มีอยู่ว่า อะไรที่คุณคิดถึงอย่างจดจ่อ สิ่งนั้นจะเกิดขึ้นกับคุณ
อะไรที่คุณจดจ่อ คุณจะได้รับสิ่งนั้น
อะไรคือสาเหตุที่คนกลุ่มน้อย เจริญรุ่งเรือง ร่ำรวย มั่งคั่ง??????
คำตอบคือ...พวกเขาดึงดูดทุกสิ่งที่เขาต้องการ จากพลังในตัวเอง
พลังดึงดูดคือ...พลังแห่งเจตนารมณ์ของบุคคล เป็นพลังที่เกิดจากความคิด-ความฝัน ความปราถนา อย่างมุ่งมั่น แรงกล้า ที่คิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า อย่างต่อเนื่องยาวนาน จนเกิดเป็นขุมพลังเข้มข้นแล้วเกิดการสั่นสะเทือน ออกไปดึงดูดเหตุการณ์ ผู้คน สิ่งของ หรือปัจจัยต่างๆที่เป็นองค์ประกอบของเรื่องราวที่จะนำมาซึ่งผลลัพท์ ตามที่เจ้าจองเจตนารมณ์ต้องการ เช่น ความบังเอิญ ความโชคดี ความสะดวก โอกาส ข้อมูล คำแนะนำ สัญชาตญาณ ลางสังหรณ์ อื่นๆ เป็นสนามพลังแห่งเจตนารมณ์...จะดึงดูดทุกสิ่ง ทุกเหตุการณ์ ที่คุณหมกมุ่น ครุ่นคิด หรือรับเข้าไว้ในจิตสำนึก โดยจะดึงดูดทุกเรื่องมาแปรสภาพ ให้เกิดขึ้นจริงเป็นรูปธรรมต่อชีวิตของคุณไม่ว่าจะเป็นเรื่องดี- เรื่องร้าย ที่พึงประสงค์หรือไม่พึงประสงค์ ดังนั้นจงอย่าคิดถึงเรื่องร้ายๆ ความคิดทางด้านลบ ความพ่ายแพ้ ยากจน ไม่สำเร็จ ไม่ดี เป็นอันขาด จงคิดถึงสิ่งดีๆ ความสำเร็จ เราทำได้ ร่ำรวย หล่อ ดี สวย เก่ง โชคดี เคล็ดลับง่ายๆที่เกิดมาพร้อมจักรวาล...
หากคุณต้องการโชคดีประสบความสำเร็จบรรลุเป้าหมาย
1. ต้องคิดแต่เรื่องดีๆ พูดแต่เรื่องดีๆ...หลีกเลี่ยงการซุบซิบนินทา กล่าวร้ายผู้อื่น เลิกบ่นและตำหนิ อย่างเด็ดขาด..
2. จินตนาการ(วิชวลไลเซชั่น) Visualization การจินตนาการจนเห็นภาพชัดเสมือนเป็นจริง เป็นขั้นตอนที่สำคัญมากๆ ทุกความสำเร็จเริ่มต้นจากจุดนี้ทั้งสิ้น....
กฎข้อนี้มีอยู่ว่า : คุณจะเป็น คุณจะได้รับ หรือประสบกับทุกๆสิ่ง เหมือนกับที่คุณหลับตานึกถึงภาพ-เห็นภาพบ่อยๆ...คุณจะกลายเป็นสิ่งที่คุณคิดอยู่ทุกวันตลอดเวลา..แต่.....ไม่ใช่ ฝันหรือจินตนาการแบบลมๆ แล้งๆ แบบคนใจเหม่อลอย...แต่.....ต้องเป็นความต้องการมี ต้องการเป็น ต้องการได้มา อย่างมุ่งมั่นแท้จริง แบบมีพลังเข้มข้นตลอดเวลา และต่อเนื่องยาวนาน และต้องลงมือกระทำตามลางบอกเหตุหรือสัญญาณที่เปิดเผยออกมา
*การใช้กฎแห่งการดึงดูด : จะต้องออกคำสั่งที่จดจ่อ ชัดเจน แล้วจักรวาลจะส่งของขวัญชิ้นพิเศษมาให้คุณอย่างแน่นอน..
3. ทุกอย่างที่คุณร้องขอ....คุณจะได้สิ่งนั้น...
เคท คอร์บิน (ที่ปรึกษาความสำเร็จแห่งสถาบันโกลด์สตาร์โคชชิ่ง) พบว่าการทำงานเกี่ยวกับกฎแห่งการดึงดูดนั้น ง่ายมาก..เพียงแค่..จินตนาการถึงมัน..แล้วสร้างความรู้สึกให้เข้าไปสัมผัสกับเหตุการณ์นั้น..เสมือนว่า...มันเกิดขึ้นแล้วจริงๆ...เท่านี้พลังดึงดูดก็ทำงาน
Think + Feel =Attract ( ฝัน + รู้สึก = ดึงดูด)
หลักการทำงานของกฎแห่งการดึงดูด ของ เคท คอร์บิน ในขณะที่คุณ คิด คุณจะมี ความรู้สึก ในขณะที่คุณรู้สึกจะเกิด "พลังสั่นสะเทือน" เมื่อมีการสั่นสะเทือน ก็จะเกิด พลังดึงดูด คุณสามารถ สร้างสรรค์ชีวิตได้ทุกอย่างตามความฝัน อย่างไร้ขีดจำกัด-ไม่มีขีดจำกัด
4. ขจัดสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ในชีวิต
5. ติดต่อกับจิตใต้สำนึก โดยการสะกดจิตตนเอง
- คนเราจะทำอะไร ได้ หรือ ไม่ได้ เริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการ บอกตัวเองก่อน
- หากมีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า ปราศจากความลังเลสงสัย มีความเชื่อว่า ทำได้ จนความเชื่อนั้น ฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกเมื่อใด เมื่อนั้น...เราสมารถทำทุกอย่างได้สำเร็จ...
-หากจิตมุ่งมั่นแล้วจะสร้างพลังมหาศาลให้ร่างกาย และสามารถทำอะไรก็ได้
-หลักการคือ..ให้กล่าวกับตัวเองซ้ำๆ ถ้อยคำเดิมๆ ด้วยอารมณ์มั่นใจสุดขีด โดยทำให้ร่างกายตื่นพร้อม และระบบประสาทยอมรับแล้ว...
การใช้จิตใต้สำนึกสร้างความสำเร็จ/สร้างพลังดึงดูดโชคลาภและความร่ำรวย
1. ให้เขียนเป้าหมาย หรือสิ่งที่ต้องการมากที่สุด อ่านคนเดียวดังๆอย่างมีสมาธิว่าเราต้องการอะไร? โดยระบุวันเวลาที่ต้องการ อ่านด้วยอารมณ์เข้มข้น จริงจัง ให้ระบบประสาทตื่นเต้น กระตือรือร้น (ทำวันละ 2 ครั้ง หลังจากตื่นนอน / และก่อนนอน)
2. ก่อนเข้านอนทุกคืนทำสมาธิโดยนอนหงาย มือทั้งสองข้างแนบลำตัว หลับตา หายใจเข้าออก-ลึก-ยาว-สม่ำเสมอ เมื่อรู้สึกผ่อนคลายมากๆ ให้นึกถึงสิ่งที่เขียนไว้...ว่าเป็นจริง และตัวเราครอบครองสิ่งนั้นจริง...พร้อมยิ้มๆๆอย่างมีความสุขอย่างที่สุด...ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆจนหลับไปในที่สุด...
- นี่คือกระบวนการติดต่อกับจิตใต้สำนึกโดยตรง และจะส่งผลลัพธ์ที่คุณคาดไม่ถึงให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
แจ็ค แคนฟิลด์ (หนึ่งในผู้แต่งหนังสือขายดีทั่วโลก Chicken Soup For The Soul) ได้ใช้หลักการนี้จนประสบความสำเร็จในอาชีพ ภายในระยะเวลาสั้นๆ อย่างเหลือเชื่อ ยืนยันตลอดมาว่า การติดต่อกับจิตใต้สำนึกเป็นเรื่องสำคัญมาก และความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้จริงก็ต่อเมื่อ ต้องจดจ่อ ครุ่นคิดถึงเป้าหมายตลอดเวลาเท่านั้น โดยทำดังนี้
1. ตัดสินใจให้แน่นอน ว่าอะไรคือสิ่งที่คุณต้องการ.....
2. ระบุเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงลงไปให้ชัดเจน เป้าหมายใดที่ต้องการบรรลุเร่งด่วนในเวลานี้
3. สร้างพลังจินตนาการว่า สิ่งนั้นได้เกิดขึ้นแล้ว นึกหรือหลับตามองเห็นภาพตัวเองกำลังอยู่ในเหตุการณ์ที่ประสบความสำเร็จนั้น แล้วรู้สึกมีความสุขกับสิ่งนั้นอย่างเต็มที่
4. ลงมือทันที คือ ทำอะไรบางอย่างที่จำเป็น เพื่อเดินทางไปสู่เป้าหมาย....
5. ให้ตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้น จากการลงมือทำอย่างมีสติ
6. ห้ามล้มเลิกความตั้งใจอย่างเด็ดขาด
ท้าพิสูจน์ด้วยตัวเอง ให้ปฏิบัติดังนี้...พุ่งพลังความคิดไปยังสิ่งที่คุณต้องการจริงๆ หลีกเลี่ยงการคิดถึงสิ่งที่ไม่ต้องการ เพียงเท่านี้ความสำเร็จก็เดินทางมาสู่ท่านแล้ว......
ขั้นตอนของการสร้างพลังดึงดูด
1. สร้างพลังแห่งจินตนาการ : รู้ไหมว่า ความคิดคือพลังงานอันมหาศาล จงคิดและพูดแต่สิ่งที่ดีๆ หลีกเลี่ยงการนินทาว่าร้าย (คำพูดร้ายๆ จะนำสิ่งร้าย ๆ เข้ามาสู่ตัวเรา) จงจินตนาการถึงความสำเร็จที่เราต้องการ สร้างเป็นภาพในใจหรือนำภาพที่เราต้องการมาให้เราเห็นอยู่ตลอดเวลา
2. ติดต่อกับจิตใต้สำนึกด้วยการสะกดจิตตัวเอง : เราจะทำอะไรไม่ได้เลย ถ้าเราไม่บอกตัวเองและมีพลังอย่างแรงกล้าที่จะเชื่อว่า เราทำได้ จนความคิดนี้ฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกของเรา เมื่อความคิดนั้นอยู่ในจิตใต้สำนึกแล้ว จากนั้นเราจะสามารถทำได้ทุกอย่างที่เราต้องการ
3. ชำระความคิด คำพูด และการกระทำอย่างสิ้นเชิง : ความคิด คำพูด การกระทำทุกสิ่งส่งผลโดยตรงต่อตัวเรา คนรอบข้าง ครอบครัว สังคม ประเทศ โลก รู้ไหมว่า เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว ทุกการกระทำ ความคิด คำพูดจะส่งผลต่อภาพรวมของโลก รู้อย่างนี้แล้ว ต้องคิด พูด และทำสิ่งที่ดีที่สุดเท่านั้น สิ่งดี ๆ จึงจะเกิดขึ้น
4. ขจัดความสงสัย : อย่าสงสัย คลางแคลงใจเลยว่าจะเป็นไปได้หรือ จริงหรือ ให้รู้เถอะว่าเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ที่สุด คือ การเกิดมาเป็นคนบนโลกนี้ ก็เกิดขึ้นแล้ว ดังนี้ ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่วันนี้ก็ต้องเป็นสักวันหนึ่ง ต้องเป็นไปได้
5. หลีกเลี่ยงการถูกสะกดจิตจากสภาพแวดล้อม : คำพูด ความคิด การกระทำโดยตัวเราที่ต้องระวังที่สุดแล้ว ยังต้องระวังคำพูด ความคิด และการกระทำด้านลบจากผู้คน สิ่งแวดล้อม ข่าวสาร หนังสือแย่ๆ ทุกสิ่งรอบตัวส่งผลกับเราทั้งสิ้น ต้องฉลาดที่จะเลือกเสพ สิ่งไม่ดีจะรับเข้ามาทำไมกัน
6. ปล่อยวาง : เมื่อทำดี คิดดี พูดดีแล้ว เราต้องปล่อยวาง เพื่อให้โอกาสกับพลังดึงดูดของเราให้มันทำงาน ยิ่งปล่อยวางเราจะยิ่งมีพลัง หายใจลึก ๆ ช้าๆ เราจะมีสมาธิ
7. ฉลองความสำเร็จ : ต้องรู้จักสร้างความชื่นชมตัวเองกับความสำเร็จทุกวันเพราะ Success Built Successes นั่นคือความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ จะนำมาซึ่งความสำเร็จยิ่งใหญ่ ยังมีวิธีหากำไรง่ายๆที่แสนดี คือต้องรู้จักให้กำลังใจคนอื่นและชื่นชมคนอื่น แค่นี้ในแต่ละวันเราก็ได้ชื่นชมความสำเร็จมากมาย จนนับไม่ถ้วนแล้ว ทั้งยังเป็นการสร้างความสุขกับตัวเองและผู้อื่น เมื่อคนใกล้ตัวเรามีความสุข ก็ส่งผลให้เรามีความสุขด้วย
อ้างอิง วิศิษฐ์ ศรีพิบูลย์ Law of Attraction พลังเนรมิต
- ในตัวคุณมีพลังดึงดูดที่สามารถเนรมิตทุกสิ่งที่คิดให้กลายเป็นความจริงได้........
- คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่า...ทำไมคนประสบความสำเร็จส่วนใหญ่จึงเชื่อมั่นในการสวดมนต์...ทราบไหมว่าคนร่ำรวย คนมีอำนาจ หรือข้าราชการระดับสูงจำนวนไม่น้อย นิยมการสวดมนต์เป็นประจำ พวกเขาเหล่านั้นได้อะไรจากการสวดมนต์? คงไม่ใช่ความสบายใจอย่างเดียวแน่ !!!
- การใช้พลังดึงดูดด้วยวิธีการง่ายๆ แต่ได้ผล คุณจะพบเรื่องดำมากมายที่จะบอกหนทางแก้ปัญหาทุกๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นความเจ็บป่วย ความผิดหวังในความรัก ปัญหาการงาน หรือความทุกข์ยากต่างๆ เพื่อบรรลุผลในสิ่งที่คุณต้องการ
Credit : www.212cafe.com
Link : http://www.212cafe.com/board/webboardInfo/group_id/141/id/4f0b15f0846567b822008765
โลกนี้เป็นเพียงเส้นทางที่เ
" ความเบื่อที่เป็นประโยชน์ "
มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ทุกค นเกิดความเบื่อขึ้นได้ เช่นเบื่อคน เบื่อชีวิต สภาพแวดล้อม ความไม่สมหวัง การงาน ความจำเจซ้ำซาก เป็นต้น ความเบื่อบางอย่างก็แก้ไขได ้ บางอย่างก็จำต้องทนต่อไปเพื ่อประโยชน์ในวันข้างหน้า มีวิธีแก้ความเบื่อได้อย่าง ดีเยี่ยม คือ การเจริญสติภาวนา ซึ่งหมายถึงการมีสติเพ่งรู้ อยู่กับปัจจุบัน
ขณะหนึ่งๆ เช่นเพ่ง ลมหายใจเข้าออกในขณะปัจจุบั นนั้นๆ หรือถ้ากำลังเดินอยู่ก็มีสติเพ่งรู้ กับการเดินและอาจมีคำบริกรร มในใจประกอบไปด้วยก็ได้ตามจ ังหวะก้าวเท้าขวาบริกรรมในใจว่า" พุท" ก้าวเท้าซ้ายบริกรรมในใจว่า "โธ" เช่นนี้เรื่อยไปหรือขณะมีอิ ริยาบถใดๆก็ตาม ก็มีสติตามเพ่งรู้เช่นนี้ตล อดเวลาที่นึกได้ การปฏิบัติอย่างนี้นอกจากจะ สามารถขจัดความรู้สึกเบื่อข จัดอารมณ์ที่ ไม่ดีใดๆได้แล้ว ยังสร้างความสุขให้กับจิตใจ ในขณะเดียวกันด้วย และยังมีอานิสงส์มีผลมากในท างธรรมด้วยหากปฏิบัติอย่างต ่อเนื่องอยู่เป็นประจำ คือจะเป็นผู้ที่มีสติสัมปชั ญญะ มีสมาธิและเกิดปัญญารู้เห็น ตามเป็นจริงจนสามารถบรรลุ โลกุตตรธรรมได้ดังที่พระพุท ธองค์ตรัสสอนไว้ในหัวข้อธรร มชื่อว่า "สติปัฏฐาน ๔"
" โลกที่เราอยู่เราวาดขึ้นเอง "
จิตมีอานุภาพยิ่งใหญ่มาก มีคำกล่าวในพระธรรมบทว่า “ธรรมทั้งหลายมีใจนำหน้า มีใจเป็นใหญ่ และสำเร็จขึ้นด้วยใจ” ดังนั้น การฝึกจิตเพื่อให้เราเป็นนา ยของจิต ไม่ใช่ให้จิตมาเป็นนายเรา จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต ่อการปฏิบัติธรรม
นอกจากนี้ จิตใจยังเป็นตัวกำหนดการรับ รู้ของเรา และจริงๆแล้วเป็นตัวกำหนดว่ า โลกที่เราอาศัยอยู่นี้เป็นอ ย่างไร หากเรามีจิตใจที่ดี ก็แน่นอนว่าโลกและสิ่งแวดล้ อมของเราจะไปในทางที่ดี แต่หากจิตใจของเราไม่ดี เช่น ตกอยู่ในอำนาจของกิเลส ก็จะทำให้เราตกอยู่ในโลกและ สิ่งแวดล้อมที่ไม่ดี ไม่พึงปรารถนา
แต่จิตวิญญาณมันต้องอยู่ที่ เดิมตลอดเวลา เสมือนกระจกตั้งอยู่กับที่ แต่คนส่องมาใช้แล้วก็จากไป
... เพราะฉะนั้น ให้เก็บรักษาความรู้สึกตัวท ั่วพร้อมให้สะอาดชัดเจนไว้เ สมอ อย่าปล่อยให้ความคิดสกปร กบางเรื่องตกค้างในจิตนานเก ินไป....
เหมือนคนส่องกระจกบางคน แต่งหน้าแล้วลืมทำความสะอาด กระจกบางคราว ที่เศษเครื่องสำอางกระเด็นม าเปรอะเปื้อน เพราะความเผลอเรอ...
...พระมหาดิเรก พุทธยานันโท...
มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ทุกค
ขณะหนึ่งๆ เช่นเพ่ง ลมหายใจเข้าออกในขณะปัจจุบั
" โลกที่เราอยู่เราวาดขึ้นเอง
จิตมีอานุภาพยิ่งใหญ่มาก มีคำกล่าวในพระธรรมบทว่า “ธรรมทั้งหลายมีใจนำหน้า มีใจเป็นใหญ่ และสำเร็จขึ้นด้วยใจ” ดังนั้น การฝึกจิตเพื่อให้เราเป็นนา
นอกจากนี้ จิตใจยังเป็นตัวกำหนดการรับ
จิตเป็นเสมือนกระจก
ธรรมชาติของจิตวิญญาณก็เหมื อนกับกระจก
จิตทำหน้าที่เป็นตัวกระจก
ความคิดก็เป็นเหมือนแขก ที่แวะเวียนมส่องกระจก คนส่องจะสนใจที่กระจก หรือสนใจที่ใบหน้าตัวเองที่ อยู่ในกระจกกันเท่านั้น ...
ฉันใด เราให้ความ สนใจความคิดกันมากกว่าสนใจค วามรู้สึกตัว
จิตจึงเป็นกระจก มันเป็นเพียงเครื่องมือที่ส ะท้อนความคิดที่มากระทบแต่ล ะครั้งเท่านั้นเอง
จิตก็ทำหน้าเช่นเดียวกันกับ กระจก ซึ่งจะสะท้อนภาพของรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ความคิด และอารมณ์ที่มาปรากฏเฉพาะหน ้า และกระทบในขณะหนึ่งๆ เท่านั้น
คนที่ไม่ได้ศึกษา ไม่ได้ฝึกฝนให้รู้จักความจร ิงในเรื่องธรรมชาติของอายตน ะภายใน และอายตนะภายนอกมาก่อน จึงไปสำคัญมั่นหมายความคิดห รือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นแต ่ละครั้งว่าเป็นเรา เป็นตัวตนของเรา ภาษาปริยัติเรียกความคิดที่ ปรากฏว่า นามรูป (สังขารจิต) และเรียกความรู้สึกตัวว่า รูปนาม (จิตวิญญาณ)
เพราะฉะนั้น ความรู้สึกตัวจึงเป็นเสมือน ตัวกระจก ส่วนความคิดและอารมณ์ต่างๆ ที่มาปรากฏกับใจ ที่ใจรับผ่านเข้ามาเป็นรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส และอารมณ์ที่สัมผัสเข้ามา ก็เหมือนคนเดินมาส่องดูกระจ กนั้นเอง
ดังนั้น สัจธรรมด้านปรมัตถ์ ถ้าเข้าใจตามรูปธรรมที่ยกมา นี้ จึงไม่ใช่เรื่อง ยากเกินไปที่จะเข้าใจเลย แต่เพราะไม่สนใจจะศึกษาให้ร ู้จักธรรมชาติด้านนี้ จึงหลงเข้าใจผิดคิดว่าปรากฏ ที่ในกระจกแห่งจิต นั้นเป็นตัวตนของเราจริงๆ ความจริงก็คือปฏิกิริยาสะท้ อนกลับของนามรูปที่เกิดขึ้น เฉพาะเวลานั้นเท่านั้น
...ความรู้สึกตัวทั่วพร้อมค ือจิตเดิมแท้....
ดังนั้น อย่าไปสงสัยให้เสียเวลาเลย ความรู้สึกตัวทั่วพร้อมที่ส ัมผัสได้แบบซื่อๆ ตรงๆ นี่แหละ คือพุทธจิตหรือจิตเดิมแท้ ที่มีติดตัวมาแต่เกิด
เป็นสภาวธรรมพื้นฐานของชีวิ ตทุกตัวตน เป็นจุดเริ่มต้น และเป็นจุดสุดท้าย ที่เกิดและดับสลับกันไปทุกข ณะ
หน้าที่ของเราผู้ปฏิบัติ ก็คือพยายามตามรู้ เฝ้าดูความรู้สึกตัวนี้ไปเร ื่อยๆ และพยายามตามดูอาการของจิต และความคิดให้ชัดเจนอยู่เสม อว่า มันไม่ใช่สิ่งเดียวกัน
ความคิดมันมาแล้วก็ไป
ธรรมชาติของจิตวิญญาณก็เหมื
จิตทำหน้าที่เป็นตัวกระจก
ความคิดก็เป็นเหมือนแขก ที่แวะเวียนมส่องกระจก คนส่องจะสนใจที่กระจก หรือสนใจที่ใบหน้าตัวเองที่
ฉันใด เราให้ความ สนใจความคิดกันมากกว่าสนใจค
จิตจึงเป็นกระจก มันเป็นเพียงเครื่องมือที่ส
จิตก็ทำหน้าเช่นเดียวกันกับ
คนที่ไม่ได้ศึกษา ไม่ได้ฝึกฝนให้รู้จักความจร
เพราะฉะนั้น ความรู้สึกตัวจึงเป็นเสมือน
ดังนั้น สัจธรรมด้านปรมัตถ์ ถ้าเข้าใจตามรูปธรรมที่ยกมา
...ความรู้สึกตัวทั่วพร้อมค
ดังนั้น อย่าไปสงสัยให้เสียเวลาเลย ความรู้สึกตัวทั่วพร้อมที่ส
เป็นสภาวธรรมพื้นฐานของชีวิ
หน้าที่ของเราผู้ปฏิบัติ ก็คือพยายามตามรู้ เฝ้าดูความรู้สึกตัวนี้ไปเร
ความคิดมันมาแล้วก็ไป
แต่จิตวิญญาณมันต้องอยู่ที่
... เพราะฉะนั้น ให้เก็บรักษาความรู้สึกตัวท
เหมือนคนส่องกระจกบางคน แต่งหน้าแล้วลืมทำความสะอาด
...พระมหาดิเรก พุทธยานันโท...