วัดฝอกวงซาน ทำ animation เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า ผู้จัดทำเผยแพร่เมื่อ 4 พ.ค. 2014
วันวิสาขะบูชาปุณณมี
วิสาขะบูชาปุณณมีดิถีเลิศ วันประเสริฐอันสำคัญวันศาสน
มีนิมิตเกิดเหตุการณ์พระศาส
ปีจอกลางเดือน 6 วันเพ็ญเห็นประจักษ์ ถิ่นพำนักลุมพินีวันอันสรรเ
สิริมหามายาครบทศมาสครรภ์เจ
ใต้ต้นรังมีอัศจรรย์พลันปรา
เปล่งวาจาจากพระโอษฐ์พระทศพ
"เราเป็นผู้เจริญจริงยิ่งใน
อันชาตินี้เป็นที่สุดหยุดเก
ล่วงลุกาลนานหลายปีในปีวอก นับแต่ออกผนวชบวชหาหน
พระศาสดาทรงศึกษาหาด้วยตน หวังหลุดพ้นในวัฏฏะอนิจจา
ครั้นเดือน 6 วันเพ็ญทรงเห็นรู้ พระสัพพัญญูทรงตรัสรู้ลู่เห
หลังบำเพ็ญละสุขทรงทุกข์กิร
ทรงบำเพ็ญสมาธิจนผลิอภิญญา ด้วยปัญญาจนแจ้งจิตคิดแตกฉา
บรรลุธรรมซึ่งพระสัมมาสัมโพ
หลังประกาศเผยแพร่แก่เวไนยช
นับแต่ได้ทรงโปรดแสดงปฐมเทศ
ทรงประกาศพรหมจรรย์อันสมบูร
ลุล่วงมาสี่สิบห้าพรรษามรณา
ทรงได้ปัจฌิมโอวาทประสาทประ
ไม่คงทนย่อมเสื่อมได้ตามธรร
พระพุทธองค์ทรงฌานหลังตรัสส
หลังจากนั้นทรงดับขันธ์นิรั
เมื่อปีมะเส็งวันอังคารกาลเ
ทรงปรินิพพานตามกาลนานสืบมา
วันวิสาขบูชาตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 และเป็นวันที่พระพุทธเจ้าปร
ก่อนท
แต่การที่จะบำเพ็ญบารมีทั้ง
พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันของ
ไม่ใช่เฉพาะจะต้องใช้ความอด
คำตอบ คือ “ไม่ใช่” ค่ะ พระพุทธองค์เคยทรงเล่าเรื่อ
การที่จะสั่งสมบารมีให้เพีย
พระพุทธองค์เคยทรงเปรียบเที
และการเสียสละได้แม้แต่ชีวิ
พระองค์ยอมสละแม้แต่ชีวิตขอ
แม้ยามเป็นเจ้าชายสิทธัตถะผ
แม้แต่ยามที่กำลังจะเสด็จปร
เมื่อเวลานานแสนนานมาแล้ว มีชายหนุ่มผู้หนึ่งยืนอยู่ท
เส้นทางไปสู่ความเป็น “สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เรายังคงสัมผัส “ความรัก” ของพระพุทธองค์ได้อย่างเป็น
32ข้อประเมินตนเองว่า“ตื่นรู้” มากแค่ไหน
หลายคนถามผมว่าฝึกสติไปแล้ววัดผลยังไง ผมก็ขอ อธิบาย ง่ายๆเป็นข้อๆ เป็น checklist ง่ายๆ นะ นี่แหละ Key Behavior Indicator
๑) มีแนวโน้มที่จะ สดใสขึ้น ใจว่างๆ โล่งๆ (ใจดี หรือ ดีใจ ไม่เหมือน ใจโล่งๆ นะ) ไม่อมทุกข์ ไม่หน้าบึ้ง
๒) มีแนวโน้มที่จะ ยิ้มง่ายขึ้น ยิ้มให้คนอื่นก่อน ไม่ต้องรอให้คนอื่นยิ้มให้ก่อน
๓) มีแนวโน้มที่จะ ไหว้คนอื่นได้ก่อน ไม่มีข้อแม้ว่า ใครต้องไหว้ใครก่อน
๔) มีแนวโน้มที่จะ ถ่อมตน ไม่เจ้ายศ ไม่เจ้าอย่าง ง่ายๆ ติดดิน
๕) มีแนวโน้มที่จะ รับผิดชอบงานมากขึ้น ไม่อ้าง ไม่หนี อดทน ยอม
๖) มีแนวโน้มที่จะ มีเมตตามากขึ้น ใช้เมตตาธรรมนำหน้าเหตุผล
๗) เมื่อได้ยินเรื่องราวใดๆ ก็มีแนวโน้ม ที่จะ ดู สังเกต มากกว่าที่จะ ด่วนวิจารณ์ ด่วนออกอาการ ด่วนออกอารมณ์ แม้นจะโดนด่า โดนเข้าใจผิด ก็ยัง อดทน ควบคุมตนเองได้ ง่ายๆ ปล่อยๆ ไม่เอาเรื่อง ไม่เอาก็ได้
๘) มีแนวโน้มที่จะ เปิดโอกาสผู้อื่นพูดมากขึ้น ฟังมากขึ้น ไม่ด่วน “สวนกลับ” ไม่ด่วน “หักคอ” ไม่ด่วนสรุป ไม่ด่วนฟันธง ไม่แทรกแซงขณะคนอื่นกำลังพูด อัตราการเต้นของหัวใจปกติ ไม่ตูมตาม เมื่อโดนคนอื่นด่า
๙) มีแนวโน้มที่จะ ยอมรับ เปิดใจ ยอมรับ ความคิดเห็นที่แตกต่างได้ รับฟังอีกมุมมองได้
๑๐) มีแนวโน้มที่จะ ขยันๆ และ ”กล้า” ลงมือทำ ในเรื่องที่ดี เป็นกุศล ต่างๆ ทันที โดยไม่มีข้อแม้น ไม่เอาเรื่องในอดีตมาทำให้สะดุดในการที่จะทำ ไม่เอาเรื่องในอนาคตมาหยุดตนเอง ทำตามเป้าหมายได้ ไม่วอกแวก รู้จัก focus
๑๑) มีแนวโน้มที่จะ หันไป กตัญญู พ่อแม่ ไปหา ไปดูแล ไปคุย กับผู้มีพระคุณมากขึ้น ครูเก่า เจ้านายที่เคยช่วยสอน ผู้มีอุปการะคุณ ฯลฯ
๑๒) มีแนวโน้มที่ สัตว์เลี้ยงต่างๆ จะเดินเข้ามาหา เพราะคนที่ใจสงบ ตื่นรู้ บรรดาสัตว์ในธรรมชาติ เขาจะ รับรู้
๑๓) มีแนวโน้มที่จะ ไม่เมาบุญ ทำได้ก็ทำ ทำไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร
๑๔ )มีแนวโน้มที่จะ ”ให้” บริจาค จิตอาสา ทำเพื่อส่วนรวม มากขึ้น
๑๕) มีแนวโน้มที่จะ รู้สึกว่าตนเอง เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ รู้สึกว่า ผู้คนกับตัวเอง เป็นเนื้อเดียวกัน ไม่รู้จะทำลายกันไปทำไม
๑๖) มีแนวโน้มที่จะคบ บัณฑิต หลวงปู่ หลวงพ่อ ที่ดีๆ มากขึ้น ไปหา ไปฟังธรรมจากท่าน ตามโอกาส
๑๗) มีแนวโน้มที่จะ ห่างไกลคนพาล อบายมุข
๑๘) มีแนวโน้มที่จะ รักษาศีล๕มากๆ ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ขโมย ไม่ผิดกาม ไม่โกหกหลอกลวง ไม่ทานของมึนเมา
๑๙) มีแนวโน้มที่จะ ชื่นชม (Appreciation) ผู้คน ยินดีที่คนอื่นได้ดี หรือ มี มุทิตา นั่นเอง
๒๐) มีแนวโน้มที่จะ ไม่นินทาใคร ไม่ทำให้ใครแตกแยก ชวนให้คนสามัคคีกัน
๒๑) มีแนวโน้มที่จะ ไม่กังวล หลับสบาย หลับง่าย
๒๒) มีแนวโน้มที่จะ ไม่ฝันร้าย เช่น ในฝันไม่รู้สึกวิ่งยากลำบาก ก้าวขาไม่ออกอีกต่อไป ไม่ฟันว่าฟันหัก ไม่ฝันว่า กลับไปเป็นเด็กแล้วเครียดก่อนสอบ อีก
๒๓) มีแนวโน้มที่จะฝันดี เช่น เจอพระ เจอคนดีๆ ตื่นขึ้นมาแล้วสดชื่น มีความสุข
๒๔) มีแนวโน้มที่จะ นึกอะไร อยากได้อะไรที่ดีๆ เป็นกุศล ไม่นานก็จะได้ หรือ มีคนเอามาให้
๒๕) มีแนวโน้มที่จะยอมคน เช่น ยอมให้แซงคิว ยอมให้เอาเปรียบ ยอมให้ต่อว่า ฯลฯ
๒๖)มีแนวโน้มที่จะ ไม่ด่วน ”ประเมิน” ตัดสิน ตัดเกรด แบ่งแยก พิพากษา (judgement) ผู้คน ห้อยแขวน (suspend) เอาไว้ก่อน ดูมากขึ้น เผื่อคาดไม่ถึงบ้าง
๒๗) มีแนวโน้มที่จะ รักผู้คนแบบไม่มีเงื่อนไข (Unconditional love) ไม่หวังผล ให้ก็คือให้ ไม่มีข้อแม้น ไม่อิจฉา ไม่ริษยา
๒๘)มีแนวโน้มที่จะ รู้จักสติที่ฐานกาย ใช้ “กายรู้กาย” ได้มากขึ้น นานขึ้น ต่อเนื่องมากขึ้น รู้ๆทุกก้าว ทุกอิริยาบท
๒๙)มีแนวโน้มที่จะ ”จับ” ความรู้สึก ที่ “ใจ” ของตนเองได้ รู้ว่าใจกุศล อกุศล
๓๐)มีแนวโน้มที่จะ “แยกแยะ” จิต กับ ความคิด ได้ รู้จักความคิดจร ( ความคิดนอกแผน ความคิดที่ไม่ได้ตั้งใจคิด ความคิดที่ชวนไปเละเทะ ฟุ้งซ่าน ออกนอกทาง ฯลฯ) เป็น นีโอ ที่ สามารถจับกระสุนความคิด ที่ กิเลสยิงใส่มาได้
๓๑) มีแนวโน้มที่จะ กลับไปอ่าน หนังสือธรรมะ แล้ว เข้าที่ “ใจ”มากขึ้น ร้อง “อ๋อ” มากขึ้น
๓๒) ไม่กลัวตาย สิ้นข้อสงสัย และ ไม่งมงายในศีลภายนอก
ในการหัดเดินด้วยสติให้เริ่มจากการยืนด้วยสติเล่าจื๊อกล่าวไว้ว่า “การเดินทางระยะหมื่นลี้นั้
การ “เดินด้วยสติ” เป็นวิธีดีที่สุดวิธ
ดังนั้น ประโยชน์ที่เราจะได้รับทันท
นอกจากนี้ การเดินด้วยสติยังมีประโยชน
พระพุทธองค์ทรงกล่าวรับร
1) ผู้ที่หมั่นเดินด้วยสติเป็น
2) การเดินด้วยสติก่อนนั่งสมาธ
3) ช่วยการไหลเวียนของโลหิตและ
4) ช่วยระบบการย่อยอาหารและช่ว
5) สมาธิที่เกิดจากการเดินด้วย
ดังนั้นทุก ๆ ก้าวของท่านที่ก้าวด้วยสติจ
1) เริ่มด้วยเส้นทางสั้น ๆ ก่อนค่ะ เลือกเส้นทางสั้น ๆ ที่ท่านเดินเป็นประจำจากจุด
2) ใช้เป็นการเดินออกกำลังกาย ลองเดินแบบไม่ฟังเพลงดูบ้าง แล้วกำหนดสติเปิดประสาท
3) ใช้เมื่อเวลาต้องเดินผ่านเส
ขอให้ทุกท่านมีความสุข ได้กุศล และได้เห็นธรรมจากการเดินด้