ผมเชื่อว่าหลายๆ คนคิดเหมือนกับผม ตั้งแต่ปี 2554 เมื่อเพื่อไทยเริ่มหาเสียงเรื่อง จำนำข้าว ว่า รัฐบาลมันจะเอาตัวรอดจากโครงการจำนำข้าวได้อย่างไร
แล้วเพราะนโยบายนี้ เพื่อไทยจึงชนะเลือกตั้ง และเริ่มดำเนินโครงการจำนำข้าวทันที่
2 ปีแรกชาวนาพอใจมาก มีรายได้ เพราะไม่ต้องสนใจอะไรมาก ผลิตเน้นปริมาณ
ข้าวพันธ์เบา (ช่วงอายุสั้น) ถูกนำมาปลูกมากขึ้น เน้นรอบให้ได้เก็บเกี่ยวได้ไวขึ้น ได้จำนวนรอบในแต่ละปีมากขึ้น
ในส่วนของรัฐ ขาดทุนปีละกว่า 2 แสนล้าน
ขายข้าวก็ไม่ได้เก็บไว้เฉยๆ จนไม่มีโกดังจะเก็บ
แม้ฝ่ายค้านจะด่า ตำหนิ นักวิชาการ ปปช. ฯลฯ ทั่วทุกสารทิศก่นด่า
แต่รัฐบาลยังมุ่งมั่นผลักดันนโยบายต่อไป โดยไม่มีการแตะเบรค คิดทบทวนใดๆ
สิ่งที่ทำ คือ หาเหตุผลมา "แถ" เพื่อหลอกฐานเสียง เพียงเพื่อเป็นแนวร่วม ผลักดันโครงการนี้ต่อไป
แล้ววลี "ช่วยชาวนาเถอะค่ะ" ก็ถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวาง
รัฐบาล (ไม่ได้หมายถึงนายกฯ) "โง่" ถึงขนาดจะคิดไม่ออกหรือ ว่า หายนะกำลังรออยู่ข้างหน้า
หากผลักดันโครงการนี้ต่อไป
ตรงกันข้าม
ผมเชื่อว่า หลายคนรู้ แต่ รัฐมนตรีหลายคน ไม่มีความกล้าหาญ พอที่จะขัดคำสั่ง "นายใหญ่"
คำถามที่ถูกต้องจึงควรถามว่า "นายใหญ่ไม่รู้หรือ ว่าประเทศจะหายนะ หากผลักดันจำนำข้าวต่อไป"
ด้วย ระดับมันสมองของ ทีมงานของ นายใหญ่ ที่ผมยอมรับในความเก่งกาจ และ อำมหิต
ผมเชื่อมั่นว่า "นายใหญ่" รู้ ยิ่งกว่ารู้ และ นั่นหละคือสาเหตุทีเขาผลักดันโครงการนี้มาตลอด
นายใหญ่รู้ยิ่งกว่ารู้ ว่า ชาวนามีหนี้สินพะรุงพะรัง ดำรงชีพด้วยการสร้างหนี้ใหม่ล้างหนี้เก่า
ทีนาผืนใหญ่ของชาวนาแทบจะร้อยทั้งร้อย
สลักหลัง นอนนิ่งอยู่ใน ธกส.
แล้วกระบวนการอหลอกล่อให้ชาวนาฟุ้งเฟ้อกับบริโภคนิยมก็เริ่มขึ้น เพื่อให้ชาวนาจมอยู่ในวังวนของหนี้สิน เช่น กองทุนหมู่บ้าน รถคันแรก พักหนี้เกษตรกร (พักหนี้ ธกส. ทำให้มีโอกาสไปสร้างหนี้ที่อื่น) ฯลฯ สารพัดโครงการที่ถูก "จัดให้" โดยปราศจากปรับโครงสร้างรายได้ โครงสร้างหนี้ ปรับทัศนคติของชาวนา เพื่อให้หลุดพ้นจากหนี้ได้อย่างยั่งยืน
เมื่อฟองหนี้ชาวนา ถูกตีจนฟูฟ่อง
ชาวนาหลงเพลิน / จนใจ / จำเป็น ใช้หนี้ก้อนหนึ่งหมุนมาชำระก้อนหนึ้อีกก้อนหนึ่ง
นายใหญ่ก็จัดหนี้ให้เพิ่มด้วยการเพิ่มเม็ดเงินกองทุนหมู่บ้าน กองทุนสตรี ฯลฯ
เพื่อตีฟองให้ฟูขึ้นอีก
แถมด้วย การเพิ่มรายได้ให้ชาวนา "เป็นการชั่วคราว" ผ่านโครงการจำนำข้าว
ภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้น จึงดูไม่เป็นภาระที่หนักจนเกินไป เมื่อเทียมกับรายรับที่เพิ่มขึ้น
ธกส. ก็คือหนึ่งในเป้าหมายที่ นายใหญ่ ต้องเข้ามาควบคุม
การบีบบังคับให้ ธกส. ดึงสภาพคล่องหยดสุดท้าย เพื่อ "หล่อลืน" โครงการจำนำข้าว
ให้หมุนต่อไปได้อีกซักครึ่งรอบ ก็เป็นหนึ่งในหมากที่เดินโดยเจตนา ไม่ใช่เพราะจนกระดาน
เป้าหมายเพื่อวันหนึ่ง วันที่นายใหญ่จะสั่ง "ถอดปลั๊ค" โครงการจำนำข้าว
โดยการปล่อยให้โครงการเจ๊ง ไปต่อไม่ได้ ไม่มีเม็ดเงินที่จะหมุนโครงการต่อไป
หนี้สินของชาวนา ที่เคยหมุนได้อย่างคล่องมือ จะกลายเป็นปัญหาทันที
ธกส. หากถูกดึงสภาพคล่องไปจนแห้งเหือดเสียแล้ว ก็จะไม่สามาถเป็นที่พึ่งของชาวนาได้
ซ้ำร้าย ธกส. จะต้องเจอกับหนี้เสียจำนวนมหาศาล
หนี้สินของ ธกส. สภาพคล่องของ ธกส. ก็จะเป็นภาระของรัฐ ทันที
โดยประวัติศาสตร์ รัฐ ไม่มีกำลังที่จะอุ้ม แบงค์ ได้ ทางออกที่รัฐเลือกก็คือ Privatization
ลองนึกภาพดู อะไรจะเกิดขึ้นหากมีการ Privatization ธกส. มี ธนาคารต่างชาติเข้ามาถือหุ้น
ที่ดินของชาวนาที่ถูกยึด ก็เท่ากับตกไปอยุ่ในมือนายทุนต่างชาติ ทันที
นี่แค่มองภาพจากมิติเดียว ลองนึกดูหากรัฐสามารถกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทสำเร็จอะไรจะเกิดขึ้น
เพราะความสามารถในการสร้างหนี้ของรัฐจะเหือดแห้งไปหมดแล้ว
หมายความว่า รัฐจะไม่สามารถช่วย ธกส. ได้เลย หากมีวิกฤต
นับว่าไทยเราโชคดีมากทีเดียว ที่วงจรหายนะครั้งใหญ่ถูกชลอลงบ้าง เพราะการมีอันเป็นไปของรัฐบาลนี้ วิกฤตเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้อีก 4-5 เดือน จึงไม่น่าจะมีขนาดใหญ่นัก (เท่ากับที่นายใหญ่คาดหวัง) และ เราน่าจะประคับประคองตัวรอดออกมาได้ แม้จะสะบักสะบอมก็ตามที
ลองนึกดู หากไม่มีมวลมหาประชาชน โครงการกู้ 2 ล้านล้าน ไม่ถูกเบรคโดย ศาลรัฐธรรมนูญ และรัฐบาลยังไม่ยุบสภา และกู้เงินมาต่อลมหายใจจำนำข้าวได้อีก 1 crop
ถึงตอนนั้นฟองสบู่หนี้ จะฟูฟ่องสุดๆ
เมื่อนั้นนายใหญ่ สั่ง "ถอดปลั๊ค" อะไรจะเกิดขึ้น
ขณะนี้ทุนสามานย์ระดับโลก กำลังไล่ล่า ทุนเล็กะ ใน Emerging Countries ในแถบละติดอเมริกา
ในประเทศที่อ่อนไหว เปราะบาง
คงใช้เวลาไม่นาน ในการเก็บเกี่ยวผลกำไรจากการโจมตีในประเทศเหล่านั้น
แล้วทุนสามานย์ระดับโลก ก็จะสะสมทุนก้อนใหญ่กว่า เข้าโจมตีประเทศที่แข็งแรงกว่า เปราะบางน้อยกว่า และประเทศ ไทย อยู่ในรายชื่อประเทศเหล่านั้น
Timing การโจมตีของทุนนอก กับจังหวะโอกาสการเกิดวิกฤตในประเทศ
มันช่างเหมาะเจาะ สอดคล้องกันจริงๆ
เหมือนมีการวางแผนกันไว้แล้ว คุณเห็นด้วยกับผมไหม
This is a top comment from Thai people-
Siwapod Lorsermvattana เห็นด้วยสนิทแนบแน่นในใจเลยกับคุณ Johnny Pereira เพราะแนวเรื่องและตัวละคอนอันมีนิสัยเช่นว่า ก็ตามนั้น ที่ยิ่งกว่าก็คือ สมัยก่อนวิกฤตต้มยำกุ้ง 2540 ไม่ถึงปี ผมเป็นคนหนึ่งที่จู่ๆก็ได้รับบัตรเครดิต VISA และ Master Card จากเดิม ๒ ใบ เพิ่มให้อีก ๒ ใบจากธนาคารไทยพาณิชย์ ****โดยไม่ได้ขอไป**** และตอนนั้นก็เริ่มหาเงินฝืด หนี้บัตรเดิม ๒ ใบเริ่มพอกอยู่แล้ว แต่ดันได้มาเพิ่มอีก ๒ ใบ จนกลายเป็น NPL ในที่สุด จากวันนั้นจนวันนี้กว่า สิบปีแล้ว หนี้บัตรทั้ง ๔ ใบยังตามมาเรียกเก็บไม่จบสิ้นด้วยวิธีการสกปรกสารพัด โชคดีที่เก็บหลักฐานการจ่ายเงินไว้บางส่วน ถึงตรวจเจอความไม่ชอบมาพากล จนมีเรื่องร้องเรียนอยู่กับธนาคารแห่งประเทศไทย จนวันนี้ก็ ๓ ปีแล้ว เรื่องเงียบ อีกด้านหนึ่งผมค้นข่าว/ข้อมูลมาตลอดหลายปี จึงพบแนวการเดินเรื่องฉ้อฉลในระบบการเงินการธนาคารตามแนวเดียวกันนี้เลย ผมสรุปฟันธงนะ ว่านี่เป็นอาชญากรรมทางการเงินการธนาคารที่วางรูปแบบจัดตั้งกันมาแล้ว ที่ฝรั่งเรียกว่า organized crime ผ่าน "การล่อให้ลูกค้าในระบบที่มีทรัพย์สินเป็นที่ดิน/บ้านที่มีราคาพอหักกลบหนี้ได้แบบกดหัวยึดเอาราคาถูกๆในอนาคตใกล้ๆ ให้ต้องก่อหนี้จนล้นพ้นในสภาพที่จำยอมแบบเดียวกันนี้ เพื่อใช้กฎหมายเกี่ยวกับหนี้ทางแพ่งบังคับเอา ซึ่งก็คือ "นโยบายที่อ้างว่าแปลงหนี้ให้เป็นทุน ที่นายกฯ คนนี้พูดให้ดูหล่อดูดีตอนนั้น แต่ที่จริงก็คือ กับดักที่วางไว้เพื่อสร้างสภาพเจ้าหนี้ที่ซื้อหนี้ได้ราคาถูกๆ เพื่อไปหักคอขายในราคาแพงๆฟันกำไรตามระบอบทุนนิยมสามานย์ โดยเจาะจงหนี้ในระบบธนาคารและหนี้บัตรเครดิตก่อน ซึ่งทำกันเป็นกระบวนที่ใหญ่ระดับประเทศทีเดียว และผมเดาว่าตัวเครดิตบูโร ซึ่งจัดตั้งขึ้นในสมัยที่ทักษิณเป็นนายกฯครั้งแรกก็คือหน่วยงานที่โจรฝรั่งเสื้อสูทจากทุนนิยมการเงินอเมริกัน วางมาให้ตั้งขึ้นเพื่องานนี้ด้วย ล่าสุดกับธนาคารไทยพาณิชย์ ผมยืนกระต่ายขาเดียวว่า ยินดีชำระหนี้บัตรเครดิตทั้งหมด ตามจำนวนจริงที่ตรวจสอบได้ และจะจ่ายที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ที่ศาลเท่านั้น!!!! โดยจะไม่อ้างและจะสละสิทธิที่จะโต้แย้งว่าเป็นหนี้ที่หมดอายุความด้วย ใครที่มีญาติพี่น้องคนรู้จักที่่โดนทำนองนี้ ปรึกษาผมเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ครับ