มีหลายคน ให้ความรู้คนที่ถามว่า "ระบอบทักษิณ"เป็นอย่างไร ผมจึงอยากบอกคนเหล่านั้นให้รู้ว่า"ระบอบทักษิณ" เป็นอย่างไร ไม่อยากเก็บความรู้ไว้คนเดียว เพราะคนที่ไปฟังด้วยกันจำนวนมากก็คงอาจจะลืมไปแล้ว แต่ผมช็อตโน๊ตเอาไว้ แล้วนำมาเรียงเป็นทบความนี้
สวัสดี.ครับ...! ลองอ่านดู ถ้าเห็นว่าเป็นประโยชน์ก็กันช่วยแชร์ "ระบอบทักษิณ" เพื่อให้ความรู้กับคนไทยทุกคน
แกะรอยทักษิณ "ระบอบทักษิณ" ยุทธศาสตร์ฟินแลนด์
ณ โรงแรมรัตนโกสินทร์
วันที่ 25 เมษายน 2549
บรรยายโดย อมร อมรรัตนานนท์
เกริ่นนำ
อมร อมรรัตนานนท์ อดีตกรรมการยุทธศาสตร์“พรรคไทยรักไทย”ซึ่งทนไม่ได้ต้องออกจากพรรคไทยรักไทย ได้บรรยายว่าพรรคไทยรักไทย ในขณะนั้นได้มีการระดมอดีตผู้ร่วมพรรคคอมมิวนิสต์ นักวิชาการ นักกฎหมาย นักการเมือง นักเศรษฐศาสตร์ เพื่อทำการวิเคราะห์สังคมไทย
ต่อมาจึงได้ ข้อสรุป ของคนใน"ระบอบทักษิณ"ในครั้งนั้นว่าสังคมไทยเป็นสังคมที่ติดยึดกับระบบวัฒนธรรม ประเพณี มากด้วยพิธีรีตอง มีวิธีการ มีขนบธรรมเนียมประเพณีที่ซับซ้อน ที่สำคัญมีพระมหากษัตริย์ที่มีความสำคัญโดยฐานะที่เป็นประมุขแห่งประเทศ โดยปกครองระบอบประชา
ธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข จึงมีความเห็นในกลุ่มเสวนาว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ทำให้ขั้นตอนการดำเนินการบริหารประเทศมีขั้นตอนมาก จะทำอะไรต้องมีการให้พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจเสมอ ผู้บรรยายได้กล่าวว่าในที่ประชุมเสวนามีข้อคิดว่าต่อไปต้องลดบทบาทของพระมหากษัตริย์ลง ได้มีการสรุปในส่วนที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์ว่าต้องให้พระมหากษัตริย์เป็นเพียง“สัญลักษณ์”ไม่ควรมีบทบาทไม่ต้องทำเรื่องอะไรที่เป็นราชพิธี ต้องทูลเชิญเสด็จพระราชดำเนินฯ บางเรื่องบางอย่างต้องเป็นหน้าที่ของรัฐบาลดำเนินการเอง ดังที่เราจะเห็นว่ารัฐบาลปัจจุบันกำลังดำเนินการไปตามที่ได้วางเจตนารมณ์ไว้ดังเหตุการณ์ที่ส่อแววว่า เป็นความจริง เช่น
1. เหตุการณ์แต่งตั้งพระผู้ปฏิบัติการแทนสมเด็จพระสังฆราชฯ ที่ไม่ต้องให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแต่งตั้ง แค่ดำเนินการโดยรัฐบาล เป็นต้น
2. เหตุการณ์ทำบุญประเทศที่นายก “ทักษิณ” ไปเป็นประธานที่วัดพระแก้วฯ โดยนั่งตรงที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเคยประทับ เป็นต้น
บันได 5 ขั้นของ “ระบอบทักษิณ”
ที่ประชุมยุทธศาสตร์ฟินแลนด์ได้กำหนดแนวทางการดำเนินการของพรรคไทยรักไทย โดยได้ลงปฏิญญาร่วมกัน เรียกว่า “ บันได 5 ขั้น”ดังนี้
1. ระบบราชการ พวก“ระบอบทักษิณ”ได้วิเคราะห์ว่าสังคมไทยกำลังก้าวเข้าสู่ทุนนิยม อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้จึงมีแนวคิดทำนโยบายเปลี่ยนแปลงเป็น“ระบบทุนนิยม ของพรรคไทยรักไทย”ในขณะนั้นอย่างพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินเช่น
- ต้องเปลี่ยนระบบราชการที่มีขั้นตอนมากมาย ระบบราชการมีระเบียบมาก ทำให้อืดอาดยืดยาด และต้องทำระบบราชการให้เป็นระบบอุปถัมภ์โดย “ไทยรักไทย”เพราะระบบราชการล้าหลังเป็นอุปสรรคต่อระบบทุนนิยม จึงต้องรื้อระบบราชการใหม่ให้รวดเร็วเรียกว่า“ปฏิรูประบบราชการ”แต่ปัญหาขณะนี้กลับต้องมาคิดว่าเราทำเพื่อใคร เพื่อประชาชนจริงหรือไม่ หรือเพื่อทักษิณและพวกพ้องหรือพรรคไทยรักไทยและกลุ่มมุ้งต่างๆ ในพรรคไทยรักไทยที่เรียกว่า“ระบบ CEO” ใครได้ประโยชน์ เป็น CEO จริง หรือว่าอำนาจจริงๆแล้วไปรวมศูนย์ที่ทักษิณแต่เพียงผู้เดียวเช่นผู้ว่าCEO,ผู้แทนฯองค์คณะบุคคล คณะต่างๆ ข้าราชการและองค์กรอิสระ ถูกแทรกแซง แทรกซึม แทรกลึก ล้วงลูกใครทำไม่ถูกใจก็จะถูกปลด ถูกย้าย ทุกคน ทุกฝ่าย ถูกจำกัดไม่สามารถคิดวิจารณ์ได้ต้องถามว่า“นายกจะเอาอย่างไร” ถ้าไม่ตรงความคิดจองนายกฯที่ชื่อว่า“ทักษิณ”ในขณะนั้นก็ทำไม่ได้ นี่ก็ถือว่าไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
- ใช้เงินเข้าครอบงำ ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของกลไกของรัฐ ทุกภาคส่วนต้องหมดอิสระทางความคิด ทำให้ขาดประสิทธิภาพในการทำงาน การทำงานทุกกระทรวง ทบวง กรม ทุกระบบต้องตอบสนองผลประโยชน์ของทักษิณ และพรรคพวกพ้อง
- ข้าราชการกำลังถูกปรับลดฐานะให้เป็นเพียงพนักงานของรัฐ คำว่าข้าราชการ คือ
“ ข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ” แต่พนักงานของรัฐน่าจะหมายถึง “ พนักงานของรัฐบาลทักษิณ ” เป็นการลดความสำคัญของข้าราชการว่าไม่ต้องเป็นข้าราชการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวใครรับได้บ้าง
2. ระบบเศรษฐกิจ ได้วิเคราะห์ว่าปัจจุบันระบบเศรษฐกิจเป็นระบบทุนนิยมแต่เป็นแบบ
“เศรษฐกิจทุนนิยมผูกขาด”จึงมีแผนที่จะดำเนินการในรูปแบบ“เศรษฐกิจพิเศษ”ต้องเปลี่ยนระบบเกษตรดั้งเดิมที่ทำแบบชาวบ้านแบบที่ทำกันในภาคเกษตรชนบทปัจจุบันให้เป็นเกษตรบริวาร หมายความว่า ต้องมีผู้จัดการใหญ่ มีนายทุนข้ามชาติลงทุน แล้วเกษตรกรที่ไปเป็นบริวารเป็นเครือข่าย เช่นที่เห็นชัด ๆ กรณีที่มีนโยบายให้เลี้ยงไก่ในระบบปิด ใครจะทำต้องเป็นบริวารของบริษัท CP เป็นต้น
หรือเป็นแบบเกษตร อุตสาหกรรม เมื่อนายทุนกว้านซื้อที่ดินแล้วอาจให้เกษตรกรเช่าทุกอย่างต้องเอาจากนายทุนไม่ว่าจะเป็นค่าเช่า ค่าปุ๋ย ยา น้ำมันและต้องส่งผลผลิตขายให้นายทุนที่ตนไปเป็นบริวาร ไม่สามารถต่อรองอะไรได้ ที่ดินที่มีโฉนด,นศ.3จะถูกกว้านซื้อนำไปปั่นหุ้นใตลาดใน
หลักทรัพย์ คนไทยหรือเกษตรกรไทยอาจไม่มีที่ดินเป็นของตนเอง ต้องเช่าหรือเป็นลูกจ้างนายทุน คนไทยจะไม่แผ่นดินอยู่เป็นของตนเองจริง ๆ
รัฐบาลทักษิณในขณะนั้นพยายามจะออกกฎหมายให้ต่างชาติเช่าหรือถือครองที่ดินได้ 50-99 ปี แต่ถูก "พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยต่อต้านจนต้องยุติเรื่องนี้ไป จึงเป็นสิ่งที่น่ากลัวอย่างยิ่ง เพราะในอนาคตลูกหลานเราจะอยู่อย่างไร จะไม่มีที่ให้ยืนอยู่สง่างามในฐานะเจ้าของแผ่นดิน คนไทยต้องเป็นขี้ข้า เป็นทาส ของนายทุนข้ามชาติเต็มประเทศจะเอาอย่างนั้นหรือ
3. สถาบันพระมหากษัตริย์ ทักษิณต้องการให้เป็นแค่ “สัญลักษณ์” ลดพระราชอำนาจ ลดบทบาท ตัดทอน สั่นคลอนสถาบันพระมหากษัตริย์มองข้ามเบื้องสูงมาโดยตลอด ดังพฤติกรรมที่เป็นข่าวอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนี้จนทำให้มีผู้มาเรียกร้อง “ขอคืนพระราชอำนาจให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ที่เห็นอยู่อย่างแพร่หลาย ทั้งในที่แจ้งและในที่ลับ ทั้งในเมืองหลวงและต่างจังหวัด ทุกภูมิภาคทั่วประเทศไทย
4. ระบบพรรคการเมือง ทักษิณและแกนนำพรรคไทยรักไทย ได้ลงความเห็น ลงปฏิญญา กันว่าต้องทำให้เป็นพรรคการเมืองพรรคเดียวคล้ายกับประเทศจีน หรือสิงคโปร์ ดังเช่น
- จีนเป็นพรรคคอมมิวนิสต์พรรคเดียว
- สิงคโปร์ มีพรรคใหญ่พรรคเดียว มีฝ่ายค้านเพียง 2 คน
ทักษิณนำทั้งสองรูปแบบมาผสมผสานกันวางแผนระยะยาว ซึ่งเคยประกาศจะเป็นนายก 20 ปี เป็นต้น
การเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นระบบปกครองแบบใดก็ต้องมีการเลือกตั้ง แม้ระบอบคอมมิวนิสต์ก็ต้องมีการเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นการเลือกตั้งอย่างเดียวไม่ถือว่าเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงทั้งหมด(เฉพาะเรื่องการปกครองระบอบประชาธิปไตยมีตำรามากมาย ต้องขอให้ศึกษากันเอง)พรรคไทยรักไทย ได้ประกาศโยบายประชานิยม สร้างความนิยม จัดโปรโมชั่นลด แลก แจก แถม ให้ประชาชนรากหญ้าได้รับเงินกู้แบบต่างๆ คนไทยระดับรากหญ้า ต้องการอะไรก็ให้ได้ ทำให้ถูกใจชาวบ้านไว้ก่อน ให้อะไรชาวบ้านหรือทำอะไรก็ได้ให้โดนใจชาวบ้าน เพื่อให้ครองใจชาวบ้านให้ได้ ถ้าสามารถครองใจชาวบ้านส่วนใหญ่ได้ก็จะทำให้พรรคไทยรักไทย ได้รับความนิยมจากคนที่กลุ่มมากกว่า เพื่อให้สามารถมีเสียงข้างมากในสภาฯ มีอำนาจทางการเมือง มีอำนาจปกครองประเทศ โดยซ่อนเบื้องหลังที่มีการโกงกิน มีผลประโยชน์ทับซ้อน มีคอรัปชั่น และมีการทุจริตทางนโยบาย มีการเอื้อประโยชน์ให้ตนเอง ครอบครัวและพวกพ้อง
ระบอบทักษิณ ใช้ยุทธศาสตร์ควบรวมพรรค โดยวิธีหากลยุทธ์ในการซื้อพรรคการเมืองหรือเรียกว่าควบรวมพรรคการเมือง ครอบงำสื่อ ครอบครองระบบธุรกิจ แทรกแซงระบบราชการ แทรกแซงองค์กรอิสระ แทรกแซงอำนาจบริหาร อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจตุลาการ โดยใช้เงินมหาศาลด้วยวิธีการให้เงินเดือน ส.ส.,ส.ว.,กกต.,ศาลปกครอง,ศาลรัฐธรรมนูญบางส่วน ให้เงินเพิ่มคนละ 50,000-60,000 บาท ประจำทุกเดือน เมื่อมีผู้ร้องทุกข์ ร้องเรียนทักษิณหรือพวกพ้องก็ไม่ได้ถูกเอาความผิดเพราะซื้อไว้หมดแล้ว ต่อไปจากนั้นก็จะนำไปสู่ระบบประธานาธิบดีในที่สุด
ดังนั้นสิ่งที่สำคัญคือคนไทยต้องหันมาสนใจการเมือง และสนใจหาความรู้ ความเข้าใจในขบวนการประชาธิปไตยให้มากขึ้น เพราะถ้าเราไม่สนใจการเมือง การเมืองจะเล่นเรา จะมีการเอาเปรียบประชาชนทั้งประเทศ พวกเราซึ่งเป็นคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศ ต้องร่วมกันต่อต้าน คัดค้านระบอบทักษิณต่อไปการทำให้พรรคไทยรักไทยเป็นพรรคหนึ่งเดียวของมวลชน หรือเรียกตนเองว่าทำพรรคไทยรักไทยให้เป็น“สถาบันทางการเมือง”ตามที่ทักษิณ และพวกพูดอยู่เสมอ
5. ระบบการปกครอง ระบอบทักษิณ ใช้ระบบราชการเป็นเครื่องมือในการกระจายอำนาจ ได้มีการวิเคราะห์ว่าสังคมไทยว่ากำลังก้าวเข้าสู่ทุนนิยมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้จึงมีแนวคิด วางแผนเปลี่ยนแปลงระบบการเมือง การปกครอง อย่างพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน เช่น ต้องเปลี่ยนระบบราชการที่มีขั้นตอน มีระเบียบมากมาย ทำให้อืดอาดยืดยาด และต้องทำระบบราชการให้เป็นระบบอุปถัมภ์โดย “ไทยรักไทย” เห็นว่าระบบราชการล้าหลังเป็นอุปสรรคต่อระบบทุนนิยม จึงต้องรื้อระบบราชการใหม่ให้รวดเร็วเรียกว่า“ปฏิรูประบบราชการ”ปรับรื้อเป็นระบบ CEO ขึ้นตรงต่อผู้ว่าราชการจังหวัด สวนกระแสการกระจายอำนาจ ทำให้ระบบข้าราชการต้องรับใช้นักการเมืองโดยไม่มีเงื่อนไข ปัญหา คือต้องกลับมาคิดว่า ทักษิณ ทำเพื่อใคร เพื่อประชาชนจริงหรือไม่ หรือเพื่อทักษิณและพวกพ้อง และกลุ่มมุ้งต่างๆ ในพรรคไทยรักไทย
ผู้ว่า CEO, ข้าราชการและองค์กรอิสระ ถูกแทรกแซง แทรกซึม แทรกลึก ถูกล้วงลูกทำไม่ถูกใจก็จะถูกปลด ถูกกำจัดไม่สามารถคิดวิจารณ์ได้ ต้องถามว่า “ นายกจะเอาอย่างไร ” ถ้าไม่ตรงความคิดนายกฯ ก็ทำไม่ได้ เป็นระบอบทักษิณ ไม่เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงที่เรียกว่า “ ระบบ CEO ” ใครได้ประโยชน์ เป็น CEO จริงหรือว่าอำนาจจริงๆ แล้วไปรวมศูนย์ที่ทักษิณแต่เพียงผู้เดียว
ระบอบทักษิณ ใช้เงินเข้าครอบงำ ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของกลไกของรัฐ ทุกภาคส่วนต้องหมดอิสระทางความคิด ทำการลดทอนอำนาจของข้าราชการประจำทุกกระทรวง ทบวง กรม ข้าราชการคนใดปรับตัว ทำตัวยอมอยู่ใต้อำนาจทักษิณ และคณะ( ส.ส.,รัฐมนตรี )หรือบริวารของ ทักษิณ ก็จะมีโอกาสไต่เต้าไปเอาดีได้ในทางราชการCEO ที่ว่านั้นคือลูกสมุนของระบอบทักษิณ แทบทั้งสิ้นทำให้วงราชการขาดประสิทธิภาพในการทำงานทุกกระทรวง ทบวง กรมทุกระบบต้องตอบสนองผลประโยชน์ของทักษิณและพวกพ้องทั้งสิ้น
ข้าราชการกำลังถูกปรับลดฐานะให้เป็นเพียงพนักงานของรัฐ คำว่าข้าราชการ คือ“ข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว”แต่พนักงานของรัฐน่าจะหมายถึง“พนักงานของรัฐบาลทักษิณ”เป็นการลดความสำคัญของข้าราชการว่าไม่ต้องเป็นข้าราชการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ใครรับได้บ้าง
สรุปว่า ระบอบทักษิณ เป็นการประยุกต์เอา สองระบบ เป็นหนึ่งระบอบการเมือง การปกครอง คือนำเอาวิธีการและกระบวนการใน ระบบเสรีประชาธิปไตย นำมาหลอมรวมกับ ระบอบลัทธิสังคมนิยม ที่มีพรรค
คอมมิวนิสต์เพียงพรรคเดียวมารวมกันเป็นระบอบทักษิณ ซึ่งเป็นระบอบเผด็จการทักษิณ นำมาประยุกต์ใช้ในการเปลี่ยนแปลงการปกครอง โดยการแทรกซึมอย่างลุ่มลึกไปที่ละน้อย ๆ อย่างแยบยล โดยอ้างว่าเมื่อ
เลือกตั้งแล้วได้คะแนนเสียงมา 19 ล้านเสียง เป็นความชอบธรรมที่ประชาชนส่วนใหญ่มอบอำนาจให้ แต่เป็นเสียงที่ได้มาไม่บริสุทธิยุติธรรมเพราะเป็นเสียงที่ใช้อำนาจเงินหว่านซื้อมา โดยมีลูกสมุนที่เป็น ส.ส. ,
ส.จ.,ส.ว.ผู้นำชุมชนบางส่วน ผู้ว่า CEO และหัวหน้าส่วนราชการที่ประจบสอพลอ กับเครือข่ายของระบอบทักษิณจนได้ดิบได้ดี เมื่อได้รับแต่งตั้งมาแล้วก็ต้องทำตัวรับใช้ระบอบทักษิณ อย่างซื่อสัตย์
ถ้าขืนปล่อยให้มีรัฐบาล โดยการนำของ ทักษิณ ต่อไปยิ่งนานวันขึ้นก็จะฝังรากหยั่งลึก ออกดอก ออกผลแผ่กระจายไปทั่วประเทศแล้วจะแก้ไขไม่ได้ เพราะวิธีการ ขบวนการในการบริหารประเทศแบบที่ทักษิณใช้นี้จะพัฒนาเป็นระบอบการเมืองปกครองแบบใหม่ซึ่งถึงแม้ ทักษิณจะล้มหายตายจากไปก็จะมีทายาททางการเมืองรับช่วงต่อกันไปไม่มีทางจบสิ้นเหมือนกับการปกครองระบอบคอมมิวนิสต์ที่ผู้นำตายไปแล้วการปกครองระบอบคอมมิวนิสต์ก็ยังอยู่จนตราบทุกวันนี้
ระบอบทักษิณนี้อันตรายกว่า ระบอบคอมมิวนิสต์ เพราะระบอบทักษิณ ใช้อำนาจที่ได้มาในการบริหารประเทศใช้หาประโยชน์ให้ตนเอง ครอบครัว พวกพ้องจะทำให้ประชาชนในชาติจะเป็นเสมือนทาสของระบอบทักษิณจะเดือดร้อนความเป็นอยู่จะยากจนข้นแค้นเพราะเงินถูกดูดไปอยู่กับนายทุนเสียหมดแล้ว
นับแต่นี้ไปสิ่งที่สำคัญคือ คนไทยต้องหันมาสนใจการเมือง และสนใจหาความรู้ ความเข้าใจในขบวนการประชาธิปไตยให้มากขึ้น เพราะถ้าเราไม่สนใจการเมือง การเมืองจะเล่นเรา จะมีการเอารัดเอาเปรียบประชาชนทั้งประเทศ พวกเราซึ่งเป็นคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศ ต้องร่วมกันต่อต้าน คัดค้าน“ระบอบทักษิณ”
ดังนั้นสิ่งที่ต้องการทำในวันนี้ คือ
- สกัดกั้นระบอบทักษิณ
- ต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ (ม.68,190,และม.309) และพรบ.ปองดองแห่งชาติ ที่ทำเพื่อให้เกิดผลพลอยได้ล้างผิดให้ “ทักษิณ” ให้คนโกง ที่มอมเมาหลอกลวงประชาชนให้หลงผิด คิดล้มล้างสถานบันพระมหากษัตริย์ พ้นผิดไปด้วย “ระบอบทักษิณ” ใช้เสียงข้างมากลากไปทำลายระบบรัฐสภา เป็นเผด็จการทางรัฐสภา เป็นการทำลายอำนาจนิติบัญญัติโดยที่ไม่มีจริยธรรมทางการเมือง นักการเมือง(โดยเฉาะนักการเมืองฝ่ายรัฐบาล)ไม่ยึดถือการประพฤติปฏิบัติให้อยู่ในธรรมนองครองธรรม เห็นแกประโยชน์ส่วนตัว ครอบครัว “ตระกูลชิน” และพวกพ้อง
- สนับสนุนให้กำลังใจ องค์กรอิสระ และอำนาจตุลาการ ที่มีศาล เป็นผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่แทนพระราชอำนาพระบาทสมเด็จพรเจ้าอยู่หัว เพื่อให้เกิดความชอบธรรม
- ให้มาร่วมกันต่อสู้ร่วมกันออกแบบปฏิรูปประเทศไทย เป็นการประชาภิวัฒน์ประเทศไทย โดยมวลมหาประชาชนต้องร่วมกันทำการปฏิรูปประเทศไทยกันครั้งยิ่งใหญ่
- เรียกร้องให้มีคนกลางหรือมหาประชาชนหันหน้าเข้าหากัน ละทิ้งอคติส่วนตัวและของกลุ่มต่างๆ ที่เห็นไม่ตรงกันบ้างเล็กๆ น้อยๆ แต่มีสัตรูคนเดียวกันเพื่อมาช่วยกันล้มล้าง “ระบอบทักษิณ” ไปให้สิ้นจากแผ่นดินไทยโดยเร็ว ทันทีทันใด หากปล่อยไว้นานกว่านี“ระบอบทักษิณ”จะยิ่งเข้มแข็งและจะยากที่จะกำจัดให้สิ้นซาก
*******
- ขอเรียกร้องให้ทหารใส่เกียร์ว่าง ใช้หลักอาริยะขัดขืน ทำตนเป็นผนังทองแดง กำแพงเหล็ก คุ้มครองประชาชน อยู่ห่างๆปล่อยให้คนกลางหรือมหาประชาชนปฏิวัติประเทศไทย ปฏิรูปการเมืองไทย แล้วสังคม เศรษฐกิจและการเมืองก็จะกลับมาดีเอง ประเทศชาติจะไม่ติดหล่ม “ระบอบทักษิณ” แล้วสุดท้ายประเทศชาติก็จะเจริญรุ่งเรือง ประชาชนจะไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ จะได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข อย่างยั่งยืนตลอดไป
ดังนั้นทุกฝ่าย ทุกกลุ่ม ทุกๆองค์กร และหรือทุกๆ สถาบัน ที่เรามีสัตรูคนเดียวกัน สรรค์หาผู้ใหญ่ ที่สามารถ เป็นคนกลาง เป็นผู้ร่วมพลังประสานการต่อสู้ให้เป็นหนึ่งเดียว
ทุกฝ่ายควรมีการส่งตัวแทนมาร่วมกัน หันหน้ามาจับเข้าคุยกัน มานั่งเป็นอัศวินโต๊ะกลม ร่วมกันคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ คัดกรองแนวความคิดและวางแผนการต่อสู้ร่วมกัน เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกัน โดยมีเป้าหมายเดียวกันคือ การต่อสู้เพื่อล้มล้างสัตรู“ระบอบทักษิณ”มาคิดวางแผนร่วมกันจนตกผลึกทางความคิดแล้วต่อจากนั้นจะแยกกันตีหรือรวมกันตีก็ค่อยว่ากันไป แต่ต้องมีเป้าหมายเดียวกันคือ การต่อสู้จึงจะชนะ “ระบอบทักษิณ”อย่างเบ็ดเสร็จเด็จขาด
“เราต้องมาช่วยกันคิดวิเคราะห์ และสังเคราะห์ร่วมกันปฏิวัติประเทศไทยกันใหม่ ต้องให้ความรู้ประชาชน ลงพื้นที่สู่ภาคประชาชนระดับท้องถิ่นชนบทให้เร็วที่สุด จึงพอจะแก้ปัญหาให้หนักเป็นเบาหรือจะได้รับความสำเร็จเด็ดขาดได้”
สหพันธ์ครูเพื่อประชาธิปไตย
นวรุจน์ แม้นพยัคฆ์
*******
บทความนี้ผมเชื่อว่าเป็นความจริง เพราะผมแอต ถามคุณอมร อมรรัตนานนท์ เมื่อเร็วๆนี้ ก็ได้รับคำยืนยันว่าเป็นความจริง ยังขอบคุณผมว่า "ขอบคุณที่อุตส่าห์ เอามาโพตส์" ซะด้วยซ้ำไปครับ
*******
Suttpong Lek Leek ผมขออนุญาติโพสให้เพื่อนๆอ่านได้เปล่าครับ
ดีเลย ช่วยกันครับ แต่ระวังนะ เฟส ผมถูก แฮก ไป4 ครังแล้วเพราะแชร์เรื่องนี้(ถ้าให้ดีก๊อปปี้ ไว้ จะได้ไม่หาย นำกลับมา โพสต์ต่อใหม่ได้ ผมวิคราะเปรี่ยบเทียบ ใบ 5 ขันนี้ไว้หลายเวอร์ชั่น ทำไว้ คิดจะทำเป็นรูปเล่ม ครับ แต่กำลังมองหาทุนอยู่ ผมเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงเพราะ คนพูด คือ คุณอมร อมรรัตนานนท์ เป็นคนยืนยันเองว่าเป็นความจริง
คุณ Suttpong Lek Leek คุยกับผมครับ
รับทราบครับ ! เรื่องทำเป็นรูปเล่ม ใช้เงินมากไม่ครับ จะได้บอกเพื่อนๆ ชวยสมทบทุนกัน คิดดี ทำดี มีคนสนับสนุน ครับ
ดีเลย...! ช่วยกันครับ แต่ระวังหน่อยนะ เฟส ผมถูก แฮก ไป 4 ครั้งแล้ว ต้องสมัครใหม่ เพราะแชร์เรื่องนี้(ถ้าให้ดีก๊อปปี้ไว้ แล้วปลิ้้นออกมาอ่านแล้วแจกจ่ายให้ความรู้ในหมู่เพื่อน หรือคนที่เราคุยด้วยได้ และจะได้ไม่หาย นำกลับมา โพสต์ต่อใหม่ได้) ผมวิเคราะห์เปรียบเทียบ บันได 5 ขันนี้ไว้หลายเวอร์ชั่น ทำไว้
คิดจะทำเป็นรูปเล่ม ครับ แต่กำลังมองหาทุนอยู่ ผมเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงเพราะ คนพูด คือ คุณอมร อมรรัตนานนท์ เป็นคนยืนยันเองว่าเป็นความจริงมี14 หน้าA4 ถ้าทำเป็นรูปเล่มพ๊อกเก็ตบุ๊ค คงจะได้ประมาณ 40 กว่าหน้า รวมปก และคำนิยม คำนำ สารบัญ ผมเองก็คำนวนไม่ถูก ไม่เคยทำครับ
ยังไงแล้วผม ลองปรึกษาเพื่อนๆก่อนว่าใครเคยทำมังครับ
**********************************************
ช่วยกันแชร์ครับ
**** มันน่ากลัวมากๆ
**** จริงๆด้วย ผมถึงอยากทุกคนรู้
**** ครับเดี๋ยวจัดการให้ครับ
**** คุณลองหาหนังสือ ที่เสนาะเทียนทอง เขียนเรื่อง ทักษิณ หลังจากเตือน ทักษิณแล้วไม่เชื่อ แล้วนายเสนาะ ก็ไปขึ้นเวที พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แล้วก็เขียนหนังสือแฉถึง นิสันเลวๆ และ ความคิดที่จะเอาเปรียบประชาชนคนไทย มันโคตรชั่วเลย ...เพราะตอนหลัง เสนาะก็กลับไปร่วมรัฐบาล กับยิ่งลักษณ์ ผมยังหาหนังสือเล่มนั้นไม่ได้เลย มันเขียนตอนโกรธต้องเป็นต้องเป็นความจริง
**** หายากเหมือน ถ้าไม่ มีข้อมูลมันคงสั่งเก็บแล้ว หรือคนไม่ให้ราคา เสนาะเลยไม่สนใจ ความคิด ของเสนาะ
**** ในเว็บไม่มีเหรอคับ
นั่นสิ ลอง เซอร์สดูกัน ดีกว่า
**** มีคับเจอแล้ว
**** แชร์มาหน่อย
**** คนน่าจะไม่ให้ราคาเสนะ เพราะคิดว่าขัดแย้งส่วนตัว
คนไทย เห็นเสนาะมามาก ก็หาประโยชน์ส่วนตัวทั้งนั้น
แม้ว-เป็น “ซากศพที่เดินได้“เราเห็นความโหดชั่วเกิดขึ้นมากมายทุกวัน ถ้าคุณคิดว่าโลกเป็นอย่างนั้น คุณคิดผิด เพราะมนุษย์ 6 พันล้านของเรา คนที่ทำให้โลกเดือดร้อน มีเพียงแค่หยิบมือเดียวเท่านั้น” (ทะไลลามะ)
We see wickedness happens everyday, but if you think the whole world is like that, you are wrong. Out of 6 billion humans, the trouble makers are just a handful. (Dalai Lama)
แต่ชาติไทย-แม้วคนเดียวกำลังทำลายความมั่นคงชาติทั้งชาติอยู่..ทั้งๆ ที่..
“โลกมีทุกอย่างพอเพียงสำหรับทุกคน แต่ไม่เพียงพอสำหรับความโลภของคนเพียงคนเดียว” (มหาตมะ คานธี)
The world has everything enough for everyone need, but not enough for one man’s greed. (Mahatma Gandhi)
ดาวตลกไทยคนหนึ่งพูดสิ่งที่มนุษย์ทำ แบบสั้นๆ ง่ายๆ ได้ดีมาก นั่นคือ
“มนุษย์มุ่งหาความสำเร็จ เพราะคิดว่านั่นคือสวรรค์ โดยใช้วิธีการแบบนรกๆ ทั้งสิ้น” (เทพ โพธิ์งาม)
Man seek and acquire heavenly success by ways of hellish methods. (Thep Poe-Ngam)
ทุกสังคม-มนุษย์มีสิทธิจะสู้เพื่อสิ่งที่ดีกว่า เพื่อสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อส่วนรวม แต่มิใช่สู้เพื่อคนชั่วอย่าง “แม้ว” เพียงคนเดียว.. เพราะ..
“เสรีภาพไม่ได้ให้สิทธิที่จะทำสิ่งที่เราพอใจ แต่ให้เราทำสิ่งที่ถูกต้องและถูกกฏหมาย” (นิรนาม)
Freedom does not give us the right to do what we please, but to do what is right and legitimate. (Anonymous)
แม้วเป็นตัวปัญหาหลักแห่งความสงบสุขของชาติไทย หากยังมีแม้วหรือแม้วมีอำนาจทางการเมือง ชาติไทยไม่มีวันเกิดสันติสุข เพราะแม้วเป็นศูนย์รวมแห่งความชั่วช้าของประเทศนี้ ตรงกับนักสืบมือฉมังคนหนึ่งเคยกล่าวว่า
“มันเป็นโลกที่ชั่วและเลวร้ายที่สุด เมื่อคนฉลาดหลักแหลมผันสมองของเขาไปสู่อาชญากรรม” (เชอร์ล็อก โฮล์มส์)
It’s a wicked world and worse of all, when a clever man turns his brain to crime. (Sherlock Holmes)
ที่สำคัญ..แม้วไม่เคยมีจิตใจกตัญญูรู้คุณแผ่นดิน ที่ให้ชีวิตแม้วเกิดและให้ความร่ำรวยกับแม้วเลย จนใครบางคนนึกถึงสุนัข..
เพราะ..หมาดีกว่า “คน” เยี่ยงแม้วอักโข ชนิดท้าพิสูจน์ได้เลยว่า..
“ถ้าคุณนำสุนัขหิวมาตัวหนึ่ง แล้วทำให้มันอิ่ม มันจะไม่กัดคุณ และนี่คือความแตกต่างที่สำคัญระหว่างสุนัขกับ (แม้ว) คน” (มาร์ค ทเวน)
If you pick up a starving dog and make him prosperous, he will not bite you. This is the principle difference between a dog and a man. (Mark Twain)
อภิสิทธิ์แห่งมหาโจรการเมืองแม้วนั้น ต้องอยู่เหนือกฎหมายทุกชนิด ทำผิดได้..โดยไม่ยอมรับผิดและไม่โดนลงทัณฑ์ นั่นเป็นสิทธิพิเศษที่แม้วยึดถือ..แม้ว่า..
“สิทธิพิเศษเป็นศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของความถูกต้อง” (แมรี วอน เอ็บเนอร์ เอสเช่นบาค)
Privilege is the greatest enemy of right. (Mary von Ebner-Eschenbach)
แม้ว-เป็นหัวโจกของ “เด็กเลี้ยงแกะ” แม้ว-โกหกหลอกลวงเก่ง แม้ว “ปั้นน้ำเป็นตัว” ได้ทุกเรื่อง โดยไม่สนว่า..ใครจับโกหกแม้วได้ เพราะแม้ว “เอาสีข้างเข้าถู”แบบหน้าด้านๆ ได้เสมอ ดังนั้น..
“คนฉลาดเชื่อครึ่งหนึ่งที่เขาฟัง แต่คนฉลาดกว่านั้นเขารู้ว่าครึ่งไหนที่ควรเชื่อ” (นิรนาม)
The wise believes only half what he listens, but the wiser knows which half he should believe. (Anonymous)
การเมืองของมหาโจรอย่างแม้วนั้น ถือเอาพวกมากลากไปทุกเรื่อง เพราะแม้วเป็นคณา-ธนา-โจราธิปไตย ที่ใช้ระบบ “เผด็จการรัฐสภา” เอาชนะในสภา ส่วนนอกสภา..แม้วใช้อันธพาลเสื้อแดง ข่มขู่คุกคามอริทางการเมืองตลอด
“กลุ่มคนที่เป็นเสียงข้างมาก ตัดสินความต้องการได้ แต่อาจตัดสินความถูกต้องไม่ได้” (ประสาร มฤคพิทักษ์)
People with majority votes can decide their own wishes, but they may not be able to decide righteousness. (Prasan Mareukaphithak)
“ภาษิตอิตาลี” กล่าวว่า “ยศตำแหน่งไม่ได้ทำให้คนมีเกียรติ คนต่างหากที่เป็นผู้ทำให้ตำแหน่งยศมีเกียรติ”
ดังนั้น คนชั่ว-จึงไม่มีอะไรน่ากลัว คนดี-ต่างหากที่น่ากลัว ยามใดที่คนดีมากมายออกมาต่อสู้ด้วยวลี “ตายเป็นตาย-เจ๊งเป็นเจ๊ง” เมื่อนั้น..คนชั่วอย่างแม้วและสมุนจะรู้ทันทีว่า ถึงเวลาต้อง “ท่องนรก” กันแล้ว
นักธุรกิจยักษ์ใหญ่คนหนึ่งของโลกกล่าวไว้ว่า..
“จงกล้าในตอนที่ผู้คนส่วนมากกลัว แต่จงกลัวในตอนที่ผู้คนส่วนมากกล้า” (วอร์เรน บัฟเฟต์)
Be brave when people are afraid, but be afraid when other people are brave. (Warren Buffet)
ผมขอจบด้วยถ้อยดำรัสแห่ง “สมเด็จพระสังฆราชฯ” ที่ว่า...
“ใจคนอาบพิษร้ายตายทั้งเป็น เป็นคนเลวในสายตาคนดี ไปที่ไหนไม่มีความหมาย เหมือนร่างไร้วิญญาณ ยังไม่ตายก็เป็นซากศพที่เน่าเหม็น” (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
แม้ว-ยังไม่ตาย แม้ว-ยังทำกรรมชั่วให้กับชาติไทยอย่างต่อเนื่อง!
แต่แม้วก็เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีโคตรโกง ที่ถูกประชาชนคนไทยด่าทอมากที่สุดจนทุกวันนี้ ชื่อเสียงแม้วเหม็นคละคลุ้งไปทั่วทั้งโลก..
วันนี้..แม้วจึงเป็น “ซากศพที่เดินได้” หรือ “ตายทั้งเป็น”นานแล้ว..แหวะ.. เหม็น!
!”