บีบีซี/ASTVผู้จัดการ - สำนักข่าวบีบีซีรายงานถึงเหตุโจมตีเวทีชุมนุมของ กปปส.2 แห่งซ้อน ในเวลาห่างกันแค่ไม่วัน คร่าชีวิต 3 ศพ ในนั้นมีเด็กน้อยรวมอยู่ด้วย 2 นาย ด้วย โจนาธาน เฮด ผู้สื่อข่าวที่มักถูกฝ่ายต่อต้านนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มองว่ามีความใกล้ชิดกับรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ชี้ว่ามันอาจเป็นการเริ่มต้นแก้แค้นของฝ่ายติดอาวุธของกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งขุ่นแค้นจากสถานการณ์ที่รัฐบาลถูกบีบรอบด้าน ในรายงานพาดหัว Thailand crisis: Deadly attacks on opposition rallies ของสำนักข่าวบีบีซี ระบุว่าเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บกว่า 20 คน ในเหตุระเบิดใกล้ๆ กับเวทีชุมนุมของผู้ประท้วงฝ่ายต่อต้านรัฐบาลใกล้ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ โดยผู้เสียชีวิตเป็นเด็กชายวัย 12 ขวบ และสตรีวัย 40 ปี รายงานของบีบีซี ระบุว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมง หลังจากเกิดเหตุมือปืนกราดยิงเข้าใส่เวทีชุมนุมของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลในจังหวัดตราด ทางภาคตะวันออกของไทย ซึ่งเป็นผลให้เด็กหญิงวัย 5 ขวบเสียชีวิต และชาวบ้านอีกอย่างน้อย 30 คนได้รับบาดเจ็บ ในนั้นยังมีเด็กอีกคนที่อาการสาหัส บีบีซีรายงานว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย ออกมาประณามเหตุโจมตีดังกล่าว ด้วยบอกว่ามันเป็นปฏิบัติการก่อการร้ายที่ต้องการสร้างสถานการณ์เพื่อประโยชน์ทางการเมือง พร้อมบอกว่ารัฐบาลของเธอจะไม่อดทนต่อก่อการร้ายและสั่งให้ดำเนินการสืบสวนอย่างเต็มที่ | |||||||
นายเฮด บอกว่า 3 เดือนมาแล้ว ที่คนเสื้อแดงเฝ้ามองด้วยความผิดหวังมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากกลุ่มผู้ประท้วง กปปส.ซึ่งได้รับการหนุนหลังจากทหาร ได้รับอนุญาตให้ขัดขวางรัฐบาลและลอบทำลายการเลือกตั้งที่เกือบแน่นอนว่าพรรคเพื่อไทยจะเป็นฝ่ายชนะ ในรายงานข่าวของบีบีซี บอกด้วยว่าเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เหล่าแกนนำคนเสื้อแดงเพิ่งจัดชุมนุมใหญ่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อหารือกันถึงแนวทางการตอบโต้ฝ่ายที่ต้องการโค่นล้มรัฐบาล อนึ่ง สำหรับ นายโจนาธาน เฮด เมื่อหลายปีก่อนเคยถูกแจ้งความจับดำเนินคดีในความผิดฐานหมิ่นประมาทดูหมิ่นอาฆาตมาดร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ กรณีร่วมกันนำคำบรรยายพิเศษภาษาอังกฤษ ของนายจักรภพ เพ็ญแข อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ณ ขณะนั้น และแกนนำ นปช.ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย รวมทั้งจัดแปลบทเสวนาของนายวีระ มุสิกพงศ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ สองแกนนำ นปช.ซึ่งเข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูง เป็นภาษาอังกฤษออกเผยแพร่ ขณะเดียวกัน ที่ผ่านมา นายเฮด มักถูกฝ่ายต่อต้านรัฐบาลตั้งคำถามเกี่ยวกับความใกล้ชิดกับคนในพรรคเพื่อไทย และวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเป็นกลางอยู่ตลอด สื่อสหรัฐฯชี้ผู้ชุมนุมไทยไม่มีแผ่ว สวนทาง “ยิ่งลักษณ์” เจอมรสุมรอบด้านวอยซ์ออฟอเมริกา/ASTVผู้จัดการ - สื่อแห่งรัฐอเมริกาตีข่าวในวันพฤหัสบดี(20) ผู้ประท้วงในไทย ยังไม่แสดงสัญญาณแผ่วลงใดๆ สวนทางกลับรัฐบาลที่กำลังเจอแรงกดดันรอบด้าน ในนั้นรวมถึงคำตัดสินห้ามใช้กำลังสลายการชุมนุมของศาลและกระแสต่อต้านโครงการจำนำข้าว ที่จุดชนวนถอนเงินจากแบงก์ออมสิน จน ฟิทช์ เรตติงส์ ต้องออกมาเตือนว่าปัญหาการเมืองที่ยืดเยื้ออาจเพิ่มความเสี่ยงต่อระบบธนาคาร ขณะที่ฮิวแมนไรต์วอตช์ ประณามทั้งสองฝ่ายในเหตุความรุนแรงที่คร่าชีวิต 5 ศพเมื่อวันอังคาร (18) วอยซ์ออฟอเมริการายงานว่า นอกเหนือจากการชุมนุมของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลแล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย ยังเจอปัญหาปวดหัวซ้ำเติม เมื่อขบวนรถไถและรถอีแต๋นของชาวนา ที่เคยเป็นผู้สนับสนุนตัวยงของเธอ กำลังมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง หลังเกษตรกรเหล่านี้โกรธกริ้ว ยังไม่ได้รับเงินค่าข้าวที่พวกเขาขายให้กับรัฐบาลในโครงการรับจำนำที่เต็มไปด้วยปัญหาอื้อฉาว ปัญหาในนโยบายรับจำนำข้าว นำมาซึ่งการแห่ถอนเงินจากแบงก์ออมสินหลายหมื่นล้านบาทแค่ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา จากความกังขาต่อกรณีธนาคารแห่งนี้ปล่อยกู้แก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เพื่อนำไปสนับสนุนโครงการจำนำข้าวของรัฐบาล ที่เชื่อว่ามีสาเหตุจากปัจจัยทางการเมือง มากกว่าจะเป็นปัจจัยเสี่ยงจากสถานะทางการเงิน รายงานของวอยซ์ออฟอเมริการะบุว่า ในวันอังคาร (18) ฟิทช์ เรตติงส์ สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงปัญหาทางการเมือง ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อระบบธนาคารและการเงินของประเทศไทย ฟิทช์ บอกด้วยว่า แม้สภาพคล่องของออมสินและการสนับสนุนทางการเงินจากภาครัฐ ผ่านธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือองค์กรรัฐอื่น จะสามารถเผชิญกับความเสี่ยงได้ในระยะสั้น แต่หากปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองยังไม่มีความชัดเจนว่าสิ้นสุดลงเมื่อไร และการหาแหล่งเงินทุนเพื่อสนับสนุนโครงการจำนำข้าวของรัฐบาลยังมีความไม่แน่นอน อาจส่งผลให้ความเสี่ยงของระบบธนาคารและการเงินยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น “ฟิทช์มองว่าความไม่สงบทางการเมือง ได้ส่งผลให้มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่เศรษฐกิจจะชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ และส่งผลต่อเนื่องให้ความเสี่่ยงของธนาคารไทยมีมากขึ้น แม้ปริมาณการถอนเงินฝากออกจากธนาคารจะยังอยู่ในระดับที่จัดการได้ก็ตาม” ฟิทช์ระบุ หายนะของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังไม่หมดแค่นั้น เมื่อสื่อมวลชนแห่งนี้ระบุต่อว่าในส่วนของกลุ่มผู้ชุมนุมที่ปักหลักในกรุงเทพฯ มาหลายเดือน ก็ได้เริ่มเล่นงานไปที่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับตระกูลของเธอ ในนั้นรวมถึงรณรงค์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์เชิญชวนคว่ำบาตรทุกสินค้าและการบริการที่เกี่ยวข้องกับอาณาจักรชินวัตร เหตุประท้วงบนท้องถนนที่ยืดเยื้อมานานหลายเดือน และบางครั้งก็เลี้ยวเข้าสู่เหตุนองเลือด ยังได้ทำลายเศรษฐกิจของประเทศ ด้วยพบว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 4 ปีของปีที่แล้ว ชะลอตัวอย่างรุนแรง และคาดหมายด้วยว่าปัญหาความยุ่งเหยิงทางการเมืองก็จะฉุดรั้งการเติบโตในปีนี้ด้วย ในขณะที่ภาคท่องเที่ยว ก็พบว่ามีการยกเลิกทัวร์เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะจากจีนและญี่ปุ่น ภาวะเผชิญหน้าที่ยืดเยื้อมาอย่างยาวนาน ก่อความกังวลแก่เหล่านักสังเกตการณ์นานาชาติว่าสถานการณ์จะลุกลามบานปลายหลุดจากการควบคุม หลังจากเหตุปะทะเมื่อวันอังคาร (18) ได้คร่าชีวิตผู้คนไป 5 รายและบาดเจ็บหลายสิบคน ทั้งนี้ ทางองค์กรสิทธิมนุษยชน “ฮิวแมนไรต์วอตช์” ประณามทั้งตำรวจและผู้ชุมนุมต่อพฤติกรรมผิดกฎหมาย อันนำมาซึ่งการสูญเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ โดยเตือนว่า “การละเว้นโทษต่อผู้ที่ก่อความรุนแรงและละเมิดสิทธิมนุษยชนเป็นวิธีการที่ไม่รักษากฎหมาย และรังแต่จะขยายความรุนแรงแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน” สื่อนอกตีข่าวหุ้นบริษัท “ตระกูลชินวัตร” ร่วงหนัก หลังเจอกระแสคว่ำบาตรในโลกออนไลน์
สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่าความเคลื่อนไหวทางการเมืองในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการปิดกั้นถนนในเมืองหลวง และกดดันจนต้องปิดหน่วยงานราชการต่างๆ ได้สร้างความอ่อนแอแก่รัฐบาล และเวลานี้ผู้ประท้วงได้หันมาใช้สื่อสังคมออนไลน์อย่างเฟซบุู๊กเล่นงานผลประโยชน์ทางธุรกิจของนางสาวยิ่งลักษณ์และทักษิณ ชินวัตร พี่ชายของเธอ หรือแม้แต่บริษัทที่ยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับตระกูลนี้แล้วก็ตาม รายงานข่าวของรอยเตอร์ ระบุว่า เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อันสำคัญของตระกูลชินวัตร และเอ็ม-ลิงค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น บริษัทนำเข้าและจำหน่ายอุปกรณ์สื่อสารและโทรศัพท์เคลื่อนที่ คือสองบริษัทที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุด ด้วยแค่ช่วง 2 วันที่ผ่านมา หุ้นร่วงไปแล้วเกือบร้อยละ 10 รอยเตอร์ให้ข้อมูลว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ เคยนั่งเก้าอี้ประธานกรรมการบริหารบริษัท เอสซี แอสเสท ก่อนเข้าสู่แวดวงการเมืองและก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หลังจากพรรคเพื่อไทยชนะศึกเลือกตั้งในปี 2011 ขณะที่เว็บไซต์ของเอสซี แอสเสท ระบุว่าตระกูลชินวัตรถือครองหุ้นของเอสซี แอสเสท อยู่ราวๆ 60 เปอร์เซ็นต์ นอกจากการรณรงค์คว่ำบาตรทางออนไลน์แล้ว รอยเตอร์บอกด้วยว่าในวันพฤหัสบดี(20) มีผู้ประท้วงอีกหลายร้อยคนยกพลไปชุมนุมกันบริเวณด้านหน้าอาคารชินวัตร 3 ในกรุงเทพฯ อันเป็นสำนักงานใหญ่ของบริษัท เอสซี แอสเสท สื่อมวลชนระดับโลกแห่งนี้ระบุต่อไปว่าในส่วนของ เอ็ม-ลิงค์ นั้น มีความเชื่อมโยงกับนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวคนรองของทักษิณ และภรรยานายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ช่วงสั้นๆ ในปี 2008 ช่วงที่พันธมิตรของทักษิณอยู่ในอำนาจ ขณะที่ นายอนุสรณ์ อมรฉัตร เป็นคู่สมรสของยิ่งลักษณ์ ได้ลาออกจากตำแหน่งประธานของเอ็ม-ลิงค์ หลังจากเธอก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ รอยเตอร์อ้างข้อมูลจากเว็บไซต์ของบริษัทบอกว่าครอบครัววงศ์สวัสดิ์ มีหุ้นอยู่ในบริษัท เอ็ม-ลิงค์ อยู่ 28.6 เปอร์เซ็นต์ นายสมบัติ เอกวรรณพัฒนา ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) ให้ความเห็นกับรอยเตอร์ว่า “มันส่งผลกระทบทางจิตวิทยาในระยะสั้น เอสซี แอสเสท ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด เพราะตระกูลชินวัตรถือครองบริษัทนี้โดยตรง” ส่วนของหุ้นตัวอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบเช่นกัน ในนั้นรวมถึงชินคอร์ป ที่ ทักษิณ เป็นผู้ก่อตั้งก่อนที่เขาจะผันตัวเองเข้าสู่การเมือง ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเอไอเอสและไทยคม จำกัด โดยรอยเตอร์รายงานว่าหุ้นของชินคอร์ป ปรับลดร้อยละ 1.7 เอไอเอส ลดลงร้อยละ 2.8 และไทยคม ลดลงร้อยละ 1.9 รายงานของรอยเตอร์ให้ข้อมูลเสริมอีกว่าการขายหุ้นชินคอร์ปแก่เทมาเส็ก โฮลดิ้ง ของสิงคโปร์ ของตระกูลชินวัตรในปี 2006 และแนวทางข้อตกลงที่ไม่เสียภาษี จุดชนวนเสียงต่อต้านอย่างหนักหน่วงต่อทักษิณ ณ เวลานั้น และลงเอยด้วยการที่กองทัพก่อรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลของเขาในปีเดียวกัน ทั้งนี้นับตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมา ทักษิณ ก็หนีไปพำนักอยู่ในต่างแดนเพื่อหลบหลีกโทษจำคุกฐานใช้อำนาจโดยมิชอบ แรงต่อต้านบนโลกสังคมออนไลน์ ถึงขั้นทำให้ นางวิไล เคียงประดู่ โฆษกของชินคอร์ปต้องออกมาชี้แจงผ่านถ้อยแถลงว่าบริษัทไม่มีความเกี่ยงข้องกับตระกูลชินวัตร “บริษัทไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ผู้ก่อตั้งบริษัทไม่ได้มีหุ้นในบริษัทของเราอีกต่อไปแล้ว” รอยเตอร์ระบุว่าในบัญชีคว่ำบาตรของผู้ประท้วงมีรายชื่อบริษัทและสถาบันต่างๆมากกว่า 40 แห่ง ไล่ตั้งแต่มหาวิทยาลัย โรงพยาบาล ร้านอาหาร ภัตตาคาร โรงแรม สนามกอล์ฟ ไปจนถึงห้างสรรพสินค้า หนึ่งในนั้นได้แก่ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ที่ต้องรุดออกมาชี้แจงว่าไม่มีคนในตระกูลชินวัตรถือหุ้นอยู่ และทางธนาคารมีไอเอ็นจีแบงก์ แห่งประเทศเนเธอร์แลนด์ และกระทรวงการคลัง เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ พร้อมยืนยันว่าทางธนาคารทหารไทยมีการกำกับดูแลกิจการและการบริหารความเสี่ยง ตลอดจนมีการตรวจสอบที่ดี “เล่นการเมืองโดยไม่มีหลักก
23 ก.พ.57 - ณัฐวุฒิ ประกาศให้เสื้อแดงเตรียมพร้อม หนุน นายกฯไม่ยอมรับอำนาจองค์กรอิสระ ตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น ให้ตำรวจติดอาวุธ
เวลา 17.05 น. นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ แกนนำเสื้อแดง ขึ้นพูดบนเวที "นปช.ลั่นกลองรบ" ที่ จ.นครราชสีมา เพื่อสรุปข้อเสนอจากเวทีทั้งหมด โดยกล่าวว่า รายละเอียดชัดๆว่าจะทำอะไรต่อไปยังไม่สามารถเปิดเผยได้บนเวทีนี้ แต่ขอยืนยันว่า ตั้งแต่ 30 พ.ย. 56 เป็นต้นมา แกนนำ นปช.ทำงานหนักในการติดตามสถานการณ์การเมืองมาตลอด ประเมินจุดอ่อนจุดแข็งของเราและฝ่ายตรงข้าม เตรียมความพร้อม ในที่สุดเห็นว่าสถานการณ์สุกงอม และ เรามีความพร้อมมากพอ จึงชวนคนเสื้อแดงมาที่นี่
"ผมให้ความมั่นใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เราคิดได้ เรามี เราทำทุกอย่างแล้ว 100เปอร์เซ็นต์ และมีความพร้อมแล้ว ส่วนอะไรเกินศักยภาพเรา เราก็พยายามประสานงานกับคนที่มีศักยภาพ และคืบหน้าเป็นที่น่าพอใจ"
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เราต้องลดเงื่อนไขให้ฝ่ายตรงข้ามเอาไปใช้ทิ่มแทงทางการเมือง สถานการณ์ครั้งนี้เข้มข้นและแหลมคมที่สุดนับแต่ต่อสู้มา เข้มข้นและแหลมคมกว่าปี 2549 และ 2553 ฉะนั้นอะไรที่จำเป็นต้องลดทอนเงื่อนไขให้ฝ่ายตรงข้ามรุกเข้ามาได้ แกนนำก็ต้องขอตัด หากทำให้ไม่สบายใจขออภัย ณ โอกาสนี้
ทั้งนี้ก่อนที่นายณัฐวุฒิจะขึ้นมาพูด ในช่วงที่เปิดโอกาสให้แกนนำจากจังหวัดต่างๆขึ้นมาพูด มีแกนนำคนหนึ่งใช้คำพูดที่แสดงความสะใจถึงเหตุการณ์ระเบิดและกราดยิงที่ จ.ตราด เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ทำให้นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช.พูดปรามบนเวที จนทำให้แกนนำคนนั้นไม่พอใจ
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า มีกลุ่มคนเจตนาร้ายต่อระบอบประชาธิปไตย ทั้งในทางเปิดเผย และทางลับ ทางเปิดเผย คือสุเทพ แต่ในทางปิดลับ คือ ขบวนการสร้างสถานการณ์ สร้างความรุนแรง ทั้งในส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค
"เราประเมินรอบด้าน ถ้าไม่แสดงพลังตั้งแต่วันนี้ อาจไม่มีพื้นที่ให้เราแสดงพลัง ไม่มีอะไรง่าย ไม่มีใครยืนยันความปลอดภัยให้ท่านได้ 100% หากพี่น้องประเมินสถานกาณณ์ แล้วบอกว่าภายในสถานการณ์นี้ไม่ขอร่วม ก็เป็นเสรีภาพ แต่พวกผมตัดสินใจแล้ว พวกผมเห็นว่าถ้าฝ่ายตรงข้ามรุกไล่ขนาดนี้ ไม่ว่าจะแพ้ จะชนะ จะเจ็บ จะตาย เสี่ยงอันตรายเพียงใด ขอให้สู้สุดหัวใจ หากจะร่วมกัน ก็ขอให้ตั้งใจ ขอให้มุ่งมั่น มีพี่น้องเราถามว่าครั้งนี้จะสู้จริงไหม ขอตอบว่า สู้จริงและสู้ถึงที่สุด" นยายณัฐวุฒิประกาศ ท่ามกลางเสียงมวลชนเสื้อแดงปรบมือเฮลั่น
"ไม่ใช่ที่ผ่านมาไม่สู้จริง แต่สถานการณ์เปลี่ยน เหตุปัจจัยเปลี่ยน ครั้งนี้นอกจากสู้จริงแล้วต้องสู้สุดๆ สู้ให้ถึงที่สุด ขอประกาศถึงมวลชน ท่านมีเสรีภาพจะสู้หรือไม่สู้ ถ้าท่านมั่นใจ ขอให้เข้าสู้ สถานการณ์การต่อสู้ของ นปช. ขอประกาศตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ว่า นี่อยู่ในสถานการณ์การต่อสู้ 100% หลังจากนี้เมื่อกลับบ้านแล้ว ขอให้ติดตามการแถลงข่าวของ นปช.ในช่วงบ่ายทุกวัน"
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า สรุปประเด็นที่มีการเสนอในวันนี้ มี 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ 1.ข้อเสนอต่อรัฐบาล 2.ข้อเสนอต่อ นปช.
ในส่วนข้อเสนอรัฐบาล มี 11 ข้อ คือ
1.ขอให้นายกฯยิ่งลักษณ์ ยืนหยัดต่อสู้เพื่อปชต.ไม่ลาออกเด็ดขาดไม่ว่ากรณีใดๆ
2.ให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาการจ่ายเงินจำนำข้าวให้ชาวนาโดยเร็ว
3.ขอให้รัฐบาลเร่งรัดจับกุมสุเทพและแกนนำ กปปส.
4.นายกฯผู้มาจากการเลือกตั้ง และถูกปฏิบัติ 2 มาตรฐาน ไม่ต้องไปรับทราบข้อกล่าวหาที่ปปช.
5.หากมีการวินิจฉัยกรณีใดๆจากองค์กรอิสระ ขัดหลักยุติธรรม ขาดความชอบธรรม ให้นายกฯแสดงอารยะขัดขืนไม่ยอมรับอำนาจองค์กรอิสระ
6.ภายใต้สถานการณ์การสร้างความรุนแรงจากกองกำลังไม่ทราบฝ่าย ขอให้รัฐบาลลงนามรับขอบเขตอำนาจของ ICC (International Criminal Court คือ ศาลอาญาระหว่างประเทศ) โดยเร็วที่สุด
7.หลายสถานกรณ์ชี้ชัดว่าในกลุ่มผู้ชุมนุมมีกองกำลังติดอาวุธหนักจำนวนมากคอยทำร้ายเจ้าหน้าที่ จึงขอเรียกร้องให้ตำรวจติดอาวุธ เพื่อปราบปรามกองกำลังติดอาวุธ ไม่ใช่เรียกร้องให้ติดอาวุธปราบปรามผู้ชุมนุม
8.ปฏิรูปพรรคเพื่อไทย
9.ให้เปิดรับอาสาสมัครช่วยเฝ้าระวัง
10.เตรียมความพร้อมหากจำเป็นต้องตั้งรัฐบาลในภาคเหนือหรืออีสาน
11.หากสถานการณ์ร้ายแรงบานปลาย ให้รัฐบาลตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นเพื่อต่อสู้ในระบอบประชาธิปไตย
"ข้อเสนอทุกข้อไม่อนุญาตให้รัฐบาลยอมแพ้ ฉะนั้นรัฐบาลยอมแพ้ไม่ได้ นี่คือคำสั่งของประชาชน" นายณัฐวุฒิ ประกาศ ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของคนเสื้อแดงเป็นระยะ
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อถึงข้อเสนอต่อ นปช. เช่น
1.ถ้ามีการนัดหมายชุมนุมใหญ่เข้า กทม.ให้นปช.เคลื่อนได้อย่างเสรีเหมือน กปปส.ทำ เพราะแนวทางนี้ได้รับการคุ้มครองจากคำพิพากษาของศาลแพ่ง ศาลแพ่งคุ้มครองอย่างไร ให้เดินอย่างนั้น อย่าได้แตกแถว อยากล้อมบ้านใครก็ล้อม อยากปิดหน่วยงานไหนก็ปิด อยากประกาศกองกำลังไล่ล่าใครก็ล่า อยากปิดถนนก็ทำ อยากทำอะไรเหมือนที่สุเทพทำ ก็ขอให้ทำ เพราะคำพิพากษาศาลคุ้มครองไว้
2.ให้ นปช.ประชุมกับ ระดมคน คัดสรรชายฉกรรจ์ และอบรมให้มาช่วยทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัย
3.ประสานงานกับกลุ่มนักวิชาการ เคลื่อนไหวปชต.
4.เสนอให้จัดเวทีชุมนุมรอบปริมณฑล เพื่อไม่ให้สุเทพเคลื่อนไหวได้อิสระ
5.ให้ความรู้กับประชาชนเรื่องการใช้คอมพิวเตอร์ เพื่อเข้าไปเป็นนักรบไซเบอร์
6.ประกาศชัตดาวน์องค์กรอิสระทุกองค์กร
7.จัดตั้งองค์กรเงา เช่น กรรมการสิทธิมนุษยชนเงา ศาลรธน.เงา ที่ประชุมอธิการบดีเงา
8.ตั้งกรรมการส่งเสริมประชาชนและต่อต้านฝ่ายเผด็จการ จัดอีเวนท์ เช่น ประกาศต่อต้านดาราฝ่ายเผด็จการ
9.รณรงค์ต่อต้านรัฐประหารเต็มรูปแบบ
10.ถ้ามีชุมนุมใหญ่ในกทม. ต้องมีกำลังในพื้นที่เฝ้าระวังค่ายทหารเพื่อคอยประสานกัน
11.ถ้าสถานการณ์เพลี่ยงพล้ำให้เตรียมช่องทางล่าถอยและแหล่งหลบภัย
"เที่ยวนี้ขอให้สู้จริง และมีทุกสิ่งให้พร้อมสรรพ การมีทุกสิ่งให้พร้อมสรรรพ เป็นหน้าที่ฝ่ายเกี่ยวข้องจะต้องประเมินว่าสิ่งใดบ้างที่ควรมี ต้องมี จำเป็นต้องมีอย่างยิ่งขาดไม่ได้ ซึ่งแกนนำ นปช.จะไปหารือดำเนินการ"
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า สถานการณ์หลังจากวันนี้เรากังวลว่าจะมีความรุนแรงมากขึ้น ถี่ขึ้น เพราะฝ่ายตรงข้ามต้องการเร่งเกม กดดันกองทัพ ทุกฝ่ายในบ้านเมือง เพื่อผ่าทางตัน เราจึงต้องสุขุม รอบคอบ หนักแน่น เอาตามสะใจ ใส่ตามอารมณ์ไม่ได้ ขอให้เตรียมพร้อม อาจมีการวอร์มอัพที่ต่างจังหวัดก่อน แต่ถ้าจำเป็นต้องเข้า กทม.ก็ต้องเข้า
"เราถอยจนไม่มีที่ถอย เราถอยจนหลังพิงฝา ไม่มีที่จะถอยอีกแล้ว เป็นไงก็เป็นกัน"
ณัฐวุฒิ กล่าวว่า ไม่ได้หมายความว่าจะทำตามที่พูดทั้งหมดนี้ แต่เป็นข้อเสนอ ที่จะนำไปปรับใช้ตามสถานการณ์ ซึ่งแกนนำจะไปหารือและกำหนดออกมา
ต่อมา นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ขึ้นพูดบนเวที โดยกล่าวว่า สถานการณ์ตอนนี้รอไม่ได้ ถ้าช้าก็จะแพ้ ทุกอย่างเข้าสู่สถานการณ์แตกหัก แต่ก็ต้องสู้อย่างสุขุม เพราะครั้งนี้มีเดิมพันด้วยชีวิต "ไม่ได้สู้เหมือนในหนังที่ไม่ตายจริง สู้คราวนี้ตายจริง แต่ผมเชื่อว่าเราต้องไม่ตาย เราต้องชนะ"
|