ผลลัพธ์ของการเลือกตั้ง หากรัฐบาลชุดเดิมได้กลับมาบ
ริหารประเทศ พรบ.นิรโทษกรรมที่สว.ปฏิเสธ
ไปแล้ว พอครบ 180 วัน จะถูกยกมาพิจารณาโดยสส.แค่ 20 คนและบังคับใช้เป็นกฏหมายได
้ ถึงแม้ว่าหัวหน้าพรรคร่วมทั
้ง 4 จะลงนามสัตยาบรรณว่าจะไม่นำ
กลับมาพิจารณาใหม่ก็เถอะ ส่งผลให้ทักษิณได้กลับบ้าน เงินที่โกงประเทศไป 4 หมื่นกว่าล้านได้คืนพร้อมดอ
กเบี้ยอีก 1 หมื่นกว่าล้าน โครงการต่างๆที่รัฐบาลโกงอ
...ยู่จะไม่มีการตรวจสอบและโกงได้ต่อไปเรื่อยๆ นโยบายประชานิยมถูกนำมาใช้อย่างต่อเนื่องการเงินการคลังติดลบแต่แก้ไขโดยการกู้หนี้มาใช้หนี้ไปเรื่อยๆ อีกไม่นานฝีจะแตกซึ่งตอนนั้นคนในรัฐบาลก็กินอิ่มพุงปลิ้น ใครจะมาเป็นรัฐบาลต่อต้องรับเคราะห์แก้ปัญหาที่เกินจะเยียวยาไปแล้ว และในระหว่างนั้นศาลรัฐธรรมนูนและกลไกลการถ่วงดุลอำอาจอื่นๆจะถูกยกเลิก เมื่อมีมวลชนไม่พอใจรัฐบาลลุกขึ้นแสดงออกหรือต่อต้านก็จะมีกลุ่มคนเสื้อแดงลุกขึ้นมาปกป้องรัฐบาลโดยใช้ความรุนแรงโดยที่ตำรวจทำเป็นมองไม่เห็นแถมยังเป็นกระบอกเสียงโยนความผิดให้กลุ่มผู้ชุมนุม ... ฯลฯ
ผลลัพธ์ของการปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง กฏหมายสำคัญๆจะถูกแก้ไขให้รัดกุมขึ้น การโกงการเลือกตั้งใจทำได้ยากขึ้นและบทลงโทษรุนแรงขึ้นทั้งตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิตและต้องติดคุกด้วย พรรคการเมืองที่เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์จะถูกกันไว้ด้วยกฏหมายพรรคการเมืองที่เข้มงวด คนที่ตั้งใจจะมาทำงานเพื่อประชาชนอย่างบริสุทธิ์ใจจะมีโอกาสสู้กับฐานอำนาจเดิมได้ การกระจายอำนาจการบริหารงานสู่ท้องถิ่นรวมทั้งงบประมาณจากส่วนกลางที่มากขึ้นและเท่าเทียมทำให้โครงการประชานิยมไร้ความหมายไปเลย คดีทุจริตไม่มีหมดอายุความ ประชาชนผู้เสียหายสามารถฟ้องร้องคีดทุจริตได้ การจัดระเบียบโครงสร้างตำรวจให้ได้รับอำนาจการปฏิบัติการโดยตรงจากส่วนภูมิภาคไม่ต้องอึดอัดใจเมื่อต้องฟังคำสั่งจากส่วนกลาง
การปฏิรูปประเทศจะใช้เวลาประมาณ 1 ปี หรือ เกินกว่านั้นไม่เกิน 6 เดือน สภาประชาชนที่จะมีจำนวน 500 คน จะต้องห้ามเป็นนักการเมืองและหลังจากเข้าร่วมสภาพประชาชนจะห้ามทำงานการเมืองต่อไปอีก 5 ปี ใช้วิธีการให้ทุกสาขาอาชีพคัดเลือกตัวแทนกันเองแล้วส่งมานั่งในสภา 400 คน ส่วนอีก 100 คนจะเป็นการคัดเลือกโดนกลไกลเดียวกับการคัดเลือกสว. ซึ่งโปร่งใสและยอมรับได้ สาเหตุที่ต้องมีการคัดเลือก 100 คน เพราะต้องการเก็บตกคนที่ไม่ได้รับคัดเลือกเป็นตัวแทนจากสาขาอาชีพเนื่องจากไม่ได้เป็นคนที่มีบทบาทในสาขาอาชีพนั้นๆชัดเจน แต่เป็นคนดีมีจิตที่ทำงานเพื่อสังคมมาอย่างต่อเนื่องโดยจะมีการเสนอรายชื่อได้จากทุกภาคส่วนแล้วจะใช้กระบวนการเดียวกับการคัดเลือกสว.(ไปถามอากู๋เองว่ามีขั้นตอนยังไง) หลังจากได้สภาประชาชนแล้ว ก็จะเริ่มแก้ไขกฏหมายหลักๆปฏิรูปองค์กรที่เกี่ยวข้องกับระบบการเลือกตั้งเป็นหลัก พอทำเสร็จก็จะยุบสภาประชาชนแล้วมาเลือกตั้งกันครับ คราวนี้ก็ออกมาจุดเทียนรณรงค์ให้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งกันเยอะๆนะครับ เราจะได้มีสส.ที่เป็นตัวแทนของทุกคนอย่างแท้จริง
วิธีการคัดเลือกอีก 100 คน ที่ต้องการเก็บตกคนดีๆมีประวัติทำงานเพื่อสังคม โดยจะใช้วิธีเดียวกับการคัดเลือก สว.สรรหาครับ ให้ประชาชนส่งรายชื่อมาแล้วให้ คณะกรรมการสรรหาสมาชิกวุฒิสภา เป็นคนเลือกครับ การสรรหาสมาชิกวุฒิสภา จะเป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2550 สรุป คือ ผู้ดำเนินการ ประกอบด้วย คณะกรรมการสรรหาสมาชิกวุฒิสภา มีจำนวน 7 คน ดังนี้
1) ประธานศาลรัฐธรรมนูญ
2) ประธานกรรมการการเลือกตั้ง
3) ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน
4) ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
5) ประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน
6) ผู้พิพากษาในศาลฎีกาที่ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกามอบหมาย และ
7) ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดที่ที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุดมอบหมาย
http://www2.ect.go.th/about.php?Province=senator54&SiteMenuID=6668
บางคนอาจจะเข้าใจว่าหลักประชาธิปไตยมันคือการเลือกตั้ง แต่จริงๆไม่ใช่ทั้งหมดนะครับ บิดาแห่งประชาธิปไตยอย่าง โทมัส เจฟเฟอร์สัน ก็บอกให้ประชาชนลุกมาต่อต้านรัฐบาลทรราช และต้องไม่ยืดติดกับกฏหมายจนประเทศชาติเสียหาย นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของหลักประชาธิปไตยสากลเหมือนกันครับ
“เมื่อการใช้อำนาจไม่ชอบ การฉกฉวยดำเนินไปต่อเนื่องไม่ผันแปร ... จะเป็นระบบทรราชแบบสมบูรณ์ จึงเป็นสิทธิเป็นหน้าที่ของประชาชนที่จะล้มล้างรัฐบาลเช่นนั้นเสีย” ในคำปรารภรัฐธรรมนูญฝรั่งเศสปี 1793 ก็มีกำหนดไว้หลายมาตรา เช่น มาตรา 27 “... เมื่อรัฐบาลละเมิดสิทธิของประชาชน ประชาชนย่อมต้องลุกฮือขึ้นต่อต้าน โดยถือว่าเป็นสิทธิที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด และเป็นหน้าที่ที่จักขาดเสียไม่ได้มากที่สุด” และยังมีคำยืนยันสิทธินี้ในรัฐธรรมนูญอีกหลายประเทศ และยังมีกำหนดไว้โดยนัยยะในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนด้วยเช่นกัน การใช้สิทธิดังกล่าวส่วนใหญ่ต้องมีการยกเลิกกฎหมายหรือละเมิดกฎหมายบางข้อ แต่ก็มีการอ้างได้ว่าเป็นการกระทำเพื่อประโยชนสูงสุดของประเทศชาติ เช่น โทมัส เจฟเฟอร์สัน กล่าวว่า “การเคารพกฎหมายอย่างเคร่งครัดเป็นหน้าที่ที่สูงส่งอย่างไม่ต้องสงสัยของพลเมืองที่ดี แต่การรักษาประเทศของเราจากอันตรายเป็นพันธกิจที่สูงกว่า การสูญเสียประเทศของเราโดยการติดยึดกับกฎหมายที่ตราไว้โดยสำนึกทางศีลธรรมของเรา จะเท่ากับเป็นการสูญเสียระบบกฎหมายทั้งหมด ชีวิต เสรีภาพและทรัพย์สินทั้งหมดของเรา จึงเท่ากับเป็นการเสียสละเป้าหมาย (ประเทศและชีวิต) เพื่อรักษาเครื่องมือ (คือตัวบทกฎหมายบางข้อ – ผู้เขียน) ไว้อย่างไร้เหตุไร้ผลโดยสิ้นเชิง”
http://www.komchadluek.net/mobile/detail/20131210/174569.html
ขอเชิญชวนข้าราชการในกระทรวงอื่นๆออกมายืนอยู่ฝั่งมวลมาหาประชาชนตามที่กระทรวงสาธารณะสุขได้แสดงจุดยืนไปแล้ว และขอให้ครูบาอาจารย์รวมทั้งนิสิตนักศึกษาปัญญาชนงดการเรียนการสอนแล้วออกมาร่วมแสดงพลังต่อต้านรัฐบาลที่หมดความชอบธรรมทั้งทางนิติรัฐและนิติธรรม ดูตัวอย่างเด็กม.1 ยังออกมาแสดงตัวสนับสนุนมวลมหาประชาชนแล้วพวกท่านจะทนนิ่งเฉยอยู่ได้อย่างไร
ทุกคนลองคิดตามนะครับว่าทำไมมีการต่อต้านจากมวลชนที่มาจากทุกภาคส่วน ทุกชนชั้น ทุกเชื้อชาติ ทุกกลุ่มสาขาอาชีพโดยเฉพาะหมอและพยาบาลรวมทั้งแพทย์ชนบท ไม่เว้นแม้แต่ชาวไทยภูเขาที่ได้ออกมาร่วมแสดงออกถึงจุดยืนอย่างแน่วแน่ รวมทั้งตัวผมซึ่งขอมีส่วนร่วมสนับสนุนการปฏิรูปประเทศก่อนเลือกตั้ง เพื่ออนาคตที่ดีกว่าของประเทศชาติและประชาชนคนไทยทุกคนตราบเท่าชั่วลูกชั่วหลานครับ การใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูนเพื่อแสดงออกถึงการไม่ยอมรับรัฐบาลที่ทรยศต่อเสียงความไว้วางใจของประชาชน มาตลอดเกือบ 3 เดือนของกปปส.ไม่สามารถทำให้รัฐบาลที่หมดความชอบธรรมทั้งทางหลักนิติรัฐและทางหลักนิติธรรมรู้สึกละอายต่อสิ่งที่พรรคพวกตนเองได้กระทำขึ้น จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องแสดงอริยะขัดขึ้นขั้นสูงสุดเพื่อยกระดับการกดดันรัฐบาลให้ลาออกจากเป็นรัฐบาลรักษาด้วยการปิดกรุงเทพ ถึงแม้ว่ามันเป็นการกระทำที่ผิดกฏหมายและละเมิดสิทธิของผู้อื่น แต่อยากให้ทราบทุกท่านทราบว่าแนวทางการต่อสู้ในขณะนี้เป็นแนวทางการต่อสู้แบบสันติปราศจากอาวุธ ที่ในขณะนี้ทั่วโลกต่างยอมรับและยกย่องชมเชยให้เป็นตัวอย่างการต่อสู้เรียกร้องสิทธิแบบอริยะชนอย่างแท้จริง