

เมื่อปฏิรูป ต้องยึดทรัพย์และเนรเทศ พวกสมคบโกงชาติเหล่านี้

สภาประชาชน
เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 2549 เกือบ 8 ปีมาแล้ว หนังสือพิมพ์มติชนได้ตีพิมพ์จดหมายเปิดผนึกซึ่งผมได้เขียนถึงคุณทักษิณ ซึ่งกำลังเผชิญวิกฤตทางการเมืองอยู่ในขณะนั้นถึงกับต้องยุบสภาในวันที่ 24 ก.พ. 2549 ต้องพ้นจากตำแหน่งนรม. และกลายเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่นรม.ตาม...มาตรา 116 ของรธน. 2540 เช่นเดียวกับคุณยิ่งลักษณ์น้องสาวที่เผชิญวิกฤตทางการเมืองจนต้องยุบสภา ต้องพ้นจากตำแหน่ง นรม. และกลายเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ นรม.เหมือนกัน ศาล รธน. ขณะนั้นได้ตัดสินให้การเลือกตั้งในวันที่ 2 เม.ย. 2549 เป็นโมฆะ และในวันที่ 20 ก.ค. 2549 คุณทักษิณได้ออกพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้งใหม่เป็นวันที่ 25 ต.ค. 2549 แต่คุณทักษิณได้ถูกฝ่ายต่อต้านระบอบทักษิณในขณะนั้นรุกทางการเมืองอย่างหนัก จนต้องตัดสินใจประกาศเว้นวรรคทางการเมือง และหยุดปฏิบัติหน้าที่ นรม.โดยมอบ ให้ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ ปฏิบัติหน้าที่นรม.แทน และในที่สุดรัฐบาลคุณทักษิณก็ถูกปฏิวัติในวันที่ 19 ก.ย. 2549 ผมได้เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงคุณทักษิณเสนอแนะข้อคิดหลายข้อในการแก้ปัญหา ขออภัยที่จดหมายที่แนบมายับยู่ยี่สักหน่อยเพราะเก็บมานาน ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าวันนี้คุณยิ่งลักษณ์จะต้องมาเผชิญวิบากกรรมเช่นเดียวกับคุณทักษิณ แต่รุนแรงกว่าจนแทบมองไม่เห็นทางออก เมื่อ 8 ปีที่แล้วผมได้ให้ข้อคิดกับคุณทักษิณโดยยกคำสอนของพล.ต.อ.ประมาณ อดิเรกสาร บิดาของผมมีสองข้อดังนี้ -
เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 2549 เกือบ 8 ปีมาแล้ว หนังสือพิมพ์มติชนได้ตีพิมพ์จดหมายเปิดผนึกซึ
ข้อแรกคือ "นักการเมืองที่ฉลาดอย่าคิดที่จะอยู่ในอำนาจให้นานเกินไป แต่ควรคิดอยู่เสมอว่าจะลงจากตำแหน่ง และอำนาจอย่างไรจึงจะอยู่ต่อไปในสังคม ได้อย่างปลอดภัยและสงบสุข"
ข้อสองคือ "เมื่อเป็นนักการเมืองแล้ว ทำอะไรก็ตามอย่าให้ครอบครัว และลูกหลานต้องเดือดร้อนต่อไปในอนาคตจากการกระทำ ของตน"
แต่เสียดายที่คุณทักษิณไม่สนใจต่อข้อเสนอแนะที่หวังดีของผม จึงขอนำข้อคิดทั้งสองข้อฝากไปให้คุณยิ่งลักษณ์พิจารณาอีกครั้ง ทางออกยังมีครับ
ถึงแม้คุณยิ่งลักษณ์จะยืนยันอยู่เสมอว่าหยุดปฏิบัติหน้าที่ นรม.ไม่ได้ แต่คุณทักษิณได้แสดงให้เห็นแล้วว่าทำได้โดยได้หยุดปฏิบัติหน้าที่ นรม.ไปช่วง
หนึ่ง แต่ภายหลังได้กลับมาปฏิบัติหน้าที่อีกจนถูกปฏิวัติในที่สุด ผมได้เห็นและผ่านเหตุการณ์ทางการเมืองมาตั้งแต่อายุ 9 ปีจน 72 ปีในปัจจุบัน
ได้เห็นการชนะและการพ่ายแพ้มาหลายครั้ง ผมยังไม่เคยเห็นประชาชนออกมาต่อต้านรัฐบาลมีจำนวนมากมายเช่นครั้งนี้ และผมไม่เห็นทางที่รัฐบาลจะเป็นฝ่ายชนะได้เลย มีอีกสองข้อที่พล.ต.อ.ประมาณได้เคยสอนผมไว้ก็คือ "ในการเมืองนั้นอย่าคิดเข้าข้างตัวเอง จะเป็นฝ่ายแพ้" และ "ให้ฟังข่าวร้ายมากกว่าข่าวดี เพราะข่าวดีถึงอย่างไรก็ไม่เป็นภัย แต่ข่าวร้ายนั้นอาจถึงแก่ชีวิตหรือไม่มีแผ่นดินอยู่" ทั้งสองข้อนี้สำคัญมาก เพราะผู้นำหลายคนต้องมีอันเป็นไปโดยไม่คาดคิดเพราะได้ รับข้อมูลที่ฟังแล้วสบายใจแต่ขาดเคลื่อนจากความเป็นจริง กว่าจะรู้ความจริงก็สายไปแล้ว ผมหวังว่าคุณยิ่งลักษณ์คงจะมีโอกาสได้อ่านข้อคิดอันหวังดีของผม ขอฝากให้เพื่อน FB ที่สามารถเข้าถึงคุณยิ่งลักษณ์ดำเนินการให้ด้วยครับ See More

ข้อสองคือ "เมื่อเป็นนักการเมืองแล้ว ทำอะไรก็ตามอย่าให้ครอบครัว และลูกหลานต้องเดือดร้อนต่อ
แต่เสียดายที่คุณทักษิณไม่ส
ถึงแม้คุณยิ่งลักษณ์จะยืนยั
หนึ่ง แต่ภายหลังได้กลับมาปฏิบัติ
ได้เห็นการชนะและการพ่ายแพ้
