GREAT KING OF THAILAND, KING BHUMIBHOL

GREAT KING OF THAILAND, KING BHUMIBHOL
LONG LIVE THE KING BHUMIBHOL

วันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

แฉ..แยกประเทศฉีกไม่มีชิ้นดี/สูญ 6.5 หมื่นล้าน หลังเจอคว่ำบาตร
















27 ก.พ.57 แฉ..แยกประเทศฉีกไม่มีชิ้นดี จุดยิงเด็กเผย นายห้างปลอดเอาไม่อยู่แล้ว

ภายหลังชายดูไบสไกป์ทางอินเตอร์เน็ต เข้ามาในศูนย์รวมสัตว์ (ศรส.) สั่งให้จัดการสลายการชุมนุมประชาชน จนเป็ดเหลิมที่โดนหลอกใช้ว่าจะมอบตำแหน่งนายกฯ ให้หลังเดินเกมส์ชนะ เร่งสั่งการด้วยว่าจาให้ชายชุดดำ สลายการชุมนุมเมื่อ 18 ก.พ. ที่ผ่านมา จนเป็นการสั่งฆ่าบรรลือโลกนั้น ฝ่ายการเมืองใน ศรส.ก็ลอยแ...พให้ชายชุดดำผู้ปฏิบัติรับผิดไปเอง

ชายดูไบ พยายามยื่นเงื่อนไขต่อรองการเจรจาหลายครั้ง โดยล่าสุดเขาบ้าขนาดยื่นเงื่อนไขที่พิลึกกึกกือ นั่นคือ ต้องได้เงินคืน (ที่โกงชาติไปและถูกจับได้จนยึดไป 4.6 หมื่นล้าน) และคดีความต่างๆ ต้องนำไปพิจารณาในศาลปกติ ด้วยเปาบุ้นจิ้นคนเดียว และไม่ตัดสินโดยศาลฎีกา (เพื่อที่เขาจะได้ซื้อเพียงคนเดียว เขาขี้เหนียว และกลัวแพ้) แต่เงื่อนไขแบบนี้ ไม่มีใครบ้าเอาด้วยกับเขา เพราะไม่มีกฎหมายรองรับ

เขาไม่ละความเอาเปรียบอีก โดยสั่งปึ้งเหม่งให้ทำหนังสือดึงสหประชาชาติ มาเป็นคนกลางไกล่เกลี่ย โดยให้มีกำลังทหาร UN ต่างชาติเข้ามารักษาความสงบ แต่ต้องเป็นทหาร UN จากกัมพูชาเท่านั้น..เออ เอากะมันซิ

เมื่อจนตรอกแก๊งค์อั้งยี่แดงจึงจงใจกดดันอารมณ์สังคม สั่งการให้สมุนก่อการร้านสากล โดยปาระเบิดถล่มใส่เด็กตายที่ จ.ตราด และยิง M79 ใส่แผงค้าที่หน้าห้างบิ๊กซีราชดำริ ใกล้แยกราชประสงค์ จนเด็กน้อยน้องเคนและน้องเค้กตาย 2 คน พ่อ (ที่สนิทกับ มีวันนี้เพราะพี่ให้) ปิ่มจะขาดใจที่สูญเสียลูกน้อยที่รัก และยังมีผู้หญิง คนแก่ และประชาชนทั่วไปได้รับบาดเจ็บกว่า 24 คน นั้น แล้วผลจากการตรวจสอบ “ห้างพาราเซตามอล” ก็พบว่าเป็นจุดยิง M79 เข้าใส่ผู้ชุมนุมนั่นเอง ที่ผ่านมาเจ้าของห้างประกาศตัวเป็นศัตรูกับประชาชนโดยชัดเจน ด้วยการส่งหนังสือถึงรถกระจายเสียงนำขบวนว่าห้ามมวลชน กปปส.เข้ามาใช้ห้องน้ำห้างฯ

ห้างนี้เดิมทีชื่อว่า "ประตูน้ำซับซ้อน " จ้าของคือ พรหมมหาราช เครือแก๊ส ที่มีพี่ชายดูไบ เป็นประธานกรรมการ ซึ่งผู้ที่เป็นเจ้าของที่ดิน 3 งาน 44.4 ตารางวา ของห้างนี้ และถือหุ้นใหญ่ คือ " ปลอดเป็นศพ " ผู้เป็น รมต.เทียม ที่เป็นเจ้าของเมกกะโปรเจกโครงการบริหารจัดการน้ำ (..เลี้ยงของบริษัทเผาไทย) อันอื้อฉาว ด้วยการกู้มาโกง 3.5 แสนล้านบาทมาตั้งแต่ปี 2555 แล้วล๊อคเสปกงานได้บริษัทเกาหลี ที่ชายดูไบไปเจรจากินหัวคิวมาก่อนล่วงหน้าแล้ว แต่ผลผ่านไป 2 ปีกลับไม่ได้ทำประชาพิจารณ์ และศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมก่อน จนระยะเวลาการกู้สิ้นสุด เกิดการอลเวงหนัก

เกิดปรากฎการณ์พิลึกพิลั่นโลกตะลึง คือ ไปทำประจาพิจารณ์ย้อนหลังประมูลได้บริษัทรับเหมา ตามจังหวัดที่โครงการผ่านหรือจะกระทำโครงการ มีการให้หัวคะแนนไปแกนชาวบ้านจากพื้นที่อื่นที่ไม่ได้รับผลกระทบจากโครงการเอาชื่อมาก่อน แล้วจัดรถรับ ส่ง คัดเอาเฉพาะคนกลุ่มนี้เข้าไปในหอประชุมแลกกับค่าจ้าง 400 บาทต่อหัว แต่พอชาวบ้านในพื้นที่ๆ เขาได้รับผลกระทบโดยตรงจะเข้าไปร่วมแสดงความคิดเห็นด้วย ก็ไม่ยอมและถูกทุบตีทำร้ายร่างกายจาก อส.และชายชุดดำ จนเกิดจลาจลย่อยๆ ไปทั่วประเทศ ต่อมา สตง.ถึงกลับเรียกคืนเงินก้อนนี้ราว 400 ล้านบาท เพราะดันไปใช้งบประมาณปกติ แต่ไม่ยอมเบิกจากโครงการเงินกู้นี้โดยตรง

ดังนั้นการก่อวินาศกรรมที่บริษัทเผาไทยจ้าง แฝงตัวขึ้นไปบนห้างพาราฯ ประตูน้ำนี้ แล้วใช้ปืน M79 เล็งยิงจากชั้น 9 ที่มองเห็นเป้าหมายพื้นที่หน้าห้างบิ๊กซีพอดี จึงเป็นความจงใจฆ่าเด็กนั่นเอง ไม่ใช่การยิงพลาด และที่น่าแปลกแต่จริงก็คือ ในสมัยเผาเมืองปี 53 ที่แก๊งค์อั้งยี่ให้สมุนยิง M79 ใส่ชาวบ้านไปทั่วถึง 60 ลูก ห้างนี้ก็เคยใช้เป็นจุดยิง M79 ก่อเหตุร้ายใส่ประชาชน และชายชุดเขียว หลายครั้งบริเวณนั้นด้วย !!

ผู้ที่ยอมให้มือปืนใช้พื้นที่และอาคารนี้ปฏิบัติการ ก็คือผู้สมคบให้ก่อวินาศกรรม ก่อการร้ายสากล สังหารเด็กเล็กครั้งนี้นั่นเอง มันเชื่อมโยงได้ว่าบริษัทเผาไทยนี้ นอกจากจะโครตโกงแล้ว ยังชอบฆ่าเด็กอีกด้วย..งานนี้นายห้างปลอดเป็นศพก็เอาไม่อยู่แล้ว!!

ลองให้ไปดูการชุมนุมเผาเมืองของอเวจีแดงย้อนหลังที่ผ่านมาปี 53 ที่ผ่านมา ผู้ชุมนุมแดงไม่เคยโดนระเบิด หรือการยิงด้วยอาวุธสงครามใดๆ วินาศกรรมใดๆ ทั้งสิ้น แต่ประชาชนรอบนอกที่ไม่เกี่ยวข้องใด ๆ แม่ค้า เด็กๆ กลับโดนสร้างสถานการณ์เอาอาวุธ M79 มาโจมตีใส่อย่างหนัก นี่เป็นการพิสูจน์ว่าปี 53 กับ 57 ผู้ก่อการร้ายสากลคือแก๊งค์เดียวกัน

ที่ผ่านมาหัวหน้าบริษัทเผาไทยนี้เองแหละ ที่ประกาศเองให้ประชาชนเอาอาวุธปืน 10 ล้านกระบอกออกมาให้คนไทยต่อสู้กันให้เกิดสงครามกลางเมือง และมีแกนนำพรรคที่เป็นอดีต สส.เหนือสุด ชื่อ วิ เคยเป็นถึงรองประธานสภาโจ๊ก ออกมาเป็นแกนร่วมกับหมอแคนอีสาน ประกาศแบ่งแยกประเทศไทยออกไปเป็นประเทศล้านนาอีก ตามมาด้วยแกนนำคอมมิวนิสต์สายกลายพันธ์ และสายรู้แล้วรวย อีกหลายคนที่ผสานเสียงกัน มีการสังทำแบบป้ายไวนิล ออกมาจากแหล่งในบริษัทเผาไทย แล้วให้ค้างคาวอเวจีแดงตามจังหวัดต่างๆ ออกหากินกลางดึก ไปแอบลอบติดบนสะพานลอยถนนสายหลักตามจังหวัดต่างๆ

ส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์บูมเบอแรงย้อนกลับจากประชาชน มาฟาดหน้าแก๊งค์อั้งยี่แดงเข้าเต็มจังเบอจนหน้าบวมเสียสูญ มวลชนทุยแดงเห็นลางหายนะอนาคตตัวเอง และลูกหลานชัดเจนแจ๋วแหว๋ว จึงออกมาก่นด่าพ่อ ล่อแม่ แก๊งค์อั้งยี่แดงชนิดขุดตระกูล 7 ชั่วโครตมาด่า เผาพริกเผาเกลือสาปแช่ง มวลชนแดงที่เหลือน้อยนิดอยู่แล้ว กลับลดน้อยหนักกว่าเดิมเข้าไปอี

เพราะคนไทยไม่อยากถูกโจรมาชิง “ ปล้นเอาดินแดนไป” เนื่องจากมีประวัติศาสตร์วิวัฒนาการเล่าขานภูมิใจยาวนานกว่า 1 พันปี บรรพกษัตริย์ และบรรพบุรุษ สะสมอาณาจักรเล็กน้อย รวบรวมกว่าจะมาเป็นปึกแผ่นได้ อีกทั้งมีศูนย์กลางจิตใจบารมีท่วมหัวจากสถาบันให้อยู่เย็นเป็นสุขมานาน มีญาติพี่น้องข้ามภาคต่างๆ จู่ๆ ชายดูไบที่ไม่ได้มีเชื้อสายคนไทย จะมาตีชิงปล้นแบ่งแผ่นดินไป คนไทยจึงไม่ยอม..

ถ้าอยากตั้งประเทศใหม่ก็ย้ายออกจากประเทศนี้ไป แล้วไปหาแผ่นดินใหม่เอาเองซีเว้ย!! ถ้าหาไม่ได้ก็เอาเงินไปซื้อเกาะเล็กแถวแอฟริกาโน่น แล้วขนมวลชนทุยแดงไปตั้งรัฐบาลเทียมเอง ตั้งตนเป็นสมเด็จดูไบคนแรกของเกาะไปเลย แล้วเกณฑ์เหล่าบรรดาเมียของลูกน้องนั่นแหละ มาปรนเปรอเป็นเมียน้อยให้สิ้นเรื่องไป..(เรื่องนี้ต้องถามกีร์อมฮอลล์ เพราะมีประสบการณ์ด้วยตนเอง..ฮา)

การต่อต้านจากประชาชน เริ่มปรากฏเป็นรูปธรรมที่ อ.เมืองพิษณุโลก ที่ทุยแดงแอบติดป้ายไวนิลพื้นสีแดง เขียนข้อความว่า “ประเทศนี้ไม่มีความยุติธรรม กู ขอแยกเป็นประเทศล้านนา” ขนาดกว้าง 1 เมตร ยาวประมาณ 10 เมตร จำนวน 2 ผืน ติดขึงไว้ที่สะพานลอย ข้ามถนนสายพิษณุโลก-นครสวรรค์ ทั้งขาเข้าและขาออก ประชาชนจึงได้โวยวายโมโหจัด คว้าเคียวบ้าง อีโต้บ้าง มีดบ้าง กระหน่ำฟัน กรีดป้ายฯ จนขาดกลางร่องแรง เหวอะหวะ ด้วยความสะใจ เนื่องจากทนกับข้อความดังกล่าวไม่ได้

ชาวบ้านใกล้เคียงบอกว่า เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ได้ยินเสียงหมาเห่าดังไปทั่วบริเวณ กระทั่งช่วงเช้าก็เห็นป้ายดังกล่าวแล้ว ชาวบ้านต่างวิพากษ์วิจารณ์ ด่าพ่อ ล่อแม่ แก๊งค์อั้งยี่แดง ที่กล้ากระทำดังกล่าวที่ไม่เหมาะสม คนทำไม่น่าเกิดเป็นคนไทย เพราะคนไทยแต่ละคนมีความคิดเห็นต่างได้ แต่ไม่ควรคิดแยกประเทศเช่นนี้..ถ้าเอามาติดอีก พวกเขาก็จะเอามีดมาฟันอีก และจะเอาซากป้ายไปห่อขี้ควาย แล้วไปโยนใส่บ้าน ส.ส.แดงในพื้นที่ทันที (นี่ขนาดชาวบ้านธรรมดายังคิดได้ขาดนี้ )

ต่อมาชายชุดดำในเครื่องแบบได้มาทำการเก็บป้ายไวนิล พร้อมนำกลับไปเป็นหลักฐานสืบหาตัวผู้กระทำดังกล่าว ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างความแตกแยก และมีความผิดทางด้านความมั่นคงของประเทศ..หา..รู้ได้ไงเนี่ย รก.รมต.คลองหลอด เขาประกาศแยกประเทศออกทีวีเลยนะ..ฮา

มีเรื่องที่น่าตระหนกสำหรับชาวนา คือ ตั้งแต่ปูเน่ากับเป็ดเหลิมตั้ง ศรส.เมื่อวันที่ 21 ม.ค. เป้นต้นมา จากการตรวจสอบการใช้เงินของศูนย์เถื่อนนี้แค่ 33 วัน ใช้งบกลางไปแล้ว 1 หมื่นล้านบาท (เฉลี่ยใช้วันละ 300 ล้านบาท).. ทั้ง ๆ ที่ ค่าเบี้ยเลี้ยงชายชุดดำวันละ 700 บาท จำนวน 2.5 หมื่นคน ( ที่ไม่ได้มาทุกวันเท่านี้อีกด้วย เต็มที่ต่อวันยังใช้ไม่เกิน 20 ล้านบาทเลย

นี่มันเท่ากับงบประมาณของกระทรวงขนาดกลางทั้งปี ที่บริการประชาชนไทย 65 ล้านคนเลย และสามารถจ่ายเงินจำนำข้าวให้ชาวนาได้ถึง 6.7 แสนตัน หรือสามารถบรรเทาความเดือดร้อนจ่ายเงินที่ปูเน่าชักดาบชาวนามา เฉลี่ยคนละ 2 แสนบาท ได้ถึง 50,000 คน ที่เดียว..อุแม่เจ้า ทั้ง ๆ ที่ไม่มีความจำเป็นใดต้องเกณฑ์ชายชุดดำมามากขนาดนั้น เพราะประชาชน กปปส.ชุมนุมไม่ได้รุนแรงใด ๆ เหมือนเผาไทยชุมนุมปี 53 เพราะการก่อเหตุปี 57 ปาและยิงระเบิด M79 ก็เป้นจากฝ่ายแก๊งค์อั้งยี่เองที่ก่อวินาสกรรม ฆ่าเด็กและผู้หญิงที่บริสุทธิ์

เมื่อวันที่ 26-27 ก.พ.มีเหตุการณ์ที่ฟิตขึ้นอย่างผิดหูผิดตาของชายชุดดำ หลังจากการเจรจาข้อตกลงลับของอับดุล กับบิ๊กชายชุดเขียว แต่กลับเป็นที่น่าหวาดหวั่น ชวนจิตตก ของแก๊งค์อั้งยี่แดง คือ

1. ในส่วนชายชุดดำ

- ชายชุดดำปราบจลาจล รวมตัวกันขอกลับบ้าน บอกให้ ศรส. เอาเบี้ยเลี้ยงไปจ่ายชาวนาที่จำนำขาวดีกว่า
- ผบ.ชายชุดดำ ก็เปิดประตูหน่วยงาน ผสานใจรับดอกไม้จากมวลชน กปปส. ที่ไปเยี่ยม และรับปากว่าจะตามจับ แก๊งค์แดงที่ฆ่าเด็กตายที่ราชประสงค์ด้วยระเบิด M79
- สั่งการชายชุดดำ ให้เอากำลังไปล้อมทำท่าจะสลายมวลชนอันธพาลแดง ที่หน้า ปปช.จนอันธพาลแดงขี้หด ขอเจรจาปิดแค่ประตูเดียว
- ชายชุดดำ ผบ.น.2 มีคำสั่งระดมกำลังชายชุดดำในเครื่องแบบ ดูแลพื้นที่ชุมนุมเวที กปปส. ตั้งแต่เวลา 18.00 ถึง 06.00 น. ของทุกวัน จนกว่าจะยุติการชุมนุม โดยสับเปลี่ยนกำลังไปเรื่อยๆ และนำกำลังต่างจังหวัดมาผลัดเปลี่ยนทำหน้าที่ และจัดกำลังประจำจุดภายในตลาดซอยแจ้งวัฒนะ 14 ลานจอดรถฝั่งตรงข้าม และปากซอยแจ้งวัฒนะ 12 แยก 1
- ชายชุดดำแถลง ศาลอนุมัติหมายจับ มือปืนยิง "สุทิน" เสียชีวิตวัดศรีเอี่ยมเมื่อ 26 มค. 57
- ชายชุดดำตั้งรางวัล นำจับ 7 แสนบาท "กฤษดา ไชยแค" อายุ 43 ปี ข้อหาฆ่าผู้อื่นฯ ปาระเบิดอนุเสาวรีย์ชัยฯ หมายสังหารถาวร
** ลูกชายดูไบ เขียนเฟซบุ๊ก ว่าถ้าจับมือระเบิดนี้ได้จะจ่าย 10 ล้านบาท..ดังนั้นใครรู้จักคนเขมร หรือมีคนงานเป็นเขมร ให้รับส่งข่าวนี้ต่อๆ กันไปให้เขาบอกญาติในเขมรว่าจะถูกหวยแล้วได้เงิน 10.7 ล้าน ให้ส่งข่าวและรูปถ่ายยายกฤษดา ที่แฝงตัวประกอบอาชีพพ่อครัว หรือช่างตัดผม ไปทั้งประเทศ ให้รีบจับมือระเบิดนี้ แล้วมาให้ชายชุดขาว หรือชุดเขียวที่ชายแดน..ฮา เผลอโพส อีคซวยแล้ว

2. ในส่วนชายชุดเขียว

- ผบ.พล1 รอ. ลงพื้นที่ตรวจกำชับให้กำลังใจกำลังพล ปรับเพิ่มจุดดูแลประชาชนจาก 29 เป็น 176 จุด (เพิ่มรวดเดียว 147 ชุด ) และฝากความห่วงใยจากชายที่ออกทีวีแล้วไม่ค่อยยิ้ม ให้ระวังการใช้อาวุธวิถีโค้ง
- นกแสกออกทีวีสั่งบิ๊กชายชุดเขียว ให้ถอนกำลังพลออกจากจุดชุมนุม กปปส. อ้างว่าทำลายบรรยากาศประชาธิไตย (เพราะสมุนที่จ้างมาฟ้องว่า โจมตีด้วยอาวุธไม่ได้) บิ๊กชายชุดเขียวผู้ใจดีไฉนเลยเมื่อนกแสกร้องขอจะกล้าขัด..เลยสั่งให้ไปตั้งบังเกอร์ พร้อมจัดกำลังอาวุธหนักครบมือเพียบๆ ที่ด้านหน้าตึกบริษัทเผาไทยซะเลย..ฮา
- ชายชุดเขียวที่ จ.อุดรฯ ได้ส่งกำลังจำนวนมากออกไปควบคุมการจราจร โบกรถ และตรวจค้นสอดส่อง รถยนต์ที่สัญจรไปมา
- มีการทะยอยขนรถคั่วข้าวโพดคันดำทมึนจำนวนมาก จากทัพภาค 2 เข้า กทม.มาทางรถไฟ นัยยะว่าร้านคาร์แคร์ใน กทม.มีคุณภาพดี เลยจะส่งรถฯ มาล้างเพิ่มจากเดิมอีกเรื่อยๆ

ในส่วนก่อการร้ายสากลจากคำสั่งบริษัทเผาไทยนั้น เมื่อคืนที่ผ่านมา
- เวลา 19.05 น. อันธพาลแดงได้ยิงระเบิด M79 ชนิดเจาะเกราะ จำนวน 2 ลูก ด้วยวิถีโค้ง จงใจยิงใส่ชายชุดดำในศูนย์รวมสัตว์ (ศรส.) 2 ลูก แต่ระเบิดเพียง 1 ลูก ใกล้ที่พักชายชุดดำควบคุมฝูงชน -สนามบอล และยิงใส่สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ทำให้รถยนต์ได้รับความเสียหาย 2 คัน
- ครั้งก่อนแก๊งค์อั้งยี่แดงเคยทดลองยิง ปรับระยะวิถีประสุนมาแล้ว ทำให้ M79 ไปตกในคาร์แคร์ปั้มน้ำมันใกล้ ศรส. และก็เป็นไปตามการข่าวที่เตือนไว้นานแล้ว ว่าแก๊งค์แดงตั้งเป้าจะถล่ม ศรส.ให้ชายชุดดำสูญเสีย..สายข่าวรายงานว่าผู้ลงมือครั้งนี้ คือ สมุนแก๊งค์ เก่ง เตะเมีย กับแก๊งค์ โกตี๋..!! เป็นผู้สั่งการ
- เรื่องนี้ไม่ซับซ้อนหรอก เพราะอันธพาลแดงมันจงใจยิงใส่ชายชุดดำใน ศรส. ในวันที่แก๊งค์แดงมาตั้งเวทีที่หน้า ปปช.วันแรกไง และการโจมตีเกิดช่วงหัวค่ำ เป็นการบอกว่าต่อไปมันจะโจมตีแบบนี้อีกในช่วงต่อไป ส่วนจะเวลาไหนไม่แน่ชัด
- จากที่ช่วงกลางวัน ผบ.ชายชุดดำ ผสานใจรับดอกไม้จากมวลชน กปปส. และรับปากว่าจะตามจับ คนที่ฆ่าเด็กที่ราชประสงค์ด้วยระเบิด พอตกค่ำ เอ็ม 79 ก็ตกที่สโมสรชายชุดดำ ที่ตั้ง ศรส. แก๊งค์อันธพาลแดงมันกลัวชายชุดดำย้ายข้างแปรพักษต์..พวกนี้มันคิดโง่ ๆ ไม่ปรึกษาโลก คิดแค่นี้แหละ เพราะเป็นนิสัยดิบเถื่อนตามหลักอาชญวิทยาธรรมดา
- วิธีการป้องกัน และสวนกลับแก้แค้นแก๊งค์แดงนี้ก็ไม่ยากหรอก ชายชุดดำก็ไปติดตั้งกล้องวงจรปิดเฉพาะกิจเพิ่มเองเลยบนทางด่วน สัก 4 ตัว ในระยะหัว-ท้าย ห่างจาก ศรส. 2 – 1 กม. ต่อสายมาเข้าจอมาเฝ้าดูใน ศรส.พอเกิดเหตุก็วิทยุบอกให้กำลังพลที่ทางลงทางด่วนทุกจุด คอยระดมดักสอยรถยนต์อันธพาลแดงคันนั้นให้พรุน รถอยู่บนทางด่วนจะหนีไปไหนได้ อย่างไรเสียก็ต้องหาทางลง !!

ส่วนการก่อเหตุกับผู้ชุมนุมนั้น หลังเจอแก๊งค์แมงเม่า แมงกุ๊ดจี่แดง เจอสวนหนักด้วยป๊อบคอร์นไป 2 คืนก่อน ทำให้คืนที่ผ่านมาต้องแบบนอนซม หลบเลียแผลใจ และแผลกาย ที่ยังบอบช้ำ และซ่อมแซมพาหนะมอเตอร์ไซต์ และรถยนต์ ที่พรุนไปด้วยรูข้าวโพด จึงไม่กล้าโผล่มาให้หัวคิดทรยศแยกจากร่างอีก ช่วงเวลา 00.45 น. จึงมีเพียงกลุ่มเด็กแว้นซ์ ยิงปืนเข้ามา 1 นัด ด้านนอกด่านราชประสงค์

จากนั้นก็มีกลุ่มเชพกระทะเหล็กชุดดำสวมหมวกไหมพรหม ใส่เสื้อเกราะหลายคน ไล่พ่นป๊อบคอร์น (จากไหนไม่รู้) ถล่มใส่กลุ่มเด็กแว้นไม่ยั้งหุดับตับไหม้ จนกระเจิดกระเจิงไม่เป็นท่าไป และไม่กล้ากลับมาอีกเลย..ส่งผลให้เมื่อคืนพ่อค้าป๊อปคอร์นของเหลือขายอื้อ พวกลูกค้ารายเดิมไม่มาอุดหนุน นั่งกระดิ๊กนิ้วรอทั้งคืน

แผนระยะสั้นต่อไปของแก๊งค์อั้งยี่แดง ที่สายลับทราบมา
1. ชายดูไบ ให้เดินหน้าปฏิบัติการลอบก่อวินาศกรรมหมู่ ต่อผู้ชุมนุม กปปส. ให้ได้ราว 500 ราย โดยการใช้ระเบิดจำนวนหลายลูก โจมตีขบวนของผู้ชุมนุมจากที่สูง หรือรถแท็กซี่เก่าๆ (อาวุธลำเลียงมาจากทางข้างเรือนจำคลอง ป.) โดยอาจจะเริ่มลงมือในวันที่ 28 ก.พ. ถึงวันที่ 9 มีนา 57 เพื่อกดดันให้ชายชุดเขียวออกมาแทรกแซงปฏิวัติ และล้มกระดาน เขาจะได้เป็นข้ออ้างในการทำสงครามกลางเมือง และล้มล้างคดีความของปูเน่า และบรรดาแก๊งค์โครตโกง..ดังนั้นให้ทีมการ์ด เพิ่มการระมัดระวังแนวทางนี้มากขึ้น

2. แก๊งค์อันธพาลแดงที่ชุมนุมหน้า ป.ป.ช.นำรถตู้กรุงเทพ-จอมบึง มาจอดขวางถนนหน้าสำนักงาน ป.ป.ช. โดยมีอาวุธซ่อนอยู่ในลังไม้ติดตัวตึกด้านหลังของ ป.ป.ช. เมื่อได้จังหวะพร้อมกับจำนวนแมงกุ๊ดจี่แดงที่มากพอ ก็จะสร้างสถานการณ์ให้วุ่นวาย เข้าดำเนินการล้อมจับตัวบุคคลสำคัญของ ป.ป.ช.ทันที

3. แก๊งค์สู้แล้วรวย จะใช้ชายชุดดำเดิมปี 53 โจมตีอาวุธเวทีมวลชนเสื้อแดงด้วยกันเอง เช่น เวทีหน้า ปปช.หรือตามอมต่างจังหวัด เช่น อุดร ฯลฯ เพื่อสร้างสถานการณ์ให้มีการเจ็บตายของแมงเม่าเสื้อแดง เพื่อจะตอกย้ำ และสร้างความเจ็บแค้นให้กับพวกเดียวกันเอง แล้วปลุกระดมยั่วยุว่า กปปส.ทำ ปลุกพวกเดียวกันด้วยเหตุการณ์ที่พวกของตัวเองเจ็บตาย ให้ลุกฮือขึ้นอีกครั้ง หลอกทุยแดงให้มาตาย ปะทะห่ำหั่นกัน (ใช้สูตรเดียวปี 53)
** อีกทั้งเป็นข้ออ้างให้ ศรส.ยื่นหลักฐานเพิ่ม อุทธรณ์ให้เปาบุ้นแพ่งยกเลิกคำสั่งห้าม 9 ข้อ ให้กลับมามีอำนาจอย่างเต็มที่อีกครั้ง

ส่วนรถมอเตอร์ไซค์ดังในรูป เจ้าของแมงกุดจี่แดงหรือเพื่อนมารับรถคืนไปด่วน เนื่องจากหลังจากที่เจ้าของรถกับเพื่อนได้เดินทางมาเที่ยว และแวะมารับประทานข้าวโพดคั่ว แถวเวทีชุมนุม กปปส. ไม่ทันเห็นพ่อค้าป๊อบคอร์นหลายคนที่ส่วนใหญ่จะคั่วรอตามซอย , ตามซอกตึกมืดๆ , พอข้าวโพดลอยมาเป็นชุดๆ ทำให้เจ้าของรถฯ ตกใจทิ้งรถเอาไว้ บริเวณถนนอังรีดูนังต์ หลบหนีกันไปอย่างอลหม่าน..แมงกุดจี่แดงมารับรถคืนนะ พ่อค้าคนเดิมฝากคิดถึง ฮา

กลางค่ำกลางคืน ถ้ากลุ่มสมุทรปราการ ซึ่งใช้กำลัง 8 ชุด ร่วมกันก่อเหตุกลางคืน ใช้แมงกุดจี่แดง ขี่มอเตอร์ไซต์กลับมาเที่ยวปั่นป่วนแถวที่ชุมนุมอีก อาจเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกันเองได้ เพราะถนนลื่น น้ำเฮลล์บลูบอยมันเลอะ..ทางการ์ด กปปส. เข้าล้างถนนอยู่บ่อยๆ ถ้าล้มกันระเนระนาด ทางน้องๆ ชายชุดเขียวหลายกองร้อย เขาจะได้รุมกันพุ่งเข้าช่วยเหลือได้ทัน เพื่อให้บริการ “อย่าให้ขาดตกบกพร่อง” หน้าที่บริการประชาชนก็แบบนี้แหละ !!..ต้องทำใจ..ฮา

คืนนี้พอค้าป๊อบคอร์นใจดีหลายกลุ่ม จะมีโปรโมชั่นสินค้า จัดบริการเชิงรุกหน่วยเคลื่อนที่เร็วไร้เงาไร้ร่างอีกหลายสิบชุด ไปบริการส่งสินค้าป๊อบคอร์นถึงจุดรวมพลของลูกค้าแก็งค์อันธพาลแดงเหล่านี้ ที่รู้หมดแล้วว่าอยู่ตรงไหนบ้าง!! แมงกุ๊ดจี่แดงไม่ต้องแย่งกันนะ จะได้รับกันทุกคน ไปรวมตัวกันเป็นฝูงๆ นะ จะได้แจกได้ทั่วถึง..ให้ซาบซึ้งใจในบริการไปถึงชาติหน้าเลย..

เอารถกระบะมาลากร่างเพื่อนกลับไปด้วยเหมือนเคยนะ เดี๋ยวจะฉีดล้างถนนคราบเฮลล์บลูบอยให้เอี่ยมอ่องก่อนถึงเช้าเอง..ฮา

@เสธ น้ำเงิน
ที่มา https://www.facebook.com/topsecretthai





Photo: วอลล์สตรีท เจอนัลด์ - หนังสือพิมพ์ธุรกิจดังระดับโลกตีข่าว เหล่าบริษัทในไทยที่ตกเป็นเป้าหมายคว่ำบาตรของกลุ่มผู้ประท้วงฝ่ายต่อต้านรัฐบาล ฐานมีความเกี่ยวข้องกับนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและครอบครัว ได้สูญเสียมูลค่าทางการตลาดไปแล้วกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ(ราว 65,000ล้านบาท) ภายในเวลาเพียงแค่สัปดาห์เดียว

วอลล์สตรีท เจอนัลด์ รายงานว่าเสียงเรียกร้องคว่ำบาตรธุรกิจตระกูลชินวัตรของแกนนำผู้ชุมนุม เพื่อเพิ่มแรงกดดันแก่รัฐบาล ฉุดให้หุ้นของหลายบริษัทที่เกี่ยวข้องดำดิ่ง ไม่เว้นแม้กระทั่งเอไอเอส ผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดของไทย แม้ว่าบริษัทแห่งนี้ยืนยันว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลชินวัตรมาตั้งแต่ปี 2006

หนังสือพิมพ์การเงินทรงอิทธิพลของสหรัฐฯรายงานต่อไปว่าหุ้นของเอสซี แอสเซต บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่ครั้งหนึ่งนางสาวยิ่งลักษณ์ เคยนั่งเก้าอี้ประธานและเวลานี้ตระกูลชินวัตรยังถือครองหุ้นใหญ่อยู่ ได้ร่วงลงมากกว่าร้อยละ 9 ในตลาดหลักทรัพย์ของไทย นับตั้งแต่การรณรงค์คว่ำบาตรเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันพุธที่แล้ว(19)

ส่วนเอ็ม-ลิงค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น บริษัทนำเข้าและจำหน่ายอุปกรณ์สื่อสารและโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวคนรองของทักษิณ และภรรยานายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ช่วงสั้นๆ ในปี 2008 ก็ร่วงลงเกือบร้อยละ 11 ภายในเวลาเพียงแค่สัปดาห์เดียว น

วอลล์สตรีท เจอนัลด์ อ้างความเห็นของนาย อิฐพงศ์ แสงทับทิม หัวหน้าฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ ระบุว่า "แรงเทขายมาจากนัลงทุนรายย่อยท้องถิ่น ด้วยความรู้สึกที่ว่าผู้ประท้วงอาจส่งผลกระทบบางอย่างต่อผลประกอบการในอนาคต" พร้อมบอกว่าผู้ประท้วงหลายรายเป็นชนชั้นกลาง ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์

อย่างไรก็ตาม วอลล์สตรีท เจอนัลด์ รายงานว่าไม่เพียงแค่ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลเท่านั้น แต่อีกฝ่ายที่เห็นต่างทางการเมืองก็งัดมาตรการคว่ำบาตรสินค้าออกมาต่อสู้เช่นกัน โดยประชาชนทางภาคเหนือ พื้นที่ชนบทที่ได้รับประโยชน์จากนโยบายประชานิยมของนางสาวยิ่งลักษณ์และ"พี่ชาย" นายทักษิณ ก็เริ่มคว่ำบาตรเบียร์สิงห์ หลังทายาทของบุญรอดบริวเวอรี ขึ้นเวทีชุมนุมของฝ่ายต่อต้านรัฐบาล แต่ทางบริษัทยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องดังกล่าว

สื่อมวลชนดังรายงานต่อว่าหนึ่งในบริษัทของไทย ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรของผู้ชุมนุมฝ่ายต่อต้านรัฐบาลได้แก่เอไอเอส ซึ่งก่อตั้งโดยทักษิณ และต่อมาถูกขายให้แก่เทมาเส็ก โฮลดิ้ง กองทุนเพื่อการลงทุนของรัฐบาลสิงคโปร์ ก่อนที่เขาจะถูกรัฐประหารโค่นอำนาจในปี 2006 และเวลานี้พำนักอยู่ในดูไบ หลบหนีโทษจำคุกในฐานความผิดคอรัปชัน โดยนับตั้งแต่มาตรการคว่ำบาตรเริ่มต้นขึ้น หุ้นของเอไอเอส ร่วงลงไปแล้วร้อยละ 5.5

รายงานของวอลล์สตรีท เจอนัลด์ ระบุว่าทางทรู คอร์ปและโทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น(ดีแทค) อาศัยโอกาสนี้ยื่นข้อเสนอลดราคาแก่ผู้ใช้ที่คิดย้ายค่าย ขณะที่ผู้ควบคุมกฎระเบียบด้านโทรคมนาคมของไทยเผยว่ามีผู้บริโภคหลายพันรายแล้วที่ย้ายหนีเอไอเอส ในนั้นรวมถึง 2,000 รายในวันจันทร์(24) เพียงแค่วันเดียวหรือเกือบ 3 เท่าของอัตราปกติ

หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ได้อ้างคำสัมภาษณ์ของผู้บริโภครายหนึ่งบอกว่าที่เปลี่ยนตัดสินใจเปลี่ยนการใช้บริการของเอไอเอสไปที่อื่น แม้เป็นลูกค้ามานานเกือบ 10 ปี ก็เพราะอยากแสดงจุดยืนต่อต้านทักษิณ "ผมคิดว่ามันยุติธรรมแล้ว ที่เราจะไม่สนับสนุนธุรกิจของเขา"

วอลล์สตรีท เจอนัลด์ รายงานปิดท้ายว่าเหล่าบริษัทที่มีความเชื่อมโยงกับทักษิณ เคยตกเป็นเป้าหมายโจมตีมาก่อนหน้านี้ เมื่อครั้งที่เขาขายหุ้นในชินคอร์ป บริษัทแม่ของเอไอเอส แก่เทมาเส็ก ในปี 2009 จำนวน 76,000 ล้านบาท โดยในปีที่ ทักษิณ ถูกโค่นอำนาจ หุ้นของชินคอร์ป ร่วงลงถึงร้อยละ 38 และเอไอเอส ดิ่งลงร้อยละ 28 แต่ปัจจุบันหุ้นทั้งสองตัวก็กู้คืนมูลค่าที่สุญเสียไปได้หมดแล้ว

/..ที่มา http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9570000022835










วอลล์สตรีท เจอนัลด์ - หนังสือพิมพ์ธุรกิจดังระดับโลกตีข่าว เหล่าบริษัทในไทยที่ตกเป็นเป้าหมายคว่ำบาตรของกลุ่มผู้ประท้วงฝ่ายต่อต้านรัฐบาล ฐานมีความเกี่ยวข้องกับนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและครอบครัว ได้สูญเสียมูลค่าทางการตลาดไปแล้วกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ(ราว 65,000ล้านบาท) ภายในเวลาเพียงแค่สัปดาห์เดียว

วอลล์สตรีท เจอนัลด์ รายงานว่าเสียงเรียกร้องคว่ำบาตรธุรกิจตระกูลชินวัตรของแกนนำผู้ชุ...มนุม เพื่อเพิ่มแรงกดดันแก่รัฐบาล ฉุดให้หุ้นของหลายบริษัทที่เกี่ยวข้องดำดิ่ง ไม่เว้นแม้กระทั่งเอไอเอส ผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดของไทย แม้ว่าบริษัทแห่งนี้ยืนยันว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลชินวัตรมาตั้งแต่ปี 2006

หนังสือพิมพ์การเงินทรงอิทธิพลของสหรัฐฯรายงานต่อไปว่าหุ้นของเอสซี แอสเซต บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่ครั้งหนึ่งนางสาวยิ่งลักษณ์ เคยนั่งเก้าอี้ประธานและเวลานี้ตระกูลชินวัตรยังถือครองหุ้นใหญ่อยู่ ได้ร่วงลงมากกว่าร้อยละ 9 ในตลาดหลักทรัพย์ของไทย นับตั้งแต่การรณรงค์คว่ำบาตรเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันพุธที่แล้ว(19)

ส่วนเอ็ม-ลิงค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น บริษัทนำเข้าและจำหน่ายอุปกรณ์สื่อสารและโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวคนรองของทักษิณ และภรรยานายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ช่วงสั้นๆ ในปี 2008 ก็ร่วงลงเกือบร้อยละ 11 ภายในเวลาเพียงแค่สัปดาห์เดียว น

วอลล์สตรีท เจอนัลด์ อ้างความเห็นของนาย อิฐพงศ์ แสงทับทิม หัวหน้าฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ ระบุว่า "แรงเทขายมาจากนัลงทุนรายย่อยท้องถิ่น ด้วยความรู้สึกที่ว่าผู้ประท้วงอาจส่งผลกระทบบางอย่างต่อผลประกอบการในอนาคต" พร้อมบอกว่าผู้ประท้วงหลายรายเป็นชนชั้นกลาง ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์

อย่างไรก็ตาม วอลล์สตรีท เจอนัลด์ รายงานว่าไม่เพียงแค่ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลเท่านั้น แต่อีกฝ่ายที่เห็นต่างทางการเมืองก็งัดมาตรการคว่ำบาตรสินค้าออกมาต่อสู้เช่นกัน โดยประชาชนทางภาคเหนือ พื้นที่ชนบทที่ได้รับประโยชน์จากนโยบายประชานิยมของนางสาวยิ่งลักษณ์และ"พี่ชาย" นายทักษิณ ก็เริ่มคว่ำบาตรเบียร์สิงห์ หลังทายาทของบุญรอดบริวเวอรี ขึ้นเวทีชุมนุมของฝ่ายต่อต้านรัฐบาล แต่ทางบริษัทยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องดังกล่าว

สื่อมวลชนดังรายงานต่อว่าหนึ่งในบริษัทของไทย ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรของผู้ชุมนุมฝ่ายต่อต้านรัฐบาลได้แก่เอไอเอส ซึ่งก่อตั้งโดยทักษิณ และต่อมาถูกขายให้แก่เทมาเส็ก โฮลดิ้ง กองทุนเพื่อการลงทุนของรัฐบาลสิงคโปร์ ก่อนที่เขาจะถูกรัฐประหารโค่นอำนาจในปี 2006 และเวลานี้พำนักอยู่ในดูไบ หลบหนีโทษจำคุกในฐานความผิดคอรัปชัน โดยนับตั้งแต่มาตรการคว่ำบาตรเริ่มต้นขึ้น หุ้นของเอไอเอส ร่วงลงไปแล้วร้อยละ 5.5

รายงานของวอลล์สตรีท เจอนัลด์ ระบุว่าทางทรู คอร์ปและโทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น(ดีแทค) อาศัยโอกาสนี้ยื่นข้อเสนอลดราคาแก่ผู้ใช้ที่คิดย้ายค่าย ขณะที่ผู้ควบคุมกฎระเบียบด้านโทรคมนาคมของไทยเผยว่ามีผู้บริโภคหลายพันรายแล้วที่ย้ายหนีเอไอเอส ในนั้นรวมถึง 2,000 รายในวันจันทร์(24) เพียงแค่วันเดียวหรือเกือบ 3 เท่าของอัตราปกติ

หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ได้อ้างคำสัมภาษณ์ของผู้บริโภครายหนึ่งบอกว่าที่เปลี่ยนตัดสินใจเปลี่ยนการใช้บริการของเอไอเอสไปที่อื่น แม้เป็นลูกค้ามานานเกือบ 10 ปี ก็เพราะอยากแสดงจุดยืนต่อต้านทักษิณ "ผมคิดว่ามันยุติธรรมแล้ว ที่เราจะไม่สนับสนุนธุรกิจของเขา"

วอลล์สตรีท เจอนัลด์ รายงานปิดท้ายว่าเหล่าบริษัทที่มีความเชื่อมโยงกับทักษิณ เคยตกเป็นเป้าหมายโจมตีมาก่อนหน้านี้ เมื่อครั้งที่เขาขายหุ้นในชินคอร์ป บริษัทแม่ของเอไอเอส แก่เทมาเส็ก ในปี 2009 จำนวน 76,000 ล้านบาท โดยในปีที่ ทักษิณ ถูกโค่นอำนาจ หุ้นของชินคอร์ป ร่วงลงถึงร้อยละ 38 และเอไอเอส ดิ่งลงร้อยละ 28 แต่ปัจจุบันหุ้นทั้งสองตัวก็กู้คืนมูลค่าที่สุญเสียไปได้หมดแล้ว

แฉ...ความลับของเสื้อแดงกับขี้ข้าทรราชย์หน้าเงิน/คลิปหมิ่นศาลฯ

ข้อความจากคนเสื้อแดง จาก Facebook ที่ใช้ชื่อว่า ' ควายแดง '

ผม จะเล่าให้ฟังแล้วกันนะว่าทำไมคนสนับสนุนเสื้อแดงทำไมลดลง ผมนี่แหละคือกลุ่มอดีตเสื้อแดงที่เคยร่วมม็อบในปี53 จะขอเล่าไปถึงกำเนิดคนเสื้อแดงให้ฟังกันก่อน
แรกเริ่มเดิมทีนั้นคนสนับสนุนทักษิณจะมีกลุ่มคนรักทักษิณเท่านั้น แต่ว่าทักษิณมองว่ากลุ่มริเบอรัลต่อต้านระบอบกษัตริย์ที่มีอยู่ปัจจุบันก็มีไม่น้อย เลยชักชวนพวกนั้นมาร่วมด้วยเพราะริเบอรัลอยากให้ประเทศไทยไม่มีระบอบกษัตริย์เพื่อต้องการให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยเต็มใบแบบอเมริกามี ประธานาธิบดีมีอำนาจสูงสุด ซึ่งมันตรงใจกับทักษิณที่อยากจะเป็นประธานาธิบดีอยู่แล้วแต่ขาดแรงหนุน กลุ่มริเบอรัลมีไม่น้อยแต่ออกตัวลำบากมีมานานสมัย 6 ตุลาแล้ว มีทั้งนักกฎหมาย เด็กนอก นักวิชาการ นักธุรกิจ พวกนักศึกษาหัวก้าวหน้า และอดีตนักโทษยุคคอมมิวนิสต์ที่ได้รับอภัยโทษออกมา หมดแล้วหลักๆ ดังๆ ก็มีชูพงษ์ ถี่ถ้วน ใจ อึ้งภากรณ์ สุรชัย แซ่ด่าน ก่อแก้ว พิกุลทอง เป็นแกนนำกลุ่มริเบอรัล
พวกริเบอรัลเห็นว่าคนๆ เดียวที่มีพาวเวอร์ล้มระบอบกษัตริย์คือทักษิณเท่านั้น ที่ผ่านมาไม่มีใครที่ทำได้ใกล้เคียงเลยจึงตัดสินใจร่วมมือกัน ในขณะนั้นเองได้เกิดปฏิวัติรัฐประหารปี 49 ก็ได้กลุ่มคนที่รังเกียจการปฏิวัติ มาเพิ่มเป็นพวกด้วย ในยุคแรกๆ ทักษิณและริเบอรัลจึงร่วมมือกันปล่อยข่าวว่าในหลวงเป็นคนสั่ง ปฏิวัติเพื่อดึงกลุ่มคนต่อต้านปฎิวัติมาเป็นพวกด้วย เมื่อได้กลุ่มใหญ่มากพอซึ่งประกอบด้วย กลุ่มคนรักทักษิณ กลุ่มริเบอรัล กลุ่มต่อต้านปฏิวัติ แกนนำจากทั้ง 3 กลุ่มนี้จึงตกลงใจก่อตั้งกลุ่มคนเสื้อแดงเพื่อช่วยกันสู้กับ กลุ่มคนเสื้อเหลืองในขณะนั้น
เมื่ออภิสิทธิ์ได้เป็นนายกเหตุเพราะกลุ่มเนวินที่เคยสนับสนุนทักษิณได้หักหลังมาสนับสนุนยกมือโหวตอภิสิทธิ์เป็นนายก (ซึ่งถ้าตามกฎหมายก็ถูกแล้วถือว่าเป็นนายกด้วยจำนวนโหวตของสส. เสียงข้างมาก) แต่แกนนำคนเสื้อแดงจะบอกเสมอว่าอภิสิทธิ์ได้เป็นนายกเพราะทหารแต่งตั้ง เรื่องนี้ถ้าจะด่าต้องด่าพวกสส. ที่หักหลังถึงจะถูก แต่แกนนำก็สั่งให้ด่าทหารกับในหลวง และบอกคนเสื้อแดงว่าทุกเรื่องรวมถึงคดีทักษิณต่างโดนอำนาจนอกรัฐธรรมนูญใส่ร้ายทั้งนั้น ปี52 จึงได้รวมคนเสื้อแดงมาปั่นป่วนแต่ไม่สำเร็จอภิสิทธิ์ไม่ยอมลาออกเพราะคนไม่มากพอ แม้จะใช้ความรุนแรงยังไงก็สู้ไม่ได้ เพราะยิ่งเสื้อแดงยิ่งใช้ความ รุนแรงเผายาง ปิดถนน เผารถทุบสถานที่สำคัญป่วนการประชุมอาเซี่ยน อภิสิทธิ์ก็ยิ่งมีความชอบธรรมจะ ใช้พรบ. มั่นคงและฉุกเฉินในการสั่งทหารมาปราบคนเสื้อแดงที่ใช้ความรุนแรงได้ ตามกฏหมาย แต่แน่ละปี 52ไ ม่มีคนตายมีแต่คนเจ็บ
ปี53 จึงเป็นการวางแผนแก้เกมส์ของทักษิณด้วยการประกาศรวมพลังครั้งใหญ่แต่งานนี้ มีแผน 2 คือต้องมีศพ ใช่แล้วถ้ามีศพรัฐบาลกับทหารจะหมดความชอบธรรมโดยทันทีคิดดูสิมีคนตาย ใครได้ประโยชน์ ใครเสียประโยชน์ ยิ่งมีศพมากยิ่งมีประโยชน์ต่อคนเสื้อแดงมาก ถึงขนาดมีการเตรียมโลงศพสีแดงจำนวนมากเอาไว้ก่อนที่จะมีการปะทะกันเสียอีก ทุกครั้งที่มีเสื้อแดงตายสิ่งที่แกนนำสั่งก็คือ ให้แห่ศพคนตายไปทั่วๆ ให้ทุกคนได้เห็นว่ารัฐบาลและทหารใช้ความรุนแรงปราบผู้ชุมนุมจนถึงแก่ชีวิต เท่านั้นแหละคนเสื้อแดงก็ออกมาร่วมขับไล่รัฐบาลมากขึ้น และรุนแรงขึ้น ผมจะไม่บอกแล้วกันว่าคนเสื้อดำที่ออกมายิงกับทหารคือใคร แต่แกนนำจะพูดในม็อบทุกครั้งว่า คืนนี้จะเตือนรัฐบาลว่าจะมีชายชุดดำมาสร้างสถานการณ์ใส่ร้ายคนเสื้อแดง ประเด็นคือมันโผล่มายิงกับทหารทุกครั้งที่แกนนำพูดเหมือนนัดกันมาทีนี้ ทั้งทหารก็ตายคนเสื้อแดงก็ตายประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ไม่ใช่เสื้อแดงก็ตาย แต่ทุกๆคนที่ตายแกนนำจะมาพูดบนเวทีว่าทุกคนที่ตาย คือเป็นการยิงของทหาร ทั้งๆ ที่ มีชายชุดดำออกมายิงด้วยแต่ไม่ด่าชายชุดดำแถมชมชายชุดดำอีกที่มาช่วยคนเสื้อ แดง แต่แกนนำมักจะพูดเสมอว่าชายชุดดำมาช่วยคนเสื้อแดงแต่ไม่ใช่พวกเดียวกันกับ เสื้อแดง คนล่างเวทีก็เฮกันใหญ่ (มีต่อ)
และ สำหรับคนที่จะเลือกพรรคเพื่อไทยต่อไปสนับสนุนทักษิณต่อไปผมไม่ห้ามครับแต่ขอ พูดไว้ล่วงหน้าตรงนี้เลยว่าคุณจะไม่ได้เหี้ยอะไรเลยจากการเลือกของคุณ คนเสื้อแดงที่คาดหวังเมื่อ 2 ปีที่แล้วขนาดคาดหวังว่าจะได้อะไรแล้วนะยังไม่ได้อะไรเลย นโยบาย 300 กับจำนำข้าวผมไม่ดีใจซักนิด ถ้าได้วันละ 300 แล้วต้องมานั่งกินข้าวจานละ40-45 แทบจะไม่รู้สึกเลยว่ามีเงินเยอะขึ้น จำนำข้าวเจ้าของซีพีกับนายทุนที่เป็น เจ้าของที่นาก็ได้เอาทีชาวนา มันเอาเรื่องค่าความชื้นมาหักนู่นนี่ ไหนคุณบอกจะช่วยชาวนา ทำไมคนได้เงินก่อนคือนายทุน แล้วแท็บเลตมันเกี่ยวอะไรกับคนเสื้อแดงแจกทำไมแจกแล้วไม่เห็นเด็กมันฉลาดขึ้นอย่างที่คุณเคยหาเสียงเลย เรื่องที่คุณควรทำคุณไม่ทำ 2ปี แล้วแทนที่จะช่วยคนของคุณก่อนผ่านแต่กฏหมาย อะไรที่มันไม่เกี่ยวกับประชาชนเลย ขออะไรที่จับต้องได้มีไหมอย่างเดียวเลยที่จับต้องได้คือผู้เสียชีวิต รับ7.5 ล้านจากภาษีประชาชนเท่านั้นเองจากสัญญาว่าจะให้10ล้านด้วยซ้ำ
สำหรับ หลายๆคนที่ถามว่าทำไมผมไม่ไปโพสต์เรื่องนี้ในเพจเสื้อแดง ขอตอบตรงนี้เลยไอ้พวกแดงหน้าคีย็บอร์ด กับแดงสมุนแกนนำที่รับเงินเดือนมันมี เยอะ ไอ้พวกที่รู้จักดันดีมันก็ไม่ต้องการให้เสื้อแดงต้องเสื่อมศรัทธาเพราะพวก มันไม่ทำอะไรก็รับเงินเดือนทุกเดือนจากแกนนำอยู่แล้ว งานหลักแค่ตั้งเวทีจัดตั้งคนเสื้อแดง เคยคุยเคยสู้ด้วยกันแท้ๆ ยังชี้หน้าเราเลยว่ารับเงินสุเทพ แต่มันมีเงินเดือนไงมันถึงไม่กล้าทุบหม้อข้าวตัวเอง เห็นแก่ตัวโดยไม่มองเพื่อนในคุก กล้าพูดได้ไงว่าหนุ่มเมืองนนท์คือแดงเทียม เดินสวนกันที่ราชประสงค์กันบ่อยขนาดนั้น ผมเบื่อวาทะกรรมแดงแท้แดงเทียมมากๆ ขนาดปาริชาติที่โพสต์ด่าอภิสิทธิ์มาตลอด 2 ปี พอขึ้นเวทีราชดำเนินเขายังหาว่า รับเงินสุเทพเลยคุณ แล้วก็แน่นอนเฟซบุคปาริชาตโดนถล่มเละแค่เรียกร้องความ จริงมันเปลี่ยนจากแดงแท้เป็นแดงเทียมให้เฉยผมไม่หวังอะไรจากโพสต์ผมมากหรอก เพียงแต่อยากเรียกหาสำนึกจากเสื้อแดงที่เคยลุยด้วยกันซักหน่อยถ้ายังมีความ เป็นคนอยู่
ขอโทษที่โพสต์นี้อาจไม่สุภาพหลังจากที่ผมได้เล่าความจริงของเสื้อแดงไป เมื่อวานนี้ก็มีพวกเสื้อแดงหน้าคีย์บอร์ดแชทมากล่าวหาว่าผม ปาริชาติ รวมทั้งกลุ่มแดงกลับใจในม็อบนกหวีดและหนุ่มเมืองนนท์เป็นแดงเทียม ผมจะขอพูดอะไรหน่อยพวกมึงแยกแดงเทียมแดงแท้ยังไงกูอยากรู้ แดงแท้ ต้องไม่พูดใส่ร้ายแกนนำเหรอ คนไหนพูดใส่ร้ายแกนนำคือแดงเทียม พวกมึงแยกแบบนี้ใช่ไหม แล้วเสื้อแดงเห่อหมอยอย่างพวกมึงมันแดงอะไรวะ มึงดีแต่เห่าอยู่หน้าคีย์บอร์ด พวกมึงเคยไปร่วมขบวนหลังคณะปฎิวัติกับพวกกูไหม ปี52เคยไปปาขวดน้ำมันกับกูไหม มึงได้ไปฝ่าดงกระสุนยางกับแก๊สน้ำตากับกูไหมมึงเคยเดินตามอริสมันต์บุกไป ป่วนงานประชุมอาเซี่ยนกับกูไหม มึงเคยไปช่วยทุบรถอภิสิทธิ์กับกูไหม และตอนสลายชุมนุมปี53 มึงราดน้ำมันที่เซ็นทรัลเวิลดิ์กับกูไหม ถ้าทั้งหมดที่กูทำแล้วกูถูกหาว่าเป็นแดงเทียม มึงก็แดงเกาะกระแสนั่งเห่าไปวันๆ โดยไม่เคยอยู่ในเหตุการณ์จริงอะไรเลย พวกกูมาเรียกร้องสัญญาจากแกนนำ 2 ปีแล้วที่คนที่ร่วมก่อเหตุต้องอยู่ในคุก พวกมึงไม่เคยมารับรู้เสื้อแดงที่เขาลุยแนวหน้าหรอกกระดิกตีนนั่งฟังปราศรัย หน้าเวทีแค่นี้จะไปรู้อะไร
สำหรับ หลายๆ ท่านที่ส่งคำถามมาถามเรื่องที่สงสัยทำไมบางคนออกจากคุกทำไมบางคนยังติดอยู่ ต้องบอกว่าหลายคนติดคดีเบาหนักไม่เท่ากันมีความสนิทกับแกนนำหรือระดับหัวหน้ากลุ่ม หัวหน้าสายต่างกัน ถามว่าทนายมีไหมมีครับแต่บางคนช่วยบ้างไม่ช่วยบ้างโดยเฉพาะคดี ม.112 รัฐบาล เองยัง ไม่อยากช่วยเลยทั้งๆ ที่แกนนำหลายคนจาบจ้วงและพูดด่าในหลวงมากกว่านักโทษในคุกอีก แต่เวลาคนในคุกจะเข้าหาคุณกลับให้คนขับรถมาบอกให้ยืนห่างๆไม่อยากให้ สังคมมองคุณว่าสนับสนุน แล้วคุณก็ไปขอเครื่องราชย์ทำไมกันในเมื่อคุณยังด่าเขาทุกวัน

สำหรับคนที่แชทมาถามว่าผมแต่งเรื่องโจมตีแกนนำเสื้อแดงรึเปล่า หาว่าผมเป็นเสื้อเหลือง สลิ่มปลอมเป็นเสื้อแดงมาใส่ร้ายรึเปล่า
คุณไม่ต้องเชื่อผมก็ได้ คุณแค่ไปที่เรือนจำแล้วขอเยี่ยมนักโทษคนเสื้อแดงแล้วถามในสิ่งที่คุณอยากรู้ ผมคิดว่าคนที่คุณถามในคุกคงไม่ใช่สลิ่มปลอมตัวเป็นเสื้อแดงไปอยู่ในคุกนะครับ คำตอบที่คุณจะได้กับสิ่งที่ผมพิมพ์มาให้อ่านวัยนี้รับรองว่าเหมือนกัน เสร็จแล้วคุณก็แหงนดู ทั้งณัฐวุฒิ จตุพร ก่อแก้วเอานะครับว่าได้ดิบได้ดีแตกต่างกับคนที่เขาหลอกมาตายมาติดคุกแค่ไหน ถ้าคุณยังมีสมองจะมองเห็นนะครับ อย่าคิดว่าทักษิณมันจะจริงใจกับคนเสื้อแดงเลยครับ จำคำพูดตอนที่พรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลและทักษิณโฟนอินพูดว่าพี่น้องไม่ ต้องมาส่งผมแล้วผมข้ามฝั่งได้แล้วไหมครับ พอนานๆ ไปไม่ได้กลับบ้านซะทีมาอ้อนวอนคนเสื้อแดงอีกรอบให้พากลับ ตกลงจะเอาไงกันแน่ คนที่คุณสัญญาจะรับผิดชอบคุณทิ้งขว้างเขาไปแล้ว

ผม คิดว่าเสื้อแดงหลายคนรู้สึกได้ วันที่ 30 ที่ผ่านมาคนน้อยกว่าตอนชุมนุมปี52 เยอะมากคนเสื้อแดงเคยมากันเป็นแสน แต่ราชมังคลาเมื่อวันที่30เก้าอี้ว่างมากมาย และยังมีภาพหลุดคนเวียดนามใส่เสื้อแดงมาด้วยถามจริงๆ เถอะเราตกต่ำถึงขนาด ต้องไปจ้างคนเวียดนามมาโปะให้ดูเยอะแล้วเหรอครับ ตอบแบบไม่หลอกตัวเองกันนะครับคำตอบมีในใจทุกคน สส. เพื่อไทยคุณทำอะไรกันตั้ง2ปี ทั้งๆที่คุณมีอำนาจโหวตกฏหมายผ่านได้ทุกข้อ คุณโหวตแต่กฏหมายงบประมาณจัดสรรแบ่งกันกิน ทั้งๆ ที่คนเสื้อแดงโหวตเลือกตั้ง ให้ไปออกกฏหมายนิรโทษคนที่เขาไปรับกระสุนกับแก็สน้ำตาแทนแกนนำก่อนเป็น อันดับแรก คุณกลับเก็บคนเสื้อแดงในคุกเป็นตัวประกันเพื่อเหมาเข่งกับทักษิณ ถ้าคนเสื้อแดงจะน้อยลงผมไม่แปลกใจเลยเพราะคุณไม่เคยแสดงให้เห็นถึงความจริง ใจกับคนที่เขาเลือกคุณเข้าไป เอาคนเก่าออกมาก่อนเถอะ จะสร้างเรื่องเรียกคนเพิ่มไปเพื่ออะไร
"ธันย์ฐวุฒิ ทวีวโรดมกุล" หรือที่คนเสื้อแดงเรียกเขาว่า "หนุ่ม เรดนนท์" นักโทษการเมืองรายล่าสุด ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ และออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ หลังถูกคุมขัง 3 ปี 3 เดือน 5 วัน

ด้วยความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 หรือคดีหมิ่นเบื้องสูง พ่วงด้วยความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ศาลพิพากษาจำคุก 13 ปี
ป้า ปาริชาติเป็นตัวแทนในกลุ่มพวกเราที่กล้าออกหน้าไปพูดบนเวทีราชดำเนินคืนนั้น โดนเสื้อแดงที่ไหนไม่รู้รุมด่าในเฟซบุคยังกับไม่เคยมีอุดมการณ์เดียวกัน ถ้าคุณคิดว่าพวกเราถูกสุเทพจ้างมา จะมาพูดคุยและถามหาในม็อบนกหวีดนี้ก็ได้ ป้ายเสื้อแดงกลับใจในโทรทัศน์ช่องบลูสกายคือพวกเรา เราจะพาคุณไปพูดคุยเรื่องจริงจากคนในคุกและเสื้อแดงในรามคำแหง

กบ กางเกงในนั้นก็คือพวกเราอดีตกลุ่มเสื้อแดง53 พวกเราเคยเป็นทั้ง 2 ม็อบพูดได้เลยว่าต่างกันมากจริงๆ กับความจริงใจของคนในม็อบ การมาเข้ากลุ่มนี้หลายๆ คนแสดงตัวต่างก็โดนคนเสื้อแดงที่เคยรู้จักข่มขู่ จะเอาชีวิตแต่เราไม่กลัว ถ้าคุณอยากจะฆ่าเราเราก็พร้อมจะสู้ผมรู้คุณจะใช้วิธีเดิมส่งคนเสื้อแดงมาชน กับเราแต่ขอบอกไว้เลยใจพวกเราไม่เคยยอมแพ้เช่นกัน

สุดท้ายนี้เพื่อนเก่าเสื้อแดงส่งข่าวมาว่าณัฐวุฒิจะรวบรวมคนเสื้อแดงมาชนม็อบนกหวีดในเร็วๆนี้ ถ้าคุณคิดว่ารัฐบาลนี้จริงใจกับคุณคุณก็มาได้เลยเราไม่ห้ามเพราะจะได้มีคน อย่างพวกผมมากขึ้นจะได้รู้ทันแกนนำชั่วๆอย่างพวกมันเสียที

ถูกต้องเวลาจะเป็นข้อพิสูจน์และได้เกิดขึ้นแล้วคือวันที่10ที่ผ่านมาจะมีการรวม เสื้อแดงที่อยุธยาเพื่อมาชนกับม็อบนกหวีด5ล้านคนแต่ไม่สามารถหาได้ทันเพราะ แค่30พฤศจิกาที่ผ่านมาก็ยังหามาได้ไม่เต็มความจุสนามเลยคนที่เขาโดนทิ้งก็ กลับบ้านไปเล่าให้คนอื่นฟังว่าถูกหลอกให้มา เขาไม่อยากมากันแล้ว วันที่10จึงมีแค่แดงปทุมกับแดงนนทบุรีแค่ไม่กี่ร้อยคนเองครับไม่เชื่อถามพวก แดงปทุมดูว่าจริงไหม แต่เขาไม่ยอมรับหรอกครับ เพราะผมรู้ความคิดพวกเขาดีหลอกคนอื่นได้แต่หลอกคนเสื้อแดงด้วยกันเองไม่ได้ ครับ
 

จนกระทั่งถึงวันที่รัฐบาลจะผ่านกฏหมายนิรโทษเพื่อจะช่วยคนเสื้อแดงเมื่อวัน ที่1พฤศจิกายน แต่รัฐบาลกลับแอบเปลี่ยนเนื้อหาในนั้นให้นิรโทษอภิสิทธิ์กับสุเทพและทหารทั้งหมด แต่ใครที่ผิดมาตรา 112 ไม่นิรโทษ และที่สำคัญคือแอบแทรกนิรโทษคดีทุจริตของทักษิณตอนปี47 มาด้วยพวก เสื้อแดงในคุกถึงกับโกรธแค้นในสิ่งที่รัฐบาลหักหลังเรา ไหนคุณบอกว่าจะช่วยทุกคน ไหนคุณบอกจะเอาผิดอภิสิทธิ์กับสุเทพ เอาผิดกับทหาร แต่คุณกลับหักหลังคนเสื้อแดง และทอดทิ้งกลุ่มคดี112 ทั้งๆ ที่ณัฐวุฒิกับก่อแก้ว เป็นคนที่สอนให้เราด่าในหลวงแท้ๆ กลับได้ดิบได้ดีเป็น สส.

จึง เป็นเชือกเส้นสุดท้ายที่เสื้อแดงที่เป็นกลุ่มต่อต้านปฏิวัติและกลุ่มคนรักทักษิณหลายคนทนไม่ได้ที่แกนนำหักหลังเรา คุณเอาพวกริเบอรัลมาร่วมด้วยแต่คนรับโทษกลับเป็นพวกเราที่เรียกร้อง ประชาธิปไตยพวกแกนนำทอดทิ้งเราหักหลังเราแทนที่จะช่วยพวกเราก่อนกลับเลือก ช่วยทักษิณก่อนพอฉบับของวรชัยไม่ผ่านคุณก็ใช้ฉบับที่ช่วยเฉพาะประชาชนก่อนก็ได้ แต่ไม่ทำมันหมายความว่าอะไร แปลว่าถ้าช่วยทักษิณไม่ได้คุณจะเอาพวกเราอยู่ในคุกต่อไปเพื่อเป็นตัวประกันใช่หรือไม่ นี่หรือคือความจริงใจสิ่งที่ปาริชาติพูดที่ราชดำเนินเป็นความจริง แต่แกนนำกลับให้เงินผัวปาริชาติเพื่อปกปิดข่าวของเสื้อแดงในคุก ตอนนี้แกนนำมองเห็นเสื้อแดงเป็นเบี้ยเท่านั้นเอง

ล่า สุดคุณเรียกคนเสื้อแดงมาที่ราชมังคลา ปากบอกว่าปกป้องรัฐบาลแต่แท้จริงปกป้องตำแหน่งตัวเอง ผมจะไม่รู้สึกแย่เลยถ้าคุณอยู่เฉยๆ ในราชมังคลาด้วยความสงบเหมือนอีกม็อบนึงแต่คุณใช้แผนเดิมอีกแล้ว ที่ต้องการได้ศพคนเสื้อแดงเพื่อสร้างความชอบธรรมในการออกมาปกป้องรัฐบาลมัน พลาดตรงไหนรู้ไหมครับ พลาดตรงที่ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ทหารแต่เป็นนักศึกษารามคำแหง คุณให้การ์ด นปช. กับนักรบพระองค์ดำไล่ยิงนักศึกษา คุณไม่รู้เหรอว่าคุณได้เปิดศึกกับคนเสื้อแดงสายในรามคำแหงด้วย ในรามคำแหงมีเสื้อแดงมากนะครับ ถ้าคุณสังเกตุดูวันที่หลายมหาวิทยาลัยออกมาต้านนิรโทษกรรม มหาวิทยาลัยที่ไม่เคลื่อนไหวเลยคือรามคำแหง แต่ที่เขาออกมาวันที่30 เพราะคุณส่งเสื้อแดงไปรบกวนชาวบ้านนักศึกษาไปกรีดรูปพ่อขุน ยั่วยุให้เกิดการปะทะให้มีศพโดยไม่สนใจว่าถึงเป็นเสื้อแดงก็รักสถาบันศึกษา ทั้งที่ๆ ณัฐวุฒิกับจตุพรก็เป็นศิษย์เก่าที่นี่มีสายสัมพันธ์กับรามคำแหง สิ่งที่คุณทำครั้งนี้ได้ก่อให้เกิดการถอนตัวของคนเสื้อแดงจำนวนมาก
เสื้อแดงที่รับโทษ ญาติๆ เพื่อนๆ ชาวเสื้อแดงที่ถูกหักหลังครั้งนี้หลายพันคนต่างก็เลิกสนับสนุนรัฐบาลนี้แล้วไม่เอาแล้ว คุณหักหลังคนเสื้อแดงที่ติดคุก เสื้อแดงรามคำแหง เสื้อแดงริเบอรัล แต่คุณกลับขอเครื่องราชย์ เสื้อแดงคดี ม.112 ที่คุณรับปากจะช่วยแต่กลับถอดออกจากนิรโทษเสื้อแดงที่เอามาทิ้งขว้างในกรุงเทพ แล้วปล่อยให้กลับเองทั้ง 2 ครั้ง เสื้อแดงที่คุณใช้ให้ไปเผาแต่กลับไม่รับผิดชอบอย่างที่คุณพูดไว้

เสื้อ แดงที่รับโทษญาติๆ เพื่อนๆ ชาวเสื้อแดงที่ถูกหักหลังครั้งนี้หลายพันคนต่างก็ เลิกสนับสนุนรัฐบาลนี้แล้วไม่เอาแล้ว ถ้าตอนนี้จะมีฐานเสียงหนุนก็มีแค่พวกเสื้อแดงที่นั่งกดคีย์บอร์ดในโลกไซเบอร์เท่านั้น แต่คนเสื้อแดงที่เคยเป็นโล่ห์ให้แกนนำในปี53 ที่เคยออกมาลุยด้วยกัน จะไม่มีใครออกไปอีกแล้วพอกันที ใครที่เสื้อแดงที่รับโทษญาติๆ เพื่อนๆ ชาวเสื้อแดงที่ถูกหักหลังครั้งนี้หลายพันคนต่างก็เลิกสนับสนุนรัฐบาลนี้แล้ว ได้ไป เข้าร่วมกับม็อบเป่านกหวีดเพราะคุณไม่ฟังเสียงเราเลย พวกเรายังอยู่ในม็อบนี้ตลอดแต่ไม่สามารถโพสต์อะไรในเฟซบุ๊คได้เลย
เสื้อ แดงที่เข้าคุกมีหลายคนมาก ตอนแรกแกนนำรับปากว่าจะช่วย ถ้าพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลขอให้พี่น้องช่วยกันสนับสนุนเลือกพรรคเพื่อไทย เป็นรัฐบาล ทางพรรคสัญญาว่าทันทีที่เป็นรัฐบาลจะออกกฏหมายนิรโทษกรรมช่วยคนเสื้อแดงทุกคนให้ออกจากคุก และจะให้เงินชดเชยคนที่ตายให้ครอบครัวละ 10 ล้าน ไม่ว่าคนที่ตายนั้นจะเป็นคนเสื้อแดงหรือไม่ พวกเราคนเสื้อแดงไม่อยากให้คนเสื้อแดงด้วยกันต้องติดคุกฟรีๆ ตายฟรีๆ พวกเราคน เสื้อแดงสนับสนุนพรรคเพื่อไทยเพื่อจะช่วยเยียวยาคนสูญเสียโดยเร็วที่สุด เพราะทุกคนที่เข้าคุกมีชีวิตอยู่อย่างลำบากบางคนเป็นหัวหน้าครอบครัว ครอบครัวตัวเองพลอยลำบากไปด้วย

เสื้อ แดงที่อยู่ในคุกก็อยู่ลำบากโดยเฉพาะข้อหา ม.112 โดนคนคุกที่นี่รุมซ้อมและกลั่นแกล้งนักโทษในคุกที่มีข้อหาฆ่าคนตายเตะคนที่ติดคุกเพราะด่าในหลวง เตะไปพูดไปว่าถึงกูจะฆ่าคนตายก็ไม่เลวเท่าคนเสื้อแดงอย่างพวกมึง คนเสื้อแดงที่ติดคุกก็ได้แต่ร้องขอและสำนึกผิดแล้วรอเมื่อไหร่จะมีกฏหมายนิรโทษจะได้ไปให้พ้นนรกที่นี่ แกนนำที่ตอนแรกที่พ้นโทษออกไปก่อนก็มาเยี่ยมแค่ช่วงแรกพร้อมนักข่าว และต้อนให้พวกเรามาต้อนรับ แต่พอเขาได้เป็นสส. ได้เป็นรัฐมนตรีเขาไม่เคยกลับมาเลยนี่ หรือคนที่บอกว่าผมจะรับผิดชอบเอง แต่เป็นที่น่าสังเกตุว่านักโทษคดี ม.112 แกนนำจะไม่ให้เข้าใกล้และออกไม่ให้มาต้อนรับด้วย ไม่รู้เพราะอะไรๆ ทั้งๆ ที่ตอนอยู่ในม็อบพวกคุณมาเล่าแทบข้างหูพวกเราทุกคนว่าในหลวงทำอะไรบ้างแกล้งอะไรเราบ้าง

แต่ หลังจากที่พรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลพวกเราก็รอว่าเมื่อไหร่กฏหมายนิรโทษจะ ออก น่าแปลกใจที่แกนนำที่เป็นคนพูดว่าจะรับผิดชอบแทนพวกเราถ้าพวกเราโดนจับได้ กลับออกจากคุกก่อนทั้งๆ ที่คุณเป็นคนสั่งเผา คุณเป็นคนบอกให้เราตะโกนด่าในหลวง คุณบอกพวกเราว่าในหลวงสั่งทหารยิงพวกเรา แต่คนที่โดนจับคือพวกเราที่ตะโกนด่า คุณเป็นต้นเสียงบนเวที แต่ได้ออกจากคุกไปก่อน ได้เป็น สส. ได้เป็นรัฐมนตรี ดีอยู่บ้างที่ให้เงินชดเชยคนตายแต่ให้เพียง7.5ล้าน ทั้งๆ ที่ตอนแรกสัญญาจะให้10ล้าน แต่หลายๆ  ครอบครัวก็ต้องรับไปดีกว่าไม่ได้อะไรแค่ไม่เข้าใจว่าไหนๆ มันก็เงินภาษีอยู่แล้วทำไมถึงไม่ให้เต็มตามสัญญา
จุด หักเหและหักหลังได้เริ่มต้นขึ้นในช่วงวันที่มีสลายการชุมนุม หลายๆ จังหวัดก็ มีคนเสื้อแดงออกมาเผาศาลากลางโดยที่แกนนำเคยบอกว่ากลุ่มคนในจังหวัดไหนที่ เผาศาลากลางได้จะได้เงินคนละ1.5ล้าน ส่วนในกรุงเทพก็เผาได้ทุกที่ แน่นอนใครๆก็อยากได้เงินออกไปเผากันเพราะแกนนำ บอกว่า รัฐบาลนี้หมดความชอบธรรมแล้ว การทำลายทรัพย์สินสามารถทำได้เลย เพราะอภิสิทธิ์ ต้องชดใช้ค่าเสียหาย คนแพ้สงครามเป็นคนจ่าย เผาได้เต็มที่พวกเราชาวเสื้อแดงก็ทำตาม เพราะคิดว่าสิ่งที่ทำถูกต้องด้วยได้เงินด้วย และเหตุการณ์เผาเซ็นทรัลเวิลดิ์ และบิ๊กซีราชดำริเราก็ทั้งเผาและเสียดายของใน ห้างหยิบอะไรได้ก็หยิบกันเพราะเสียดายถ้ามันจะไหม้ไฟ
หลัง เหตุการณ์สลายชุมนุมมีคนเสื้อแดงมากมายถูกจับด้วยข้อหา ม.112 บ้าง ข้อหาบุกรุกเผาสถานที่ราชการบ้าง พกอาวุธบ้าง ส่วนชาวบ้านที่อยู่แยกราชประสงค์ที่แกนนำทอดทิ้งไปในตอนนั้น ตอนแรกนึกว่าจะโดนฆ่าแล้วเอาขึ้นรถบรรทุกไปฝังดินแล้ว แต่รัฐบาลพานั่งรถทัวร์พาส่งกลับบ้าน บางคนอยากกลับนานแล้ว แต่แกนนำบอกไม่ให้กลับให้เงินมาแทน และบอกว่าขออยู่ช่วยกันวัน2วันก็ได้กลับแล้ว สรุปไม่ได้กลับซักทีอยู่มาเป็นเดือน

ข้อความที่คุณได้อ่านมาทั้งหมด ขอให้คุณตั้งสติมองย้อนกลับไปในอดีตว่าจริงหรือไม่ ห่างว่าคุณได้มีโอกาศเข้าร่วมชุมชนกับกลุ่มไหนก็ตาม ถ้ามีการส่งเสริมให้ไทยเกลียดไทย แสดงว่าไม่ได้ทำเพื่อไทยละ แต่มันทำเพื่อตัวมันเอง

ปล. หากคุณเห็นว่าข้อความนี้มีประโยชน์กับคนไทย รบกวนช่วยแชร์หน่อยนะครับ ขอบคุณ
See More












รมว.ตปท.US ระบุ “เลือกตั้งเสรี” ใช่ว่าเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง / ผู้หลบหนีคำพิพากษาคือผู้ที่ยอมรับว่าตนผิด









จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
            
ผู้หลบหนีคำพิพากษาคือผู้ที่ยอมรับว่าตนผิด (ละติน: fatetur facinus qui judicium fugit; อังกฤษ: he who flees judgement confesses his guilt[1] หรือ the one who flees the law confesses his guilt[2]) เป็นภาษิตภาษาละตินทางกฎหมาย[1] ซึ่งอย่างน้อยปรากฏครั้งแรกในพจนานุกรมกฎหมายของแบล็ก (อังกฤษ: Black's Law Dictionary) ที่พิมพ์ในประเทศอังกฤษเมื่อ ค.ศ. 1718 (พ.ศ. 2261) และมีอิทธิพลต่อบรรดาผู้ก่อร่างสร้างชาติอเมริกามาก[3]
ศาลสูงสุดแห่งสหรัฐอเมริกาได้อ้างถึงภาษิตในคำพิพากษาหลายครั้ง ครั้งหนึ่งในคดีระหว่างฮิกกอรีกับสหรัฐอเมริกา [HICKORY v. U S, 160 U.S. 408 (1896)] เมื่อวันที่ 6 มกราคม ค.ศ. 1896 (พ.ศ. 2439) ความตอนหนึ่งว่า[4]
เพราะเห็นว่าคนผิดมักหลบหนีจากคำพิพากษา บรรพบุรุษของเราจึงด่วนสรุปว่ามีแต่คนผิดเท่านั้นที่กระทำเยี่ยงนั้นได้ ตามภาษิตที่ว่า 'ผู้หลบหนีคำพิพากษาคือผู้ที่ยอมรับว่าตนผิด' ด้วยเหตุนี้ ตามกฎหมายเดิม ผู้หลบหนีจากการพิจารณาความผิดจะถูกริบราชบาตรยกครัว แม้ว่าต่อมาเขาจะได้รับการพิสูจน์ว่าไม่มีความผิดก็ตาม....ในปัจจุบัน เรามีความเห็นที่ถูกต้องมากกว่านั้น และการเลี่ยงหรือหลบหนีจากกระบวนการยุติธรรมก็ดูเหมือนว่าจะได้รับผลอันเข้าที่เข้าทางโดยการบังคับใช้กฎหมายอาญามากกว่า...
โจเซฟ ฟาราห์ (อังกฤษ: Joseph Farah) นักเขียนและนักหนังสือพิมพ์ชาวอเมริกัน แสดงความเห็นเกี่ยวกับภาษิตนี้ว่า "ภาษิตนี้ค่อนข้างเป็นหลักการที่ประจักษ์ชัดในตัว ทว่า เพราะเราอาศัยอยู่ในยุคที่หลักการอันประจักษ์ชัดในตัวถูกทำให้เคลือบคลุมมานักต่อนักแล้ว ภาษิตนี้จึงน่าจะได้รับการหยิบยกขึ้นมากล่าวอีกครั้ง..."[
“ปู” ฟังไว้!! รมว.ตปท.US ระบุ “เลือกตั้งเสรี” ใช่ว่าเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง


      เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ จอห์น เคร์รี กล่าวยอมรับเมื่อพุธ (26 ก.พ.) ว่า ในประเทศจำนวนมากแล้ว การเลือกตั้งอย่างเสรีไม่ใช่เป็นสิ่งที่นำไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงเสมอไป พร้อมกับยกกรณีการโค่นล้มประธานาธิบดี วิกตอร์ ยานูโควิช แห่งยูเครน และประธานาธิบดี โมฮัมเหม็ด มอร์ซี ของอียิปต์ ว่าเป็นตัวอย่างของ “พลังประชาชน” ซึ่งล้มล้างผู้นำประเทศที่มาจากการเลือกตั้งในระยะเวลาหลังๆ มานี้
      
       เคร์รีพูดเรื่องการเลือกตั้งเสรีกับประชาธิปไตยอันแท้จริงนี้ ในขณะสนทนากับกลุ่มผู้สื่อข่าวกลุ่มเล็กๆ ที่กรุงวอชิงตัน โดยที่เขาบอกว่า การประท้วงแรมเดือนที่เกิดขึ้นในยูเครน ซึ่งนำไปสู่การขับไล่ประธานาธิบดี วิกตอร์ ยานูโควิช เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของ “พลังประชาชน” ในช่วงไม่กี่เดือนหลังมานี้
      
       การประท้วงของประชาชนเหล่านี้ คือ “สิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงกระแสความปรารถนาอันเหลือเชื่อ (ของประชาชน) ซึ่งเรียกร้องต้องการความทันสมัย, เรียกร้องต้องการการเปลี่ยนแปลง, เรียกร้องต้องการที่จะมีทางเลือกหลายๆ ทาง, เรียกร้องต้องการให้ส่งมอบอำนาจให้แก่ปัจเจกบุคคลแต่ละคน มันเป็นสิ่งที่กำลังเคลื่อนไหวไปในทั่วโลกเวลานี้ โดยที่หลายๆ กรณีทีเดียว มันกำลังเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วอย่างมากมายกว่าที่คณะผู้นำทางการเมืองจะตระหนักรับรู้หรือที่จะสามารถตอบสนอง” รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯระบุ
      
       เขาบอกว่า การขับไล่ยานูโควิชในยูเครน ก็เหมือนๆ กับที่เมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว มีการโค่นล้มมอร์ซี ประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้งคนแรกของอียิปต์ ในแง่ที่ว่าต่างก็เป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่า การเลือกตั้งใช่ว่าจะเป็นสิ่งซึ่งเพียงพอโดยตัวมันเองแล้วเสมอไป
      
       “ประชาธิปไตยไม่ใช่สิ่งที่นิยามจำกัดความ เพียงด้วยการจัดให้มีการเลือกตั้งเท่านั้น” เคร์รีกล่าว
      
       “คุณสามารถที่จะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอย่างเป็นประชาธิปไตย แต่คุณยังคงไม่มีการปฏิรูปต่างๆ ในทางประชาธิปไตย ซึ่งจะทำให้คุณมีประชาธิปไตยที่แท้จริง เป็นประชาธิปไตยอย่างเต็มที่ซึ่งใช้ปฏิบัติได้และแสดงบทบาทหน้าที่ได้” เขาบอก
      
       “สิ่งที่คุณมีกันอยู่ในที่ต่างๆ จำนวนมาก คือการเลือกตั้งทั่วไป คือการเลือกตั้งที่มีประชาชนเข้าร่วม ทว่าขาดไร้การปฏิรูป หากแต่มีการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างมโหฬาร, การเล่นพรรคเล่นพวกอย่างมโหฬาร และการบิดเบือนกระบวนการทางประชาธิปไตยอย่างใหญ่โต”
      
       เคร์รีพูดถึงอียิปต์ในช่วงการปกครองของมอร์ซีว่า เป็น “การขยับออกไปจากประชาธิปไตยอย่างมากมาย” จากการที่มอร์ซีออก “กฤษฎีกา” เพิ่มอำนาจให้ตนเอง
      
       ส่วน “ในยูเครนนั้น คุณก็มีแต่ระบบโจรครองเมืองอย่างชนิดเหลือเชื่อ กำลังดำเนินไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้เป็นตัวแทนของประชาชนอย่างแท้จริง, ไม่มีการให้ฝ่ายค้านมีสิทธิ์มีเสียง, ไม่มีเจตนารมณ์ที่จะฟังเสียงฝ่ายค้าน, ที่จริงแล้วกลับมีแต่การจองจำขังคุกฝ่ายค้าน นี่มันไม่ใช่ประชาธิปไตยหรอก” รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯบอก













วันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ปี 2544 เป็นปีจุดเริ่มต้นความย่อยยับชาติ ย่อยยับรวดเร็ว รุนแรงกว่าในพุทธทำนาย


Photo: หากวันนี้.. ได้พร 3 ประการ

จะขอยกพรนั้น..ให้กับประเทศไทย..
.......................
..ขอให้ประเทศไทยอยู่ยั้ง ยั่งยืน.. 
..ขอให้คนไทยกลับมารักกันดังเดิม 
..ขอให้ "ตระกูลชั่วช้า" หมดไปจากแผ่นดินพ่อ...
...........




ยึดทรัพย์หรือลงโทษทักษิณแบบใดก็ไม่ยุติธรรม โดย สุทธิพงษ์ ปรัชญพฤทธิ์


ผู้เขียนเป็นผู้หนึ่งที่เฝ้าติดตามความเปลี่ยนแปลงของประเทศไทยทั้งทางด้านสังคม การเมือง และโดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ มีข้อมูลแสดง “ความสัมพันธ์” ทางด้านเศรษฐกิจต่อเหตุการณ์สังคม การเมือง ย้อนเวลาไปเรียงลำดับถึง “ต้นเหตุ” ของเหตุการณ์ต่างๆ ได้
    
       ผู้เขียนเชื่อในพุทธทำนายต่อพระสุบินนิมิตของพระเจ้าปเสนทิโกศล ว่าโลกเสื่อมลงตลอดเวลา โลกเจริญทางวัตถุมากขึ้น แต่คนส่วนใหญ่จะมีความสุขน้อยลง และเดือดร้อนมากขึ้น ประเทศไทยก็เช่นเดียวกัน ประเทศไทยเสื่อมรุนแรงหลังนำการตั้งตลาดหุ้นในปี 2518 ตลาดหุ้นเป็นกลไกแห่งโลกทุนนิยมสามานย์ที่สมบูรณ์แบบหลังการตั้งตลาดหุ้นในปี 2518 เป็นผลให้ประเทศไทยต้องเข้าโครงการ IMF มาแล้วถึง 2 ครั้ง คือหลังการพังทลายของตลาดหุ้นในปี 2521 และปี 2537 ครั้งแรกต้องลดค่าเงินบาท ครั้งที่ 2 ต้องลอยค่าเงินบาท เมื่อก่อนไม่มีตลาดหุ้นประเทศไทยไม่เคยต้องเข้า IMF เลย
    
       ประเทศต่างๆ ที่ประสบวิกฤตเศรษฐกิจมีต้นเหตุมาจากตลาดหุ้นเป็นสำคัญ ครั้งหลังสุดประเทศสหรัฐอเมริกาเกิดวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2543 จากการพังของตลาด NASDAQ ทำให้ค่าเงินเหรียญสหรัฐเสียหาย ไม่ได้รับความเชื่อมั่น ทำให้เงินไหลออกจากอเมริกา ทำให้เศรษฐกิจฟุบลง ทำให้สภาพคล่องมีปัญหา จนกระทั่งต้องพิมพ์เงินออกมาใช้ (QE)
    
       เหตุการณ์ 911 ในปี 2544 ที่ผู้ก่อการร้ายจี้เครื่องบินพุ่งชนตึก WTC ในกรุง New York ไม่ใช่ต้นเหตุที่ทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจของอเมริกา
    
       เป็นเรื่องที่เกี่ยวโยงกัน วิกฤตเศรษฐกิจของอเมริกาในปี 2543 ทำให้เงินไหลออกจากอเมริกาไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก ทำให้สภาพคล่องท่วมโลก เศรษฐกิจโลกเติบโตอย่างร้อนแรง
    
       แล้วก็ทรุดตัวรุนแรงในปี 2551 เหตุเพราะขึ้นมาแรง การจบจึงจบแรงเรียกว่า Hamburger crisis ยุโรปเกิดวิกฤตรุนแรงกว่าทุกประเทศ
    
       ผู้เขียนตามข่าวบ้าง แต่ดูตามข้อมูลที่เฝ้าติดตามเป็นประจำมากกว่า ต้องขออภัยหลายท่านที่ผู้เขียนไม่ได้มีความเห็นทางเศรษฐกิจโลกคล้ายกับหลายท่าน ผู้เขียนมีข้อมูลที่เป็นของส่วนตัว ผู้เขียนสงสัยและเฝ้ามองดูว่า ขณะนี้วิกฤตเศรษฐกิจกำลังจะมาเยือนประเทศจีนหรือไม่
    
       มาเรื่องใกล้ตัวเราเรื่องของประเทศไทยดีกว่า
    
       หากเป็นความเจริญ ประชาชนส่วนใหญ่จะอยู่กันอย่างมีความร่มเย็นเป็นสุข แต่ทุกวันนี้คนไทยเดือดร้อนทุกข์เข็ญลำเค็ญมากขึ้น ของกินของใช้ราคาสูงขึ้น ค่าความเป็นอยู่สูงขึ้น ค่าการเดินทาง ค่าขนส่งสูงขึ้น เงินเฟ้อสูงขึ้น อันเป็นผลมาจากราคาน้ำมันสูงขึ้น ราคาน้ำมันประเทศไทยสูงติดลำดับต้นของโลก
    
       ยุครัฐบาลชาติชาย ชุณหะวัณมีการค้นพบแหล่งพลังงานและก๊าซในประเทศไทย และบอกว่าประเทศไทยจะโชติช่วงชัชวาลพบว่าประเทศไทยมีน้ำมันและก๊าซมากจริง แล้วทุกวันนี้คนไทยมีความร่มเย็นเป็นสุขจากที่ประเทศไทยมีน้ำมันและก๊าซมากจริงหรือ
    
       ปี 2544 เป็นปีจุดเริ่มต้นความย่อยยับชาติ ย่อยยับรวดเร็ว รุนแรงกว่าในพุทธทำนาย
    
       ปี 2544 เป็นปีที่มาของรัฐบาลทักษิณ หากดูตามช่วงเวลา การมาของรัฐบาลทักษิณ เป็นช่วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกดีมาก เนื่องจากเป็นช่วงที่เงินไหลออกจากอเมริกา เข้าไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก รวมทั้งไทยเข้ามายังประเทศไทย
    
       เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ความลับ อธิบายเป็นเหตุเป็นผลต่อกันได้
    
       เงินไหลเข้าจากอเมริกา ส่งผลให้ตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศไทยดีขึ้นอย่างมาก คล้ายกันกับหลายประเทศทั่วโลก
    
       ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น จาก 46 มาเป็น 29 บาทต่อเหรียญ ระหว่างปี 2544-2550 หรือแข็งค่าขึ้นถึง 59 เปอร์เซ็นต์
    
       ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศสุทธิเพิ่มขึ้น จาก 31 มาเป็น 100 พันล้านเหรียญสหรัฐระหว่างปี 2544-2550 หรือเพิ่มขึ้นถึง 223 เปอร์เซ็นต์
    
       หมายเหตุ ค่าเงินบาทและทุนสำรองเงินตราลดลงในเหตุการณ์ Hamburger crisis ระยะหนึ่งในปี 2551 จากนั้นก็ฟื้นตัวขึ้นมา ค่าเงินบาทฟื้นตัวไม่มาก แต่ทุนสำรองเงินตราสุทธิเพิ่มถึง 225 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ปี 2554) และทุนสำรองเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่องหลังการมาของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรในเดือนสิงหาคม 2554 ถึงต้นปี 2557 ทุนสำรองสุทธิลดลงเหลือ 190 พันล้านเหรียญสหรัฐ
    
       จะเห็นว่าในช่วงการมาของรัฐบาลทักษิณ เงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างเหลือเชื่อ ทุนสำรองเพิ่มขึ้นอย่างเหลือเชื่อ ทำให้สภาพคล่องในประเทศสูง ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้น การที่เศรษฐกิจไทยดีขึ้น หาใช่เกิดจากความเชื่อมั่นในรัฐบาลทักษิณแต่อย่างใดไม่ แต่เป็นเพราะการพังทลายของตลาด NASDAQ และ US$ ในปี 2543 นั่นเอง ทำให้เงินไหลออกจากอเมริกา ไปยังทั่วโลก และไหลเข้าประเทศไทยนั่นเอง
    
       มีเรื่องที่น่าสนใจเอามาเล่าเป็นข้อมูล
    
       เงินไหลเข้าประเทศไทย จนกระทั่งต้องใช้หนี้ IMF หมดก่อนกำหนดถึง 2 ปี ประเทศไทยได้ใช้หนี้ IMF งวดสุดท้ายวันที่ 31 กรกฎาคม 2546 ในรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
    
       หากผู้อ่านเข้าใจเรื่องที่ผู้เขียนนำมาลำดับความในตอนต้น จะเห็นว่า การที่ประเทศไทยได้ใช้หนี้ IMF หมดก่อนกำหนด 2 ปี หาได้เกิดจากความสามารถของทักษิณแต่อย่างใดไม่ แต่เป็นเพราะการพังทลายของตลาด NASDAQ และ US$ ในปี 2543 ทำให้เงินไหลออกจากอเมริกาไปยังทั่วโลก และไหลเข้าประเทศไทย ทำให้ประเทศไทยมีเงินใช้หนี้ IMF นั่นเอง
    
       พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรไม่ใช่ผู้ที่มีความตั้งใจจะใช้หนี้ของประเทศแต่อย่างใด แต่เป็นคนที่ตั้งใจจะก่อหนี้มากกว่า หนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ยังคงเหลือมาถึงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ประมาณ 1 ล้านล้าน ก็ทำการโอนไปไว้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อที่จะทำให้สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีลดลง เพื่อที่จะทำให้กู้เงินได้กองโตขึ้น จะเห็นว่าหลังจากการโอนหนี้ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ไปไว้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้แล้ว ก็ทำให้มีโครงการกู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาทตามมา
    
       การชำระหนี้ IMF หมดในกลางปี 2546 แทนที่จะเป็นผลดีกับประเทศไทย กลับเป็นจุดทำให้เกิดความเสียหายกับประเทศไทยมากขึ้น ปาฐกถาวันใช้หนี้งวดสุดท้ายของทักษิณบรรยายถึงโอกาสของประเทศไทยงดงามมาก (ทั้งๆ ที่การใช้หนี้ IMF เป็นเรื่องโชคช่วย) เสมือนว่าประเทศไทยจะกลายเป็นเมืองสวรรค์
    
       แต่หากฟังอย่างเข้าใจ จะเห็นว่ามีการฉวยโอกาสแปรรูปรัฐวิสาหกิจ หรือขายสมบัติชาติอยู่ด้วย
    
       จากบางตอนของปาฐกถา
    
       กฎหมายทุนรัฐวิสาหกิจ ก่อนนี้ในกติกาเราต้องขายรัฐวิสาหกิจเพื่อนำเงินมาใช้หนี้ แต่วันนี้ไม่ใช่ครับ เราจะกระจายหุ้นรัฐวิสาหกิจในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการขยายการลงทุน เพื่อให้เกิดการบริหารงานอย่างมืออาชีพ และเพื่อให้เกิดการตรวจสอบได้ทุกระบบ ซึ่งตรวจสอบจากระบบของตลาดทุนและตรวจสอบด้วยระบบของราชการ ตรวจสอบด้วยระบบของผู้ถือหุ้นเอง
    
       เพราะฉะนั้นรัฐวิสาหกิจไทยของเราจะเข้มแข็ง ซึ่งรัฐบาลนี้ได้ใช้มาตรการนี้บางส่วนแล้ว และใช้เรื่องของการรายงานระบบการตรวจสอบมากขึ้นแล้ว ทำให้รายได้ของรัฐวิสาหกิจเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เข้ามาเป็นรัฐบาล หากรัฐวิสาหกิจทั้งหมดต้องไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ รัฐวิสาหกิจเหล่านี้จะบริหารงานอย่างมืออาชีพ จะเข้มแข็งและแข็งแรงมากขึ้น ไม่ได้เป็นการนำไปขายเพื่อนำมาใช้หนี้ เพราะไม่จำเป็นอีกแล้วที่จะต้องขายเพื่อใช้หนี้ เพราะวันนี้เราหมดพันธกรณีทางนี้
    
       เราจึงจะมีการแก้กฎหมายทุนรัฐวิสาหกิจ โดยยกเลิกและจัดทำกฎหมายฉบับใหม่ คือกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงและพัฒนารัฐวิสาหกิจแห่งชาติ เพื่อการปรับปรุงโครงสร้างรัฐวิสาหกิจให้เป็นองค์กรธุรกิจ เพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพของการบริหารจัดการและส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของกิจการของรัฐ”
    
       กฎหมายทุนรัฐวิสาหกิจ เป็นหนึ่งในกฎหมายฟื้นฟูเศรษฐกิจ 11 ฉบับ เพื่อใช้แก้ปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดจากวิกฤตในปี 2540 รวมทั้งเกี่ยวข้องกับการใช้หนี้ IMF คนทั่วไปเรียกว่ากฎหมายชายชาติ 11 ฉบับ
    
       คงจำกันได้ เมื่อครั้งมีการรณรงค์หาเสียง เพื่อให้ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทักษิณบอกว่า หากได้เป็นรัฐบาลจะมายกเลิกกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ แต่ก็เห็นแล้วว่าไม่ได้เป็นอย่างที่หาเสียงไว้ แทนที่จะมีการยกเลิกกฎหมายไม่ให้มีการขายรัฐวิสาหกิจ แต่กลับมีการแก้ไขกฎหมาย ให้มีการขายรัฐวิสาหกิจ หรือขายสมบัติชาติ หรือขายชาติอย่างที่คนทั่วไปพูดกันอีก
    
       เวรกรรมประเทศไทย ฉวยโอกาสทำตรงกันข้ามทำกับที่หาเสียงไว้
    
       ประชาชนหดหู่ใจในวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540 ที่มีการออกกฎหมายทุนรัฐวิสาหกิจ โดยมีสาระว่า หากครบกำหนดการชำระหนี้ IMF และมีเงินไม่พอที่จะชำระหนี้ก็ให้ขายรัฐวิสาหกิจเพื่อชำระหนี้ได้
    
       แต่เมื่อมีการชำระหนี้ IMF หมดแล้วในปี 2546 ก็สมควรจะยกเลิกกฎหมายทุนรัฐวิสาหกิจ แต่กลับมีการแก้ไขกฎหมายดังกล่าว ให้มีการขายรัฐวิสาหกิจอีก เวรกรรมประเทศไทยและคนไทย
    
       การที่รัฐวิสาหกิจอยู่ในการบริหารจัดการของกระทรวงการคลัง (ไม่มีการแปรรูป) มันก็เป็นของคนไทย 100 เปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว แล้วจะมาส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของกิจการของรัฐทำไม การแปรรูปรัฐวิสาหกิจทำให้ความเป็นเจ้าของของคนไทยลดลง เช่นเหลือเป็นของคนไทยทั้งมวลแค่ 51 เปอร์เซ็นต์ เอาไปแบ่งขายให้ต่างชาติและผู้ถือหุ้นทั่วไป 49 เปอร์เซ็นต์
    
       หลังมีการแก้ไขกฎหมายทุนรัฐวิสาหกิจในปี 2546ได้มีการแปรรูป AOT : บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) TOP : บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)MCOT : บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เข้าตลาดหุ้น
    
       ก่อนหน้านี้ ในปี 2544 หลังพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรเป็นรัฐบาลได้เพียง 10 เดือน ก็แปรรูป PTT : บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เข้าตลาดหุ้นได้แล้ว ฉวยโอกาสมีกฎหมายทุนรัฐวิสาหกิจว่าให้แปรรูปรัฐวิสาหกิจได้ ไม่ต้องแก้ไขกฎหมาย หรือไม่ต้องออกกฎหมายใดๆ มาเพิ่ม ว่องไวเหนือเรื่องใดๆ ปตท.เป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ผู้ถือหุ้นสามารถใช้ตัวแทนในต่างประเทศถือหุ้นแทนได้ ปตท. IPO ที่ราคา 35 บาท ราคาถูกเหมือนได้เปล่า อีก 5-6 ปีผ่านมา ราคาปตท.ขึ้นไปที่ราคา 350-450 บาท ราคาสูงกว่าราคา IPO ถึง 10 เท่า เงินปันผลจ่ายดีทุกปี เนื่องจากราคาน้ำมันที่ขายสูงติดลำดับต้นของโลก มีกำไรทั้ง Capital Gain และมีรายได้จากเงินปันผล
    
       ปี 2548 ในรัฐบาลทักษิณการแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยหรือ กฟผ.เกือบประสบผลสำเร็จ แต่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้เพิกถอนพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) 2 ฉบับ ที่ใช้ในการแปรรูป คือ พ.ร.ฎ.กำหนดอำนาจ สิทธิ และประโยชน์ บริษัท กฟผ. จำกัด (มหาชน) พ.ศ.2548 และ พ.ร.ฎ.กำหนดเงื่อนเวลายกเลิกกฎหมายว่าด้วยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2548 เพราะ “ไม่ชอบด้วยกฎหมาย”
    
       ส่วนหนึ่งของรัฐวิสาหกิจที่แปรรูป ก็นำไปแบ่งให้พันธมิตรต่างชาติ เช่น เชฟรอน (Chevron) บริติชปิโตรเลียม (BP) เทมาเส็กทำให้ทักษิณได้ต่างชาติเป็นพันธมิตรที่เหนียวแน่น กลายมาเป็นโลกล้อมประเทศไทยในเวลาต่อมา
ยึดทรัพย์หรือลงโทษทักษิณแบบใดก็ไม่ยุติธรรม
       เงินของทักษิณเมื่อ 6-7 ปีที่แล้ว มีข้อมูลแสดงว่าเงินของทักษิณอยู่ในต่างประเทศมากกว่าอยู่ในประเทศไทย
    
       เศรษฐีส่วนใหญ่ ทำมาหากินนอกงบประมาณ เช่น ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ กิจการเกษตร กิจการสุราหรือเบียร์
    
       แต่ทักษิณมั่งคั่งจากการทำมาหากินกับงบประมาณแผ่นดินกู้เงินแก้ปัญหาน้ำ 3.5 แสนล้านบาท จำนำข้าว กู้เพื่อโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง 2.2 ล้านล้านบาท และหากินกับทรัพยากรของประเทศ เอไอเอส ชินคอร์ป ปตท. ฯลฯ
    
       มั่งคั่งจากการฉวยโอกาสใช้กฎหมาย แก้ไขกฎหมาย และออกกฎหมายเพื่อหาประโยชน์ให้แก่ตัวเอง
    
       สังเกตว่า รัฐวิสาหกิจที่นำมาแปรรูป เป็นบริษัทใหญ่และน่าสนใจ ทำให้นักการเมืองได้เป็นเจ้าของ เช่น ปตท. ไทยออยล์ อสมท ทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น ค่าโฆษณาในทีวีสูงขึ้น ส่งผลทำให้ราคาสินค้าและบริการสูงขึ้น นอกจากนี้ยังได้เป็นเจ้าของท่าอากาศยานไทยด้วย
    
       ถ้าบอกว่า การแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ “ไม่ชอบด้วยกฎหมาย” การแปรรูปรัฐวิสาหกิจต่างๆ เช่น PTT AOT TOP MCOT การขาย SHIN ให้เทมาเส็ก ฯลฯ ก็ย่อมไม่ชอบด้วยกฎหมายเช่นกัน วลีว่า “ปล้นประเทศ” จะมีความหมายที่ตรงประเด็นมากกว่า
    
       หลายท่านคงได้ชมภาพยนตร์เรื่องที่เกี่ยวกับการปล้นรถไฟ ปล้นทอง ปล้นธนาคาร แต่การปล้นเหล่านั้นชิดซ้ายเมื่อเทียบกับการปล้นที่ประเทศไทย มีการฉวยโอกาสใช้กฎหมายปล้น แก้ไขกฎหมายมาปล้น และบัญญัติกฎหมายมาปล้น เป็นการปล้นเหนือทุกการปล้นในโลกนี้
    
       เงินที่มากของทักษิณซื้อได้ทุกอย่าง ซื้อได้ทุกระดับ ตั้งแต่อดีตประธานสภาฯ ประธานและรองประธานสภาฯ ส.ว. ส.ส. ข้าราชการ นักการเมืองส่วนกลาง นักการเมืองส่วนท้องถิ่น อบต. สื่อทั้งในส่วนกลาง และวิทยุชุมชน เป็นที่มาของประเทศล้อมเมือง
    
       รวมมิจฉากรรมที่ทักษิณทำไว้ระหว่างปี 2544-2549
    
       ● แปรรูป ปตท.ปลายปี 2544โดยอาศัยกฎหมายทุนรัฐวิสาหกิจที่มีอยู่แล้ว ทำให้ราคาน้ำมันแพงติดอันดับโลก
    
       ● แก้ไขกฎหมายทุนรัฐวิสาหกิจในปี 2546 หลังจากใช้หนี้ IMF หมดแล้ว กฎหมายนี้ก็หมดความจำเป็น แต่กลับเอามาแก้ไขให้มีการแปรรูปรัฐวิสาหกิจได้ และใช้ในการแปรรูป AOT TOP และ MCOT ในเวลาต่อมา
    
       ● รายการนายกฯ พบประชาชนทุกเช้าวันเสาร์ คนส่วนหนึ่งเชื่อและศรัทธาในสิ่งที่ทักษิณพูด คนอีกส่วนหนึ่งไม่เชื่อและไม่ศรัทธาในสิ่งที่ทักษิณพูด และบอกว่าเป็นรายการนายกฯ โกหกทุกเช้าวันเสาร์ เป็นรายการที่ทำให้คนในชาติแตกแยกกันอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งในระดับครอบครัว เพื่อนฝูง ชุมชน องค์กรต่างๆ เมื่อ 14 หรือ 5 ตุลา คนไทยไม่เคยแตกแยกกันมาก่อนเลย คนไทยเริ่มมาแตกแยกเมื่อทักษิณเป็นรัฐบาลนี้เอง และนำมาซึ่งความหยาบคายและรุนแรงระหว่างกันของคนในชาติทุกวันนี้
    
       ● ขายชินคอร์ปให้เทมาเส็ก แห่งสิงคโปร์ ขายราคาถูกเหมือนได้เปล่า เมื่อต้นปี 2549
    
       ● สงครามยาเสพติด ทำให้มีคนตายเกือบ 3,000 ศพ และคนตายที่ไม่ได้มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติดถูกฆ่าตายกว่า 1,800 ศพ
    
       รวมมิจฉากรรมที่ทักษิณทำไว้ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เริ่มปี 2554
    
       กฎหมายที่ออกในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็ล้วนเป็นกฎหมายที่ต่ำต้อย ชั้นต่ำ ออกมาเพื่อผลประโยชน์ส่วนตนของทักษิณทั้งสิ้น
    
       ● พ.ร.บ.นิรโทษกรรม 2556
    
       ● พ.ร.บ.ร่วมทุน 2556
    
       ● พ.ร.บ.กู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท
    
       ● ม. 190 แก้ไข เพื่อไม่ให้มีการตรวจสอบข้อตกลงระหว่างประเทศ
    
       ● พ.ร.บ.ส.ว.มาจากการเลือกตั้ง
    
       ประเทศไทยเป็นมากกว่ารัฐที่ล้มเหลว
    
       รัฐที่ล้มเหลว (Failed State) หมายถึง รัฐที่ไม่สามารถบริหารการปกครองได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือไม่สามารถดำรงรักษาไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อยภายใน มีความขัดแย้งทางการเมืองและสังคมอย่างรุนแรง มีการเปลี่ยนรัฐบาลบ่อย รัฐบาลและกลไกรัฐขาดความมั่นคงและประสิทธิภาพ จนไม่สามารถบริหารประเทศและแก้ปัญหาต่างๆ ให้ประสบผลสำเร็จได้ (วิกิพีเดีย)
    
       จากที่นำเสนอมาข้างต้น บอกว่าประเทศไทยเป็นรัฐที่ล้มเหลว แต่ผู้เขียนว่าประเทศไทยเป็นรัฐที่ย่อยยับ อยู่ๆ ประเทศไทยจะล้มเหลวหรือย่อยยับเองไม่ได้ ต้องมีต้นเหตุหรือคนทำให้ล้มเหลวหรือย่อยยับ มันจึงล้มเหลวและย่อยยับ
    
       การยึดทรัพย์หรือลงโทษทักษิณแบบใดก็ไม่ยุติธรรมเมื่อเทียบกับความเสียหายที่เขาทำไว้กับประเทศไทย ประวัติศาสตร์จะต้องบันทึกไว้ว่าทักษิณเป็นผู้นำที่เลวร้ายอันดับหนึ่งของโลกไปนานเท่านาน คงยากที่จะหาผู้นำชั่วคนใดที่จะมาทำลายสถิติลงได้…

วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

แกะรอย: ต้นตระกูลชินวัตรเป็นอั้งยี่จริงหรือ ? (1)




มีการเผยแพร่ข้อมูลว่านายเส็ง แซ่คู ต้นตระกูลชินวัตรเคยเป็นอั้งยี่ระดับหัวหน้าและเคยถูกจับติดคุกมาก่อน นับเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก
     
       เนื้อหาของเรื่องดังกล่าวสามารถอ่านได้จากบทความเรื่อง “อั้งยี่ที่เมืองจันทน์” ตอน 1 และตอน 2 ต่อเนื่องในหนังสือพิมพ์สื่อมหาชนออนไลน์ www.mahachonnews.com ที่ได้เขียนไว้ว่า ง่วนเส็ง แซ่คู บุตรนายเช้า (ชาวจีน) เป็นหัวหน้าอั้งยี่คณะงี่เฮ็งบ้านบางกะจะ อำเภอพลอยแหวน เมืองจันทบุรีในยุคที่ถูกฝรั่งยึดครองเป็นหลักประกันให้สยามจ่ายค่าตอบแทนกรณี รศ.112 ต่อมาถูกทางการจับกุมขังคุก มีลูกชื่อ ชุนเชียง แซ่คู อพยพมาอยู่เชียงใหม่เป็นต้นตระกูลชินวัตร ปู่ของทักษิณ ชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรีในเวลาต่อมา
     
       แม้บทความดังกล่าวไม่ปรากฏชื่อผู้เขียนและก็ไม่ได้ระบุเอกสารอ้างอิงอันใดไว้แต่มากพอที่ทำให้ยิ่งอยากรู้เข้าไปอีกว่าประวัติศาสตร์ดังกล่าวคัดลอกอ้างอิงมาจากแหล่งใด ใช้เวลาสืบค้นอยู่พักใหญ่จึงค่อยทราบว่า เนื้อหาที่บทความอั้งยี่ที่เมืองจันทน์นำมาเผยแพร่นั้นแท้ที่จริงปรับแปลงมาจากหนังสือเล่มที่ชื่อว่า
     
       “จดหมายเหตุความทรงจำสมัยฝรั่งเศสยึดจันทบุรี ตั้งแต่พ.ศ.2436-2447” เขียนโดย หลวงสาครคชเขต (ประทวน สาคริกานนท์)
     
       โชคดีที่ยังพอมีหนังสือเล่มนี้ในท้องตลาดแต่กว่าจะได้มาถึงมือใช้เวลา 2 วัน เล่มที่ใช้อ้างอิงเป็นเล่มปกแข็งพิมพ์ครั้ง 3 โดยสำนักพิมพ์ศรีปัญญาจัดจำหน่ายโดยเคล็ดไทยราคา 500 บาท สำหรับท่านที่สนใจเรื่องแนวนี้ปัจจุบันยังพอหาได้ตามคลังสต๊อกของร้านหนังสือใหญ่
     
       หลวงสาครคชเขต เป็นข้าราชการฝ่ายปกครองที่อยู่ในเหตุการณ์ฝรั่งเศสถืออำนาจบาตรใหญ่มายึดเมืองจันทน์สมัยปลายรัชกาลที่ 5 กว่าจะคืนกลับมาได้ไทยต้องเสียดินแดนในเขมรในลาวเพิ่มให้ไปอย่างเจ็บปวด หลวงสาครฯมีชีวิตอยู่จนข้ามมาสมัยเปลี่ยนแปลงการปกครองเสียชีวิตเมื่อ 2497 ได้บันทึกเหตุการณ์รายละเอียดที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์อย่างยิ่งบรรยายถึงสภาพบ้านเมืองผู้คนรายละเอียดความสัมพันธ์ของคนฝ่ายต่างๆ ในยุคนั้น เช่นเล่าว่ามีทหารฝรั่งเศสประมาณ 60-70 นายทหารญวนประมาณ 600 มาตั้งค่าย เย็นๆ ก็แก้ผ้าอาบน้ำทั้งฝรั่งทั้งญวน หญิงไทยเดินผ่านเบือนหน้าหลบก็ถูกฝรั่งหัวเราะใส่ ไปจนถึงมีเหตุการณ์จันทรุปราคาชาวบ้านยิงปืนตีเกราะเคาะไม้ผู้บัญชาการทหารฝรั่งเศสตกใจเตรียมพร้อมรับมือคนไทยบุก หรือกรณีทหารฝรั่งเศสเมาสุราไปเที่ยวแทะโลมจับนมหญิงชาวบ้าน ฯลฯ เป็นต้น
     
       บันทึกกรณีเหตุการณ์กรณีอั้งยี่ที่มีการโยงมาถึงตระกูลชินวัตรปรากฏในตอนที่ชื่อว่า “สมาคมอั้งยี่กำเริบ ทหารฝรั่งเศสช่วยปราบ” อยู่ในหน้า 61-64 ขอคัดลอกลงมาเพื่อผู้อ่านจะได้เทียบเคียงกับข้อความที่เผยแพร่ก่อนหน้า
     
      
สมาคมอั้งยี่กำเริบ
ทหารฝรั่งเศสช่วยปราบ


เมื่อฝรั่งเศสเข้าไปตั้งอยู่ที่จังหวัดจันทบุรีแล้วไม่กี่ปี ระหว่างพ.ศ.2438-2439 (ร.ศ.114-115) ก็เกิดมีสมาคมอั้งยี่ขึ้น 2 คณะ คณะหนึ่งใช้สมนามสมญาว่า “งี่ฮก” สำนักตั้งอยู่ที่ตำบลวัดใหม่ อำเภอเมืองจันทบุรีแห่งหนึ่งมีนาย อำภณ วิเศษประสิทธิ์ บุตรพระประสิทธิ์พลรักษ์ กรมการพิเศษเป็นหัวหน้า (หลวงสาครฯคงจะใส่นามสกุลที่เกิดขึ้นภายหลังเข้าในบันทึกไปเลยไม่ได้ใช้เฉพาะชื่อตนตามยุคสมัย อีกทั้งชื่อจังหวัดก็เรียกแบบยุคหลังไม่ได้เรียกว่าเมืองจันทบุรีอันเป็นเชื่อก่อนตั้งมณฑลเทศาภิบาล—บัณรส) อีกคณะหนึ่งมีนามสมญาว่า “งี่เฮ็ง” สำนักงานตั้งอยู่ที่ตำบลบางกะจะ อำเภอพลอยแหวน จังหวัดจันทบุรีแห่งหนึ่ง มีนายง่วนเส็ง บุตรนายเช้า (ชาติจีน) เป็นหัวหน้าสมาคมอั้งยี่

ทั้งสองคณะนี้ไม่มีความสามัคคีปรองดองกัน ต่างหมู่ต่างคณะได้ถืออำนาจในพวกเหล่าของตนคุมสมัครพรรคพวกทำร้ายซึ่งกันและกันอยู่เป็นเนื่องนิตย์บรรดาประชาชนคนใดไม่เข้าในคณะใดพวกอั้งยี่ก็เที่ยวกรรโชกขู่เข็ญทำร้ายประชาชนพลเมืองโดยพลการอยู่เนืองๆ บางครั้งคุมสมัครพรรคพวกเที่ยวปล้นแย่งชิงทรัพย์สินพลเมืองก็มี นอกจากนี้ความยังปรากฏว่าบรรดาพวกพ่อค้าแม่ค้าที่อยู่ในท้องที่อำเภอพลอยแหวนซึ่งเคยน้ำสินค้ามาจำหน่ายขายให้แก่พลเมืองทางท้องที่อำเภอเมืองแล้ว พวกคณะอั้งยี่ทางฝ่ายคณะงี่เฮ็งก็ประกาศห้ามปราม................

และความเดือดร้อนทั้งนี้ไม่ได้มีแต่พลเมืองฝ่ายเดียวเลยพลอยทำให้กองทหารฝรั่งเศสก็มีส่วนได้รับความเดือดร้อนด้วยเหมือนกัน กล่าวคือกองทหารฝรั่งเศสก็ต้องอาศัยสินค้าจากพ่อค้าแม่ค้าทางเขตอำเภอพลอยแหวนเหมือนกันเมื่อความเดือดร้อนของพลเมืองตลอดจนกองทหารฝรั่งเศสไม่ได้รับความสะดวกเช่นนี้แล้ว...........

ก็มาขอร้องให้ทางบ้านเมืองจัดการปราบปรามแต่เวลานั้นทางฝ่ายบ้านเมืองก็ไม่มีกำลังพาหนะ ตำรวจหรือพลตระเวนอย่างใดที่จะทำการระงับปราบปรามอั้งยี่ให้เป็นที่เรียบร้อยได้ จึงนับว่ายุคนั้นที่จันทบุรีแม้แต่ตามถนนตลาดประชาชนพลเมืองก็มีความหวาดเกรงภัยของคณะอั้งยี่อยู่ถ้วนหน้า...........

ทางฝ่ายบ้านเมืองจึงได้ปรึกษาทำความตกลงกับกองทหารฝรั่งเศสผลที่สุดฝ่ายกองทหารฝรั่งเศสจัดกำลังทหารฝรั่งเศสมอบให้แก่ทางบ้านเมืองทำการปราบปรามจับกุมอั้งยี่ทั้งสองคณะนี้โดยความร่วมมือกับพนักงานฝ่ายบ้านเมืองออกเที่ยวสืบจับตามตำบลต่างๆ มีตำบลบางกะจะ ตำบลวัดใหม่และที่แห่งอื่นๆ เป็นต้น เจ้าพนักงานฝ่ายไทยที่ควบคุมทหารฝรั่งเศสและพลเมืองออกไปสืบจับพวกอั้งยี่นั้นคือท่านพระยาเดชานุชิตเป็นหัวหน้า หลวงพรหมเสนากับหลวงศรีรองเมืองเป็นผู้ช่วยทำการจับกุมอั้งยี่ทั้งสองคณะได้พรรคพวกและหัวหน้าสำคัญหลายคนมีนายอำภณและนายง่วนเส็งเป็นต้น แล้วจัดการนำตัวส่งไปกรุงเทพฯ ต่อมาปรากฏว่าหัวหน้ากับพรรคพวกถูกรับพระราชอาญาจองจำกักขังไว้หลายๆ ปี ตั้งแต่นั้นมาสมาคมอั้งยี่ก็แตกหมู่แตกคณะควบคุมกันไม่ติดและไม่มีสมาคมใดที่คิดตั้งคณะอั้งยี่ขึ้นมาอีก นับว่าเหตุการณ์เรื่องอั้งยี่เป็นปกติเรียบร้อยมาจนบัดนี้.

     
       นอกจากความเรื่องอั้งยี่ที่กล่าวไปแล้วบันทึกจะหมายเหตุของหลวงสาครคชเขต หน้า 203 ยังได้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่จีน ง่วนเส็ง ไปทำร้ายร่างกายผู้พิพากษาบาดเจ็บ โดยเหตุการณ์ตอนนี้เป็นช่วงที่ฝรั่งเศสมอบเมืองจันทบุรีคืนแก่สยามในพ.ศ.2447 หลังจากยึดไว้นานถึง 11 ปีแต่ก็ยังไม่ไปไหนกำลังทหารที่ถอนจากจันทบุรีก็ไปยึดเมืองตราดไว้ต่อ ฝรั่งเศสยึดเมืองตราดนาน 3 ปีจนที่สุดสยามต้องแลกตราดและเกาะกูด กลับคืนมาโดยตัดเฉือนที่ฝั่งขวาแม่น้ำโขงด้านตรงข้ามหลวงพระบางอันเป็นแขวงไชยะบุรีในปัจจุบันรวมทั้งเสียมราฐ ศรีโสภณ พระตะบองในเขมรให้ไป
     
       เหตุการณ์ตอนที่ฝรั่งย้ายไปยึดเมืองตราดจึงมีข้าราชการไทยที่โยกย้ายกลับมา บ้างก็สมัครใจอยู่ที่เดิมหลวงสาครคชเขตได้กล่าวถึงผู้พิพากษาท่านหนึ่งที่เกี่ยวข้องเป็นค่ากรณีกับจีนง่วนเส็ง ความว่า
     
      
“มีข้าราชการบางคนสมัครคงอยู่ในจังหวัดตราดก็มีบ้างดังเช่น หลวงวิพิธพจนการ ผู้พิพากษาศาลคนหนึ่งเป็นผู้มีเคหสถานบ้านเรือนแลเรือกสวนไร่นาอยู่มากจะละทิ้งฐานเดิมไปก็รู้สึกเสียดายจึงคงอยู่ที่จังหวัดตราดต่อไปชั่วคราวต่อมาภายหลังหลวงวิพิธพจนการเห็นว่าการอยู่กับฝรั่งเศสจะไม่เป็นผลดีต่อไปแล้วจึงได้อพยพย้ายครอบครัวมาตั้งอยู่ที่บ้านตลาดขวาง จังหวัดจันทบุรีแลต่อมาก็ประจวบเวลานั้นอำเภอขลุงได้ยกขึ้นเป็นจังหวัดแลขาดตัวผู้พิพากษาอยู่ พระยานครไภยพิเฉทซึ่งเป็นอธิบดีผู้พิพากษาเห็นเป็นโอกาสดีจึงได้ขออนุญาตกระทรวงยุติธรรมให้หลวงวิพิธฯเป็นผู้พิพากษาศาลเมืองขลุงบุรีตั้งแต่นั้นมา

ระหว่างที่หลวงวิพิธฯ พักอยู่ที่จังหวัดจันทบุรีก่อนยังไม่ได้รับตำแหน่งผู้พิพากษาศาลเมืองขลุงนั้น ได้ถูกนายง่วนเส็ง (เชิงอรรถของหลวงสาครระบุว่า คือคนๆเดียวกันกับที่ปรากฏเรื่องอั้งยี่) หัวหน้าอั้งยี่คณะงี่เฮ็ง ให้พรรคพวกทำร้ายร่างกายบาดเจ็บ ทั้งนี้ปรากฏว่านายง่วนเส็งมีความเจ็บแค้นหลวงวิพิธฯ ตั้งแต่ครั้งเป็นผู้พิพากษาศาลจังหวัดตราดก่อนสมัยฝรั่งเศสปกครองได้ตัดสินคดีความจำคุกพวกอั้งยี่คณะของเขา การที่หลวงวิพิธฯ ถูกพรรคพวกนายง่วนเส็งทำร้ายครั้งนั้นผลที่สุดการสืบสวนจับกุมค้นร้ายไม่ได้ทั้งไม่มีหลักฐานอะไรด้วย ตกลงว่าหลวงวิพิธฯถูกทำร้ายเปล่า

     
       เมื่อพิจารณาเปรียบถ้อยคำในจดหมายเหตุฯของหลวงสาครคชเขตซึ่งเป็นหลักฐานชั้นต้นที่มีอยู่ทั้งหมดตามที่คัดลอกมามีข้อสังเกตดังนี้
     
       1.จดหมายเหตุระบุชื่อจีน ง่วนเส็ง แต่ประวัติที่เผยแพร่ของตระกูลชินวัตรระบุว่าปู่ทวดชื่อ ชุ่นเส็ง
     
       2.ในจดหมายเหตุไม่ระบุนามสกุล แต่ข่าวสารที่เผยแพร่ไปเรื่องอั้งยี่เมืองจันทน์ เติมนามสกุลแซ่คู ให้กับ จีนง่วนเส็ง
     
       3.ประวัติตระกูลชินวัตรไม่เคยกล่าวถึงบิดาของคูชุ่นเส็ง บอกเพียงว่าปู่ทวดชุ่นเส็งเดินทางจากกวางตุ้งมาขึ้นบกที่เมืองจันทบุรี แต่ในจดหมายเหตุของหลวงสาครระบุชื่อบิดาของ จีนง่วนเส็งว่าชื่อ นายเช้า สัญชาติจีน
     
       ดังนั้นหากพิจารณาเฉพาะหลักฐานถ้อยคำในจดหมายเหตุ หัวหน้าอั้งยี่ชื่อ “ง่วนเส็ง” ไม่น่าจะเป็นคนเดียวกับ “คูชุ่นเส็ง” ผู้ที่ต่อมาอพยพครอบครัวจากบางกะจะ เมืองจันทบุรีไปอยู่เชียงใหม่และเปลี่ยนสกุลเป็นชินวัตรในเวลาต่อมาก็ได้
     
       อย่างไรก็ตามเมื่อมองเหตุการณ์แวดล้อม ดูเงื่อนไขประกอบ และระยะเวลา (Time Line) ของจีนง่วนเส็งมีเหตุทำร้ายร่างกายผู้พิพากษาและมีบทบาทในแวดวงคนจีนบ้านบางกะจะเมืองจันทบุรี ย่อมอยู่ในยุคสมัยเดียวกับ คูชุ่นเส็ง ซึ่งก็ปักหลักสร้างหลักฐานอยู่ที่บ้านบางกะจะ เมืองจันทบุรีเหมือนกัน
     
       หาก จีนง่วนเส็ง ตั้งตัวเป็นหัวหน้าอั้งยี่คณะงี่เฮ็ง รวบรวมสมัครพรรคพวกคนเชื้อสายจีนมีพื้นที่เคลื่อนไหวในเขตบางกะจะในช่วงพ.ศ.2436-38 ย่อมน่าสนใจว่าในตอนนั้นบรรพบุรุษตระกูลชินวัตรผู้มีถิ่นฐานบ้านบางกะจะที่ชื่อ คูชุ่นเส็ง มีบทบาทใด
     
       และหากจะสวมวิญญาณนักจินตนาการประสาคอหนังฮอลลีวูดปะติดปะต่อผูกตำนานใหม่ขึ้นมาอาจจะเป็นเนื้อเรื่องว่า...
     
       เมื่อกว่า 100 ปีก่อนจีนง่วนเส็งนายอั้งยี่คณะงี่เฮ็งแห่งบ้านบางกะจะ ตั้งตัวขึ้นมาจากการเป็นผู้นำชาวจีนในยุคที่อำนาจการปกครองของสยามกับฝรั่งเศสทับซ้อนกันอยู่ ตั้งสมาคมองค์กรปกครองดูแลชาวจีนด้วยกันซึ่งเป็นเรื่องปกติมากสำหรับธรรมเนียมของคนจีนโพ้นทะเล แต่ต่อมาเกิดวิวาทกับสมาคมชาวจีนอีกคณะทำให้ถูกจับกุมคุมขังแต่ก็ยังมีสถานะเป็นระดับแกนนำของชาวจีนในท้องถิ่น จนกระทั่งเขาเกิดมีวิวาทกับขุนนางผู้กำลังจะรับตำแหน่งผู้พิพากษาด้วยสำคัญผิดว่าขุนนางผู้นั้นไม่ได้รับราชการแล้ว ทำให้ต้องอพยพหนีคดีพาครอบครัวลี้ภัยไปอยู่เมืองเหนือ เปลี่ยนชื่อเรียกเสียใหม่เพื่อลบอดีตติดตัวจากเมืองจันทน์
     
       นิยายแต่งใหม่เรื่องนี้คงน่าสนุกไม่น้อยเพราะโยงเอาบรรพบุรุษของนายกรัฐมนตรี 2 คนไปผูกโยงกับเรื่องราวอั้งยี่เมืองจันทบุรีในยุคที่อำนาจการปกครองของสยามไม่มั่นคงแถมฝรั่งเศสมาตั้งกำลังเป็นอำนาจทับซ้อนปกครองอยู่
     
       ประวัติศาสตร์คงจะเล่นตลกไม่น้อยหากจีนง่วนเส็งนายอั้งยี่ มาเป็น คูชุ่นเส็งนายอากรเชียงใหม่ !!!?
     
       มันจะไม่เล่นตลกได้ยังไงเพราะหลวงวิพิธพจนการผู้พิพากษาที่ถูกทำร้ายคนคนดังกล่าวเป็นคนเดียวกับ หลวงวิพิธพจนการ (แจ่ม สูตะบุตร) ผู้เป็นคุณตาของ พ.ญ.สดใส เวชชาชีวะ (สกุลเดิมสูตะบุตร) มารดาของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือนัยหนึ่ง หลวงวิพิธพจนการเป็นคุณตาทวด ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนั่นเอง
     
       ซึ่งก็หมายถึงว่าก๋งของอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ชื่อ คูชุ่นเส็ง-จีนง่วนเส็ง เคยมีกรณีวิวาทขนาดส่งลูกน้องไปทำร้ายร่างกายตาทวดของ อดีตนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เหตุเกิดที่เมืองจันทบุรี ในช่วงพ.ศ. 2449-2450 โดยประมาณ !!
     
       แต่เหตุการณ์ในโลกของความเป็นจริงจะเป็นดั่งเช่นที่ผูกนิยายที่กล่าวมาข้างต้นหรือไม่ ก็ต้องมาดูประวัติชีวิตของคูชุ่นเส็งตลอดถึงเหตุการณ์แวดล้อมเมื่อ 100 ปีก่อนโน้นกันเพื่อมาชั่งน้ำหนักว่าตำนานอั้งยี่เมืองจันทน์ที่เผยแพร่ในอินเตอร์เน็ตนั้นตรงกับข้อเท็จจริงแค่ไหนเพียงใด
     
       ตอนหน้าจะมาวิเคราะห์เรื่องราวชีวิตของ คูง่วนเส็ง ช่วงที่อยู่ในเมืองจันทบุรีก่อนจะอพยพโยกย้ายมาเชียงใหม่ซึ่งน่าแปลกนะครับขนาดตระกูลชินวัตรเองก็แทบไม่รู้เรื่องปู่ทวดต้นตระกูลของเขาเช่นเดียวกัน.










MANA PRADITKET

MANA PRADITKET
Handpainted oil painting by Mana Praditket

NIRAN PAIJIT

NIRAN PAIJIT
Original handpainted oil painting by Niran Paijit

PRAYAD TIPPAWAN

PRAYAD TIPPAWAN
ORIGINAL IMPRESSIONAL OIL PAINTING BY PRAYAD TIPPAWAN

Achara 34 (24x36)

Achara 34 (24x36)
ORIGINALl OIL PAINTING

Amornsak Livisit 74 (24x36)

Amornsak Livisit 74 (24x36)
ORIGINAL OIL PAINTING, Impressionist style

Suwan Khanboon 11 (24x24 inches)

Suwan Khanboon 11 (24x24 inches)
Original handpainted oil painting abstract style

NIRAN PAIJIT

NIRAN PAIJIT
ORIGINAL ABSTRACT STYLE OIL PAINTING BY NIRAN PAIJIT

Chavalit (Pong)

Chavalit (Pong)
PINTO Horses

Komez 78 (22x30)

Komez 78 (22x30)
Original handpainted pastel painting on paper

KOMES

KOMES
Handpainted pastel painting by Komez

PRATHOUN

PRATHOUN
ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING BY PRATHOUN

THAVORN IN-AKORN

THAVORN IN-AKORN
ORIGINAL OIL PAINTING BY THAVORN IN-AKORN (SIZE 20x30")

THAVORN IN-AKORN

THAVORN IN-AKORN
Original oil painting by Thavorn In-akorn

Facebook


ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING

PHOTO GALLERY

PHOTO GALLERY

Facebook

PHOTO GALLERY