พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
"ขอให้บอกเรานะ อยากให้เราปรับตัวอะไรบ้าง"
บทความเต็มๆ ครับ
คุณอี้ แทนคุณสัมภาษณ์ ท่านอาจารย์ปราโมทย์
“ถึงผมจะไม่ใช่ สื่อมวลชนที่เป็นนักข่าว
แต่ผมก็เป็นคนทำงานด้านสื่อในเรื่องการสัมภาษณ์
เวลาที่เกิดปัญหาในเรื่องการบิดเบือนข้อมูล
สิ่งหนึ่งที่เราควรจะต้องทำคือไม่หลบหนีความจริง เช่น วาทกรรมเรื่องอำมาตย์
ไพร่ ผมก็ได้มีการหยิบยกขึ้นมาถามอาจารย์ปณิธาน วัฒนายากร อาจารย์ปราโมทย์
นาครรทรรพ ผมก็ถามตรงๆ ว่า
ชนชั้นพระมหากษัตริย์ทำให้ไม่เกิดความเป็นประชาธิปไตยจริงไหม
ที่ต้องถามเพราะว่ามีคนอีกเยอะมาก ที่พร้อมจะเอนเอียงไปทางเขา
ถ้าเราไม่เปิดใจกว้างพูดคุยเรื่องนี้ในอนาคตก็อาจจะมีปัญหา”
“ท่าน อาจารย์ปราโมทย์ก็ได้ตอบว่า ประเทศไทยมีพระมหากษัตริย์ที่เป็นประชาธิปไตยมากที่สุด คำนึงที่ผมยิ่งสะเทือนใจและตอกย้ำว่า เราจะต้องทำหน้าที่ตรงนี้ เราจะต้องทำนะ เราจะต้องสู้ และถ้าจะเอาชีวิตเข้าแลกก็ต้องทำก็คือ ท่านอาจารย์บอกว่า ในหลวงทรงรู้ว่ามีคนที่ ไม่อยากให้มีสถาบัน
ท่าน ก็พยายามบอกผ่านคนทำงานของท่านว่า ขอให้บอกเรานะ อยากให้เราปรับตัวอะไรบ้าง ถ้าพูดภาษาชาวบ้านก็คือ ให้โอกาสในการที่เราจะปรับตัวด้วย นี่คือสิ่งที่เรา สัมภาษณ์ออกโทรทัศน์กันสดๆ เลย”
“ผมฟังแล้วแบบ.... รู้สึกว่าท่านโดดเดี่ยว และก็รู้สึกว่า ถ้าประชาชนไม่ช่วยกันปกป้องท่าน ท่านก็ไม่มีพระราชอำนาจอะไรที่จะบังคับความรักความศรัทธาของผู้คน ให้รักเรานะ จงรักภักดีกับเรา แต่ตรงกันข้าม พระองค์กลับพยายามบอกว่า มีอะไรให้ปรับตัว ยินดีที่จะช่วยเหลือประชาชนทุกคน ท่าน เป็นในหลวงที่เหนื่อยที่สุดในโลก ทรงงานหนักมาขนาดนี้ แต่กลับถูกคนที่เห็นแก่ตัวไม่กี่คนปลุกระดมคน ฉะนั้นถ้าผมจะทำอะไรได้ จะต้องแลกด้วยชีวิตก็ยอม”
“นอกจากนั้นแล้ว อาจารย์ก็ยังเชื่อมโยงให้เห็นว่า ที่ประเทศอื่นๆ เขามีสำนักพระราชวัง สำนักราชเลขานุการคอยตอบโต้เวลาที่มีใครโจมตี แต่ในหลวงไม่มี คือในหลวงทรงเสียเปรียบเวลาที่ถูกพาดพิง คนที่ไม่เคยศึกษาไม่เคยรู้ว่าท่านทรงงานทำอะไร ก็จะคล้อยตามสิ่งที่โจมตีท่าน สังคมไทยถ้าเป็นแบบนี้มันน่ากลัว เพราะคำว่าผลประโยชน์ และความไม่รู้”
“ศัตรูของประเทศไทยในวันนี้ไม่ใช่ทักษิณ แต่มันคือความไม่รู้ ทุกวันนี้เรามีสื่อที่ทันสมัยมากมาย แต่วิธีคิดของสื่อที่เจริญแล้วเนี่ยมันแฝงไว้ด้วยอำนาจ ความชิงชัง ความเกลียด อคติ ผลประโยชน์ ผมเรียกว่าเป็นยุค ไอซีทีกาลียุค กาลิกาลี แปลว่า เหลือ 1 ส่วน 4 ความจริงเหลือน้อยลง ก็กลายเป็นว่าความจริงถูกบิดเบือนไป”
***อย่าให้พ่อหลวงเราโดด เดี่ยวอีกเลย นะ ช่วยกันปกป้องท่าน ใครที่คิดร้าย เราจะสู้เพื่อปกป้องพ่อของเรา...ถึงตายก็ยอม****
อาจารย์ปราโมทย์
ขอบคุณข้อมูลจากเว็ปPantip
“ท่าน อาจารย์ปราโมทย์ก็ได้ตอบว่า ประเทศไทยมีพระมหากษัตริย์ที่เป็นประชาธิปไตยมากที่สุด คำนึงที่ผมยิ่งสะเทือนใจและตอกย้ำว่า เราจะต้องทำหน้าที่ตรงนี้ เราจะต้องทำนะ เราจะต้องสู้ และถ้าจะเอาชีวิตเข้าแลกก็ต้องทำก็คือ ท่านอาจารย์บอกว่า ในหลวงทรงรู้ว่ามีคนที่ ไม่อยากให้มีสถาบัน
ท่าน ก็พยายามบอกผ่านคนทำงานของท่านว่า ขอให้บอกเรานะ อยากให้เราปรับตัวอะไรบ้าง ถ้าพูดภาษาชาวบ้านก็คือ ให้โอกาสในการที่เราจะปรับตัวด้วย นี่คือสิ่งที่เรา สัมภาษณ์ออกโทรทัศน์กันสดๆ เลย”
“ผมฟังแล้วแบบ.... รู้สึกว่าท่านโดดเดี่ยว และก็รู้สึกว่า ถ้าประชาชนไม่ช่วยกันปกป้องท่าน ท่านก็ไม่มีพระราชอำนาจอะไรที่จะบังคับความรักความศรัทธาของผู้คน ให้รักเรานะ จงรักภักดีกับเรา แต่ตรงกันข้าม พระองค์กลับพยายามบอกว่า มีอะไรให้ปรับตัว ยินดีที่จะช่วยเหลือประชาชนทุกคน ท่าน เป็นในหลวงที่เหนื่อยที่สุดในโลก ทรงงานหนักมาขนาดนี้ แต่กลับถูกคนที่เห็นแก่ตัวไม่กี่คนปลุกระดมคน ฉะนั้นถ้าผมจะทำอะไรได้ จะต้องแลกด้วยชีวิตก็ยอม”
“นอกจากนั้นแล้ว อาจารย์ก็ยังเชื่อมโยงให้เห็นว่า ที่ประเทศอื่นๆ เขามีสำนักพระราชวัง สำนักราชเลขานุการคอยตอบโต้เวลาที่มีใครโจมตี แต่ในหลวงไม่มี คือในหลวงทรงเสียเปรียบเวลาที่ถูกพาดพิง คนที่ไม่เคยศึกษาไม่เคยรู้ว่าท่านทรงงานทำอะไร ก็จะคล้อยตามสิ่งที่โจมตีท่าน สังคมไทยถ้าเป็นแบบนี้มันน่ากลัว เพราะคำว่าผลประโยชน์ และความไม่รู้”
“ศัตรูของประเทศไทยในวันนี้ไม่ใช่ทักษิณ แต่มันคือความไม่รู้ ทุกวันนี้เรามีสื่อที่ทันสมัยมากมาย แต่วิธีคิดของสื่อที่เจริญแล้วเนี่ยมันแฝงไว้ด้วยอำนาจ ความชิงชัง ความเกลียด อคติ ผลประโยชน์ ผมเรียกว่าเป็นยุค ไอซีทีกาลียุค กาลิกาลี แปลว่า เหลือ 1 ส่วน 4 ความจริงเหลือน้อยลง ก็กลายเป็นว่าความจริงถูกบิดเบือนไป”
***อย่าให้พ่อหลวงเราโดด เดี่ยวอีกเลย นะ ช่วยกันปกป้องท่าน ใครที่คิดร้าย เราจะสู้เพื่อปกป้องพ่อของเรา...ถึงตายก็ยอม****
อาจารย์ปราโมทย์
ขอบคุณข้อมูลจากเว็ปPantip