หรือจะปล่อยให้ “ระบอบทักษิณ” กินเมือง!

ภาพขบวนพี่น้องชาวนาจากนครสวรรค์และอุทัยธานีนำรถอีแต๋นบุกกรุงเพื่อทวงเงินจำนำข้าว
















18 กุมภาพันธ์ 2557 ให้บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่า คนไทยต้องเข่นฆ่ากันเอง เพื่อนายกฯ สารเลว จากการบงการของอดีตนายกฯ ชาติชั่วอีกคนหนึ่ง
ผมเองไปช่วยภรรยาของนพ.ระวี มาศฉมาดล และพี่น้อง กคป. เก็บของออกจากพื้นที่ตึก ปตท.ภายหลังตำรวจเข้ายึดพื้นที่และจับกุม นพ.ระวีและผู้ชุมนุมไปตั้งแต่สายๆ จนเกือบจะพลบค่ำ กลับมาในสภาพซังกะตาย เจ็บปวดใจที่คนส่วนใหญ่ในประเทศไม่รู้สึกรู้สากับ“การคดโกง เบียดเบียนประเทศชาติ และใช้อำนาจเพื่อตัวเอง” ทุกคนมีชีวิตอยู่เหมือนเมากัญชา เอาหูไปนา เอาตาไปไร่ ปล่อยให้ประเทศไทยเหมือนไก่ที่ฝูงเหี้ยคาบไปแดกทีละตัวสองตัว
มาพบข้อเขียนของคุณ Chanathip Mukvilai แฟนเพจในเฟซบุ๊คคนหนึ่งของผม เขียนความในใจของเขาไว้เมื่อ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ผมไม่ได้คิดตรงกับเขาหลายเรื่อง แต่ทุกเรื่องที่เขาคิด ชวนเราคิดอะไรได้อีกหลายอย่าง จึงขออนุญาตนำมาเผยแพร่ เชิญทุกท่านอ่านจากนี้ไปจนบรรทัดสุดท้าย
...หลายวันมานี้ผมรู้สึกไม่พอใจกับข้อความที่โพสต์ของเพื่อนๆที่เป็นคนเสื้อแดงหลายท่านที่เห็นต่างจาก กปปส.ในหลายประเด็นนะ แต่ส่วนใหญ่ผมเคารพความคิดเห็นทุกท่านและหลายเรื่องผมก็เห็นด้วยเพราะเป็นเรื่องจริงที่ตรวจสอบได้โดยไม่ใช่หลักฐานเท็จ อย่างเช่นเรื่องที่ กปปส.ไปปิดสถานที่เลือกตั้งและขัดขวางไม่ให้คนไปเลือกตั้งอย่างที่เห็นตามข่าวนั้น!!! "การกระทำแบบนี้ผมก็ขอประณามครับว่า เป็นการกระทำที่แย่และทรามที่สุดของผู้ชุมนุม กปปส. ที่ผมก็รับไม่ได้จริงๆ"
ผมอยากบอกว่า ผมไม่มีฝ่ายไม่มีสีครับ แล้วการเลือกตั้งทุกครั้ง ก็ไม่เคยกาให้ปชป.แม้แต่ครั้งเดียว ตรงกันข้าม ผมกลับเคยกาเลือกพรรคไทยรักไทยมาแล้วด้วยซ้ำ แต่ ณ ปัจจุบันนี้ ผมไม่เอาพรรคเพื่อไทยและปชป.ทั้งนั้น!!!"แต่ผมเป็นเพียงแค่คนไทยคนหนึ่งที่เห็นด้วยกับการปฏิรูปก่อนเลือกตั้งครับ เพราะอยากให้การปฏิรูปช่วยคัดกรองให้คนที่เข้ามาทำหน้าที่ในสภาเข้ามาเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง"
แต่บางเรื่องผมก็มองว่าเพื่อนๆ ที่เป็นคนเสื้อแดงคือ คุณมี "อคติ"เกินไปรึป่าว???เพราะถ้อยคำที่ใช้ด่าทอฝ่ายตรงข้ามอย่างหยาบคายเพราะความโกรธแค้นในเรื่องที่ กปปส.ทำให้คุณเดือดร้อนต่างๆ อันนี้ผมก็เข้าใจดีเพราะผมเองก็ได้รับผลกระทบ เนื่องจากผมก็พักอยู่ติดเวทีชุมนุมตรง 5แยกลาดพร้าวเหมือนกัน แต่ผมก็รู้สึกว่าบางครั้ง ไม่ว่าจะฝ่ายไหนก็ตาม ต่างใช้คำโจมตีกันราวกับว่าเราอยู่คนละแผ่นดินกันไปแล้ว ทั้งๆ ที่ก็ยังเป็นคนไทยเหมือนกัน!!!!
1) ประเด็นแรกที่เห็นบ่อยเลยคือ เดือดร้อนจากการปิดกรุงเทพ!!!
อันนี้ผมเห็นด้วยครับ เพราะเดือดร้อนจริงๆ แต่ก็งงเพื่อนๆที่เป็นเสื้อแดงบางท่านที่ไม่ได้ทำงานมาเฉียดกรุงเทพฯหรือไม่ได้เป็นข้าราชการ หรือไม่ได้ทำงานใกล้ที่ชุมนุมด้วยซ้ำ แต่ก็ด่าว่ารถติดเพราะม็อบอย่างนู้นอย่างนี้บ้าง แต่ ok ครับ เดือดร้อนก็เดือดร้อน ผมไม่เถียงครับ แต่จริงๆ เมื่อผ่านมาทุกวันนี้ ความเดือดร้อนที่ กปปส.ปิดกรุงเทพฯ สร้างปัญหามากก็จริงอยู่ แต่ไม่มีใครถึงกับทำงานไม่ได้เลย หรือหลีกเลี่ยงปรับตัวไม่ได้เลย จนสิ้นเนื้อประดาตัวเหมือนตอนที่ถูก เผาห้างร้าน ถูกปล้นสะดม และก่อจลาจลอย่างที่เคยผ่านมาหรอกครับ!!!
2) ประเด็นยอดฮิตที่สองคือ พูดถึงการไม่ให้เกียรตินายกฯ ยิ่งลักษณ์!!!
คือผมก็เห็นด้วยที่เพื่อนๆเสื้อแดงออกมาปกป้องนายกที่เป็นเพศแม่ครับ เพราะการออกมาปกป้องผู้หญิงไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ผมถือว่าเป็นการกระทำที่น่ายกย่องครับ
แต่ผมมองว่า นายกรัฐมนตรีคือบุคคลสาธารณะที่ถูกคนทั้งประเทศจับตามองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของประเทศนั้น บางครั้งผมมองว่าเราควรจะแยกประเด็นของผู้ที่ทำงานในการใช้สมองแก้ปัญหา กับผู้ที่ใส่กระโปรง ให้เข้าใจกันก่อนนะครับ คือผมคงไม่ต้องบอกครับ ว่านายกหญิงท่านนี้ มีทักษะในความรู้และการอ่าน มีไหวพริบในการตอบคำถาม มีพฤติกรรมต่างๆ ที่เป็นข่าวให้คนไทย ได้เห็นกันอยู่ทุกวันอย่างไร
แต่ผมแค่อยากจะถามว่า ตอนที่ จ่าประสิทธิ์ ไชยศีรษะ พูดกลางสภาว่าฝันว่าได้นอนกับ สส.หญิงท่านหนึ่ง ของ พรรค ปชป. ทำไมไม่เห็นคนเสื้อแดงออกมาปกป้องละครับ หรือที่แท้คือ เพราะไม่ใช่พวกของท่าน ท่านจึงปล่อยให้ดูถูก และยินดีให้ใช้คำต่ำๆ แบบนี้ได้ โดยไม่รู้สึกรู้สาอะไร!!!
แต่คำถามที่ผมสงสัยที่สุดคือ!!! ทำไมพี่น้องคนเสื้อแดงถึงปล่อยให้มีแกนนำบางคนโจมตี และใช้ถ้อยคำหมิ่นสมเด็จพระราชินีที่ท่านทรงเป็น"แม่ของแผ่นดิน"  ทำไมไม่เห็นมีแกนนำหรือคนเสื้อแดงคนไหนออกมาปกป้องครับ ทั้งๆที่เราก็รู้ดีว่า พระองค์ท่านทรงงานหนัก ทรงติดตามพระเจ้าอยู่หัวมาหลายสิบปี ทรงดูแลประชาชนมากมายขนาดนี้ แต่เพียงเพราะถ้อยคำที่ไม่มีหลักฐานถูกใช้มากล่าวหาพระองค์ท่านอย่างสกปรก โดยแกนนำเพียงไม่กี่คน ท่านกลับเชื่อได้ง่ายดายขนาดนี้เชียวหรอครับ???
3) ประเด็นที่สาม เป็นประเด็นร้อนประจำสัปดาห์ ก็คือ กปปส.ใช้อาวุธในการชุมนุม!!!
ก็เห็นในข่าวแถวหลักสี่ใกล้เวทีแจ้งวัฒนะที่พูดถึงกัน  ผมจะบอกว่าสิ่งที่คนเสื้อแดงออกมาโจมตีต่อว่า กปปส. นั้น เป็นความจริงครับ แกนนำอย่างคุณสุเทพ ออกมายืนยันเองว่าทางกลุ่ม กปปส. มีอาวุธปืนจริง และเป็นครั้งแรกจริงๆครับ ที่ผมเห็นว่า คุณสุเทพ คือแกนนำคนแรกที่ออกมายอมรับความจริง ไม่ออกมาปกป้องผู้ชุมนุมว่า เป็นมือที่สาม เป็น กปปส.เทียม เหมือนบางฝ่าย
และคุณสุเทพก็ยังประกาศชัดเจนว่า"ผู้ชุมนุม กปปส.คนไหนก็ตาม ที่จะแค่คิดหรือพกอาวุธมานั้น ต้องห้ามมาชุมนุมเด็ดขาด ถ้าอดใจไม่ไหวก็อยู่บ้านซะ!!! เพราะจะทำให้ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่จะถูกมองให้เสียอุดมการณ์ไปด้วย!!!”  นี่แหละครับ ที่ผมได้ยินจากปากแกนนำอย่างลุงกำนันที่ออกมาพูดบนเวที
แต่ที่ถูกยกมาโจมตีเรื่องของมือปืนชุดดำที่ใช้อาวุธสงคราม ที่ใส่ถุงข้าวโพดหรือถุงปุ๋ยที่พูดกันเนี่ย!!!ว่าเป็นพวกไหน ผมอยากให้เพื่อนๆ ลองไปดูในคลิปของสื่อมวลชนสากลทั่วๆไป (ไม่ใช่ช่องจากพวกรัฐบาล) ที่ถ่ายไว้จากหลากหลายด้าน ลองดูกันเอาเองละกันครับ!!! แล้วไปตัดสินกันเอง
อ่อๆ!!! แล้วผมขอตั้งข้อสังเกตไว้อย่างหนึ่งครับ  เมื่อเวลาที่ กปปส. ชุมนุมครั้งใดก็ตาม ทุกครั้งพอเวลาที่มาเจอกับกลุ่มเสื้อแดงทีไร ทำไมต้องได้ยินเสียงปืนและมีคนเจ็บและล้มตายอยู่บ่อยครั้ง แต่เหตุการณ์ที่แจ้งวัฒนะนั้นเป็นการใช้อาวุธทั้งสองฝ่าย และผู้ชุมนุม กปปส.ก็ไม่มีใครตายเลย แต่เหตุการณ์ที่ผ่านมาครั้งก่อนที่ปะทะกันของสองฝ่าย ทำไมผู้ชุมนุม กปปส.ล้มตายจากอาวุธปืนและอาวุธสังหารต่างๆ ล่ะครับ สรุปที่ผ่านมามันคือการใช้อาวุธฝ่ายเดียวใช่หรือไม่???
ตำรวจที่บอกว่า ยิงผู้ชุมนุม แล้วอ้างว่าเป็นการป้องกันตัว ทำไมพูดขัดกับสิ่งที่ผู้ชุมนุม และสื่อมวลชน และทีมแพทย์อาสาพูดละครับ คำถามคือ!! ถ้าตำรวจพูดไม่ตรงกับสิ่งที่นักข่าวและผู้ที่เป็นกลางทางการแพทย์พูด แล้วเราจะเชื่อถือเจ้าหน้าที่รัฐได้อย่างไร???
แล้วเหตุผลส่วนตัวจากผมเองในฐานะที่เป็นชาวดอนเมืองและชาวลำลูกกา ผมก็รู้จักพวกโกตี๋ดีครับ และรู้ว่าวิทยุชุมชนที่โกตี๋จัดรายการแถวคลองสามที่อยู่หลังบ้านผมเนี่ย มันพูดปลุกระดมไว้อย่างไรบ้าง!!! และจะบอกว่าคนคนนี้ ตั้งแต่ช่วงน้ำท่วมใหญ่ มันใช้ความเป็นอันธพาล อาศัยนามคนเสื้อแดง ทำเรื่องชั่วๆ กับชาวลำลูกกาไว้เยอะครับ จนเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ พรรค ปชป. ชนะการเลือกตั้งครั้งแรกในรอบหลายปี ก็ฝีมือคนคนนี้แหละ ที่ผมตั้งข้อสังเกตไว้..!!!
4) ประเด็นสุดท้าย ที่คลาสสิกสุดๆ ที่ใช้โจมตีและพูดถึงกันบ่อยๆ คือ ระบอบทักษิณที่พวกมึงมาล้มกันเนี่ย...!! มันคืออะไร!!!???
จะบอกว่าเพื่อนๆหลายคนที่เป็นคนเสื้อแดงส่วนใหญ่ ก็คงจะสงสัยจริงๆ แหละครับ ว่าทำไมระบบการบริหารประเทศที่มี นโยบาย 30บาทรักษาทุกโรค ค่าแรง 300 บาท เงินเดือน ป.ตรี หมื่นห้า ประชานิยม ลดภาษีรถคันแรก จำนำข้าว ฯลฯ ที่ตอบโจทย์ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศได้ดีขนาดนี้ จากคุณทักษิณ ทำไมต้องไปล้มไปล้าง ไปโจมตีอะไรกันนักหนา!!!
ผมขอสรุปคำตอบของระบอบทักษิณในความคิดของผมง่ายๆ เลยนะครับ ขอเริ่มจากนโยบายก่อนเลย นโยบายต่างๆของพรรคเพื่อไทยนั้น คือประชานิยมที่ใช้จูงใจให้คนเลือกเพราะว่าคนเหล่านั้นได้ประโยชน์ก็จริงครับ แต่ประเทศชาตินั้นเสียประโยชน์ เสียอย่างไร??
คือนโยบายต่างๆ จะทำได้นั้น ก็ต้องใช้เงินจากภาษีของพวกเรานี้แหละ และเงินภาษีทุกบาททุกสตางค์ก็มีอยู่อย่างจำกัด ก็ต้องถูกใช้ไปตอบสนองความต้องการจากนโยบายประชานิยมต่างๆ ด้วยเงินที่มากเกินกว่าที่รัฐจะหามาทดแทนได้ จนนโยบายจากประชานิยมเข้ามาทำให้สภาพทางการเงินของรัฐเสียระบบไปตามๆ กัน เหมือนเป็นมะเร็งที่ค่อยๆทำลายรัฐโดยที่ไม่รู้ตัว อย่างประเทศอาร์เจนติน่ายังไงละครับ!! ที่ใช้นโยบายประชานิยมอย่างคุณทักษิณนี่แหละ มาตอบสนองแรกคะแนนเสียงคนส่วนใหญ่จนมากเกินไป โดยผลสุดท้ายประเทศล้มละลาย แล้วถ้าประเทศล้มละลายพวกเราจะเป็นอย่างไร??? ก็ไปศึกษาจากประเทศอาร์เจนติน่ากันเองก็ได้ครับ  ถ้าเปิดใจที่อยากจะรู้กันจริงๆ
แต่ผมบอกสั้นๆว่า ถ้าประเทศไทยล้มละลายแล้ว เงินบาทที่เราถือใช้กันจะกลายเป็นแค่เศษกระดาษใบหนึ่งเท่านั้นเอง!!! หรือเปรียบเทียบง่ายๆ ตามที่ผมเข้าใจอีกอย่างก็ได้ครับ "สมมุติบ้านหลังหนึ่งมีคนอาศัย10 คน แล้วทุกคนสูบบุหรี่กันหมด ยกเว้นแค่ เด็กกับคนแก่ 2 คน ที่ไม่สูบบุหรี่ แต่คนที่เหลืออีก 8 คนชอบสูบบุหรี่มาก คนส่วนใหญ่ของบ้านเลยเลือกที่จะสูบบุหรี่ได้ในบ้าน เพราะมองว่าการสูบบุหรี่เป็นเรื่องที่ปกติ และไม่จำเป็นต้องแคร์เด็กกับคนแก่ที่เป็นคนส่วนน้อยว่าจะได้รับผลกระทบอย่างไร สุดท้ายทุกคน ไม่ว่าจะใครก็ตามก็เป็นมะเร็งปอดหมด รวมทั้งเด็กและคนแก่ด้วยนั่นเอง!!
นี่ก็เหมือนนโยบายประชานิยมแหละครับ อย่างที่เห็นกันในโครงการรับจำนำข้าว ที่กระทรวงพาณิชย์ขายข้าวไม่ได้เพราะราคาสูงกว่าตลาดมาก จนเป็นเหตุให้ข้าวค้างสต็อก แต่มาโทษม็อบว่าปิดกระทรวงการคลังบ้าง กดดันไม่ให้ธนาคารปล่อยกู้บ้าง ซึ่งผมมองว่ารัฐบาลนี้ใช้ไม่ได้ครับ ทั้งๆ ที่ควรจะให้กระทรวงพาณิชย์ระบายข้าวออก  แต่มาโทษคนอื่นอย่างไร้สามัญสำนึก!!! แล้วแถมยังวิ่งไปกู้ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ แล้วเอกชนที่ไหนอยากจะปล่อยให้กู้ละครับ ถ้าขาดสภาพคล่อง(ว่าแต่พรรคอื่นกู้ สุดท้ายพรรคเพื่อไทยก็วิ่งหาเงินกู้กันให้วุ่นวายสินะ!!) ซึ่งผมมองว่าประชานิยมก็คือนโยบายที่เหมือนน้ำผึ้งผสมยาพิษนั่นเอง!!!
และคนที่”รู้ทัน”ว่าประชานิยมทำให้ประเทศไทยกลายเป็นมะเร็งขั้นแรกในตอนนี้ เขาผิดด้วยหรอครับที่จะออกมาต่อสู้ แล้วต่อต้านระบอบทักษิณ
“มันจะมีประโยชน์อะไรถ้าประเทศไทยต้องเป็นมะเร็งขั้นสุดท้าย แล้วออกมาต่อต้านกันภายหลังจากประเทศไทยล้มละลายไปแล้ว”
จริงๆแค่วิธีจูงใจเสียงข้างมากด้วยประชานิยมในระบอบทักษิณ วิธีเดียวก็มีเหตุผลพอแล้วครับที่จะออกมาล้มล้างและต่อสู้ “นโยบายเดียวเสียวทั้งชาติ” นี่แค่โครงการเดียวนะครับ เดี๋ยวก็คงมีโครงการอื่นทยอยตามมาในไม่ช้า!!!
และระบอบนี้ ยังทำให้สภากลายเป็นสภาทาสที่ รับคำสั่งจากคุณทักษิณคนเดียวอีก!!!
ไหนจะจ้องแต่ออกกฎหมายนิรโทษกรรมล้างผิดให้ตัวเอง โดยไม่เคยเห็นความสำคัญของปากท้องประชาชน!!! แต่อีกประเด็นที่สำคัญของระบอบนี้ก็คือการทุจริตคอรัปชั่นแบบผูกขาด ที่ใช้ความเป็นรัฐบาลนำพาครอบครัวและพวกพ้องไปถือหุ้นเป็นเจ้าของรัฐวิสาหกิจของประเทศกันถ้วนหน้า อย่างการคอรัปชั่นที่เราเคยเห็นสมัยก่อน ก็จะเป็นการทุรจิตเงินภาษีประชาชนเป็นโครงการๆ ไป แต่ระบอบนี้ทุจริตโดยการครอบครองธุรกิจของรัฐแบบเบ็ดเสร็จ  โดยที่รัฐเสียประโยชน์มหาศาล แล้วมีแต่ครอบครัวพวกพ้องพวกคุณทักษิณได้ประโยชน์กันชั่วลูกชั่วหลาน  เหมือนกับกินค่าเช่าหอพักหรือกินเงินปันผลสบายๆทุกเดือนนั่นเองครับ!!!
แล้วไหนจะเรื่องการปล่อยให้มีการจาบจ้วงสถาบันอะไรอีกมากมาย
นี่เป็นแค่การอธิบายเล็กๆน้อยๆจากที่ผมรู้ในระบอบทักษิณเองนะครับ  ยังไม่รวมถึงพฤติกรรมของตระกูลชินว่าทำอะไรให้กับคนไทยบ้าง  แค่นี้ก็พิมพ์ไม่ไหวแล้วครับ  ถ้าให้อธิบายอย่างละเอียด พิมพ์เป็นอาทิตย์ก็ไม่หมดครับ  ผมบอกเลย “นี่กูย่อสุดๆแล้วจริงๆ ^^!”