นับแต่วันนี้ไปเครือข่ายอำนาจอั้งยี่พรรคแดงล้มหมดท่าแล้วจริงๆ ไม่เหลือสภาพสั่งการใดๆ เพราะทุกแผนการที่คิดพลิกฟ้าแบ่งแยกดิน ถูกแฉ จนหมดสิ้นแผนการที่วางไว้แรมปีแตก...สลายภายในวันเดียว สร้างความปั่นปวน ฐานอำนาจผันแปรอย่างหนัก
ก่อนหน้านี้สายข่าวระดับสากลรายงาน และ เสธ ได้แฉพฤติกรรมชั่วร้ายของรัฐอั้งยี้แดงตลอดมา ว่าได้นำกองกำลังเถื่อนติดอาวุธจากเขมรการ์ดฮุนเซนชุดดำ ที่พรรคแดงเคยใช้ก่อการร้ายในปี 2553 ส่งเข้าไปในกรุงเทพฯ และปริมลฑล บางส่วนแฝงตัวอยู่ในที่ชุมนุม โดยกองกำลังติดอาวุธเหล่านี้พร้อมที่จะสร้างสถานการณ์เลวร้ายขึ้นในที่ชุมนุม ให้เกิดการโกลาหล นำไปสู่สงครามกลางเมือง
ที่ผ่านมาสายข่าว ได้เล็งหมายหัวแกนนำกองกำลังเสื้อแดงติดอาวุธ ผู้สนับสนุนพรรคอั้งยี่แดงในทางภาคเหนือและภาคอีสาน ตามจังหวัดที่เป็นฐานเสื้อแดง เช่น อุดร ขอนแก่น เชียงใหม่เชียงราย กองกำลังเสื้อแดงนี้ได้รับทุนสนับสนุนและอาวุธจำนวนมากจากพรรคแดง และพวกนี้คุยตลอดเวลาว่า พวกมันมีศักยภาพมากพอที่จะแบ่งแยกประเทศเป็นไทยเหนือ ไทยใต้ ได้
ท่านที่ติดตามเพจแฉ มาตลอดจะรู้การปฏิบัติการชั่วของพรรคอั้งยี่แดงที่ถูกเปิดโปง ดังนั้นจึงจะ ต่อจิ๊กซอร์ให้เห็นภาพแผน และการปฏิบัติการชั่ว ของอั้งยี่พรรคแดง หลังวันที่ 22 ม.ค.57 เป็นต้นมาเพิ่มเติมอีก คือ
1. วันที่ 22 ม.ค. 57 รัฐอั้งยี่แดง ประกาศ พรก.ฉุกเฉินฯ หวังให้สมุนชั่วสร้างสถานการณ์รุนแรง
2. วันที่ 23 ม.ค. 57 สายข่าวรายงานว่าโกตี๋ แกนนำ นปช.แดงฮาร์ดคอร์ ปทุมฯ นั้น
- ภายในรังโจรมีการทำเป็นคลังอาวุธ ที่ทำให้สายถึงกับตกตะลึง เพราะมีมากมายมหาศาลมาก โกตี๋ ระบุว่ากองกำลังติดอาวุธเสื้อแดงทั่วประเทศ เตรียมจะลุกฮือขึ้นต่อสู้กับกลุ่มที่ต่อต้านระบอบดูไบ กองกำลังเสื้อแดงได้รับการสนับสนุนจากชายชุดดำฝ่ายชั่ว และชายชุดเขียวทรยศชาติตัวเอง (ภาพถ่ายทั้งหมดอยู่ในมือชาย 3 สีแล้ว)
- โกตี๋ คุยโม้กับสายว่า อาวุธและกองกำลังติดอาวุธที่เห็นเป็นเพียงส่วนน้อย ยังมีกองกำลังติดอาวุธกระจายอยู่ทั่วพื้นที่ในภาคอีสาน และภาคเหนือของไทย และว่า ” พรรคแดงไม่มีวันแพ้พวกอำมาตย์ และพวกนิยมเจ้า ”
3. วันที่ 24 ม.ค.57 จับพวกรับจ้างป่วนและคนในเครื่องแบบ
- ชายชุดดำ 1 คน พร้อมรถมอเตอร์ไซต์สีขาว ติดสติ๊กเกอร์ Police ขว้างประทัดยักษ์ใส่ประชาชน ใต้สะพานข้ามแยกลาดพร้าว ถูกโอบล้อมและจับกุมได้โดยเจอสันติอหิงสวนเข้าไปเต็มรัก จับตัวได้
- ตะลุมบอนจับหญิงชุดดำพลร่ม สังกัดหน่วยจังหวัดลิง ได้ 2 คน แฝงตัวเป็นผู้ชุมนุมจะลอบจับแกนนำ โดยยิงแก๊สน้ำตา 1 ลูก ตกที่สะพานมัฆวานฯ จากนั้นเกิดการตะลุมบอนกันกับชายชุดเขียวกับการ์ด 3 คน ค้นในตัวพกระเบิดควัน จับตัวได้
4. วันที่ 25 ม.ค.57 จับชายจากลพบุรี พลางตัวใส่เสื้อชายชุดเขียวเพื่อเป็นใบเบิกทาง ขนอาวุธสงครามมหาศาล ที่ปทุมฯ รับจ้างขนรถคันนี้ไปจอดทิ้งไว้ริมถนนรังสิต-นครนายกฯ หน้าสวนสนุกดรีมเวิลด์ เพื่อจะนำไปให้พวกฮาร์ดคอร์เสื้อแดงแก๊งค์โกตี๋ปทุม มารับรถขับเข้ากรุงเทพฯ อีกที เตรียมก่อวินาศกรรมลอบโจมตีผู้ชุมนุม
5. วันที่ 26 ม.ค.57 เลือกตั้งล่วงหน้า
- พบเขมรใส่เสื้อขาว 80 คนที่ถูกมวลชนควบคุมตัวส่งโรงพักบึงกุ่ม แล้วต่อมาวิ , พล 2 ผู้สมัคร ส.ส.เผาไทย รีบตามไปถึงโรงพักเพื่อไปกดดันเอาเขมรและพม่าเหล่านี้คืน โดยเปลี่ยนเสื้อใหม่เป็นสีอื่นแล้วปล่อยตัวออกไปปะปนกับฝูงชน
- กุล ผู้สมัคร ส.ส.พรรคอั้งยี่แดง และชายชุดดำฝ่ายชั่ว สั่งสมุนมือปืนเลว 5 คน มาดักยิงสุทินตาย ที่ใกล้วัดศรีเอี่ยม
6. วันที่ 27 ม.ค.57 เห็บหมาแดงลอบกัด ออกอาละวาด
- ปาระเบิดขู่ บ้านนายสำราญ ที่คันนายาว
- ยิงปืนถล่มขู่ บ้านน้องชายรังสิมา กว่า 50 นัด
7. วันที่ 28 ม.ค.57 ชายชุดดำออกโรงเองและจ้างสมุนอันธพาลแดงออกอาละวาด
- ชายชุดดำปลอมตัวมาลอบสังหารแกนนำ ที่หน้าสโมสรชายชุดเขียว ด้วยเสื้อวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เบอร์ 35 " หน้าเซเว่นบางซ่อน" ที่เป็นเสื้อวินก่อคดีฆ่าคนตายมาก่อน แต่ทานกำลังการ์ดและกำลังประชาชนสอนวิชาพลศึกษาไม่ไหว ถูกตะลุมบอนประเคนใส่จนใบหน้าเละเทะ หน้าอกซ้ายยุบ ถูกจับกุมไปอยู่ รพ.พระมงกฎ ต่อมา ผบ.ชายชุดดำ เดินทางไปเองขู่และมอบเงิน 200,000 บาท ขอให้ปิดปาก อย่าซัดทอดคนบงการที่ไปลอบสังหารประชาชน
- ยิงเข้าในรั้ว ปตท. ที่ตั้งเวที กปค. ถูกรถผู้ชุมนุมที่จอดในรั้วกระจกหลังมีรอยกระสุน 2 รู ถูก BB Gun ชายไร้สีนิรนามยิงสวนไปจนพวกหมาขี้เรื้อนใจเสาะแตกกระเจิง
- แก๊งค์เขมรติดอาวุธทีมเดียวปี 53 ยิง M79 วิถีโค้งจากทางด่วนโทลเวย์ ตกในสวนจตุจักร ใกล้กับจุดพักค้างแรมของกลุ่มผู้ชุมนุม สะเก็ดระเบิดถูกรถยนต์ 2-3 คัน มีผู้บาดเจ็บที่ขาเล็กน้อย 1 คน
8. วันที่ 29 ม.ค.57 ผบ.ชายชุดขาวแฉพรรคแดง ต่อกรรมาธิการสภาฯ พร้อมเอกสารราชการ ว่า
- มีรถตู้นำคนจากเขมรเข้ามาทางชายแดน “ภาคอีสาน” เป็นระยะๆ โดยมีชายชุดดำส่วนชั่วเป็นผู้อำนวยความสะดวก มีแกนนำแก๊งค์แดงเป็นผู้ประสานงาน ส่วนหนึ่งไปอยู่แถวตลาดไท และเขตอิทธิพลโกตี๋ย่านปทุมฯ มีนบุรี หนองจอก
- นำเอกสารของหน่วยฯ เมื่อปี 2553 ช่วงการชุมนุมแก๊งค์อั้งยี่แดง พบศพเขมรที่ตายบริเวณหน้าลานพระบรมรูป ร. 6 สวนลุมพินี จำนวน 23 ศพ ตรวจสอบแล้ว ไม่ใช่คนไทย แต่เป็นคนเขมร
- ผู้ตายเหล่านี้เป็นกองกำลังเขมรที่ได้รับการฝึกฝน จัดกำลังเป็นชุดปฏิบัติการพิเศษ มีแผนภูมิการวางกำลัง การเดินแปรรูปขบวน อาวุธประจำกาย มีการดักฟังเสียง และมีรูปถ่ายหลังถูกยิงตาย แก๊งค์แดงฮาร์ดคอร์เก็บศพใส่รถบรรทุกหกล้อ และรถแช่แข็งออกไปด้านสวนลุมฯ
- ตอนเช้าแก๊งค์แดงฮาร์ดคอร์มีการนำคนมาอีก 8 คน ผู้หญิง 3 ผู้ชาย 5 คุมโดยแกนนำแดงคนสำคัญ 1 คน มาเก็บปลอกกระสุน ล้างเลือด เพื่อทำลายหลักฐาน
9. วันที่ 31 ม.ค.57 การ์ดโกตี๋ พกอาวุธเข้ามา คปท.ถูกรุมประเคนความยุติธรรมด้วยดนตรีไทยพื้นบ้าน จนจับตัวได้พร้อมอาวุธเตรียมการมหาศาล บัตรระบุเป็นแก๊งค์โกตี๋ ผู้บริหารนกเหลือง
10. วันที่ 1 ก.พ. 57 ก่อนวันเลือกตั้ง จุดแยกหลักสี่ กรุงเทพฯ
- ตอนบ่าย รัฐอั้งยี่แดง แก๊งค์โกตี๋สร้างสถานการณ์ ตั้งใจจะเข้าปะทะ ฆ่า ทำร้าย ผู้ชุมนุมพุทธอิสระให้ได้หลักร้อย โดยใช้ชายชุดดำในเครื่องแบบ และนอกเครื่องแบบ ร่วมกับแก๊งค์โกตี๋ ยิงประชาชนจากหน้าห้างไอทีสแคว์ก่อน 3-4 นัด
- แต่สิ่งที่นกกระจอกคาดไม่ถึงคือมี “ พยัคฆ์นักรบถุงป๊อบคอร์น” สวนกลับตีโต้ จนแก๊งค์โกตี๋และชายชุดดำชั่วหนีตายกระเจิง แบบขี้หดตดหาย
- ตอนค่ำ โกตี๋ ต้องเผ่นหนีตายออกนอกประเทศ โดยการโทรแจ้งจากชายชุดดำฝ่ายชั่วว่าถูกสั่งตาย
- ช่วงเย็นชายชุดดำชั่วพร้อมอาวุธปืน แฝงกายเข้ามาตรงเข้าทำร้ายหลวงปู่ฯ ระยะ 5 เมตร แต่สามารถบล็อก และระดมดนตรีไทยและสากลจนน่วมตั้งหัวจรดเท้า และจับกุมตัวไว้ มีบัตรประจำตัวข้าราชการ จับตัวได้
- กลางคืน แก๊งโกตี๋ลอบส่งสมุนหมาลอบกัด 2 คน ยิงลงมาจากตึก IT square ใส่ผู้หญิงที่เดินผ่านใกล้ สนง.เขตหลักสี่ จนบาดเจ็บ และถูกชายชุดเขียวและการ์ดหลายสิบคนรุมประเคนสิ่งเทียมไม้ใส่ไม่ยั้งจนสลบเหมือด ถูกจับตัวได้พร้อมอาวุธปืนลูกซอง จับตัวได้หมด
11. วันที่ 6 ก.พ. 57 หลังตกตะลึงจากนักรบป๊อบคอร์น อยุ่หลายวันผีห่าซาตานแก๊งค์แดง ก็ออกอาละวาดที่จุดผู้ชุมนุม 2 จุด
- จับ “ ชายเขมร” จำนวน 1 คน พร้อมหลักฐานพาสปอร์ต ยอมรับว่าได้รับค่าจ้างถูกส่งมาหาข่าวในที่ชุมนุม ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยจับ “ หญิงเขมร “ มาลอดแนมพร้อมหลักฐานการจดบันทึกสอดแนมได้ รับสารภาพว่าได้รับค่าจ้างจาก สส.พรรคแดง ทางภาคอีสาน และที่ผ่านมาเขมร 5 คนถูกจับได้ว่าแฝงตัวเข้าเตรียมก่อการร้าย และหาข่าวในที่ชุมนุม เขมรเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังติดอาวุธ หน่วยค้างคาวปีศาจ หรือหน่วย 911 ที่เคยร่วมก่อการร้ายในกรุงเทพฯเมื่อปี 2553
- ช่วงเย็นแก๊งค์อั้งยี่พรรคแดงสั่งให้ลูกน้องสวะหมาขี้เรื้อน ยิงปืนลูกซองใส่ล้อรถด้านหลังขวา และโยนไฟแช็คไว้ใต้ท้องรถ ที่จอดหน้าตึกศูนย์ราชการอาคารบี เพื่อก่อนกวนไม่ให้การพูดคุยระหว่าง กกต.สมชัย กับ พระพุทธะอิสระ สำเร็จ
- เวลา 20.26 น. ใช้ M79 ยิงจุดชุมนุมที่แจ้งวัฒนะ ลูกแรกลงบนสะพานข้ามเหนือเต้นพยาบาล และลูกที่ 2 ลงในห้องอาบน้ำผู้หญิง หลังเต๊นท์พยาบาล ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
** นี่ไม่นับการก่อเหตุก่อนวันที่ 22 ม.ค.57 โดยกองกำลังติดอาวุธของพรรคแดงอีกนับไม่ถ้วน เช่น การปาระเบิดบ้านบุคคลสำคัญ การปาระเบิดสังหาร RGD-5 รัสเซีย Lot 48 ลอบสังหารแกนนำประชาชนอนุสาวรีย์ และซ้อนรถมอเตอร์ไซต์รับจ้างหนีไปลงใกล้บ้านหญิงกระบังลม
12. แผนระยะถัดไปของแก๊งค์แดง คือ จะใช้ 3 แก๊งค์หลักของตัวเองตอนนี้ (ชายชุดดำใหญ่ในราชการหวังเป็นรัฐมนตรีหลังเกษียณ, ชายชุดเขียวฝ่ายชั่วนอกราชการ, ชายชุดดำชั่วนอกราชการ ) โดยส่งการตรงจากชายดูไบคนเดียว แบบ “แต่ละแก๊งค์ จะไม่รู้ซึ่งกันและกัน” ใช้ให้ฆ่ากันเองสร้างสถานการณ์ ด้วยความเหี้ยมโหด คือ
- ส่งสายลับของ 1 ใน 3 แก๊งค์ พลางตัวทำทีไปมอบอาหารให้ชายชุดดำใน ศรส.และสุวรรณภูมิ เมื่อราว 1 ก.พ.57 แล้วถ่ายภาพความเป็นอยู่กำลังพล และอาวุธ ส่งหัวหน้าแก๊งค์ประเมิน
- หัวหน้าแก๊งหนึ่งจะแสร้งหวังดี (ประสงค์ร้าย) เข้าไปดูการจัดกำลังใน ศรส.ด้วยตาตนเอง ราว 7 ก.พ.57 และเข้าไปสั่งการแทรกแซง ชายชุดดำให้สับสน สั่งให้กองกำลังชายชุดดำต่างจังหวัด หันหัวขบวนรถกลับระหว่างทาง เพื่อตัดกำลังกันเอง
- จะใช้กองกำลังของแก๊งค์ 1 ใน 3 ผสานกับแก๊งค์เขมรหลานเขยฮุนเซน โจมตีสิ่งเทียมตำรวจด้วยอาวุธหนัก เช่น ยิงอาวุธวิถีโค้งเข้าใส่ ศรส.จุดเปราะบางที่ไปถ่ายภาพสืบมา หรือลอบยิงตามจุดตรวจต่างๆ ยามค่ำคืน โดยชายชุดดำผู้ปฏิบัติจะโดนหนักกว่าทางผู้ชุมนุม ตั้งเป้าไว้อย่างน้อยหลักร้อยคน แล้วโยนบาปว่าแกนนำ กปปส.สั่งการ
- อีก 1 ใน 3 แก๊งค์ ลอบโจมตีกลุ่มผู้ชุมนุมจุดที่เปราะบาง ให้คิดว่าเป็นฝ่ายชุดดำผู้ปฏิบัติเป็นคนทำ ให้ชาย 3 สีแสดงตน ใช้อาวุธออกมาปกป้องผู้ชุมนุม หวังประจานต่อสังคม
- รัฐแดงปูเน่า ก็จะถือโอกาสยกระดับประกาศ พรก.ฉุกเฉิน เขตใช้กระสุนจริง ได้โดยชอบธรรมทันที เพียงลงทุนฆ่าชายชุดดำพวกเดียวกันเองหลักร้อยเท่านั้น แล้วก็ใช้เงินหลวงจ่ายเงินเยียวยา 7.5 ล้าน ให้ญาติภายหลัง
ชายดูไบ และแก๊งค์พรรคอั้งยี่แดงนี่มันจะโง่ไปถึงไหน มวลมหาประชาชน จากทุกภาคส่วนทุกชนชั้นของสังคม ที่เขาออกมาด้วยซื่อ จำนวนมากที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ออกมาขับไล่รัฐบาลเทียมปูเท่า ไม่ใช่เพียงการแสดงออกทางการเมืองธรรมดา แต่เป็นรูปแบบการปฏิวัติสังคม มีเป้าหมายล้มล้างผู้นำทุจริต และ ฟื้นฟูประชาธิปไตยที่แท้จริงขึ้นในประเทศไทย
ชาย 3 สี , นักรบนิรนามไร้สี , นักรบสังหารโจรดำ , นักรบถุงป๊อบคอร์น , การ์ด ฯลฯ (ไม่รู้มาจากไหน) เข้าไม่ยอมอีกต่อไปแล้ว ที่จะให้ผีห่าซาตานแดงและกองกำลังเขมร มาทำร้ายผู้ชุมนุมที่เป็นผู้หญิง คนแก่ และเด็ก จำนวนมาก โดย
- ถ้าขืนชายชุดดำจัดกำลังเข้าสลายการชุมนุม ชาย 3 สี ก็จะประกาศกฎอัยการศึกทันที ตามกฎหมายที่ให้อำนาจสภากลาโหม ( รก.รมต.กลาโหมปูเน่า เข้าประชุมไม่ได้) ทุกคนต้องวางอาวุธไม่งั้นจะกลายเป็นกบฎ ถ้าฝ่าฝืนจะถูกใช้ของดีจากภาษีประชาชน ล้อมถล่มหนักจากรอบด้าน จนชายชุดดำต้องสิ้นกรรม และเจ็บเป็นหลักพันคนแน่นอน แม่หม้ายจะเกิดทั้งแผ่นดิน และชาย 3 สี ก็ไม่ผิดกฎหมายด้วย เพราะกฎอัยการศึกคุ้มครอง
- แต่ถ้าจะใช้กองกำลังอันธพาลแดง หรือเขมร มาต่อสู้กับชาย 3 สี แล้วอ้างมือที่ 3 ก็จะต้องเจอดัดหลังด้วยมือที่ 4 นักรบนิรนามไร้สีต่างๆ สวนออกไปด้วย ปีอบคอร์นกู้ชาติ จัด Combo Set ไปให้ ถล่มเละแบบแตกกระเจิง กินจนอิ่มท้องใส้แตกแหลกเหลว หัวเบะนอนหลับสบาย
- จะเอาผิดกับชาย 3 สีก็ไม่ได้ เพราะเขาไม่รู้เรื่องว่าเมื่อที่ 4 เป็นใคร!! เป็นการต่อสู้กันเองระหว่างมือที่ 3 และ 4 แล้วอย่ามาร้องเอ๋งๆ ร่ำไห้ดิ้นพลาดๆ เหมือนคราก่อน
- ตอนนี้ “พ่อครัว” แสนดีร่างกำยำล่ำสัน มาเตรียมคั่วป๊อบคอร์นแจกที่แจ้งวัฒนะ และที่ชุมนุมเรียบร้อยแล้ว ดาหน้ากันเข้ามาเลยทั้งชุดดำชุดเขียวฝ่ายชั่ว และแดงอันธพาล
ดังนั้นก่อนที่ชายชุดดำฝ่ายดี และชายชุดดำผู้ปฏิบัติ จะต้องตกเป็นเหยื่อความโหดของชายดูไบ มีหนทางเดียวเท่านั้นในเวลานี้ คือ ต้องแบ่งงานผนึกกำลังกัน เพื่อป้องกันสูญเสียพี่น้องพวกเดียวกันเอง โดย
1. อาจมีนักรบป๊อบคอร์น เอาพวกอาวุธหนักทั้งหลายที่ยึดได้จากเขมร และสมุนโกตี๋ ไปโยนคืนใส่บ้านครอบครัวชายดูไบ แกนนำพรรคแดงตัวเอ้ และหัวหน้าชายชุดดำฝ่ายชั่ว พวกนี้ขี้ขลาดต้องหนีออกบ้านไปนอกเมือง และสนามบิน ทางด่วนแน่ ๆ
2. ระหว่างทางออกจากบ้านไปนอกเมือง หรือสนามบิน ให้ชายชุดดำฝ่ายดี ส่งสัญญาณต่อ ๆ กัน ลอบประกบรถสังหารครอบครัวชายดูไบ และแกนนำพรรคแดงตัวเอ้ เสียเลย
3. ถ้าพลาดจะมีนักรบป๊อบคอร์นอีกหลายทีม เตรียมสิ่งเทียมอาวุธหนัก ชนิดเล็งแสงเลเซอร์ล๊อกเป้า ปล่อยจากตึกสูง ถล่มใส่ขบวนรถแบบปูพรหม ไม่ให้รอดแม้ยุงสักตัว
พวกมันมีลูกเขย-หลายเขยก็ผสมพันธ์กับเขมร, ชายดูไบก็เป็นที่ปรึกษานายกเขมร, วางแผนก็ไปสุมหัวสั่งการกันที่เขมร, ยิงเสื้อแดง -ทหาร- เผาเมืองปี 53 ก็ใช้กองกำลังเขมร, แกนนำแดงทำผิดก็หนีไปลี้ภัยเขมร, เอาข้าวก็เขมรมาสวมสิทธิ์ข้าวไทย, ปะทะกับนักศึกษารามก็ใช้เขมร, ปราบม๊อบ 26 ธ.ค.56 ก็ใช้บริษัท รปภ.เขมร , เลือกตั้งล่วงหน้าก็เอาเขมรมาลงคะแนน , ส่งสายลับมาจับได้ก็เป็นเขมร, อาวุธก็นำเข้ามาจากเขมร, ลอบโจมตีประชาชนผู้ชุมนุมก็ใช้กองกำลังเขมร
เอาซีวะ..พวกชายชุดดำฝ่ายชั่ว แก๊งค์อั้งยี่แดง และเขมร มันสมคบกันให้มีมือที่ 3 , แล้วทำไมประชาชนผู้ชุมนุมฝ่ายธรรมะ จะร่วมกับชาย 3 สี (เขียว ขาว ฟ้า) ให้มีมือที่ 4 มาปกป้องสวนกลับบ้างไม่ได้..
ให้ความยุติธรรมพวกมันแบบหูดับตับไหม้ด้วยป๊อบคอร์น กับสิ่งเทียมคน ชั่วช้าไทยใจเขมร..มันผิดตรงไหน !!
@เสธ น้ำเงิน
https://www.facebook.com/topsecretthaiSee More
8 ก.พ.57 เผย..ระเบียบหากทหารถูกหาว่าทำความผิด และอำนาจกฎอัยการศึก
1.ระเบียบการปฏิบัติและประสานงานกรณีทหารถูกหาว่ากระทำความผิดอาญา มีดังนี้
1.1. การตรวจค้นยานพาหนะของทางราชการทหาร เช่น รถสงคราม เครื่องบิน เรือซึ่งชักธงราชนาวี ขณะปฏิบัติหน...้าที่ราชการ และมีนายทหารชั้นสัญญาบัตรควบคุมยานพาหนะนั้นมา
- ไม่ให้ตรวจค้นตรวจค้นยานพาหนะของทางราชการทหาร ที่ผู้บังคับบัญชาฝ่ายทหารนั้นมีหนังสือรับรอง
- ไม่ให้ตรวจค้นสิ่งของที่เป็น “ราชการลับทางทหาร ที่ผู้บังคับบัญชาฝ่ายทหารมีหนังสือรับรอง “ (ให้ทหารแสดงหนังสือราชการลับนั้นทันที )
1.2. การจับกุมทหาร
- ในกรณีมีคำสั่งหรือหมายของศาลให้จับทหารผู้ใด ให้ตำรวจ “แจ้งให้ผู้บังคับบัญชาของทหารผู้นั้นทราบเสียก่อน “
- หากทหารผู้นั้นสวมเครื่องแบบอยู่ ไม่ให้ใช้อาวุธระหว่างการจับกุม และไม่ให้ใช้เครื่องพันธนาการ
- ถ้าทหารและตำรวจกำลังก่อการวิวาทกัน ให้รีบรายงานผู้บังคับบัญชาของแต่ละฝ่ายทราบทันที และให้ผู้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้องรีบออกไประงับเหตุโดยเร็ว (ถ้าถูกจับให้ทหารอ้างว่าก่อวิวาทกัน เพื่อให้ระเบียบข้อนี้เกิดผล )
1.3. การควบคุมตัวทหารที่ถูกหาว่ากระทำความผิดอาญาและถูกจับกุมตัวไปยังที่ทำการของตำรวจ
- ถ้าทหารที่ถูกจับกุม และควบคุมตัวขณะสวมเครื่องแบบ “ทหารอย่ายอมถอดเครื่องแบบ”เด็ดขาด เพราะตามระเบียบตำรวจต้องแจ้งฝ่ายทหารทราบ เพื่อจัดส่งฝ่ายทหารมาทันที
-ทหารที่ถูกจับกุมไม่ต้องพูดใดๆ ทั้งสิ้น แต่ให้ขอใช้สิทธิ “พบนายทหารพระธรรมนูญ หรือนายทหารชั้นสัญญาบัตร “ เข้าฟังการสอบปากคำ และประกันตัวออกไปทันที เท่านี้ก็เรียบร้อย
1.4. การส่งสำนวนให้อัยการทหาร
- ทหารผู้ต้องหา ต้องไม่ยอมให้เทียบเป็นอำนาจศาลปกติ แต่ขอไปใช้อำนาจ”ศาลทหาร” แทน
- ตำรวจต้องส่งสำนวนการสอบสวนไปยัง “อัยการทหาร” ต่อไป
เสธ ให้เป็นแนวทางเข้าใจง่ายๆ เผื่อจะมีทหารถูกควบคุมตัว แต่ยืนยันได้ว่าทหารมีเกียรติที่ปกป้องประเทศชาติ พิทักษ์ราชบัลลังค์ หากทหารผู้นั้นถูกคำสั่ง “ ให้ไปราชการลับ “ ก็ไม่ต้องเกรงกลัวและกังวลใดๆ เพราะนายจะไม่ทอดทิ้งแน่นอน
2.กฎอัยการศึก
2.1 เป็นระบบกฎหมายที่มีต้นกำเนิดมาช้านานแล้ว ปัจจุบันใช้กฎอัยการศึก พ.ศ.2457 ผู้มีอำนาจประกาศใช้กฎอัยการศึก ที่สำคัญ คือ ผู้บังคับบัญชาทหาร ดังนี้
- กรณีแรก ผู้บังคับบัญชาทหาร ซึ่งมีกำลังทหารอยู่ในบังคับ “ไม่น้อยกว่าหนึ่งกองพัน”
- กรณีสอง เป็นผู้บังคับบัญชาในป้อม หรือที่มั่นอย่างใดๆ ของทหาร
- จะกำหนดเป็นเขตพื้นที่ หรือจะทั่วราชอาณาจักรก็ได้ แล้วแต่ดุลยพินิจของทหารที่จะประกาศ
2.2 ผลของการประกาศใช้กฎอัยการศึก
- ฝ่ายทหารมีอำนาจเหนือเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือน คือ เรื่องที่เกี่ยวกับการยุทธ เรื่องที่เกี่ยวกับการระงับปราบปราม หรือเรื่องที่เกี่ยวกับการรักษาความสงบเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนต้องปฎิบัติตามความต้องการของฝ่ายทหาร
- แม้คดีอาญาเรื่องนั้นจะมิได้มีอยู่ในบัญชีต่อท้ายกฎอัยการศึก แต่หากผู้บัญชาการทหารสามารถสั่งให้นำคดีอาญานั้นๆ ไปพิจารณาพิพากษาในศาลทหารก็ได้
- ฝ่ายทหาร มีอำนาจในการที่จะตรวจค้น เกณฑ์ ห้าม ยึด เข้าอาศัย ทำลายหรือเปลี่ยนแปลงสถานที่ และขับไล่ได้
2.3 คุ้มครองฝ่ายทหารในการเรียกร้องค่าเสียหายหรือค่าปรับ
- คุ้มครองเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารซึ่งได้กระทำการให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล หรือเอกชน ไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายหรือค่าปรับอย่างใดๆ เพราะถือว่าเป็นการกระทำไปเพื่อประโยชน์ในการรักษาความมั่นคงของชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์
- กฎอัยการศึกถือเป็นกฎหมายสำคัญยิ่ง รองรับอำนาจของฝ่ายทหาร เพื่อให้บรรลุถึงภารกิจในการรักษาความมั่นคงของประเทศชาติ จึงได้ให้อำนาจฝ่ายทหารได้อย่างมากมาย ดังนั้นการสั่งการโดยใช้อำนาจของฝ่ายทหารตามกฎอัยการศึกนี้ ขะต้องมีความจำเป็นอย่างแท้จริง เพื่อประโยชน์สุขของประเทศชาติ
ดังนั้นอย่าลืมว่าถ้าใครคิดชั่ว คิดแบ่งแยกประเทศ ไม่เที่ยงตรงยุติธรรม หมิ่นเกียรติทหาร ขัดขวางการไปปฏิบัติ “ราชการลับ “ และกล้าทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ แค่ผู้บังคับบัญชาทหาร ที่มีกำลังทหารอยู่ในบังคับ “ไม่น้อยกว่าหนึ่งกองพัน” ก็ประกาศพื้นที่นั้น ๆ อยู่ภายใต้กฎอัยการศึกได้เลย
และสามารถจัดการทั้งตำรวจ ข้าราชการ และอันธพาลแดง ที่ขัดขวางต่อสู้ ให้วางอาวุธได้เลยด้วยเครื่องมือกฎหมายนี้ โดยที่ทหารไม่ต้องปฏิวัติ และไม่ต้องรับผิดทางอาญา รวมทั้งไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายหรือค่าปรับใดๆ
เสธ ว่า พวกที่คุยว่ามีระเบิดของใหม่ๆ เป็นลัง มีอาวุธ M79 และ RPG ที่จะใช้โจมตีจุดนั้น จุดนี้นั้น ชาย 3 สี เขารู้พิกัดจุดเก็บ ขนย้าย ขบวนการหมดแล้ว นับแต่นี้แหล่งซ่องสุม คลังเก็บอาวุธ ผู้เกี่ยวข้อง อาจจะถูกชายไร้สีนิรนาม ถล่มด้วยข้าวโพดต้มเละเทะ แต่หากสู้ก็จะประกาศเป็นพื้นที่ภายใต้กฎอัยการศึก กลุ่มคนชั่วจะกลายเป็นกบฏต่อราชอาณาจักร และถูกจัดการอย่างเด็ดขาดทันที
ส่วนพวกแก๊งค์ผีห่าซาตานแดงชั่ว ที่ให้ชายชุดดำโม่ง 3 คน ยิง M79 จากตึกร้างร้างแถวแจ้งวัฒนะ 12 มีรถตู้ตราโล่จอดรอใกล้ๆ ตึกไว้หลบหนี ห่างจากจุดหลวงปูพุทธอิสระ 350 เมตร นั้น..ขอเตือนว่ามันนานเกินไปแล้วสำหรับคนเลว “ วันนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว “ พ่อครัวหัวป่าหน่วยสังหารโจรดำ นักรบนิรนามไร้สี ฯลฯ เตรียมสิ่งเทียม Sniper อินฟาเรด พรางตัวรอบตึกสูงรอบพื้นที่รัศมียุทธการแล้ว
นกค้างคาวผีห่าซาตานหมู่มหาอเวจีทั้งหลายที่มาอาละวาดยามค่ำคืน จะโดนนกอินทรีย์ใช้ป๊อบคอร์นรุ่นกรุแตกเจาะรูเหนือใบหูให้ฟรี ๆ ทันที ที่กระดิกตัว..อิ่มบุญจนไปที่ชอบ ทึ่ชอบ ส่งกลับไปนรกอเวจีดังเดิม
@เสธ น้ำเงินhttps://www.facebook.com/topsecretthaiSeeMore
1.ระเบียบการปฏิบัติและประสานงานกรณีทหารถูกหาว่ากระทำความผิดอาญา มีดังนี้
1.1. การตรวจค้นยานพาหนะของทางราชการทหาร เช่น รถสงคราม เครื่องบิน เรือซึ่งชักธงราชนาวี ขณะปฏิบัติหน...้าที่ราชการ และมีนายทหารชั้นสัญญาบัตรควบคุมยานพาหนะนั้นมา
- ไม่ให้ตรวจค้นตรวจค้นยานพาหนะของทางราชการทหาร ที่ผู้บังคับบัญชาฝ่ายทหารนั้นมีหนังสือรับรอง
- ไม่ให้ตรวจค้นสิ่งของที่เป็น “ราชการลับทางทหาร ที่ผู้บังคับบัญชาฝ่ายทหารมีหนังสือรับรอง “ (ให้ทหารแสดงหนังสือราชการลับนั้นทันที )
1.2. การจับกุมทหาร
- ในกรณีมีคำสั่งหรือหมายของศาลให้จับทหารผู้ใด ให้ตำรวจ “แจ้งให้ผู้บังคับบัญชาของทหารผู้นั้นทราบเสียก่อน “
- หากทหารผู้นั้นสวมเครื่องแบบอยู่ ไม่ให้ใช้อาวุธระหว่างการจับกุม และไม่ให้ใช้เครื่องพันธนาการ
- ถ้าทหารและตำรวจกำลังก่อการวิวาทกัน ให้รีบรายงานผู้บังคับบัญชาของแต่ละฝ่ายทราบทันที และให้ผู้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้องรีบออกไประงับเหตุโดยเร็ว (ถ้าถูกจับให้ทหารอ้างว่าก่อวิวาทกัน เพื่อให้ระเบียบข้อนี้เกิดผล )
1.3. การควบคุมตัวทหารที่ถูกหาว่ากระทำความผิดอาญาและถูกจับกุมตัวไปยังที่ทำการของตำรวจ
- ถ้าทหารที่ถูกจับกุม และควบคุมตัวขณะสวมเครื่องแบบ “ทหารอย่ายอมถอดเครื่องแบบ”เด็ดขาด เพราะตามระเบียบตำรวจต้องแจ้งฝ่ายทหารทราบ เพื่อจัดส่งฝ่ายทหารมาทันที
-ทหารที่ถูกจับกุมไม่ต้องพูดใดๆ ทั้งสิ้น แต่ให้ขอใช้สิทธิ “พบนายทหารพระธรรมนูญ หรือนายทหารชั้นสัญญาบัตร “ เข้าฟังการสอบปากคำ และประกันตัวออกไปทันที เท่านี้ก็เรียบร้อย
1.4. การส่งสำนวนให้อัยการทหาร
- ทหารผู้ต้องหา ต้องไม่ยอมให้เทียบเป็นอำนาจศาลปกติ แต่ขอไปใช้อำนาจ”ศาลทหาร” แทน
- ตำรวจต้องส่งสำนวนการสอบสวนไปยัง “อัยการทหาร” ต่อไป
เสธ ให้เป็นแนวทางเข้าใจง่ายๆ เผื่อจะมีทหารถูกควบคุมตัว แต่ยืนยันได้ว่าทหารมีเกียรติที่ปกป้องประเทศชาติ พิทักษ์ราชบัลลังค์ หากทหารผู้นั้นถูกคำสั่ง “ ให้ไปราชการลับ “ ก็ไม่ต้องเกรงกลัวและกังวลใดๆ เพราะนายจะไม่ทอดทิ้งแน่นอน
2.กฎอัยการศึก
2.1 เป็นระบบกฎหมายที่มีต้นกำเนิดมาช้านานแล้ว ปัจจุบันใช้กฎอัยการศึก พ.ศ.2457 ผู้มีอำนาจประกาศใช้กฎอัยการศึก ที่สำคัญ คือ ผู้บังคับบัญชาทหาร ดังนี้
- กรณีแรก ผู้บังคับบัญชาทหาร ซึ่งมีกำลังทหารอยู่ในบังคับ “ไม่น้อยกว่าหนึ่งกองพัน”
- กรณีสอง เป็นผู้บังคับบัญชาในป้อม หรือที่มั่นอย่างใดๆ ของทหาร
- จะกำหนดเป็นเขตพื้นที่ หรือจะทั่วราชอาณาจักรก็ได้ แล้วแต่ดุลยพินิจของทหารที่จะประกาศ
2.2 ผลของการประกาศใช้กฎอัยการศึก
- ฝ่ายทหารมีอำนาจเหนือเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือน คือ เรื่องที่เกี่ยวกับการยุทธ เรื่องที่เกี่ยวกับการระงับปราบปราม หรือเรื่องที่เกี่ยวกับการรักษาความสงบเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนต้องปฎิบัติตามความต้องการของฝ่ายทหาร
- แม้คดีอาญาเรื่องนั้นจะมิได้มีอยู่ในบัญชีต่อท้ายกฎอัยการศึก แต่หากผู้บัญชาการทหารสามารถสั่งให้นำคดีอาญานั้นๆ ไปพิจารณาพิพากษาในศาลทหารก็ได้
- ฝ่ายทหาร มีอำนาจในการที่จะตรวจค้น เกณฑ์ ห้าม ยึด เข้าอาศัย ทำลายหรือเปลี่ยนแปลงสถานที่ และขับไล่ได้
2.3 คุ้มครองฝ่ายทหารในการเรียกร้องค่าเสียหายหรือค่าปรับ
- คุ้มครองเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารซึ่งได้กระทำการให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล หรือเอกชน ไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายหรือค่าปรับอย่างใดๆ เพราะถือว่าเป็นการกระทำไปเพื่อประโยชน์ในการรักษาความมั่นคงของชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์
- กฎอัยการศึกถือเป็นกฎหมายสำคัญยิ่ง รองรับอำนาจของฝ่ายทหาร เพื่อให้บรรลุถึงภารกิจในการรักษาความมั่นคงของประเทศชาติ จึงได้ให้อำนาจฝ่ายทหารได้อย่างมากมาย ดังนั้นการสั่งการโดยใช้อำนาจของฝ่ายทหารตามกฎอัยการศึกนี้ ขะต้องมีความจำเป็นอย่างแท้จริง เพื่อประโยชน์สุขของประเทศชาติ
ดังนั้นอย่าลืมว่าถ้าใครคิดชั่ว คิดแบ่งแยกประเทศ ไม่เที่ยงตรงยุติธรรม หมิ่นเกียรติทหาร ขัดขวางการไปปฏิบัติ “ราชการลับ “ และกล้าทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ แค่ผู้บังคับบัญชาทหาร ที่มีกำลังทหารอยู่ในบังคับ “ไม่น้อยกว่าหนึ่งกองพัน” ก็ประกาศพื้นที่นั้น ๆ อยู่ภายใต้กฎอัยการศึกได้เลย
และสามารถจัดการทั้งตำรวจ ข้าราชการ และอันธพาลแดง ที่ขัดขวางต่อสู้ ให้วางอาวุธได้เลยด้วยเครื่องมือกฎหมายนี้ โดยที่ทหารไม่ต้องปฏิวัติ และไม่ต้องรับผิดทางอาญา รวมทั้งไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายหรือค่าปรับใดๆ
เสธ ว่า พวกที่คุยว่ามีระเบิดของใหม่ๆ เป็นลัง มีอาวุธ M79 และ RPG ที่จะใช้โจมตีจุดนั้น จุดนี้นั้น ชาย 3 สี เขารู้พิกัดจุดเก็บ ขนย้าย ขบวนการหมดแล้ว นับแต่นี้แหล่งซ่องสุม คลังเก็บอาวุธ ผู้เกี่ยวข้อง อาจจะถูกชายไร้สีนิรนาม ถล่มด้วยข้าวโพดต้มเละเทะ แต่หากสู้ก็จะประกาศเป็นพื้นที่ภายใต้กฎอัยการศึก กลุ่มคนชั่วจะกลายเป็นกบฏต่อราชอาณาจักร และถูกจัดการอย่างเด็ดขาดทันที
ส่วนพวกแก๊งค์ผีห่าซาตานแดงชั่ว ที่ให้ชายชุดดำโม่ง 3 คน ยิง M79 จากตึกร้างร้างแถวแจ้งวัฒนะ 12 มีรถตู้ตราโล่จอดรอใกล้ๆ ตึกไว้หลบหนี ห่างจากจุดหลวงปูพุทธอิสระ 350 เมตร นั้น..ขอเตือนว่ามันนานเกินไปแล้วสำหรับคนเลว “ วันนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว “ พ่อครัวหัวป่าหน่วยสังหารโจรดำ นักรบนิรนามไร้สี ฯลฯ เตรียมสิ่งเทียม Sniper อินฟาเรด พรางตัวรอบตึกสูงรอบพื้นที่รัศมียุทธการแล้ว
นกค้างคาวผีห่าซาตานหมู่มหาอเวจีทั้งหลายที่มาอาละวาดยามค่ำคืน จะโดนนกอินทรีย์ใช้ป๊อบคอร์นรุ่นกรุแตกเจาะรูเหนือใบหูให้ฟรี ๆ ทันที ที่กระดิกตัว..อิ่มบุญจนไปที่ชอบ ทึ่ชอบ ส่งกลับไปนรกอเวจีดังเดิม
@เสธ น้ำเงินhttps://www.facebook.com/topsecretthaiSeeMore