จะตามแก้เเค้น10 ปีไม่สาย"
ประมาทไม่ได้ครับ เสนาธิการฝ่ายระบอบทักษิณ มีทั้งอดีตสหายนำและอดีตทหารตำรวจ. ยังคงใช้ยุทธวิธีผสมผสานในการสู้
กับคสช เเละประเทศชาติอยู่ "เอ็งมา ข้ามุด เอ็งหยุดข้าเเหย่ เอ็งเเย่ข้าตี
เอ็งหนีข้าตาม และซุ่มซ่อนยาวนาน รอคอยโอกาส" มีพยานยืนยันชัดเจน
ได้ยินกับหู สะใภ้คนหนึ่งในตระกูลชิน ประกาศต่อหน้าเพื่อนร่วมรุ่น หลักสูตรยอดฮิตของไฮโซ ว่าจะตามแก้เเค้น10ปีไม่สาย"
ผมเห็นด้วยกับข้อเขียนของท่านประสงค์อย่างยิ่งครับ สมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา 25มิย57
24 มิ.ย. 2557ประสงค์พูด : ซุ่มซ่อนยาวนาน รอคอยโอกาส (1)
“ปรับทุกข์ผูกมิตร
รับใช้ใกล้ชิด
สะสมกำลัง
ซุ่มซ่อนยาวนาน
รอคอยโอกาส ”
ข้อความดังกล่าวข้างต้น เป็นยุทธวิธีในการต่อสู้ของคอมมิวนิสต์ ซึ่งครั้งหนึ่งเมื่อหลายสิบปีที่ผ่านมา พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยได้นำยุทธวิธีที่ว่านี้มาใช้ดำเนินการในการต่อสู้กับอำนาจรัฐ โดยอาศัยมวลชนเป็นฐานสำคัญในการต่อสู้ภายใต้เงื่อนไขของความยากจน ความไม่เป็นธรรมต่างๆที่ฝ่ายผู้มีอำนาจรัฐทำขึ้น ซึ่งก็ได้ผลในระดับหนึ่งที่มีผู้คนในหมู่บ้านต่างๆในหลายภูมิภาค ได้เข้าร่วมหรือเป็นแนวร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ให้เป็นการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ คือการปกครองในระบอบประธานาธิบดีที่ไม่มีพระมหากษัตริย์
นอกจากยุทธวิธีในการต่อสู้ดังกล่าวข้างต้นแล้ว วิธีการหรือยุทธการที่นำออกใช้ในแต่ละครั้งของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยในสมัยนั้น ยังควบคู่ไปกับสถานการณ์ในขณะนั้นด้วยว่าเป็นอย่างไร เพื่อมิให้ต้องตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเพราะกำลังของตนน้อย อาจต้องสูญเสียหรือพ่ายแพ้ได้ เพราะฉะนั้นในการต่อสู้ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยในสมัยนั้น จึงมีคำกล่าวเสริมพ่วงตามมาในลักษณะของการประเมินสถานการณ์ด้วยว่า “เอ็งมาข้ามุด เอ็งหยุดข้าแหย่ เอ็งแย่ข้าตาม” เป็นหลังการทำงานในการต่อสู้ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยในสมัยนั้นด้วย
ในฐานะที่เคยทำงานต่อสู้กับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยมาก่อน อยากจะบอกผู้รักชาติบ้านเมืองทั้งหลายว่า สถานการณ์บ้านเมืองเราขณะนี้ยังไว้วางใจอะไรไม่ได้ในความสงบเรียบร้อย ปราศจากการต่อสู้ของ ทักษิณ และผู้คนในระบอบทักษิณ ที่อาจตามมาได้ทุกขณะ เพราะระบอบทักษิณซึ่งได้ยึดครองอำนาจรัฐมากว่าสิบปีนั้น ได้ดำเนินการในการบริหารจัดการตามขบวนการจัดตั้งแบบพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยแทบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการตั้งพรรคการเมือง การหาแนวร่วม และการมีกองกำลังติดอาวุธเพื่อใช้เป็นฐานสำคัญในการครองอำนาจ
ต้องไม่ลืมว่าระบอบทักษิณนั้น ได้มีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่เคยร่วมงานกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยมาก่อน และบางคนหนีเข้าป่าจับอาวุธต่อสู้กับเจ้าหน้าที่รัฐมาแล้ว กลุ่มคนเหล่านี้แหละได้เข้ามาเป็นแกนหลักสำคัญในการ
เตรียมการด้านนโยบายและหลักการดำเนินงานของพรรคเมืองของทักษิณ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2542 เพื่อเตรียมการต่อสู้อำนาจรัฐ วางแผนปกครองประเทศไทย
กลุ่มคนดังกล่าวนี้ยังมีตัวตนและเคลื่อนไหวอยู่อย่างปกปิด หลังจากระบอบทักษิณถูกยึดอำนาจเมื่อวันที่ 22 ที่ผ่านมา ไม่ได้ล้มหายตายจากไปไหน ยังคงหลบซ่อนอยู่ในประเทศและบางคนไปหลบซ่อนอยู่ในประเทศใกล้เคียง ติดต่อถึงกันอยู่ตลอดเวลา แม้กระทั่งกับตัวทักษิณ เองก็ไม่ได้หยุดนิ่ง มีพฤติกรรมตามแบบฉบับของคอมมิวนิสต์ทุกอย่างที่บอกว่า “เอ็งมาข้าหยุด” นั่นเอง
ทักษิณเงียบไประยะนี้ก็เพราะเรื่องอย่างนี้
เพียงรอวันที่ “เอ็งหยุด” เมื่อไร “ข้าก็จะออกมาแหย่”
เมื่อนั้น และถ้า “เอ็งแย่” วันไหน วันนั้นแหละ “ข้าจะตาม” เอาคืน
เป็นวิธีการของพวกกลุ่มคนที่นิยมในวิธีการของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ซึ่งยังคงมีอยู่ในระบอบทักษิณกำหนดเป็นวิธีการต่อสู้ในขณะนี้ เฉพาะอย่างยิ่ง พวกสมุนบริวารอีกจำนวนไม่น้อย ที่เคยร่วมหัวกันจัดตั้ง “แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ” หรือที่ใช้ตัวย่อว่า “นปช.” ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายปกครองที่ถืออำนาจรัฐอยู่ในขณะนั้น ถ้าใครได้ติดตามพฤติกรรมและการเคลื่อนไหวของคนกลุ่มนี้มาแต่ต้นจะพบว่า ได้มีการจัดตั้งและยกระดับเป็นองค์กรมวลชนเต็มรูปแบบกระจายอยู่ในจังหวัดต่างๆของประเทศ มีวัตถุประสงค์สำคัญในการผลักดันให้มีการเปลี่ยนรูปแบบการปกครองของประเทศที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไปเป็นการปกครองในรูปแบบที่ไม่มีพระมหากษัตริย์ หรือถ้าจะมีก็ให้เป็นประมุขในเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น
บางพื้นที่ของประเทศโดยเฉพาะในภาคเหนือนั้น ก็คงจะได้ยินและได้เห็นการกระทำดังกล่าวนี้มาบ้างแล้วว่า จะเป็น “สปป.ล้านนา” หรือ “สาธารณรัฐประชาชนล้านนา” นั่นเอง
นี่แหละถึงได้บอกว่า แม้จะยึดอำนาจและขับไล่รัฐบาลในระบอบทักษิณให้พ้นจากอำนาจไปได้ก็ตาม ทุกสิ่งทุกอย่างที่คิดว่าหรือคาดว่าบ้านเมืองจะเกิด
ความสงบสุขเรียบร้อย ทุกสิ่งทุกอย่างจะคืนกลับสู่ความปกตินั้น คงไม่เป็นไปอย่างที่คิดหรืออย่างที่คาดแน่ เพราะยังมีสิ่งตกค้างที่เป็นพิษเป็นภัยยังคงหลงเหลืออยู่ในพื้นที่หลายจังหวัดและหลายหมู่บ้าน ซึ่งขณะนี้อยู่ในสภาพของการ “ซุ่มซ่อนยาวนาน รอคอยโอกาส” นั่นเอง ถ้าปราศจากการชำระสะสางกันอย่างจริงจังและด้วยวิธีการที่ถูกต้องแล้ว การยึดอำนาจครั้งนี้อาจจะ “เสียของ” อย่างที่ผู้เป็นห่วงหลายคนได้เคยเตือนไว้
จะแก้หรือจะทำกันอย่างไรขอยกไปพูดตอนหน้า
(อ่านต่อวันศุกร์)
- See more at: http://m.naewna.com/view/prasong/13101#1