าง ... ที่ทวงบุญคุณจากผืนแผ่นดินไทย และรัฐบาลที่ถูกกล่าวขานว่า ทรราชในขณะนั้นให้ความร่วมมือ แม้จะใช่หรือไม่ใช่ความเต็มใจก็ตามที มหาอำนาจที่ว่าก็คือ “สหรัฐอเมริกา”

การเคลื่อนไหวในยุคนั้นหลังจากเราได้ “รัฐบาลประชาธิปไตย” ภายใต้การนำของ “อาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์” แล้ว การดำเนินการต่อจากการได้ประชาธิปไตยสมบูรณ์แบบก็คือการ “ขับไล่ฐานทัพอเมริกา” เข้ามากอบโกยและสร้างความหายนะทางวัฒนธรรมให้แก่ประเทศไทยเป็นอย่างมาก

“คาราวาน” ร้องเพลงอุดมการณ์ขณะนั้นไว้เพลงหนึ่ง  เพลงชื่อ “อเมริกันอันตราย”

เนื้อเพลงระบุว่า “มาพวกเราร่วมเดิน...ฟันฝ่า ก้าวไปกับประชาด้วยศรัทธา..ยิ่งใหญ่ เมืองไทยเป็นของเราทำไมให้เขาเข้ามา จักรวรรดิอเมริกา...อเมริกามันมาย่ำยี เลือดไทยต้องไหลริน แผ่นดินถูกครอบครอง ทำลายบ้านพี่เมืองน้อง ล้มตายก่ายกองเลือดนองแผ่นดิน เมืองไทยเป็นของไทยออกไปไม่ใช่ของมัน จักรวรรดิอเมริกันมันเที่ยวรุกรานไม่ว่าบ้านเมืองใคร แบ่งแยกแล้วทำลาย นาทรายนาหินกองอยู่กินกันอย่างพี่น้อง ไอ้ผู้ปกครองมันมาจุดไฟ รวมกันเถิดผองเรา เผ่าพันธุ์เพื่อนผองไทย อเมริกันมันต้องออกไป อธิปไตยจึงจะสมบูรณ์”

หากจะพูดถึงข้อเท็จจริงในเวลานั้น สหรัฐอเมริกา เข้ามาก้าวก่ายกิจการภายในของไทยไม่มากนัก เมื่อเทียบยุคสมัยนี้ ทว่า ในยุคสมัยนั้นการเข้ามาตั้งฐานทัพอเมริกาในประเทศไทย ซึ่งในเวลานั้นมีถึง 12 แหงคือ อู่ตะเภา ระยอง , ตาคลี นครสวรรค์ , อุบลราชธานี , อุดรธานี , นครพนม , น้ำพอง ขอนแก่ , สัตหีบ ชลบุรี , ลพบุรี , เขื่อนน้ำพุง สกลนคร , นครราชสีมา และ กาญจนบุรี โดยมีศูนย์บัญชาการใหญ่ และหน่วยจัสแม็ก ตั้งอยู่ในกทม. มีเครื่องบินสหรัฐประจำในไทยถึง 550 ลำ

นอกจากนี้แล้ว การเข้ามาของเหล่าทหารอเมริกันที่เรียกว่า “จีไอ” มันทำให้วัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของไทยเปลี่ยนไป “สุภาษิตสอนหญิง” ของ “สุนทรภู่” เกือบจะถูกลืมจนเลือนหายไป เกิดอาชีพใหม่ที่เรียกว่า “เมียเช่า”

เกิดเด็กไทยหัวแดงมากมาย จนยุคสมัยหนึ่งกลายเป็นปัญหาในสังคมไทย เกิดสถานบันเทิง ไปจนถึง อโกโก้

ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงกลายเป็น มรดกตกทอดกันมาจนถึงยุคปัจจุบัน แม้ว่าฐานทัพอเมริกาในประเทศไทยจะย่อยสลายลงไปบ้างแล้วก็ตามที

แต่ยุคสมัยนี้ สหรัฐอเมริกา พยายามฉายแสงแห่งความโหดร้าย ไม่ใช่แสงแห่งการล่าอาณานิคม ไม่ใช่แสงแห่งการทำสงคราม ทว่า กลายเป็นแสงแห่งการสอดแทรกและบงการกิจการภายในประเทศมากยิ่งขึ้น

ผมยกตัวอย่าง ข้อเสนอของสหรัฐในการเรียกร้องให้ประชาชนคนไทย โดยเฉพาะกลุ่ม กปปส. ให้เคลื่อนไหวภายใต้รัฐธรรมนูญและระบอบประชาธิปไตย โดยให้การเลือกตั้งเป็นตัวแก้ไขปัญหา ตามที่ “นกตะกรุม-สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล” หยิบยกมาประกาศผ่านสถานีโทรทัศน์

ข้อเรียกร้องของสหรัฐที่รัฐบาลขณะนั้นมี “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เป็น นายกรัฐมนตรี และมี “นกตะกรุม สุรพงษ์” เป็นนายใหญ่กระทรวงบัวแก้ว อาจเกี่ยวข้องโยงใยกับความพยายามในการจัดตั้งฐานทัพสหรัฐในประเทศไทยอีกครั้ง

สอดรับกับคำแถลงจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐอเมริกาได้ประกาศว่า รัฐบาลไทย / กระทรวงการต่างประเทศเมื่อ 31 ต.ค.56 ได้มอบหมายให้ “บริษัทดาเวนพอร์ต แมคเคสสัน” ให้เป็นผู้แทนประเทศไทยในภารกิจภายในราชอาณาจักรไทย โดยจะต้องไปทำการชักชวนแนะนำสภาคองเกรสของสหรัฐอเมริกาและกระทรวงกลาโหมสหรัฐว่า ราชอาณาจักรไทยกำลังแสวงหาความช่วยเหลือจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐให้ไปสร้าง “ฐานบินต่อสู้อากาศยานราชนาวี” ( Naval Air Defense Base )ในประเทศไทย และไทยยังต้องการความช่วยเหลือทางด้านทหารจากสหรัฐที่จะกำหนดเขตความปลอดภัยทางน้ำ ( Safe harbor zone around its water ) รวมทั้งบริษัทจะดำเนินการช่วยเหลือไทย เพื่อให้มีศูนย์กลางตัวแทนการค้าในสหรัฐให้ด้วย โดยไทยได้จ่ายค่าจ้างล่วงหน้าให้แก่บริษัทฯเป็นเงินจำนวน 20,000 เหรียญสหรัฐ แน่นอน ... รัฐบาลระบอบทักษิณปฏิเสธทันควัน
ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก หรือเหนือความคาดหมายแต่อย่างใด ที่ร้ายไปกว่านั้น “คริสตี้ เคนนี่ย์” เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย ก็สร้างวีรกรรมหลายครั้งที่ทำให้คนไทยส่วนใหญ่เห็นว่า สหรัฐก้าวก่ายและเลือกที่จะดึงเอา “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” ที่เป็นนักโทษคดีอาญาของไทยไปเดินข้างในฐานะมิตรสหาย ออกวีซ่าเข้าประเทศโดยอ้างว่าเป็นการดำเนินการตามกฎหมายสหรัฐอเมริกาอย่างเข้มงวดเคร่งครัด มิใยดีข้อตกลงส่งคนร้ายข้ามแดนที่กระทำการลงนามต่อกันไว้แม้แต่น้อย

ตลอดเวลาที่ “คริสตี้ เคนนี่ย์” ทำหน้าที่ในไทย บทบาทของ “คริสตี้ เคนนี่ย์” ดูเหมือนจะสนับสนุนการเคลื่อนไหวของเครือข่ายระบอบทักษิณ จนเกิดข้อสงสัยและคำถามกับประชาชนคนไทยถึงสายสัมพันธ์ของทูตสหรัฐฯ ผู้นี้กับ “ทักษิณ ชินวัตร” นักโทษหนีคดีคอร์รัปชั่นที่ถูกศาลพิพากษายึดทรัพย์และให้จำคุก 2 ปี ทั้งการออกวีซ่าให้แก่ “ทักษิณ” เข้าออกสหรัฐได้ตามอำเภอใจ ทั้งที่ระเบียบการขอวีซ่าเข้าสหรัฐฯ มีข้อกำหนดประการหนึ่งที่ระบุชัดว่า “ผู้ยื่นขอวีซ่าเข้าประเทศสหรัฐฯ ต้องไม่มีประวัติอาชญากรรม”

กระทั่งล่าสุด “จอห์น เคอร์รี่” รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ ที่ออกมาแสดงความเสียใจที่กองทัพไทยประกาศยึดอำนาจรัฐบาลรักษาการ พร้อมประกาศตัดความช่วยเหลือและสนับสนุนกองทัพไทยจำนวนกว่า 10 ล้านเหรียญสหรัฐ จนโดน “สมเกียรติ อ่อนวิมล” โพสต์ข้อความตอบโต้ สอนให้สำเหนียกและสำนึกถึงปัญหาการเมืองภายในประเทศ

ผมไม่ได้ติดใจกระทั่ง “ไมเคิล ยอน” โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊คเกี่ยวกับพฤติกรรมของ “คริสตี้ เคนนี่ย์” ความที่ “ไมเคิล ยอน” เป็นนักข่าวสงครามของนิวยอร์คไทมส์ จึงน่ารับฟังอย่างมาก เขาบอกว่า รัฐบาลกลางสหรัฐน่าจะทบทวนเกี่ยวกับการดำรงอยู่ในสถานะ “เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย” ได้แล้ว เพราะพฤติกรรมส่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างประเทศ “ไทย-สหรัฐ” ที่มีสัมพันธ์อันดีมากว่า 181 ปี

“ไมเคิล ยอน” เขียนถึงว่า หมดเวลาของ “คริสตี้ เคนนี่ย์” ในประเทศไทยแล้ว

“เอกอัครราชทูตเคนนี่ คุณควรน่าจะได้อ่าน กรุณารับรู้ว่าผมไม่ได้เกลียดคุณ ประชาชนบางคนเขาเกลียดคุณ แต่ก็อีกนั่นและ คนจำนวนมากก็เกลียดผมเหมือนกัน โดยมากเป็นเพราะข้อมูลที่ผิด แม้ว่าบางครั้งก็ไม่ผิดความกังวลของผม ความกังวลของเรา ไม่ใช่ตัวคุณ หรือ ตัวผม แต่กังวลว่าเราจะผลักไสมิตรที่เชื่อใจ, ประเทศไทย, ให้เป็นปฏิปักษ์คู่อริที่เหม็นขี้หน้า วันเวลาการทำงานของคุณในประเทศไทยได้จบลง ถึงเวลาที่ต้องกลับบ้านแล้ว”

ผมกำลังจะบอกว่า มันถึงเวลาที่ประเทศไทยต้องมาจริงจังกับพฤติกรรมเสื่อมทรามของมหามิตรอย่าง “สหรัฐอเมริกา” ได้แล้ว แน่นอน สหรัฐฯ อาจจะมีวิทยาการและเทคโนโลยีเหนือกว่าไทยกันเทียบไม่ติด แต่เราก็มีบางสิ่งบางอย่างที่สหรัฐฯไม่มี และไม่มีวันจะมี ขณะที่วิทยาการและเทคโนโลยีนั้นสามารถพัฒนาเรียนรู้ให้ทันกันได้

วันนี้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ มุ่งมั่นจะปฏิรูปประเทศไทย คงไม่ลืมหรือมองข้ามการปฏิรูปการศึกษาเป็นแน่ ถ้าการปฏิรูปการศึกษาไทยมีประสิทธิภาพ ย่อมทำให้เยาวชนไทยมีความรู้ความสามารถมากขึ้น งานวิจัยต่างๆ ย่อมเพิ่มมากขึ้น และอาจจะประสบความสำเร็จยิ่งขึ้นด้วย

ถึงเวลาที่คนไทยทั้งประเทศต้องเชื่อมั่น และลุกขึ้นมาต่อต้านการเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของสหรัฐอเมริกาได้แล้ว ครั้งหนึ่ง “คาราวาน” เคยร้องเพลงต่อต้าน “จักรวรรดิอเมริกา” ครั้งนี้ก็น่าจะกระทำได้อีก แต่มุ่งไปยังการบอยคอตสินค้าอเมริกา ไทยไม่ใช่เมืองขึ้น และไม่มีวันเป็นเมืองขึ้นสหรัฐ
มันคงหมดเวลาของนังคริสตี้ แต่มันคือจุดเริ่มต้นแห่งการสั่งสอนอเมริกากันแล้วครับ  ลุกฮืออีกสักครั้ง สั่งสอนอเมริกากันสักที เถอะครับ
 

MANA PRADITKET

MANA PRADITKET
Handpainted oil painting by Mana Praditket

NIRAN PAIJIT

NIRAN PAIJIT
Original handpainted oil painting by Niran Paijit

PRAYAD TIPPAWAN

PRAYAD TIPPAWAN
ORIGINAL IMPRESSIONAL OIL PAINTING BY PRAYAD TIPPAWAN

Achara 34 (24x36)

Achara 34 (24x36)
ORIGINALl OIL PAINTING

Amornsak Livisit 74 (24x36)

Amornsak Livisit 74 (24x36)
ORIGINAL OIL PAINTING, Impressionist style

Suwan Khanboon 11 (24x24 inches)

Suwan Khanboon 11 (24x24 inches)
Original handpainted oil painting abstract style

NIRAN PAIJIT

NIRAN PAIJIT
ORIGINAL ABSTRACT STYLE OIL PAINTING BY NIRAN PAIJIT

Chavalit (Pong)

Chavalit (Pong)
PINTO Horses

Komez 78 (22x30)

Komez 78 (22x30)
Original handpainted pastel painting on paper

KOMES

KOMES
Handpainted pastel painting by Komez

PRATHOUN

PRATHOUN
ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING BY PRATHOUN

THAVORN IN-AKORN

THAVORN IN-AKORN
ORIGINAL OIL PAINTING BY THAVORN IN-AKORN (SIZE 20x30")

THAVORN IN-AKORN

THAVORN IN-AKORN
Original oil painting by Thavorn In-akorn

Facebook


ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING

PHOTO GALLERY

PHOTO GALLERY

Facebook

PHOTO GALLERY