หลอกชาวนา เบี้ยวค่าข้าว
โดย สิริอัญญา
วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557
มีการเปิดเผยคำสั่งลับหลายข้อ เพื่อให้เหล่าหุ่นเชิดได้ปฏิบัติในการยื้ออำนาจให้นานที่สุด และการเตรียมการกระชับอำนาจเพื่อจะกลับเข้ามามีอำนาจอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งหนึ่งในคำสั่งลับนั้นก็คือ ให้ทำทุกอย่างเพื่อเอาเงินไปชำระค่าข้าวชาวนาให้ได้
ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกใครฟ้อง เอาไว้แก้กันภายหลัง เพราะจะปล่อยให้สูญเสียอำนาจเพราะชาวนามาเข้าร่วมชุมนุมขับไล่ไม่ได้เป็นอันขาด
จึงตรงเผงกับพฤติกรรมที่กระทำกันอยู่ในอันที่จะควักล้วงเงินจากที่ต่าง ๆ เพื่อเอาไปจ่ายค่าข้าวชาวนา เพื่อแก้ปัญหาแบบเอาหน้ารอดไปทีจากการที่ชาวนากำลังเคลื่อนไหวชุมนุมประท้วงอยู่ทั่วประเทศ เพื่อทวงเงินค่าข้าวที่เอาข้าวไปตั้ง 5-6 เดือนแล้วแต่ยังไม่จ่ายเงิน
ก็ต้องเท้าความจากการสอบสวนของ ป.ป.ช. ในเรื่องนี้อีกสักครั้งหนึ่งว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้สอบสวนแล้วสรุปว่า โครงการรับจำนำข้าวฉิบหายวายวอดไปแล้วถึง 425,000 ล้านบาท จำนวนเงินที่ขายข้าวได้ได้ชำระค่าข้าวแก่ชาวนาไม่ถึงครึ่งหนึ่ง เงินที่เหลือเอาไปไหน? ชี้แจงไม่ได้ และที่อ้างว่าขายข้าว G to G ก็ไม่เป็นความจริง
รวมความก็คือเอาข้าวชาวนาไปขาย แต่ไม่จ่ายเงินแก่ชาวนา และโดยรวมก็คือเป็นโครงการโคตรโกงที่โกงทุกขั้นทุกตอน และโกงกันสะบั้นหั่นแหลกในระดับโลก แล้วยังโยนความชั่วให้กับรัฐบาลจีน ทั้งที่รัฐบาลจีนก็ไม่เคยซื้อข้าวแบบ G to G ดังที่ว่านี้เลย
เบี้ยวชาวนามาหลายเดือนก็ไม่จ่ายเงิน จนชาวนาทนไม่ไหว เพราะหนี้สินรุมเร้า จึงหลายรายต้องฆ่าตัวตายด้วยวิธีต่าง ๆ กัน และในที่สุดชาวนาทั่วประเทศก็ชุมนุมประท้วงปิดถนนกันทุกหัวระแหง
ด้านหนึ่งก็ใช้กลวิธีอั้งยี่แดง ส่งชายชุดดำและอันธพาลไปข่มขู่ลูกเมียชาวนาให้เลิกการชุมนุม อีกด้านหนึ่งก็มุ่งหาเงินเพื่อไปจ่ายเงินคืนชาวนา แต่ทว่าเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ เพราะในระหว่างยุบสภานั้น รัฐบาลรักษาการจะอนุมัติโครงการหรืออนุมัติการใช้จ่ายเงินใด ๆ ไม่ได้ นอกจากการใช้จ่ายเงินปกติที่ต้องจ่าย เช่น เงินเดือน เป็นต้น
ที่สำคัญคือ คณะรัฐมนตรีเคยอนุมัติวงเงินโครงการจำนำข้าวไว้เพียงประมาณ 500,000 ล้านบาท และใช้เกินไปแล้วเป็น 700,000 ล้านบาท เดิมเตรียมการจะกู้เพิ่มอีก 280,000 ล้านบาท แต่มีคนท้วง จึงเตรียมการกู้งวดแรกเพียงเพื่อการชำระหนี้เก่าให้แก่ชาวนา 130,000 ล้านบาท ส่วนอีก 150,000 ล้านบาท ซึ่งจะใช้รับจำนำใหม่ไม่กล้าทำ และต้องยกเลิกโครงการรับจำนำข้าวไปแล้ว
ในส่วนที่จะกู้มา 130,000 ล้านบาทนั้นเป็นวงเงินใหม่ เพื่อจะเอามาแก้หน้าหาเสียงกับชาวนา และเพื่อหยุดชาวนาไม่ให้เข้ามาร่วมชุมนุมกับ กปปส. จึงเป็นเรื่องต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ และผิดกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง
จะยืมมือ กกต. อนุมัติ กกต. ก็รู้เท่าทัน บอกให้ไปเสี่ยงคุกเสี่ยงตะรางกันเอง กกต. ไม่เกี่ยว จึงเป็นที่มาของแผนการที่จะไปควักล้วงเอาเงิน ธกส. ซึ่งเป็นเงินสำรองในการดำรงอยู่ของธนาคาร และเพื่อการช่วยเหลือพืชเกษตรอย่างอื่น เช่น อ้อย มันสำปะหลัง ข้าวโพด เป็นต้น
ดังนั้นพอมีข่าวจะล้วงเอาเงินก้อนนี้ สหภาพ ธกส. รวมทั้งผู้บริหารและพนักงานจึงชุมนุมประท้วงคัดค้านทันที ในขณะที่ชาวไร่อย่างอื่นก็คัดค้าน เพราะขืนให้เอาเงินก้อนนี้ไป พืชผลเกษตรอย่างอื่นก็จะพากันฉิบหายวายวอดกันไปหมด
เมื่อเอาเงินสำรองของ ธกส.ไม่ได้ ก็คิดจะไปเอาเงินธนาคารออมสิน บรรดาผู้บริหาร พนักงาน และสหภาพ รวมทั้งผู้ปกครองและเด็ก ๆ ที่ฝากเงินกับธนาคารออมสินก็รุมกันคัดค้านกันเป็นการใหญ่ จึงหวังจะไปเอาเงินธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
ผู้บริหารและพนักงานธนาคารกรุงไทยจึงแจ้งข่าวนี้ให้ กปปส. ทราบ กำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ จึงประกาศห้ามมิให้ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เอาเงินประชาชนไปอุดโครงการรับจำนำข้าว มิฉะนั้นจะนำประชาชนไปปิดธนาคาร และประชาชนก็พร้อมจะถอนเงิน ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จึงไม่กล้าให้กู้เงิน
จึงมีความคิดที่จะไปเอาเงินกองทุนประกันสังคม ซึ่งนักการเมืองก็พร้อมจะประเคนให้กันอยู่แล้ว แต่เป็นการผิดกฎหมาย และกรรมการกองทุนทั้งฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายนายจ้าง และลูกจ้าง ก็ต่อต้านคัดค้าน มิหนำซ้ำบรรดาผู้ใช้แรงงานก็ลุกฮือกันคัดค้าน เหมือนกับเห็นโจรกำลังจะเข้าปล้น จึงมีคนคิดที่จะไปเอาเงินกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ แต่ข้าราชการก็ชักแถวคัดคานกันจ้าละหวั่นเพราะกลัวถูกปล้นเหมือนกัน
อับจนเข้าก็ประกาศกู้ยืมเงินจากธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ โดยระบุว่าจะออกพันธบัตรพิเศษจำนวนเงิน 20,000 ล้านบาท ให้ดอกเบี้ยอัตราสูง ซึ่งก็แปลกดี เพราะ ณ เวลานี้ ก็ยังไม่รู้ว่าใครจะเป็นผู้ออกพันธบัตร เพราะพันธบัตรนั้นกระทรวงการคลังจึงจะออกได้
แต่กระทรวงการคลังต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มิให้ก่อหนี้หรือใช้เงิน และบรรดาข้าราชการที่เกี่ยวข้องก็ไม่ยอมลงชื่อในเอกสารใด ๆ เพราะนักการเมืองตั้งท่าจะให้ข้าราชการไปติดคุกแทน
ก็ต้องจับตาดูว่าธนาคารแห่งประเทศไทยก็ดี กกต.ก็ดี ป.ป.ช.ก็ดี สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินก็ดี และผู้ตรวจการแผ่นดินก็ดี จะจัดการอย่างไรกับกระบวนการฉีกรัฐธรรมนูญ ปล้นเอาเงินไปอุดโครงการรับจำนำข้าวที่กำลังพยายามกันอยู่ในขณะนี้
บอกได้คำเดียวว่า ติดคุกและฉิบหายแน่นอน!
http://www.paisalvision.com/content/88-features/11058----q-q-2--2557.html
โดย สิริอัญญา
วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557
มีการเปิดเผยคำสั่งลับหลายข้อ เพื่อให้เหล่าหุ่นเชิดได้ปฏิบัติในการยื้ออำนาจให้นานที่สุด และการเตรียมการกระชับอำนาจเพื่อจะกลับเข้ามามีอำนาจอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งหนึ่งในคำสั่งลับนั้นก็คือ ให้ทำทุกอย่างเพื่อเอาเงินไปชำระค่าข้าวชาวนาให้ได้
ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกใครฟ้อง เอาไว้แก้กันภายหลัง เพราะจะปล่อยให้สูญเสียอำนาจเพราะชาวนามาเข้าร่วมชุมนุมขับไล่ไม่ได้เป็นอันขาด
จึงตรงเผงกับพฤติกรรมที่กระทำกันอยู่ในอันที่จะควักล้วงเงินจากที่ต่าง ๆ เพื่อเอาไปจ่ายค่าข้าวชาวนา เพื่อแก้ปัญหาแบบเอาหน้ารอดไปทีจากการที่ชาวนากำลังเคลื่อนไหวชุมนุมประท้วงอยู่ทั่วประเทศ เพื่อทวงเงินค่าข้าวที่เอาข้าวไปตั้ง 5-6 เดือนแล้วแต่ยังไม่จ่ายเงิน
ก็ต้องเท้าความจากการสอบสวนของ ป.ป.ช. ในเรื่องนี้อีกสักครั้งหนึ่งว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้สอบสวนแล้วสรุปว่า โครงการรับจำนำข้าวฉิบหายวายวอดไปแล้วถึง 425,000 ล้านบาท จำนวนเงินที่ขายข้าวได้ได้ชำระค่าข้าวแก่ชาวนาไม่ถึงครึ่งหนึ่ง เงินที่เหลือเอาไปไหน? ชี้แจงไม่ได้ และที่อ้างว่าขายข้าว G to G ก็ไม่เป็นความจริง
รวมความก็คือเอาข้าวชาวนาไปขาย แต่ไม่จ่ายเงินแก่ชาวนา และโดยรวมก็คือเป็นโครงการโคตรโกงที่โกงทุกขั้นทุกตอน และโกงกันสะบั้นหั่นแหลกในระดับโลก แล้วยังโยนความชั่วให้กับรัฐบาลจีน ทั้งที่รัฐบาลจีนก็ไม่เคยซื้อข้าวแบบ G to G ดังที่ว่านี้เลย
เบี้ยวชาวนามาหลายเดือนก็ไม่จ่ายเงิน จนชาวนาทนไม่ไหว เพราะหนี้สินรุมเร้า จึงหลายรายต้องฆ่าตัวตายด้วยวิธีต่าง ๆ กัน และในที่สุดชาวนาทั่วประเทศก็ชุมนุมประท้วงปิดถนนกันทุกหัวระแหง
ด้านหนึ่งก็ใช้กลวิธีอั้งยี่แดง ส่งชายชุดดำและอันธพาลไปข่มขู่ลูกเมียชาวนาให้เลิกการชุมนุม อีกด้านหนึ่งก็มุ่งหาเงินเพื่อไปจ่ายเงินคืนชาวนา แต่ทว่าเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ เพราะในระหว่างยุบสภานั้น รัฐบาลรักษาการจะอนุมัติโครงการหรืออนุมัติการใช้จ่ายเงินใด ๆ ไม่ได้ นอกจากการใช้จ่ายเงินปกติที่ต้องจ่าย เช่น เงินเดือน เป็นต้น
ที่สำคัญคือ คณะรัฐมนตรีเคยอนุมัติวงเงินโครงการจำนำข้าวไว้เพียงประมาณ 500,000 ล้านบาท และใช้เกินไปแล้วเป็น 700,000 ล้านบาท เดิมเตรียมการจะกู้เพิ่มอีก 280,000 ล้านบาท แต่มีคนท้วง จึงเตรียมการกู้งวดแรกเพียงเพื่อการชำระหนี้เก่าให้แก่ชาวนา 130,000 ล้านบาท ส่วนอีก 150,000 ล้านบาท ซึ่งจะใช้รับจำนำใหม่ไม่กล้าทำ และต้องยกเลิกโครงการรับจำนำข้าวไปแล้ว
ในส่วนที่จะกู้มา 130,000 ล้านบาทนั้นเป็นวงเงินใหม่ เพื่อจะเอามาแก้หน้าหาเสียงกับชาวนา และเพื่อหยุดชาวนาไม่ให้เข้ามาร่วมชุมนุมกับ กปปส. จึงเป็นเรื่องต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ และผิดกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง
จะยืมมือ กกต. อนุมัติ กกต. ก็รู้เท่าทัน บอกให้ไปเสี่ยงคุกเสี่ยงตะรางกันเอง กกต. ไม่เกี่ยว จึงเป็นที่มาของแผนการที่จะไปควักล้วงเอาเงิน ธกส. ซึ่งเป็นเงินสำรองในการดำรงอยู่ของธนาคาร และเพื่อการช่วยเหลือพืชเกษตรอย่างอื่น เช่น อ้อย มันสำปะหลัง ข้าวโพด เป็นต้น
ดังนั้นพอมีข่าวจะล้วงเอาเงินก้อนนี้ สหภาพ ธกส. รวมทั้งผู้บริหารและพนักงานจึงชุมนุมประท้วงคัดค้านทันที ในขณะที่ชาวไร่อย่างอื่นก็คัดค้าน เพราะขืนให้เอาเงินก้อนนี้ไป พืชผลเกษตรอย่างอื่นก็จะพากันฉิบหายวายวอดกันไปหมด
เมื่อเอาเงินสำรองของ ธกส.ไม่ได้ ก็คิดจะไปเอาเงินธนาคารออมสิน บรรดาผู้บริหาร พนักงาน และสหภาพ รวมทั้งผู้ปกครองและเด็ก ๆ ที่ฝากเงินกับธนาคารออมสินก็รุมกันคัดค้านกันเป็นการใหญ่ จึงหวังจะไปเอาเงินธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
ผู้บริหารและพนักงานธนาคารกรุงไทยจึงแจ้งข่าวนี้ให้ กปปส. ทราบ กำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ จึงประกาศห้ามมิให้ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เอาเงินประชาชนไปอุดโครงการรับจำนำข้าว มิฉะนั้นจะนำประชาชนไปปิดธนาคาร และประชาชนก็พร้อมจะถอนเงิน ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จึงไม่กล้าให้กู้เงิน
จึงมีความคิดที่จะไปเอาเงินกองทุนประกันสังคม ซึ่งนักการเมืองก็พร้อมจะประเคนให้กันอยู่แล้ว แต่เป็นการผิดกฎหมาย และกรรมการกองทุนทั้งฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายนายจ้าง และลูกจ้าง ก็ต่อต้านคัดค้าน มิหนำซ้ำบรรดาผู้ใช้แรงงานก็ลุกฮือกันคัดค้าน เหมือนกับเห็นโจรกำลังจะเข้าปล้น จึงมีคนคิดที่จะไปเอาเงินกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ แต่ข้าราชการก็ชักแถวคัดคานกันจ้าละหวั่นเพราะกลัวถูกปล้นเหมือนกัน
อับจนเข้าก็ประกาศกู้ยืมเงินจากธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ โดยระบุว่าจะออกพันธบัตรพิเศษจำนวนเงิน 20,000 ล้านบาท ให้ดอกเบี้ยอัตราสูง ซึ่งก็แปลกดี เพราะ ณ เวลานี้ ก็ยังไม่รู้ว่าใครจะเป็นผู้ออกพันธบัตร เพราะพันธบัตรนั้นกระทรวงการคลังจึงจะออกได้
แต่กระทรวงการคลังต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มิให้ก่อหนี้หรือใช้เงิน และบรรดาข้าราชการที่เกี่ยวข้องก็ไม่ยอมลงชื่อในเอกสารใด ๆ เพราะนักการเมืองตั้งท่าจะให้ข้าราชการไปติดคุกแทน
ก็ต้องจับตาดูว่าธนาคารแห่งประเทศไทยก็ดี กกต.ก็ดี ป.ป.ช.ก็ดี สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินก็ดี และผู้ตรวจการแผ่นดินก็ดี จะจัดการอย่างไรกับกระบวนการฉีกรัฐธรรมนูญ ปล้นเอาเงินไปอุดโครงการรับจำนำข้าวที่กำลังพยายามกันอยู่ในขณะนี้
บอกได้คำเดียวว่า ติดคุกและฉิบหายแน่นอน!
http://www.paisalvision.com/content/88-features/11058----q-q-2--2557.html
