วันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2557
เคลียร์ก่อนยกเครื่อง "พลังงานไทย" เพื่อความยั่งยืน
ตอบโจทย์ Thai PBS : "เคลียร์ก่อนยกเครื่อง" พลังงานไทยเพื่อความยั่งยืน (2) (11 มิ.ย.57)
ASTVผู้จัดการออนไลน์ - นักธุรกิจต่างชาติเจ้าของโรงแรมและร้านอาหารชื่อดังในไทย ตำหนิสื่อต่างประเทศรายงานสถานการณ์รัฐประหารเกินจริง บิดเบือน สร้างความหวาดกลัวและเข้าใจผิด อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเสียหาย ยืนยันประเทศไทยยังคงสงบ และยังดำเนินธุรกิจตามปกติ เรียกร้องให้สื่อสร้างความเข้าใจถูกต้องและชัดเจน และขอให้รัฐบาลประเทศต่างๆ ประเมินคำเตือนการเดินทางให้สะท้อนสถานการณ์จริง เชื่อไทยอยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลงและปฏิรูปขนานใหญ่
วานนี้ (11 มิ.ย.) นายวิลเลียม อี. ไฮเน็ค ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ในฐานะพลเมืองไทยที่เกิดในประเทศสหรัฐอเมริกา ที่พำนักในประเทศไทยมา 51 ปี ได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึงเอกอัครราชทูตประจำสถานทูตในประเทศไทย และสื่อต่างประเทศ โดยแสดงความกังวลเกี่ยวกับการตีความสถานการณ์การรัฐประหารที่เกิดขึ้นในไทย โดยกลุ่มประเทศตะวันตกบางประเทศ โดยเห็นว่าแม้การรัฐประหารไม่ใช่เรื่องที่ดี แต่เป็นเพราะปัญหาทางตันในทางการเมืองและสังคมถึงจุดที่ไม่สามารถเดินต่อไปได้ และทวีความรุนแรงถึงขั้นสูญเสียชีวิต เมื่อสถานการณ์บานปลาย ไม่มีฝ่ายการเมืองฝ่ายใดยอมประนีประนอม ขณะที่ประชาชนชาวไทยต้องสูญเสียเลือดเนื้อ ตกอยู่ในความเครียด เผชิญกับสภาพเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง เมื่อไม่มีทางออกที่สมเหตุสมผลแล้ว กองทัพไทยจึงยื่นมือเข้าคลี่คลายสถานการณ์ดังกล่าว การที่คนนอกประเทศมองเหตุการณ์นี้เพียงแค่การปะทะกันระหว่างผู้ประท้วงที่ถือข้าง และต่อต้านประชาธิปไตยนั้น ไม่เป็นความจริงแม้แต่น้อย เชื่อว่าสิ่งที่ทุกคนต้องการคือระบอบประชาธิปไตยที่มั่นคงและมีประสิทธิภาพที่เป็นไปตามความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ และเชื่อว่าสถานการณ์ในปัจจุบันเป็นแผนพื้นฐานในการปฏิรูประบอบประชาธิปไตยในประเทศไทยอย่างมีประสิทธิภาพ
“ผมเชื่อว่าสถานการณ์ในปัจจุบันเป็นแผนพื้นฐานในการปฏิรูประบอบประชาธิปไตยในประเทศไทยอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งตรงตามความต้องการและความคาดหวังของคนไทย ระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทยถือว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหม่ ระบอบประชาธิปไตยในประเทศฝั่งตะวันตกก็ล้วนแล้วแต่ผ่านช่วงแห่งการเปลี่ยนแปลงและการปฏิรูปขนานใหญ่ ซึ่งเป็นสถานการณ์เดียวกับที่ประเทศไทยกำลังเผชิญ ซึ่งนับเป็นส่วนหนึ่งเมื่อระบบการเมืองอิ่มตัว การพัฒนาในช่วงที่ผ่านมาเป็นก้าวสำคัญในการก่อร่างโครงสร้างทางการเมืองที่มั่นคงและแข็งแรง ซึ่งจะเป็นรากฐานที่สำคัญต่อความสำเร็จของประเทศไทยในอนาคต” นายวิลเลียม ระบุ
นายวิลเลียม กล่าวว่า ประเทศไทยยังต้องต่อสู้กับผลกระทบจากการรายงานข่าวที่เกินจริง นำเสนอภาพที่บิดเบือน ไม่สะท้อนสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้น แม้อาจจะช่วยเพิ่มยอดขายให้กับหนังสือพิมพ์และดึงดูดความสนใจของผู้ชมโทรทัศน์ แต่เป็นการสร้างความหวาดกลัว ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ส่งผลให้รัฐบาลทั่วโลกออกคำเตือนในการเดินทาง สร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยว ทั้งที่ความจริงแล้ว ไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อความปลอดภัยของชาวต่างชาติที่ทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ จำนวนมาก หรือนักท่องเที่ยวที่พักผ่อนในประเทศไทย ซึ่งไม่ได้มีการรายงานแง่มุมนี้ในสื่อต่างประเทศ การดำเนินชีวิตในประเทศไทยยังคงเป็นไปตามปกติ ซึ่งผู้ที่ได้รับชมข่าวจากสื่อต่างประเทศต่างๆ ไม่ได้รับรู้ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างมหาศาล โดยพบว่ามีรัฐบาล 62 ประเทศออกคำเตือนการเดินทางมายังประเทศไทย 19 ประเทศแนะนำให้พลเมืองมายังประเทศไทยที่ไม่จำเป็นออกไป สร้างความงุนงงต่อผู้ที่เข้าใจประเทศไทย และยังคงเดินทางเข้ามาเนื่องจากทราบว่าประเทศไทยยังคงให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวทั่วโลกด้วยความสันติ
“ทุกฝ่ายโดยเฉพาะสื่อต่างๆ จึงมีหน้าที่ในการนำเสนอสถานการณ์อย่างถูกต้องและเหมาะสมเพื่อสร้างความเข้าใจ แทนการสร้างความเข้าใจที่ผิดในสถานการณ์ ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องพิจารณาอย่างหนักเกี่ยวกับผลกระทบเชิงลบที่เกิดจากคำพูดของตน และการกระทำที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนชาวไทย ในปัจจุบันนักท่องเที่ยวมีความรอบรู้ มากกว่าที่เคยเป็นมา ในขณะที่หลายๆ ประเทศทั่วโลกต้องเผชิญกับสภาพปัญหาเศรษฐกิจ อุปสรรคทางการเมือง และภัยพิบัติทางธรรมชาติ นักท่องเที่ยวทั่วโลกต่างเข้าใจดีกว่าควรจะพิจารณาปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ อย่างไรเมื่อต้องวางแผนการเดินทาง นักท่องเที่ยวมักจะฟังคำแนะนำจากผู้ที่ร่วมอยู่ในสถานการณ์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ผู้เดินทางไปต่างประเทศมักปฏิบัติ หากสื่อยังคงนำเสนอมุมมองที่กระตุ้นอารมณ์และฉาบฉวยเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศไทย การกระทำนี้ไม่เพียงก่อให้เกิดความเสียหายต่อสาธารณชน แต่ยังเสี่ยงต่อการทำให้ตนถูกมองว่าให้ข้อมูลที่ไม่ตรงตามความจริงอีกด้วย” นายวิลเลียม กล่าว
นักธุรกิจชาวต่างชาติที่พำนักในไทยผู้นี้กล่าวอีกว่า ประเทศไทยยังคงเป็นประเทศที่สงบ และพร้อมให้การต้อนรับผู้มาเยือนด้วยสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติและวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ และยังคงดำเนินธุรกิจตามปกติ แต่ไม่ได้รับการถ่ายทอดจากสื่อต่างประเทศหลักๆ และสถานทูตส่วนใหญ่ แม้ตนจะแสดงความกังวลเกี่ยวกับการนำเสนอข่าว แต่ยังคงให้ความเคารพและซาบซึ้งในบทบาทหน้าที่ของสื่อที่สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับประเทศและวัฒนธรรม หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะร่วมมือสร้างสิ่งดีๆ ให้กับประเทศ โดยเรียกร้องให้สื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องและชัดเจนเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบัน และขอให้รัฐบาลประเทศต่างๆ ประเมินระดับความรุนแรงของคำเตือนการเดินทางอีกครั้ง รวมทั้งปรับคำเตือนให้สะท้อนสถานการณ์จริงว่า การเดินทางในประเทศไทยยังคงมีความปลอดภัย พร้อมกันนี้ได้ยกย่องประเทศและสื่อต่างๆ ที่ได้นำเสนอข่าวการรัฐประหารและสถานการณ์ความมั่นคงในประเทศไทยอย่างสมดุล
“เราต่างเห็นพ้องต้องกันว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจและการเจริญเติบโตของประเทศไทย และไม่ควรตกเป็นเหยื่อของความเข้าใจผิด การนำเสนอที่ผิด และการกล่าวอ้างที่เกินจริง ประเทศไทยยังคงเดินหน้าต่อไปตามปกติ และเป็นจุดหมายปลายทางที่ปลอดภัย เป็นมิตร และพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างที่เคยเป็นมา ผมทราบดีว่าจดหมายฉบับนี้เป็นเพียงแค่เสียงหนึ่งเท่านั้น หากแต่ถ้าไม่มีเสียงใดๆ การสนทนาจะไม่มีวันเกิดขึ้นได้เลย ผมหวังว่าอย่างน้อยความคิดของผมจะช่วยให้เกิดเสียงสะท้อน และทำให้เกิดการพูดคุยเกี่ยวกับความเป็นจริงของประเทศไทยวันนี้” นาย
วิลเลียม กล่าวทิ้งท้าย