GREAT KING OF THAILAND, KING BHUMIBHOL

GREAT KING OF THAILAND, KING BHUMIBHOL
LONG LIVE THE KING BHUMIBHOL

วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

จังหวัดที่ชาวนาเดือดร้อนมากที่สุด หลังจากถูกรัฐบาลโกงจนไม่มีเงินจ่าย

เงินค่าจำนำข้าว โกงจนไม่มีจ่าย

วันประมูลเงินกู้ประวัติศาสตร์มูลค่า 20,000 ล้าน ที่ผ่านมา ที่รัฐบาลเปิดให้ธนาคารกว่า 34 แห่ง เข้าร่วมประมูลใครให้อัตราดอกเบี้ยเหมาะสมที่สุด จะได้รับการกู้เงินจากรัฐบาล ฟังดูผ่านๆ เหมือนธนาคารคงต้องแย่งกันเข้ามาประมูล เพราะจากที่เรารับรู้มาคือ หากเป็นการกระทำใดๆ จากทางภาครัฐจะถือว่า มีความเสี่ยงต่ำ มีรายได้ที่แน่นอนจากประชาชน จึงทำให้ความน่าเชื่อถือมีสูงมาก แต่สัปดาห์ที่ผ่านมาการประมูลนี้ไม่เป็นเช่นนั้นอย่างน่าหดหู่ กลับกลายเป็นว่า ไม่มีธนาคารใดให้รัฐบาลกู้เลย มีแค่ธนาคารเดียว แสร้งส่งไปแบบให้อัตราดอกเบี้ยสูงเกินจะรับได้ เหมือนการปฏิเสธกลายๆ รัฐบาลนี้ขอย้ำอีกรอบครับว่า เป็นรัฐบาลที่สร้างความน่าละอายให้ประวัติศาสตร์ชาติไทย ไร้เครดิต ไร้ความน่าเชื่อถือทางการเงิน
                ก่อนจะทำการประมูลเงินกู้ 2 หมื่นล้าน ไปเรื่อยๆจนครบ 1.3 แสนล้านนี้ มีการถกเถียงมากมาย อ้าง กกต.ที่ไม่รับพิจารณาเรื่องการอนุมัติ รัฐบาลก็วิ่งแจ้นไปหากฤษฎีกา เพื่อไปเอาเอกสารอะไรสักอย่างให้ได้ว่า กู้ได้นะ แต่ก็มีคนจับได้ว่า นั่นไม่ใช่กฤษฎีกาคณะเศรษฐกิจ และที่รัฐบาลอ้างว่า กระทรวงคลังได้รับความคิดเห็นจากสำนักงานกฤษฎีกาแล้วว่า สามารถกู้เงิน 130,000 ล้านบาท ได้นั้น เป็นเรื่องที่ทุกคนที่เกี่ยวข้องต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง
                ถามว่ารัฐบาล 'รักษาการ' มีสิทธิลดวงเงินกู้หรือไม่  คำตอบคือคิดว่าน่าจะทำได้ เพราะไม่เป็นการสร้างภาระผูกพันให้กับรัฐบาลใหม่ตามที่กฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งกำหนดไว้ แต่หากถามว่า รัฐบาลมีสิทธินำวงเงินที่ตัดจากโครงการหนึ่งไปจัดสรรให้กับโครงการใหม่หรือไม่ คำตอบคือไม่มีสิทธิ และกรณีนี้มีการกระทำอย่างลับๆ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะถูกข้าราชการที่ยังมีจิตสำนึกท้วงติงมากมาย ตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏคือ รัฐบาลจะโยกเงินลงทุนจากโครงการ 2 ล้านล้าน มาจ่ายจำนำข้าวแทน ซึ่งขัดกันเองกับตอนขึ้นศาลรัฐธรรมนูญบอกว่า จำเป็นอย่างยิ่งต้องเร่งลงทุนเพื่อพัฒนาประเทศ แต่อยู่ๆ โยกวงเงินมาเฉยเลย
                กลับมาที่ประเด็นกฤษฎีกา รัฐบาลอธิบายว่าได้ถามกฤษฎีกาแล้วว่ากู้ได้ เพราะการจำนำข้าวฤดูกาล 56/57 เป็นโครงการที่ครม.ได้อนุมัติไว้ตั้งแต่ก่อนยุบสภาฯ ปัญหาคือโครงการนี้ได้รับการอนุมัติจริง แต่การกู้เงินยังไม่มีการอนุมัติ คือรัฐบาลศรีธนญชัยถามลอยๆ แบบไม่ลงลึกให้กฤษฎีกาเข้าใจผิด ตีความผิด และนี่ก็คือข้อท้วงติงที่ว่า ไม่ผ่านกฤษฎีกาด้านการคลัง จึงไม่น่าจะได้รับข้อมูลที่ดีพอในการขอกู้  และอย่างที่ย้ำหลายครั้งแล้วว่า ตามจริงแล้วรัฐบาลควรมีรายได้จากการขายข้าว ไม่ควรต้องมากู้เงิน หรือถ้ากู้ ก็มีวงเงินกู้จำกัดอยู่ที่ 5 แสนล้านบาท ซึ่งวงเงินนี้เต็มแล้ว ไม่เคยมีมติครม. ให้เปลี่ยนแปลง (และจะเพิ่มเพดานในช่วงรักษาการก็ไม่ได้) และวงเงินนี้ก็เป็นวงเงินที่ทางรัฐบาลยิ่งลักษณ์เองนี่แหละตั้งเอาไว้เองแต่แรก
                อีกข้อเท็จจริงหนึ่งที่ประชาชนต้องรู้คือ "กระทรวงการคลังไม่กล้าเปิดเผยรายละเอียดคำตอบจากกฤษฎีกา และมีรายงานว่าเรื่องนี้ไม่ได้เป็นการพิจารณาโดยคณะกรรมการกฤษฎีกา แต่เป็นความเห็นของเลขาฯเท่านั้น โดยปกติเรื่องเล็กๆพิจารณาโดยเลขาฯได้ แต่เรื่องใหญ่ถ้ารายงานนี้เป็นจริงต้องถือว่าอย่างนี้ผิดปกตินี่คือข้อความอดีตรมว.คลัง กรณ์ จาติกวณิช ที่เมื่อครั้งเป็นรัฐมนตรีต้องใช้ความเห็นกฤษฎีกาในการบริหารประเทศหลายต่อหลายครั้ง ชี้ข้อสังเกตไว้ให้
                คราวนี้ ขาผู้จะขอกู้ ดูไปแล้วก็ผิดปกติแทบทุกอย่าง มาดูขาผู้ให้กู้บ้าง โดยปกติก่อนจะอนุมัติเงินกู้ ธนาคารต้องตรวจเช็คข้อมูลเกี่ยวกับผู้กู้ให้ครบถ้วน (ภาษาการเงินเขาเรียกว่า Due Diligence) ฝ่ายกฎหมายธนาคารต้องตรวจเช็คว่ารัฐบาลมีอำนาจทางกฎหมายที่จะกู้เงินจริงหรือไม่ และโดยเฉพาะหากเป็นธนาคารเอกชน เรื่องแบบนี้ต้องเคร่งครัดเป็นพิเศษ เพราะมีประชาชนที่เป็นผู้ถือหุ้นรอฟ้องอยู่ด้วยเช่นกัน ถ้าอนุมัติไปแล้วปรากฏในภายหลังว่า เป็นการกู้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็คงต้องไปฟ้องเอาเงินคืนจากนักการเมืองและข้าราชการที่อนุมัติ เพราะประชาชนคงไม่ยอมให้มีการคืนหนี้ด้วยเงินภาษีของเขาแน่นอนหากเป็นแบงก์รัฐ และเงินลงทุนของเขา หากเป็นแบงก์เอกชน
                สิ่งที่ควรทำแต่แรก คือระบายข้าวเพื่อเอาเงินมาชดใช้ชาวนา และถ้าวันนั้นปรากฏว่าข้าวไม่มี หรือถ้ามีก็เน่าหมดแล้ว เราจะได้รู้ข้อเท็จจริง และจะได้จบๆ กันไปเสียทีกับนโยบายอัปยศที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทยอันนี้
                ถัดมา ว่าด้วยการหมดเครดิตทางการเงินของรัฐบาล ตามที่กล่าวไปข้างต้น ไม่มีธนาคารใดกล้าให้กู้เลย จะมีก็แค่ธนาคารที่ไปเสนอราคาเพียงธนาคารเดียวและเสนออัตราดอกเบี้ยสูงมาก จนทำให้การประมูลต้องล้มไป ความหมายคือรัฐบาลหมดเครดิต แม้แต่จะกู้เพียง 2 หมื่นล้านบาท ยังกู้ไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นจากธนาคารรัฐหรือธนาคารพาณิชย์ก็ตาม เหตุหลักก็ตามที่อธิบายไล่เรียงมาครับว่า เพราะธนาคารต่างๆไม่มั่นใจว่ารัฐบาลมีสิทธิที่จะกู้เงินในช่วงรักษาการ หรืออาจเป็นเพราะไม่มีใครอยากมีส่วนสนับสนุนโครงการจำนำข้าวนี้อีกต่อไป
                แทนที่จะเร่งระบายข้าวเอาเงินมาให้ชาวนา เพราะเป็นวิธีเดียวที่จะได้เงินมาจริงๆ รัฐบาลกลับมีทีท่าจะมากดดันธนาคารของรัฐให้ปล่อยกู้ให้กับโครงการนี้ เพราะมีคนของตัวเองอยู่ในบอร์ดธนาคารรัฐหลายแห่งที่ชี้นิ้วสั่งได้ โดยจะมีการล่นแร่แปรธาตุทางการเงินมีการพยายามเลี่ยงไม่ให้การกู้ยืมนี้ผูกพันกับการจำนำข้าวโดยตรง แต่โยกมาโดยไม่ต้องระบุว่า สุดท้ายแล้วเอาไปใช้กับโครงการใด จากนั้นคลังก็จะเอาไปปล่อยต่อกับธกส. แต่ทั้งหมดนี้เสี่ยงต่อการขัดรัฐธรรมนูญ เพราะไม่มีมติรัฐบาลใดก่อนยุบสภา ที่ได้อนุมัติให้กระทรวงการคลังปล่อยกู้กับ ธ.ก.ส.เช่นเดียวกัน
                ขอสรุปจบด้วยบทความในเพจเฟซบุ๊คคุณกรณ์ จาติกวณิช อดีตรมว.คลัง Korn Chatikavanij ครับ ไม่มีใครไม่เป็นห่วงหรือไม่เห็นใจชาวนา แต่สิ่งที่รัฐบาลต้องทำคือระบายข้าวทันที ไม่ใช่มาสร้างภาระหนี้อย่างผิดกฎหมาย แล้วมาชี้นิ้วโทษคนอื่นเมื่อเขาเลือกที่จะไม่มาร่วมทำผิดกับคุณ ปัญหาวันนี้มาจากการทุจริตโกงกินบนหลังชาวนา  ใครเข้ามาร่วมด้วยตอนนี้ต้องคิดให้ดี"
                สุดท้ายนี้ขออนุญาตเอาสถิติตัวเลขมาให้ดูกันครับว่า ชาวนาที่เดือดร้อนอย่างหนักจากนโยบายจำนำข้าวนี้ อยู่ที่ไหนกันบ้าง จาก ใบประทวนรอบฤดูกาลจำนำข้าว 56/57 จำนวน 1.8 ล้านใบประทวน ติดค้างค่าจำนำข้าว 1.4 ล้านใบ ภาคอีสาน 8 แสนใบ ภาคเหนือ 5 แสนใบ แต่พอมาแยกเป็นรายจังหวัด มีการจัดอันดับมูลค่าของเงินค่าจำนำข้าวที่ชาวนายังไม่ได้รับแยกเรียง “10 จังหวัด ที่ชาวนาเดือดร้อนมากที่สุด" พบว่า อันดับ 1. นครสวรรค์ เบี้ยวเงินค่าข้าวชาวนารวม 8,500 ล้านบาท 2. กำแพงเพชร 7,900 ล้านบาท 3 .พิจิตร 7,400 ล้านบาท 4. อุบลราชธานี 6,900 ล้านบาท 5. พิษณุโลก 6,600 ล้านบาท  และอันดับ 6-10 สุรินทร์ โคราช ศรีสะเกษ สุโขทัย และกาฬสินธุ์
                ประชาชนทั้ง 10 จังหวัดนี้ ต้องตั้งคำถามอย่างหนักครับว่า ...ยังจะกล้ามาหาเสียงให้พวกเรากลับไปกาเบอร์ของพรรคที่ออกนโยบายจำนำข้าวอีกหรือ ไม่เคยมีความละอายต่อบาปบ้างเลยใช่ไหม
                พอกันทีครับ กับจำนำข้าว

MANA PRADITKET

MANA PRADITKET
Handpainted oil painting by Mana Praditket

NIRAN PAIJIT

NIRAN PAIJIT
Original handpainted oil painting by Niran Paijit

PRAYAD TIPPAWAN

PRAYAD TIPPAWAN
ORIGINAL IMPRESSIONAL OIL PAINTING BY PRAYAD TIPPAWAN

Achara 34 (24x36)

Achara 34 (24x36)
ORIGINALl OIL PAINTING

Amornsak Livisit 74 (24x36)

Amornsak Livisit 74 (24x36)
ORIGINAL OIL PAINTING, Impressionist style

Suwan Khanboon 11 (24x24 inches)

Suwan Khanboon 11 (24x24 inches)
Original handpainted oil painting abstract style

NIRAN PAIJIT

NIRAN PAIJIT
ORIGINAL ABSTRACT STYLE OIL PAINTING BY NIRAN PAIJIT

Chavalit (Pong)

Chavalit (Pong)
PINTO Horses

Komez 78 (22x30)

Komez 78 (22x30)
Original handpainted pastel painting on paper

KOMES

KOMES
Handpainted pastel painting by Komez

PRATHOUN

PRATHOUN
ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING BY PRATHOUN

THAVORN IN-AKORN

THAVORN IN-AKORN
ORIGINAL OIL PAINTING BY THAVORN IN-AKORN (SIZE 20x30")

THAVORN IN-AKORN

THAVORN IN-AKORN
Original oil painting by Thavorn In-akorn

Facebook


ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING

PHOTO GALLERY

PHOTO GALLERY

Facebook

PHOTO GALLERY