
อำนาจที่ใช้ไม่เป็นธรรม...ย่อมเผาไหม้ผู้ใช้เอง!
โดย สิริอัญญา
วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2557
พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เคยเขียนอารัมภบทไว้ในหนังสือ “ปรัชญาแผ่นดิน” มีเนื้อความกินใจและเป็นสัจธรรมว่า ...
“ชาติบ้านเมืองเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นเรื่องของถิ่นกำเนิดที่ดำรงอยู่ ด้วยหยาดเหงื่อ ชีวิต และสัจธรรม
ไม่อาจเข้าครอบครองได้ด้วยความรุนแรง โดยปราศจากสติและความยั้งคิด ไม่อาจยึดถือเป็นของส่วนตัวได้
ผู้ที่ใช้ความรุนแรงโดยปราศจากแนวทาง (ธรรม) จะต้องพ่ายแพ้ ผู้ที่ยึดถือ (บ้านเมือง) เป็นส่วนตัว จะต้องสูญเสียอำนาจ
เพราะอำนาจเป็นธรรม คืออธิปไตยของปวงชน อันเป็นสัจธรรมแท้ที่บัณฑิตพึงทำให้บังเกิดขึ้น เพื่อความมั่นคงของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และความสันติสุขของราษฎร”
พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ เขียนคำปรารภนี้และได้ประพฤติปฏิบัติให้เห็นเป็นที่ประจักษ์มาแล้ว จึงทำให้ 8 ปีของตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สามารถฟันฝ่าสารพัดสารพันปัญหาที่หนักหน่วงรุนแรง และทำให้บ้านเมืองเจริญรุ่งเรืองร่มเย็นเป็นสุข
ทั้ง ๆ ที่ 8 ปีนั้นเป็น 8 ปีของการแก้ไขปัญหาร้ายแรงของประเทศ ที่สำคัญคือ
เรื่องแรก พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ไม่ได้มีพรรคการเมืองเป็นของตนเอง และไม่เคยที่จะจัดการใด ๆ เพื่อให้พรรคการเมืองทั้งหลายมาสนับสนุน กรณีเป็นเรื่องที่พรรคการเมืองทั้งหลายเห็นความจำเป็นและเหมาะสมที่สุดที่จะต้องเชิญคนดีศรีอยุธยามาเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นห้วงเวลาที่การเมืองไทยมีเสถียรภาพมากที่สุด
เรื่องที่สอง ปัญหาความมั่นคงร้ายแรงชายแดนตะวันตก ชายแดนอีสาน ชายแดนตะวันออก ชายแดนใต้ ซึ่งเป็นสงครามสองลักษณะ คือเป็นสงครามภายในประสานกับสงครามภายนอก ระหว่างประเทศประชาธิปไตยประเทศเดียวที่เหลืออยู่ในเอเชียอาคเนย์กับลัทธิคอมมิวนิสต์ซึ่งกำลังแพร่ขยายและรุกคืบอย่างไม่หยุดยั้งอยู่ในขณะนั้น ได้รับการแก้ไขให้เกิดความสงบสุขตลอดแนวชายแดนทุกด้าน เป็นที่อัศจรรย์ใจแก่ชาวโลก
เรื่องที่สาม ปัญหาสงครามกลางเมืองภายในประเทศที่กองทัพปลดแอกประชาชนแห่งประเทศไทยของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยได้ขยายพื้นที่สู้รบออกไปอย่างกว้างขวางถึง 47 จังหวัด ได้รับการแก้ไขให้กลับคืนสู่ความเป็นปกติสุข และพลพรรคของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยได้กลับเข้าร่วมพัฒนาชาติไทย กลับสู่อ้อมอกอันอบอุ่นของครอบครัวพี่น้องอีกครั้งหนึ่ง
เรื่องที่สี่ ปัญหาวิกฤตทางเศรษฐกิจที่ร้ายแรงที่สุด ทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการเงิน ประเทศไทยถูกโจมตีค่าเงินและต้องลดค่าเงินบาทถึงสองครั้ง แต่ก็สามารถฟันฝ่าแก้ไขปัญหาได้อย่างยอดเยี่ยมเป็นที่ประจักษ์
เรื่องที่ห้า การพัฒนาประเทศที่ชะงักงันมาตั้งแต่หลังสิ้นจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ก็ได้พัฒนาก้าวหน้าไปครั้งใหญ่ที่สุดในห้วงเวลาที่ยาวนานที่สุดถึง 8 ปี ประเทศไทยเข้าสู่ยุค “โชติช่วงชัชวาล”
ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านั้น ถ้าจะถามว่าพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ มีความฉลาดปราดเปรื่องสามารถในทุกด้านแต่เพียงผู้เดียวหรือ? หามิได้ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ อาจจะเก่งกล้าสามารถ ทรงปัญญาวิชาคุณในด้านใดด้านหนึ่ง แต่ความสำเร็จเหล่านั้นได้มาเพราะ
ประการแรก เพราะพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ เป็นคนดีมีฝีมือ คิด พูด และทำ ในสิ่งที่ดี ในสิ่งที่เป็นความดีแก่บ้านเมือง ทุกเรื่องทุกราวรวมศูนย์อยู่ที่เป้าหมาย “เกิดมาต้องตอบแทนคุณแผ่นดิน” ไม่มีสิ่งใดที่เป็นผลประโยชน์ส่วนตัวเลย แม้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ก็ไม่ได้มีสมบัติพัสถานอะไร ยังคงต้องอาศัยบ้านหลวงตามสิทธิ์ที่ทางราชการมอบหมายให้เท่านั้น
ประการที่สอง เพราะพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ใช้คนดีมีฝีมือ ไม่เคยที่จะคิดเห็นว่าคนในตระกูลเดียวกันหรือเพื่อนพ้องรุ่นเดียวกันมีความสำคัญมากกว่าคนอื่น ขอให้เป็นคนดีมีความสามารถก็ใช้สอยได้ทั้งนั้น
การใช้คนของพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ก็เหมือนดั่งที่เล่าปังกล่าวกับบรรดาแม่ทัพนายกองทั้งหลายหลังจากเสร็จศึกกับพระเจ้าฌ้อปาอ๋องแล้ว คราวนั้นเล่าปังกล่าวว่า
“การวางแผนการกำหนดยุทธศาสตร์ต่าง ๆ ข้าสู้เตียวเหลียงไม่ได้ การนำทัพเข้าทำศึกสงคราม ข้าสู้ฮั่นสินไม่ได้ การระดมกำลังพลและเสบียงอาหารตอบสนองแก่กองทัพ ข้าสู่เซียวเหอไม่ได้ แต่สิ่งที่เตียวเหลียง ฮั่นสิน และเซียวเหอ สู้ข้าไม่ได้คือข้าสามารถใช้สอยเตียวเหลียง ฮั่นสิน และเซียวเหอ ให้แต่ละคนใช้ความสามารถสูงสุดของตนได้สำเร็จ”
แล้วถามว่าทำไมระบอบทักษิณซึ่งมีพรรคการเมืองหลักและพรรคบริวารจำนวนมาก มีนักการเมืองขี้ข้าจำนวนมาก มีเงินมาก มีสื่อทาสมาก มีบริวารทาสมาก มีเพื่อนพ้องในต่างประเทศมาก จึงเป็นที่เคียดแค้นชิงชังที่คนทั้งหลายต้องการขับไล่กวาดล้าง จนต้องร่อนเร่เป็นสัมภเวสีเล่า?
คำตอบก็คือ ธรรม อำนาจที่ไม่เป็นธรรม ยิ่งใช้ก็ยิ่งร้อน ยิ่งเผายิ่งผลาญผู้ใช้ จนกลายเป็นผุยผงในที่สุด โดยมิพักต้องสงสัยใด ๆ เลย และนี่คือสิ่งที่ผู้คนในระบอบทักษิณไม่เข้าใจและกำลังตกอยู่ในกองไฟประลัยกัลป์แห่งอำนาจที่ไม่เป็นธรรมนั้น!

โดย สิริอัญญา
วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2557
พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เคยเขียนอารัมภบทไว้ในหนังส
“ชาติบ้านเมืองเป็นสิ่งศักด
ไม่อาจเข้าครอบครองได้ด้วยค
ผู้ที่ใช้ความรุนแรงโดยปราศ
เพราะอำนาจเป็นธรรม คืออธิปไตยของปวงชน อันเป็นสัจธรรมแท้ที่บัณฑิต
พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ เขียนคำปรารภนี้และได้ประพฤ
ทั้ง ๆ ที่ 8 ปีนั้นเป็น 8 ปีของการแก้ไขปัญหาร้ายแรงข
เรื่องแรก พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ไม่ได้มีพรรคการเมืองเป็นขอ
เรื่องที่สอง ปัญหาความมั่นคงร้ายแรงชายแ
เรื่องที่สาม ปัญหาสงครามกลางเมืองภายในป
เรื่องที่สี่ ปัญหาวิกฤตทางเศรษฐกิจที่ร้
เรื่องที่ห้า การพัฒนาประเทศที่ชะงักงันม
ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านั้น ถ้าจะถามว่าพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ มีความฉลาดปราดเปรื่องสามาร
ประการแรก เพราะพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ เป็นคนดีมีฝีมือ คิด พูด และทำ ในสิ่งที่ดี ในสิ่งที่เป็นความดีแก่บ้าน
ประการที่สอง เพราะพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ใช้คนดีมีฝีมือ ไม่เคยที่จะคิดเห็นว่าคนในต
การใช้คนของพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ก็เหมือนดั่งที่เล่าปังกล่า
“การวางแผนการกำหนดยุทธศาสต
แล้วถามว่าทำไมระบอบทักษิณซ
คำตอบก็คือ ธรรม อำนาจที่ไม่เป็นธรรม ยิ่งใช้ก็ยิ่งร้อน ยิ่งเผายิ่งผลาญผู้ใช้ จนกลายเป็นผุยผงในที่สุด โดยมิพักต้องสงสัยใด ๆ เลย และนี่คือสิ่งที่ผู้คนในระบ











