GREAT KING OF THAILAND, KING BHUMIBHOL

GREAT KING OF THAILAND, KING BHUMIBHOL
LONG LIVE THE KING BHUMIBHOL

วันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

หายนะชาติจากน้ำมือทักษิณ/แผนลึกเคลื่อนพลบีบธุรกิจตระกูลชิน พุ่งเป้า “หญิงอ้อ” เจรจาปิดเกม!

แผนลึกเคลื่อนพลบีบธุรกิจตระกูลชิน พุ่งเป้า “หญิงอ้อ” เจรจาปิดเกม!

















  ประเทศไทยวันนี้แบ่งเป็น 2 ฝ่ายชัดเจนแล้วครับ ไม่ว่าฝ่ายไหนจะชนะ เราก็ไม่มีวันกลับมาเป็นประเทศไทยอย่างที่เคยเป็นอีกต่อไป

       คนไทยจะเลือกสนับสนุนดาราบางคนที่มีจุดยืนทางการเมืองร่วมกับตัวเอง และต่อต้านดาราอีกฝ่าย เลือกฟังนักร้องบางคนและต่อต้านนักร้องบางคน ไม่สนับสนุนสินค้าบางยี่ห้อ เลือกนั่งกินอาหารคนละร้าน นับจากนี้ไปเมืองไทยก็จะเป็นสองนคราธิปไตยที่แท้จริง

       เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ต้นตำรับสองนคราธิปไตย เคยอธิบายว่า สองนคราธิปไตยคือประชาธิปไตยของคนในเมืองหรือชนชั้นกลาง กับประชาธิปไตยของคนชนบทหรือคนชั้นล่างที่มีความแตกต่างกัน

       คำอธิบายต่อสองนคราธิปไตยของเอนกก็คือ ฝ่ายชนบทมีจำนวนมากกว่า และเป็นฝ่ายตั้งรัฐบาลในความหมายที่เขาเป็นเสียงส่วนข้างมาก แต่คนในเมืองมักจะมีบทบาทในการล้มรัฐบาล ด้วยความที่เขาเป็นคนใกล้ชิดข่าวสารข้อมูล ใกล้ชิดศูนย์อำนาจรัฐ สามารถเดินขบวน และร่วมมือกับสื่อ ร่วมมือกับนักวิชาการ รัฐบาลที่คนในชนบทตั้งมาก็อยู่ลำบาก แต่คนในกรุงพอล้มรัฐบาลไป และเมื่อมีการเลือกตั้งใหม่ก็ได้หน้าเดิม เพราะคนชนบทมักเลือกคนหน้าเดิมกลับมาทุกที

       แต่ผมว่าวันนี้ความหมายของสองนคราธิปไตย ไม่ได้เป็นความขัดแย้งระหว่างเมืองกับชนบทอีกต่อไป แต่เป็นความแตกต่างทางการเมืองของฝ่ายที่เอาทักษิณกับไม่เอาทักษิณ ผมไม่เพ้อเจ้อแบบชาญวิทย์หรือนิธิหรอกว่า เป็นสงครามตัวแทน (Proxy War) ระหว่างอำนาจเก่า/บารมีเก่า กับอำนาจใหม่/บารมีใหม่ เงินทุนเก่ากับเงินทุนใหม่ หรือสื่อเก่ากับสื่อใหม่ สำหรับผมแล้วไม่ใช่เรื่องอำนาจเก่ากับอำนาจใหม่หรือทุนเก่ากับทุนใหม่ที่ไหนหรอกครับ แต่เป็นสงครามระหว่างฝ่ายที่เกลียดทักษิณกับฝ่ายที่รักทักษิณเท่านั้นเอง ระหว่างฝ่ายที่รับข้อมูลข่าวสารกันคนละชุดความคิด

       นอกจากมีความคิดทางการเมืองที่แตกต่างกันแล้ว เรายังแบ่งความเห็นอกเห็นใจ คุณธรรมและมนุษยธรรมออกเป็นสองส่วน ดังเช่นเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ผ่านฟ้าที่มีคนเสียชีวิต 5 คนเป็นตำรวจคนหนึ่งและพลเรือน 4 คน และยังมีคนบาดเจ็บอีกจำนวนมาก ฝ่ายที่อยู่ข้างมวลมหาประชาชนก็จะมีชุดความคิดอีกอย่างหนึ่ง ว่าตำรวจเป็นผู้เริ่มใช้ความรุนแรงเพราะมีภาพชัดเจนว่าตำรวจบุกตะลุยเข้าไปทุบตีและรื้อทำลายข้าวของผู้ชุมนุมด้วยความบ้าคลั่ง และสะใจที่ตำรวจถูกตอบโต้กลับด้วยอาวุธสงคราม

       เช่นเดียวกันหลังเกิดเหตุการณ์ที่ผ่านฟ้า คนเสื้อแดงพากันบีบน้ำตาสะเทือนใจ กล่าวหาว่าผู้ชุมนุมใช้ความรุนแรงและกระทำต่อตำรวจด้วยความโหดร้าย โดยไม่พูดถึงพลเรือนที่เสียชีวิตถึง 4 คน

       แต่พอเราย้อนกลับไปที่การชุมนุมของคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553 เหตุการณ์วันที่ 10 เมษายนที่ทหารถูกยิงถล่มด้วยอาวุธสงครามล้มระเนนระนาด ตายและบาดเจ็บจำนวนมาก ขนาดการลำเลียงผู้บาดเจ็บไปส่งโรงพยาบาลก็ยังถูกลากลงมาทุบตี

       วันนั้นไม่รู้ว่าคนเสื้อแดงบีบน้ำตาสะเทือนใจกับเหตุการณ์นั้นไหม

       หลังเกิดเหตุการณ์ที่ผ่านฟ้า ใบตองแห้ง ประชาไท หรืออธึกกิต แสวงสุข ที่ลูกจ้างวอยซ์ทีวีของพานทองแท้โพสต์ระบายอารมณ์ว่า

       “ทำกับตำรวจอย่างนี้ ทั้งที่เขาไม่ใช่นักการเมือง เขาทำตามหน้าที่ รักษาความสงบ รักษากติกาของสังคม

       แกนนำม็อบได้นำมวลชนล้ำเส้นจากการประท้วงทางการเมือง ไปปลุกความเกลียดชังต่อสถาบันตำรวจ ระบายอารมณ์เข้าใส่ตัวตำรวจที่เป็นบุคคล และกำลังจะทำให้มันเป็น “สงครามสีเสื้อ” ระหว่างสีกากีกับนกหวีด

       ขอเตือนว่า วันนี้ตำรวจยังอดทนนะครับ แต่วันไหนตำรวจเขาเอาคืนด้วย “วิธีการแบบตำรวจ” ต่อให้ไอ้เทือกเป็นนายกฯ ก็ช่วยอะไรไม่ได้”

       ถ้าใบตองแห้งมีมนุษยธรรมที่แท้จริง เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 เขาน่าจะโพสต์ข้อความว่า

       “ทำกับทหารอย่างนี้ ทั้งที่เขาไม่ใช่นักการเมือง เขาทำตามหน้าที่ รักษาความสงบ รักษากติกาของสังคม

       แกนนำม็อบได้นำมวลชนล้ำเส้นจากการประท้วงทางการเมือง ไปปลุกความเกลียดชังต่อสถาบันทหาร ระบายอารมณ์เข้าใส่ตัวทหารที่เป็นบุคคล และกำลังจะทำให้มันเป็น “สงครามสีเสื้อ” ระหว่างสีเขียวกับเสื้อแดง

       ขอเตือนว่า วันนี้ทหารยังอดทนนะครับ แต่วันไหนทหารเขาเอาคืนด้วย “วิธีการแบบทหาร” ต่อให้ทักษิณเป็นนายกฯ ก็ช่วยอะไรไม่ได้”

       แค่เปลี่ยนความรู้สึกของใบตองแห้งจากคำว่า “ตำรวจ” เป็น “ทหาร” และเปลี่ยนบางคำโดยยึดโครงสร้างเดิมเท่านั้นครับ จะเห็นว่า เหตุการณ์ทั้งสองไม่ต่างกันเลย แม้จะเห็นภาพชัดว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับทหารเมื่อ 10 เมษายน 53 นั้นรุนแรงกว่าเหตุการณ์ที่ผ่านฟ้าหลายเท่า แต่เราย้อนไปดูสิครับว่า เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 ใบตองแห้งรู้สึกอย่างไร

       ฟังน้ำเสียงของใบตองแห้งที่เรียกร้องให้ตำรวจเอาคืนวันนี้ ก็ต้องคิดว่าเขาน่าจะเข้าใจทหารเมื่อวันก่อนด้วย

       ผมยกความเห็นของใบตองแห้งมาเป็นตัวอย่างเท่านั้น ผมเห็นคนเสื้อแดงจำนวนมากในโซเชียลมีเดียรู้สึกโศกเศร้าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตำรวจที่ผ่านฟ้า ผมอยากให้พวกเขาหันไปทบทวนความรู้สึกของตัวเอง เมื่อเหตุการณ์ 10 เมษายน 2553 บ้าง

       พูดอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่า ผมสนับสนุนให้ใช้ความรุนแรงเข้าห้ำหั่นกันนะครับ เพราะไม่ว่าความรุนแรงจะเกิดกับฝ่ายไหน ใครเป็นผู้เสียชีวิตก็น่าเศร้าสลดทั้งสิ้น แต่ผมต้องการสะท้อนให้เห็นสองมาตรฐานที่เกิดขึ้นในสังคมไทย ไม่เพียงแต่เราแบ่งแยกกันด้วยอุดมการณ์ทางการเมืองที่แตกต่างกันเท่านั้น เรายังสองมาตรฐานในเรื่องความรู้สึกนึกคิดและระดับจิตใจด้วย

       ขณะเดียวกันผมไม่เห็นด้วยกับฝ่ายเราที่พากันสะใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยครับ

       อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้บ่งบอกประเทศไทยไม่มีวันเป็นประเทศไทยที่เคยเป็นอีกต่อไป ไม่ว่าฝ่ายไหนจะเป็นผู้ชนะ เพราะทั้งสองฝ่ายต่างมีความเชื่อว่า ฝ่ายตัวเองเป็นฝ่ายที่ถูกต้อง มีชุดความคิดทางวิชาการที่ออกมาสนับสนุนแต่ละฝ่าย

       ดังนั้นบอกไม่ได้เลยว่า ความขัดแย้งนี้จะจบลงเมื่อไหร่หรือต้องให้คนรุ่นเราล้มหายตายจากกันไปเสียก่อน จะเกิดสงครามกลางเมืองหรือไม่ เราจะแบ่งเป็นไทยเหนือหรือไทยใต้หรือไม่ ดูเหมือนจะเป็นหนทางที่อับจนไร้ทางออกเสียเหลือเกิน

       นึกแล้วก็สะท้านสะเทือนใจว่า ความดื้อดึงของทักษิณจะจบลงด้วยชีวิตของทั้งสองฝ่ายอีกกี่คน ความล่มสลายของประเทศไทยจะย่อยยับและสูญเสียอีกเท่าไหร่

       วันนี้ประเทศไทยไม่มีวันเหมือนเดิม กลายเป็นสองนคราธิปไตยที่แท้จริง เป็นหายนะที่เกิดขึ้นจากคนชื่อทักษิณ เพียงคนเดียว


คุณเคยได้ยินคุณทักษิณเอ่ยขึ้นสักคำเพื่อให้เกิดความสงบในประเทศไทยหรือไม่? คุณเคยเห็นคุณทักษิณบริจาคเงินสักสตางค์ สำหรับโครงการวิจัย หรือบริจาค หรือ มหาวิทยาลัยบ้างหรือไม่?...
จากจำนวนเงินสดมหาศาลนับไม่ถ้วนนับพันล้านดอลล่าห์ เค้าไม่มีเวลาสร้างห้องสมุดเพราะเค้ายุ่งกับการทำร้ายประเทศไทยและสนับสนุนการก่อความรุนแรง ถ้าทักษิณอยู่ในปากีสถานและทำอย่างนี้กับอัฟกานิสถาน เข้าจะเป็นที่โปรดปรานของการโจมตีด้วยโดรน
ทักษิณเป็นที่แน่ชัดว่าเป็นผู้ก่อการร้ายของโลก ปฏิกิริยาของสหรัฐ: ออกวีซ่าให้เยือนสหรัฐ โดยการให้การสนับสนุนอย่างเปิดเผยของสถานฑูตสหรัฐประจำประเทศไทย
ในวันที่เรื่องนี้จบลง และมันจะจบลงสักวัน สหรัฐจะต้องอับอายขายขี้หน้าที่ไม่ใส่ชื่อ ทักษิณ ลงในบัญชีรายชื่อผู้ร้าย
ต้นฉบับ Original Post:
Thaksin Shinawatra:
Have you ever heard Thaksin utter a single word calling for peace in Thailand? Have you ever seen Thaksin donate a single satang to research or charity or a university?
Of his uncountable billions of dollars in cash, he does not have time to build a library because he is busy destroying Thailand and funding terrorism. If Thaksin were in Pakistan doing this to Afghanistan, Thaksin would be the star in a drone strike.
Thaksin is obviously an international terrorist. US response: Visa application approved to visit the United States. Open support from the US Embassy in Bangkok.
When this is over -- and it will be over one day -- the United States will be shamed for not putting Thaksin on a list of wanted terrorists.

https://www.youtube.com/watch?list=PL76C7CCDE06271998&v=2-H2JekXzz4






แผนลึกเคลื่อนพลบีบธุรกิจตระกูลชิน พุ่งเป้า “หญิงอ้อ” เจรจาปิดเกม!

แผนลึกเคลื่อนพลบีบธุรกิจตระกูลชิน พุ่งเป้า “หญิงอ้อ” เจรจาปิดเกม!

จับตายุทธวิธีเปิดเกมรุกบีบธุรกิจเครือข่าย “ตระกูลชิน” ที่แกนนำ กปปส.ขานรับไอเดีย “หลวงปู่พุทธะอิสระ” นักวิชาการชี้เป็นการเปิดเกมรุกที่เยี่ยมยอด หวังดึงเจ้าของทุนที่มีอำนาจเต็มอย่าง “คุณหญิงพจมาน” ออกมาเจรจาหาข้อยุติ-ตัดท่อน้ำเลี้ยง ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์รวมกลุ่มวิพากษ์เชื่อการบีบไปที่ธุรกิจตระกูลชิน ตรงประเด็นที่สุด เพราะการทำลายฐานทุน เป็นวิธีการต่อสู้กับระบบทุนที่มีพลังสูงสุด ด้านภาคธุรกิจกังวลธุรกิจเกี่ยวเนื่องตายเรียบ ต่างชาติถอนหุ้นระนาว!! 
100 กว่าวันผ่านไปสำหรับการต่อสู้ของ กปปส.เพื่อล้มอำนาจเผด็จการของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย เรียกร้องให้นายกฯ รักษาการ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ลาออกจากตำแหน่ง เปิดทางให้คนกลางเข้ามาปฏิรูปประเทศ แต่จะบีบ จะไล่อย่างไร ก็ไม่ได้ผล แม้กระทั่งชาวนาที่แห่กันออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลรับผิดชอบโครงการรับจำนำข้าว แต่ชาวนาไม่ได้เงิน และมีการยกระดับการเรียกร้องไปสู่การขับไล่รักษาการนายกฯ ยิ่งลักษณ์ อีกกลุ่มหนึ่งก็ตาม

       แต่ทุกกระแสเสียงที่ออกมาขับไล่ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง จะมีก็เพียงคำยืนยันจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่าจะรักษาฐานอำนาจของตัวเองไว้ให้นานที่สุด

       ขณะที่แกนนำ กปปส.ก็ปรับยุทธวิธีด้วยการไล่ล่ารักษาการนายกฯ ยิ่งลักษณ์ โดยการไปปิดทุกที่ที่ยิ่งลักษณ์ไปปรากฏตัว

       ส่วนที่เด็ดกว่านั้นก็คือ ยุทธวิธีของ “หลวงปู่พุทธะอิสระ” ที่เปิดเกมรุกบีบไปที่ธุรกิจของตระกูลชินวัตร ซึ่งถือว่าเป็นท่อน้ำเลี้ยงใหญ่ให้กับพรรคเพื่อไทย และยุทธวิธีนี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และแกนนำ กปปส.(คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข) เห็นด้วยจึงเกิดปฏิบัติการปิดธุรกิจที่เป็นของเครือชินวัตรตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมา

       โดยเฉพาะการเคลื่อนทัพไปบุกโรงแรมเอสซี ปาร์ค โดยมีการจองห้องพักไว้ก่อนจำนวน 10 ห้อง และมีการมัดจำเงินไว้ล่วงหน้าแค่ 4,200 บาท แต่สร้างแรงสั่นสะเทือนอย่างมาก จนกระทั่งผู้จัดการโรงแรมเอสซี ปาร์ค ถึงกับนั่งไม่ติด ต้องยอมจ่ายเงินก้อนใหญ่เป็นน้ำเลี้ยงต่อม็อบให้ “หลวงปู่พุทธะอิสระ” ถึง 120,000 บาท และ พ.ต.อ.สรรค์หกิจ บำรุงสุขสวัสดิ์ ผู้กำกับ สน.วังทองหลาง ต้องควักคืนให้อีก 4,000 บาทเป็นค่าห้องที่จองไว้แล้ว

       ผลสะเทือนคือ ลูกค้าของโรงแรมเอสซี ปาร์ค แห่กันเช็กเอาต์เป็นทิวแถว เพราะความกลัวจะเกิดความวุ่นวาย

       อีกทั้งแกนนำ กปปส.ก็มีการแบ่งมวลชนกลุ่มหนึ่งเคลื่อนพลไปปิดอาคารชินวัตร 3 ทุกวัน ไม่พอยังให้คนที่อยู่ที่บ้านโทร.ไปก่อกวนที่บริษัททุกบริษัทของตระกูลชินวัตรทุกวัน และทั้งวัน รวมทั้งใครมีหุ้นก็ให้ขายทิ้ง และรอช้อนซื้อเวลาที่หุ้นตกเหลือราคาถูกสุดๆ

       การรุกคืบไปที่ธุรกิจตระกูลชินครั้งนี้ เป็นแผนปฏิบัติการระยะยาว ต่อเนื่องจนกว่าจะชนะ และจะมีแผนรุกคืบใหม่ๆ ทุกวัน ซึ่งวันจันทร์ที่ 24 ก.พ.นี้ ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่ตระกูลชินวัตรต้องหนักใจในการเปิดเกมรุกครั้งนี้
แผนลึกเคลื่อนพลบีบธุรกิจตระกูลชิน พุ่งเป้า “หญิงอ้อ” เจรจาปิดเกม!




ชกตรง “ทุนชิน” บีบ “นายหญิง” เจรจา

       “ฐานของพรรคเพื่อไทยมีหลายธุรกิจ ทั้งธุรกิจของตระกูลชินวัตร ธุรกิจสื่อ ธุรกิจสุขภาพ เช่น โรงพยาบาล และธุรกิจเครือข่ายอีกจำนวนมาก ธุรกิจทั้งหมดเกี่ยวเนื่องกับพรรคเพื่อไทย เกมรุกครั้งนี้ของ กปปส.จึงต้องหาว่าธุรกิจอะไรบ้างที่เป็นท่อน้ำเลี้ยง จะได้ไปชุมนุมให้ตรงเป้าหมาย” ดร.เทียนชัย วงศ์ชัยสุวรรณ (ยุคศรีอารยะ) นักวิชาการอิสระกล่าว

       พร้อมระบุว่า เหตุการณ์การรุกคืบเข้าไปบีบธุรกิจของฝ่ายรัฐบาลอย่างนี้ ไม่เคยเห็นเกิดขึ้นมาก่อนในการต่อสู้ของการเมืองไทย ซึ่งตอนนี้ยังไม่รู้ว่าผลกระทบด้านเศรษฐกิจจะกระทบหนักแค่ไหน โดยเฉพาะราคาหุ้นของบริษัทของกลุ่มตระกูลชินวัตร ต้องรอดู เพราะการเมืองกับธุรกิจเกี่ยวข้องกัน และเงินเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการต่อสู้ทางการเมือง

       “พลังของชนชั้นกลางมีพลังด้านเศรษฐกิจไม่น้อย ดูอย่างออมสิน ต้องหยุดการให้กู้แบบอินเตอร์แบงก์ ปล่อยต่อไปไม่ได้ เป็นกรณีที่เห็นได้อย่างชัดเจน ว่าได้รับผลกระทบ เสียหายหนัก ยอดเงินฝากตก ถ้าผู้อำนวยการออมสินคนใหม่มา ต้องปรับนโยบายใหม่ ขึ้นดอกเบี้ย แต่จะดึงคนกลับมาได้เท่าไร”

       นอกจากนี้ ยังประเมินว่า การที่ กปปส.ปรับเป้าไปบีบที่ธุรกิจของตระกูลชินวัตรนั้น จะได้ผลดีในเรื่องของการตัดท่อน้ำเลี้ยงของกลุ่มทุนฝ่ายรัฐบาล

       แต่การต่อสู้แบบนี้ มีเป้าหมายคือต้องการเร่งให้เกมจบโดยเร็ว จะทำนานๆ ไม่ได้ ระยะยาวจะลำบาก

       “กปปส.ไปยึดโน่นนี่ ไม่มีประโยชน์ เขาไม่เดือดร้อน ตอนนี้ปรับเป้าหมาย คนก็เข้าใจ ก็ชัดเจนมากขึ้นว่ากำลังสู้กับอะไร”

       ดร.เทียนชัย มองว่า การบีบไปที่ธุรกิจของตระกูลชินวัตรโดยตรง นอกจากจะตัดท่อน้ำเลี้ยงไปให้สายกำลังทางการเมืองแล้ว ยังเป็นการบีบให้คนดูแลเรื่องเงินของธุรกิจตระกูลชินวัตรออกมาต่อรอง

       “ผมมองว่า การเจรจากับคุณทักษิณมันไม่ได้ผล แต่การบีบไปที่คนดูแลเงินคือ คุณหญิงพจมาน อีกไม่นานก็จะมีการเจรจา การเจรจากับคุณหญิงพจมานจะรู้เรื่องมากกว่า ถือเป็นการเปลี่ยนแนวทางการเจรจาของกลุ่ม กปปส.ซึ่งคนที่ดำเนินการทางการเมืองแม้จะเป็นคุณทักษิณ แต่ก็เป็นที่รู้กันดีว่าคนที่บริหารจัดการคือเมีย คิดยังไง ว่ายังไง ขึ้นอยู่กับเมียด้วย”

       ดังนั้นการเลือกใช้ยุทธวิธีด้วยการพุ่งเป้าไปที่ภาคธุรกิจครั้งนี้ จึงเป็นการพุ่งเป้าไปบีบให้ “คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร” หลังบ้านตระกูลชินออกมาเจรจา!

       “หากมีการเจรจาต่อรองเกิดขึ้นได้ การเมืองก็มีเหตุให้เกิดการนำไปสู่ข้อสรุป”
แผนลึกเคลื่อนพลบีบธุรกิจตระกูลชิน พุ่งเป้า “หญิงอ้อ” เจรจาปิดเกม!
       ตัดท่อน้ำเลี้ยงตัดเงิน “ซื้อคน” ของทักษิณ

       ขณะที่ ดร.ณรงค์ เพชรประเสริฐ อดีตผู้อำนวยการศูนย์เศรษฐศาสตร์การเมือง อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ทางกลุ่มนักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์มีการคุยเรื่องนี้กันมาสักพักหนึ่งแล้ว เห็นว่า การบีบไปที่ธุรกิจตระกูลชินวัตรจะเป็นการต่อสู้ที่ตรงประเด็นที่สุด และเป็นการต่อสู้ที่เป็นไปตามภาวะทั่วไปของระบอบทุนนิยม

       “ยุคนี้มันยุคทุนนิยมครอบงำ ฐานหลักของคู่ต่อสู้อยู่ที่ทุน ทุนถูกนำมาใช้เป็นอาวุธทางการเมืองตลอด แต่มักจะเป็นการเมืองระหว่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกา และยุโรป ที่มักใช้มาตรการบีบไปที่ภาวะเศรษฐกิจ หรือการสั่งห้ามสินค้าเพื่อผลทางการเมืองมาตลอด เช่น ล่าสุดที่ประเทศสหรัฐอเมริกาทำกับประเทศอิหร่าน หรือบางทีก็มีการใช้มาตรการนี้โดยไม่รู้ตัว เช่น การเข้ามาทำลายค่าเงินบาท หรือ ใช้ทุนกดดันการค้าการขาย สุดท้ายก็เป็นไปตามที่ประเทศมหาอำนาจต้องการ”

       การทำลายฐานทุน จึงเป็นวิธีการต่อสู้กับระบบทุนที่มีพลัง!

       “ฝ่ายหนึ่งใช้ ศรส.มาตัดท่อน้ำเลี้ยงของอีกฝ่าย อีกฝ่ายก็ไปตัดท่อน้ำเลี้ยงเหมือนกัน หมู่นักเศรษฐศาสตร์คุยกันว่าหากสู้ยาว ในเมืองสู้ยืดเยื้อ ถ้าจะเอาชนะครบ 12 ยก ไม่มีหมัดน็อกอย่างนี้ ก็ต้องตัดแขนตัดขาให้อ่อนเปลี้ยไปถึงชนะได้”

       พูดง่ายๆ ว่า เป็นวิธีการหนึ่งที่ทำให้กลุ่มทุนของ พ.ต.ท.ทักษิณ แขน ขาไม่ขยับ!

       “กปปส.ขับเคลื่อนชนชั้นกลางด้วยความรู้สึกร่วม แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ขับเคลื่อนคนชั้นกลางด้วยการขับเคลื่อนด้วยทุน ใช้วิธีผลักคนชั้นกลางผ่านผลประโยชน์ด้วยการใช้เงินมาซื้อคนนั้นคนนี้ เมื่อท่อน้ำเลี้ยงถูกโจมตีไปตรงๆ การใช้เงินไปซื้อคนนั้นคนนี้คงสะดุดไปด้วย น่าจะลดลงทันที”
แผนลึกเคลื่อนพลบีบธุรกิจตระกูลชิน พุ่งเป้า “หญิงอ้อ” เจรจาปิดเกม!
       ฝ่ายธุรกิจกังวลกระทบธุรกิจต่อเนื่อง-ตลาดหุ้นซบ

       ขณะที่แหล่งข่าวด้านธุรกิจระบุว่า การขับเคลื่อนการต่อสู้ทางการเมืองไปที่ภาคธุรกิจครั้งนี้มีความน่ากลัวมาก เพราะเหตุที่ว่ากลุ่มทุนของใครก็ตามจะไม่ใช่ทุนของกลุ่มเดียว แต่มีกลุ่มทุนที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก

       หากมีการต่อสู้ระยะยาว จะกระทบไปที่เครือข่ายของทุน รวมทั้งเศรษฐกิจโดยรวมด้วย โดยเฉพาะภาวะตลาดหุ้น ที่จะได้รับผลกระทบมากจากความไม่เชื่อมั่นของต่างชาติ

       โดยมองว่าจากประวัติศาสตร์การเมืองไทย แม้จะมีการต่อสู้ทางการเมือง แต่ยังไม่เคยรุกไปที่ภาคธุรกิจของอีกฝ่ายมาก่อน

       ครั้งนี้เป็นครั้งแรก!

       ดังนั้น อยากให้การเมืองแก้ด้วยการเมือง ไม่อยากให้การเมืองใช้วิธีมาต่อสู้กันในระบบเศรษฐกิจ เพราะอาจทำให้กลุ่มทุนฝั่งรัฐบาล ใช้วิธีบีบไปที่กลุ่มทุนของกลุ่ม กปปส.เพื่อเป็นการแก้เผ็ดคืนได้เช่นกัน!



นปช. นัดชุมนุมใหญ่ 1 ล้านคน ที่เวที โคราช (อีเกียวเป็นผู้สนับสนุน)








สื่อ เหี้ยๆๆๆๆๆๆ 2 สื่อนี้ แมร่ง ตัวบ่อนทำลายชาติ ยุยงให้คนไทยจับปืนออกมาฆ่ากัน...หากเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นจริง "พวกมรึงตัองรับผิดชอบ"







MANA PRADITKET

MANA PRADITKET
Handpainted oil painting by Mana Praditket

NIRAN PAIJIT

NIRAN PAIJIT
Original handpainted oil painting by Niran Paijit

PRAYAD TIPPAWAN

PRAYAD TIPPAWAN
ORIGINAL IMPRESSIONAL OIL PAINTING BY PRAYAD TIPPAWAN

Achara 34 (24x36)

Achara 34 (24x36)
ORIGINALl OIL PAINTING

Amornsak Livisit 74 (24x36)

Amornsak Livisit 74 (24x36)
ORIGINAL OIL PAINTING, Impressionist style

Suwan Khanboon 11 (24x24 inches)

Suwan Khanboon 11 (24x24 inches)
Original handpainted oil painting abstract style

NIRAN PAIJIT

NIRAN PAIJIT
ORIGINAL ABSTRACT STYLE OIL PAINTING BY NIRAN PAIJIT

Chavalit (Pong)

Chavalit (Pong)
PINTO Horses

Komez 78 (22x30)

Komez 78 (22x30)
Original handpainted pastel painting on paper

KOMES

KOMES
Handpainted pastel painting by Komez

PRATHOUN

PRATHOUN
ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING BY PRATHOUN

THAVORN IN-AKORN

THAVORN IN-AKORN
ORIGINAL OIL PAINTING BY THAVORN IN-AKORN (SIZE 20x30")

THAVORN IN-AKORN

THAVORN IN-AKORN
Original oil painting by Thavorn In-akorn

Facebook


ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING

PHOTO GALLERY

PHOTO GALLERY

Facebook

PHOTO GALLERY