GREAT KING OF THAILAND, KING BHUMIBHOL

GREAT KING OF THAILAND, KING BHUMIBHOL
LONG LIVE THE KING BHUMIBHOL

วันอาทิตย์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2557

ฆ่าความโกรธแล้วเป็นสุข/คำคม "หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร" วัดธรรมมงคล

"โกธัง ฆัตวา สุขัง เสติ" เมื่อเราฆ่าความโกรธได้แล้ว...เป็นสุข Elimination of Anger is Happiness " หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร"




 

มีนิทานเรื่องหนึ่งพระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ท่านเล่าให้ฟัง
จะขอย่อคร่าวๆดังนี้

ท่านว่ามีพี่น้องคู่หนึ่งมาถวายน้ำอ้อยให้พระ
คนพี่อธิษฐานให้มีดวงตาเห็นธรรม...
คนน้องอธิษฐานขอให้ได้มนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ นิพพานสมบัติ

ท่านก็บอกว่าโยมทำบุญก็ได้น้ำอ้อย ส่วนพระนั้นก็ได้กากอ้อย
ถ้าพระอยากได้บุญก็ต้องทำตัวให้ดี เพื่อเป็นบุญจึงจะได้น้ำอ้อ

ที่เปรียบแบบนี้ เพราะพระได้แค่กากอ้อยคือยังไม่ได้บุญเพราะกินของเขา
พระจะได้บุญต่อเมื่อกินของที่เขามาทำบุญแล้วก็ต้องทำหน้าที่พระให้ดีปฏิบัติตัวให้ถูกต้องถึงจะได้น้ำอ้อย
การเป็นพระใช่ว่าจะได้บุญถ้าทำตัวไม่ดีก็เป็นบาปได้กากอ้อยเท่าน้น

เรื่องการอธิษฐานนั้นโยมเข้าใจว่าเป็นการขอ แต่ที่จริงนั้นการอธิษฐานก็เป็น 1 ในบารมี 10ทัศ
แต่การอธิษฐานก็ต้องมีความตั้งใจที่แน่วแน่ มีการบำเพ็ญบารมี มีความเพียร การกระทำที่ดี ไม่ใช่ว่าขอไปเรื่อย ขอให้รวยแต่ไม่บำเพ็ญบารมีใดๆก็ไม่สำเร็จ
คำว่าอธิษฐาน หมายถึงการตั้งมั่นที่จะทำให้ได้ ถ้าขอให้รวยแต่ไม่ทำก็ไม่รว


https://www.facebook.com/VRYMeditationCenter

























วันสำคัญเดือน กรกฏาคม
ย้อนกลับไปเมื่อ วันที่ 5 กรกฏาคม พ.ศ. 2529
พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ ได้ออกเดินทางตามที่ได้ตั้งสัจจะอธิษฐานไว้ ว่าหากสร้างพระมหาเจดีย์สำเร็จเมื่อใด จะทำสมาธิปฏิบัติบูชา ที่พระศรีมหาโพธฺ์พุทธคยา ประเทศอินเดีย
โดยจะนั่งสมาธิให้ครบเก้าสิบครั้ง แม้ในช่วงนั้นจะเป็นหน้าร้อน ที่อินเดียถึงขนาดมีคนตายเพราะทนความร้อนไม่ไหว ถึงจะมีผู้ขอให้ท่านรอจนถึงหน้าหนาวก่อนจึงค่อยเดินทาง
แต่ท่า...นพระอาจารย์หลวงพ่อ ก็ตัดสินใจเดินทาง โดยท่านกล่าวว่า "เมื่อตัดสินใจแล้ว ขอให้เป็นไปตามนั้นเถิด ท่านยอมสละทุกอย่าง และไม่สามารถยอมให้ใครมาขวางหน้าทัดทานได้"
ก่อนออกเดินทางท่านได้สละข้าวของทุกสิ่งให้เป็นสมบัติของวัด และได้ออกเดินทางเมื่อ วันที่5 กรกฏาคม พ.ศ. 2529 โดยเครื่องการบินไทย
มีพระติดตามรูปเดียวคือ พระธรรมศักดิ์ คุตธรรมโม
โดยท่านได้เดินทางธุดงค์ไปแถบแคชเมียร์ก่อน แล้วต่อมาจึงเดินทางไปพำนักที่ ศูนย์ปฏิบัติสมาธิของบังกลาเทศ พุทธคยา
ครั้งนี้เป็นการธุดงค์ครั้งสาหัส
กำลังของพญามารครั้งนี้เหลือที่จะประมาณได้ เพราะอากาศร้อนยังไม่พอ หนำซ้ำยังท้องเสียจากอาหารอินเดียและนมสด ฉันยาก็ไม่หยุดถ่าย
ต้องท้องเสียถึงสิบสี่วัน ขาดน้ำอาหารเกลือแร่ ทั้งการรักษาพยาบาลก็ไม่มี
แต่ท่านก็อุตส่าห์พยุงร่างกายไปนั่งสมาธิ เดินจงกรม
เมื่ออากาศร้อนจัดจนหายใจแทบไม่ออก ก็ยกถังน้ำเทใส่ศรีษะดับความร้อน พอยกครั้งที่สามกระดูกสันหลังก็เคลื่อนเจ็บปวดทรมานแสนสาหัส ท่านก็นั่งสมาธิเพื่อดับทุกข์ที่เกิดขึ้น
เมื่อจะพ้นจากการทำสมาธิแล้วท่านจึงได้เห็นแสงตอนรุ่งสางมุ่งไปที่วัดไทยพุธคยา เห็นท่านเจ้าอาวาสนั่งอยู่ มีเสียงว่า "ไปที่วัดไทยจะมีผู้ช่วยเหลือความทุกข์ครั้งนี้ได้" พอพ้นจากสมาธิท่านจึงไปที่วัดไทย จนได้หมอรักษาจนหายที่วัดไทยพุทธคยา
นี้คือตัวอย่างที่เราสามารถเรียนรู้ได้ การบำเพ็ญบารมีนั้นไม่ง่าย ก็จะมีอุปสรรคคอยขัดขวางเสมอ การสร้างบารมีจึงต้องอาศัย ความเพียร ต้องอาศัยความวิริยะอย่างมาก ท่านพระอาจารย์หลวงพ่อได้บำเพ็ญสัจจะบารมีครั้งใหญ่ พญามารก็แรงเหลือประมาณ แต่เพราะท่านมีพลังจิตมาก ความตั้งใจก็มากจึงบำเพ็ญสัจจะบารมีได้สำเร็จ
ย้อนกลับมาที่ นศ. ครูสมาธิ หากไปเดินธุดงค์แล้วคิดว่าลำบากก็ให้นึกถึง พระอาจารย์หลวงพ่อเราไว้ นศ.เราเดินธุดงค์ ได้ทานอาหารวันละสามมื้อ น้ำท่าไม่ขาดแคลน ส้วมก็มีให้ใช้ ถ้าคิดว่าลำบากให้นึกถึงหลวงพ่อตอนไปอินเดีย น้ำก้ขาด ร้อนก็ร้อน อาหารก็ไม่สะอาดและไม่พอ ส้วมก้ไม่สะดวกแล้วท้องเสียถึงสิบสี่วัน กว่าท่านจะชนะพญามารได้
การธุดงค์กินอยู่ลำบากถึงเป็นการทดสอบพลังจิตโดยแท้


ก่อนเดินทางกลับหลวงพ่อท่านเล่าให้ฟังว่า
หลวงพ่อนี้เดินทางมามาก เอาแค่ที่เดินทางกับสายการบินเกาหลี เขาบอกว่า 191เที่ยวในไม่กี่ปีมานี้ ไม่ใช่น้อยเลย
เดินก็ไม่ใช่น้อยๆเลย จากจันทบุรี ไปสกลนคร ไปธุดงค์ถึงไหนๆต่อไหน สมัยก่อนก็ต้องเดินกันเป็นร้อยๆกิโล
เปรียบให้ฟังว่าการเดินทางสมัยนี้กับสมัยก่อนก็ต่างกัน สมัยนี้มันสะดวกสบายกว่าเดิมมาก
หากย้อนกลับไปสมัยก่อนร้อยปีสองร้อยปี ไปบอกว่าคนไปขึ้นเครื่องยานพาหนะไป...นอนกินถ่ายกันได้บนท้องฟ้า ใครจะไปเชื่อ มันเป็นเรื่องที่ลำบากไม่มีคนคิดว่าจะทำได้ การไปบอกสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องยาก
คนในประเทศไทยเรา เป็นชาวพุทธกันได้อย่างไร รู้ไหม
ก็เกิดมา อุแว้ๆ พ่อแม่เป็นพุทธเกิดมาก็เป็นชาวพุทธแล้ว
แต่แค่เกิดมาก็เป็นชาวพุทธไม่ได้รู้เรื่องไม่ได้ปฏิบัติตามคำสอน ตามศีล มันก็เหมือนเป็นนายพัน แต่มีแค่ยศ ไม่มีเงินเดือน ไม่มีอำนาจบารมี ไปทำอะไรก็ไม่ได้ ได้ชื่อแค่ว่าเป็น
ดังนั้น อย่าได้ชื่อแค่ว่าเป็นชาวพุทธ เพราะเกิดมาเป็นชาวพุทธก็ไม่มีประโยชน์
สมัยก่อนพระโสนะ พระอุตระ นำพุทธศาสนามาเผยแพร่ในเมืองไทย กว่าท่านจะสร้างศรัทธานั้นไม่ง่าย
ไหนจะต้องเดินทางมาจากอินเดีย จะอยู่ดีๆไปสอนคนเขา ใครจะไปเชื่อใครจะไปศรัทธา
แต่ท่านทั้งสองก็มีปัญญา ท่านมีวิชาการเป็นหมอ
มาถึงเจออหิวาระบาด ชาวบ้านเจ็บป่วยล้มตายไม่รู้สาเหตุ ก็คิดว่าเป็นผีเป็นสางมาทำร้าย ก็อาสาจะปราบผีให้ ก็ทำยามาให้ชาวบ่านมากินกัน มันก็หายไม่ตายกันก็สร้างศรัทธาขึ้นมา ก็ใช้วิธีนี้จนมีคนศรัทธามากมาย ก็สามารถนำพุทธศาสนามาเผยแพร่ในไทยได้ กว่าที่จะเผยแพร่พุทธศาสนาในไทยได้ก็ต้องใช้ความอดทนความสามารถนานัปการ พวกเราจึงควรรักษาไว้ให้ดี
เมื่อเป็นครูสมาธิแล้ว ตอนมาเรียนก็มาเรียน จบไปก็เลิกกันแบบนี้ก็น่าเสียดาย หากไม่ทำสมาธิเพิ่มเติมเพื่อรักษาสมาธินั้นไว้
See More






สิ่งที่หลวงพ่อท่านเมตตาสอนพวกเราเกี่ยวกับการปฏิบัติ
ที่วังน้ำเขียวท่านได้กล่าวถึง
ทุกขา ปฏิปทา ขิปปาภิญญา การปฏิบัติแบบลำบากแต่ได้ผลเร็ว
สุขา ปฏิปทา ขิปปาภิญญา การปฏิบัติที่สุขและได้ผลเร็ว
นอกจากนี้ที่ผมได้ไปศึกษาอ่านเอาเพิ่มเติมก็จะมี...
ปฏิปทา สี่แบบคือ
ปฏิปทา 4 (แนวปฏิบัติ, ทางดำเนิน, การปฏิบัติแบบที่เป็นทางดำเนินให้ถึงจุดหมาย คือความหลุดพ้นหรือความสิ้นอาสวะ - modes of practice; modes of progress to deliverance)
1. ทุกขา ปฏิปทา ทันธาภิญญา (ปฏิบัติลำบาก ทั้งรู้ได้ช้า เช่น ผู้ปฏิบัติที่มีราคะ โทสะ โมหะ แรงกล้า ต้องเสวยทุกข์โทมนัสเนื่องจากราคะ โทสะ โมหะนั้นอยู่เนืองๆ หรือเจริญกรรมฐานที่มีอารมณ์ที่มีอารมณ์ไม่น่าชื่นใจ เช่น อสุภะ เป็นต้น อีกทั้งอินทรีย์ก็อ่อนจึงบรรลุโลกุตตรมรรคล่าช้า พระจักขุบาลอาจเป็นตัวอย่างในข้อนี้ได้ - painful progress with slow insight)
2. ทุกขา ปฏิปทา ขิปปาภิญญา (ปฏิบัติลำบาก แต่รู้ได้เร็ว เช่น ผู้ปฏิบัติที่มีราคะ โทสะ โมหะแรงกล้า ต้องเสวยทุกข์โทมนัสเนื่องจากราคะ โทสะ โมหะนั้นอยู่เนืองๆ หรือเจริญกรรมฐานที่มีอารมณ์ไม่น่าชื่นใจ เช่น อสุภะ เป็นต้น แต่มีอินทรีย์แก่กล้า จึงบรรลุโลกุตตรมรรคเร็วไว บาลียกพระมหาโมคคัลลานะเป็นตัวอย่าง - painful progress with quick insight)
3. สุขา ปฏิปทา ทันธาภิญญา (ปฏิบัติสบาย แต่รู้ได้ช้า เช่น ผู้ปฏิบัติที่มีราคะ โทสะ โมหะไม่แรงกล้า ไม่ต้องเสวยทุกข์โทมนัสเนื่องจากราคะ โทสะ โมหะ นั้น เนืองนิตย์ หรือเจริญสมาธิได้ฌาน 4 อันเป็นสุขประณีต แต่มีอินทรีย์อ่อนจึงบรรลุโลกุตตรมรรคล่าช้า - pleasant progress with slow insight)
4. สุขา ปฏิปทา ขิปปาภิญญา (ปฏิบัติสบาย ทั้งรู้ได้ไว เช่น ผู้ปฏิบัติที่มีราคะ โทสะ โมหะไม่แรงกล้า ไม่ต้องเสวยทุกข์โทมนัสเนื่องจากราคะ โทสะ โมหะนั้นเนืองนิตย์ หรือเจริญสมาธิได้ฌาน 4 อันเป็นสุขประณีต อีกทั้งมีอินทรีย์แก่กล้าจึงบรรลุโลกุตตรมรรคเร็วไว บาลียกพระสารีบุตรเป็นตัวอย่าง - pleasant progress with quick insight)

ที่วังน้ำเขียวท่านก็เล่าให้ฟังด้วยความเมตตา
พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ท่านกล่าวว่า ไปปฏิบัติลำบากมันก็ได้เร็วอยู่
หลวงปู่มั่นท่านก็สอนไว้ เอ้าอยากได้เร็วก็ไปนั่งสมาธิเอาบนรังมดแดง ท่านก็ลองไปนั่งเป็นชั่วโมง มันได้พุทโธ ประเดี๋ยวเดียว อุ๊ยๆ อ้าว โดนกัดอีกแล้วแหม นั่งตั้งนานสมาธิรวมได้ไม่เท่าไร
ท่านก็บอกว่านั่งสามชั่วโมงน่ะได้นิดเดียวตอนนั้น เพราะมันเจ็บมันคัน จะไปเอาสมาธิได้ที่ไหน มันก็ประเดี๋ยวเดียว
ท่านก็ถามว่า เอ้า แล้วพวกเธอจะเอาแบบไหน
แบบทุกข์ก็อาจจะสักห้าหมื่นชาติ
แบบสุขก็อาจจะห้าแสนชาตินะ
ผมไม่ทราบแต่ละคนเลือกแบบไหน แต่ทั้งนี้เท่าที่ผมตามอ่าน
สุขา ปฏิปทา ขิปปาภิญญา คือ สบายรู้ได้ไว ถือว่เป็นการปฏิบัติที่ปราณีต
ผมคงเลือกทางนี้ดีกว่าครับ 555



จะกล่าวถึงศัพท์ภาษาอังกฤษที่หลวงพ่อท่านใช้สอนฝรั่ง ท่านพูดถึง
Divine's eye คำที่หลวงพ่อท่านพูดถึงในสมาธิชั้นสูง
คำว่า Divine ในภาษาอังกฤษนั้นแปลว่า เทพ ทิพย์ เทวดา ผู้ที่เหนือมนุษย์
ถ้าตามที่ฝรั่งเขาใช้กับพวกเทวดากรีก เช่น เทพโอลิมปัส Olympus เทพเอเทนน่าAthena เทพอพอลโลApollo หรือ เทพเจ้านิเก Nike หรือ ไนกี้ ที่เราเคยได้ยินกัน
Devine's eye ที่เราได้ยินหลวงพ่อพูดก็คือ ทิพย์จักษุ หรือตาทิพย์ เมื่อฝึกการปฏิบัติสมถะมามากจนมีพลังจิตระดับหนึ่ง คือถึงจุดพลังอำนาจ ก็จะเกิด Devine's eye นี้ขึ้นมา






ประวัติงานสวดลักขีบวชชีหมื่นคน
พิธีกรรมการบวชชีนั้น เริ่มต้นครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๙ ณ สถานที่ธุดงค์วิปัสสนากรรมฐาน วัดดำรงธรรมาราม อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี ซึ่งตอนนั้น พระธรรมมงคลญาณ (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร เจ้าอาวาสวัดธรรมมงคล) เกิดความตระหนักว่า ในเส้นทางปฏิบัติธรรม ผู้หญิงไม่ค่อยมีสิทธิเทียมเท่าผู้ชาย
จึงได้คิดแนวปฏิบัติ ที่จะให้โอกาสสตรี ด้วยการบวชชีให้สตรี ได้เข้าสู่การปฏิบัติธรรม แห่งประณีตศีล ถือเพศบรรพชิต กินนอนในวัดอย่างน้อย ๓ วัน โดยวันแรกนั้น ถือเป็นวันรับศีล วันที่สอง เป็นวันทรงศีล จะมีโอกาสปฏิบัติธรรมได้เต็มที่ ส่วนวันสุดท้าย จะเป็นวันส่งผลบุญ
พิธีกรรมครั้งแรก ในการบวชชี มีหลวงปู่ฝั้น อาจาโร หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ และ หลวงปู่กงมา จิรปุญโญ เป็นผู้ให้วิสัยแก่ผู้เข้ามาบวชชี ในสมัยนั้น ถือว่าเป็นของใหม่ แต่ก็มีผู้สนใจเข้ามาบวชชีถึง ๖๒๕ คน ด้วย
อานิสงส์ผลบุญแห่งการบวช ทำให้หลายคนที่ผ่านการบวชแล้ว กลับไปด้วยจิตอิ่มเอิบเบิกบานแจ่มใส มีความสุขใจ โดยทั่วกัน
ในครั้งนั้น หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร ได้พิมพ์ภาพของท่าน แจกให้กับผู้ที่มาบวชชีเป็นที่ระลึก และ ในจำนวนนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่ง บ้านอยู่ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง มีอาชีพต้มเหล้าพื้นบ้าน (เหล้าเถื่อน) ขาย
วันหนึ่งเธอประสบอุบัติเหตุถึงชีวิต ขณะที่เธอมีสติเลื่อนลอยไปเรื่อยๆ แล้วมาอยู่ตรงที่แห่งหนึ่ง ซึ่งมีคนหน้าตาดุร้ายหลายคน จับเธอโยนลงไปในกระทะใบใหญ่ ที่มีน้ำเดือดพล่านๆ แต่พอเธอจะตกลงไป ก็มีอันกระดอนกลับขึ้นมา เป็นอยู่อย่างนี้ถึง ๓ ครั้ง
ในช่วงนั้นเธอเห็นรูป หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร มารองรับเธอไว้ มิให้ตกลงไปในกระทะ แม้ชายหน้าตาดุดันก็เห็นเช่นเดียวกัน
จากนั้นก็ได้หยิบรูปนั้นขึ้นมาแล้วถามว่ารู้จักคนนี้หรือไม่เธอตอบว่ารู้จักเพราะเคยไปบวชชีที่วัดของท่าน ๓ วัน เขาจึงบอกให้เธอกลับไปได้
เธอมารู้สึกตัวอีกครั้งขณะที่ญาติกำลังจะเอาร่างของเธอใส่ลงในหีบศพพอรู้ว่าเธอฟื้นต่างก็ดีอกดีใจ จากวันนั้นเธอประกาศเลิกต้มเหล้าขายอย่างเด็ดขาด ข่าวนี้ฮือฮากันมากในช่วงเวลานั้น
ต่อมาเมื่อมีการบวชชีที่วัดดำรงธรรมารามเมื่อไรคนจะแห่เข้าไปจนแน่นวัดแล้ววัดอื่นก็เอาแบบอย่างนี้ไปปฏิบัติตามจนแพร่หลายไปทั่ว
เมื่อหลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร ไปสร้างวัดที่ใดก็จะนำเอาประเพณีสวดลักขีไปจัดขึ้นที่วัดนั้นๆ ดังเช่นที่วัดธรรมมงคล ถนนสุขุมวิท ซอย ๑๐๑ เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร
การสวดลักขี ที่วัดธรรมมงคลจะจัดในช่วงวันเกิด พระอาจารย์หลวงพ่อ วิริยังค์
ประมาณวันที่ 4-7 มกราคม ของทุกปี (พระอาจารย์หลวงพ่อ ท่านเกิด
วันศุกร์ที่ 7 มกราคม 2463 ปีวอก แรม 13 ค่ำ เดือนอ้าย ณ สถานีรถไฟปากเพรียว จังหวัดสระบุรี ต่อมาย้ายมาตั้งหลักฐานที่บ้านใหม่สำโรง อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา มีพี่น้อง 7 คน)
จะมีอุบาสก อุบาสิกา มาร่วมงานร่วมสามหมื่นคน ใช้เวลาสามวันสามคืนในการสวดมนต์ นั่งสมาธิ ฟังธรรม หลับตื่น ถือศีล8 กินนอน นุ่งขาวห่มขาว อยู่ที่วัดธรรมมงคล ถือเป็นงานสำคัญครั้งใหญ่ของพุทธศาสนา ที่มีจัดเป็นประจำทุกปี
See More






หลวงพ่อกับการศึกษา
การศึกษาสามารถพัฒนาบุคคลและประเทศได้ การที่หลวงพ่อสร้างสถาบันออกแบบ CIDI หลวงพ่อท่านเล่าให้ฟังว่า ท่านต้องไปเดินทางไปเมืองนอก ไปดูกระเป๋าแซมโซไนต์ อู้หู ทำไมแพงจัง ผลิตที่ไหนรู้ไหม ที่ปทุมธานี ท่านไปที่ Italy แว่นตาArmani ทำไมแพงจัง เพราะมันมียี่ห้อ มีการออกแบบ เลยสามารถขายแพงได้
ท่านบอกว่า หากเมืองไทยมีการสอนออกแบบ ก็ให้คนที่ชำนาญมาสอน ให้ชาวอิตาลีมาสอน ตรงนี้จะมีประโยชน์มาก หล...วงพ่อจะลงทุนตรงนี้ กี่สิบล้านก็ไม่เป็นไร เพราะเมื่อมีคนมาเรียนไปพัฒนาสินค้า จนมียี่ห้อ ก็สามารถนำเงินเข้าประเทศไทยได้หลายร้อยล้าน มากกว่าที่หลวงพ่อลงทุนไป ประเทศก็พัฒนา คนอยู่ดีกินดี ก็จะได้มีเวลามาฝึกสมาธิ ถ้าจะมาฝึกสมาธิแต่มีปัญหาเรื่องเงินทอง จะหาเวลามาเรียนก็ลำบาก ดังนั้นเราจึงต้องพัฒนาให้คนให้มีความสามารถเลี้ยงดูตนเองได้ก่อน นี่คือที่หลวงพ่อท่านกล่าวไว้ครับ
Luangphor Viriyang said that education is important.
Many years ago, Luangphor needed a luggage for traveling. He saw the price tag on Samsonite bag and wondering...why it is so expensive. When Ven. father LP Viriyang was in Italy, he was looking at Armani glasses and see the price tag. Wow...very expensive. Luangphor was thinking about if Thai people know how to design and make products like Armani or Samsonite then they will have better economic. But to do that, they need to have knowledge, they will need an education. So Luangphor decide to start a school of design in Thailand.
Chanapatana International Design Institute or CIDI was originally founded as then Chanapatana Institute on Monday 13 November 2000 in cooperation with Accademia Italiana, a leading design school of Florence, Italy, by venerable Luangphor Viriyang Sirintharo, the Lord Abbot of Dhammamongkol Temple.
Luang Phor Viriyang said that, when people have a good living status, they will have time to meditation with ease for not worrying about how to make a living.

Graduation is a joy.
Every year, Luangphor Viriyang will give certificate to the students who graduate the meditation instructor's course. Morethan 6,000 students will be graduated this year. This is a new record for Will Power Institute. Students from Thailand, Canada, and United States will join this event together, hand in hand they will sing the song Arun Thor Saeng and Shining Sun.
It is a moment of joy.



Walking on the mountain is not easy even if you are young. Luangphor Viriyang at age of 93 is still walking, and leading us on a hiking trail. World peace is the goal to this journey. So walk carefully and keep your mind very clear as you walk on the mountain. As in life if you will have the right mind you will need will power.



Luangphor Viriyang was about to begin a walking meditation session. Next to Luangphor Viriyang is Mr.Meechai Ruchuphan. Mr. Woody is a young man on the right side of the picture.
Mr. Meechai Ruchuphan is a former deputy Prime Minister.
Mr. Woody has his own Talk show on The Modern 9 Television Thailand. The program is called "Woody kued ma kui".



Go back in time!!
Jan 9th,2011
Luangphor Viriyang was granted a new title from His Majesty the King Bhumibol Adulyadej.
Changing the royal title from "Phra Thepjetiyajarn" to "Phra Dhammongkolayarn" which is a higher rank for Bhudist monk in Thailand.
Recieving a Fan of Rank from His Royal Holiness "Phra Somdet Wanaruth" at Wat Dhammamongkol Bangkok Thailand.



This is a picture of a place where the Lord Buddha sat under the Bodhi tree in Bodh Gaya. The stone that Lord Buddha sat on is called Vajraasana or Vajrasila. The meaning of Vajraasana is a seat of a man who has a heart of a diamond.
No matter what the Mara did to Lord Buddha. With the heart of a daimond, Lord Buddha mind remains calm and true. Finally, Lord Buddha won over the Mara and become the... Enlightened One.

แท่นวัชรอาสน์ ใต้ต้นศรีมหาโพธิ์ ถ่ายเมื่อตอนที่ไปมินิธุดงค์นิรสาสมาธิที่อินเดียปีที่แล้วครับ พระครูปลัดมงคลวัตรบอกว่าเป็นที่นั่งของบุรุษใจเพชร ที่ใจแกร่งดั่งเพชร ไม่ว่าจะเจออุปสรรค เจอมารร้าย เจอสิ่งต่างๆที่เข้ามาทำให้จิตใจอ่อนไหว อ่อนแอ เปลี่ยนใจ ไม่ว่ามีอะไรมากระทบ ก็ไม่สามารถเปลี่ยนความมุ่งมั่นของ พระพุทธเจ้าได้ ในที่สุด พระพุทธเจ้าก็สามารถตรัสรู้ ที่ใต้ต้นศรีมหาโพธิ์ แห่งนี้
การสร้างบุญบารมี แม้จะยากจะเจออุปสรรคต่างๆมากมาย เจอคนรอบข้างมารบกวนใจ ก็ต้องพยายามต่อไป เพราะการสร้างบารมีสร้างบุญนั้น มารย่อมพยายามที่จะหาทางขัดขวางเป็นธรรมดา
ก็ขอให้พี่น้องชาวสถาบันพลังจิตตานุภาพ ลูกศิษย์หลวงพ่อวิริยังค์ เมื่อเจออุปสรรคก็ขอให้นึกถึงที่แห่งนี้ไว้นะครับ
แท่น วัชรอาสน์ ที่ๆพระพุทธเจ้าชนะมาร และตรัสรู้




วิธีการรักษาโรคทางใจ
ตอนนี้หลวงพ่อมีโปรแกรมสร้างวัดใหม่เป็นศูนย์ปฏิบัติธรรมชื่อสุขภิญญา สำหรับใครที่ต้องการชุบตัวเอง เหมือนพระรามชุบศร หลวงพ่อก็จะชุบเหมือนกัน 50 ปีที่อยู่ที่นี่นี้ทั้งเทศน์ ทั้งอะไรทุกอย่าง ก็มานึกได้ว่าเราเป็นพระวัดป่าจึงได้มีโปรแกรมนี้ขึ้น สำหรับรักษาโรคทางจิตใจ  ของอะไรที่ชำรุดก็ต้องซ่อมจะทำให้ใช้ได้ ไม่ซ่อมก็จะมีรู มีรั่ว อย่างรถก็ต้องมีเข้าโรงซ่อม ทีนี้ทางจิตใจก็เช่นกัน หลวงพ่ออยู่ที่นี่ทั้งเทศน์ ทั้งบริหาร ทุกอย่าง ก็ต้องมีการรักษาจิตใจ ทางร่างกายมีหมอรักษา แต่โรคด้านจิตใจมองไม่เห็น แต่มันก็เกิด โรคทางใจเกิดตอนไหน เช่น ลูกดื้อ เราโมโห ฉุนเฉียว เมื่อเราโมโห ก็เกิดโรคแล้ว โรคโมโห เศร้าใจ หงุดหงิด ประสาท เป็นตัวบั่นทอนอายุ ถ้าโรคเศร้า โรคทางใจมีมาก จะบั่นทอนอายุไปอีก 5 ปี
วิธีรักษาโรคทางใจคือใช้ความอดทน ความเพียร มานะ บากบั่น การอดทนนี้คืออดทนแบบมีสมาธิ โรคทางใจนั้นเกิดจากอารมณ์ ไม่เลือกคนจะคนรวย คนจน คนมียศฐาบรรดาศักดิ์ก็เป็นโรคทางใจ ทั้งนี้ในธรรมะ มีอุเบกขา ความวางเฉย เอาเข้าจริงมันก็วางไม่ได้ พอวางไม่ได้ก็แบกเป็นภาระหนัก ดังนั้นในวันหนึ่งๆ เราควรรักษาตัวเรา 5 นาที 10นาที พอรักษาทุกๆวันโรคทางใจจะหายไปเอง พอไม่รักษาก็เป็นอย่างคนนี้ว่าเรา เราโกรธ โกรธเท่านี้ไม่พอต้องโกรธอีก เหมือนเอาน้ำมันไปราดไฟ เพราะใจเอาไปรับอารมณ์ จำได้ว่าใครว่าเราบ้าง เกิดเป็นอุปทานที่เกิดจากอารมณ์ ทำให้เกิดความเศร้าใจ
หากเรามีวิชาความรู้สมาธิก็กักตุนเอาไว้ ทำสมาธิไว้ 5 นาที 10 นาที ก็จะเป็นยารักษาทางใจ ยารักษาทางใจเราไม่ต้องลงทุน ไม่ต้องให้หมอดูแล นึกพุทโธ 5 นาทีเป็นของยากที่ไหน เราอยู่ที่ไหนก็ทำสมาธิได้ ก็จะคุ้มตลอดวัน อาทิตย์หนึ่งต้องทำสมาธิไม่ต่ำกว่า 4-5 วัน แค่นี้ก็เกิดประโยชน์มหาศาล หลวงพ่อเองสมัยอยู่กับหลวงปู่มั่น เวลาบิณฑบาตร ก็ท่องพุทโธไป ก็มีสติขึ้น เมื่อมีสติ เวลาใครโมโห ว่าเรา เรามีสติ ไม่โกรธ
การทำสมาธิเป็นการแก้โรคและป้องกันไม่ให้โรคทางใจเกิดขึ้น เป็นการทำแบบง่ายๆ วันนี้5 นาที พรุ่งนี้ 5 นาที ก็สะสมได้มาก เกิดประโยชน์ มากมาย รู้ว่าจะจัดการชีวิตอย่างไร ชีวิตมีค่ามากมายมหาศาล เราต้องรู้จักดูแลรักษาไม่ให้เกิดโรคทางใจ เมื่อเกิดจุดดำในใจแล้วก็เกิดความอาฆาต พยาบาท จองเวร สะสมไปเรื่อยๆ พอทำสมาธิก็จะลดจุดดำไป
ที่วัดใหม่หลวงพ่อจะฉันในบาตร เดินจงกรม นั่งสมาธิ ใครไปพบไปได้นิดหน่อยตอนหกโมง ถึงแปดโมง หลังจากนั้นเข้าไปไม่ได้แล้ว หลวงพ่อก็จะชุบตัว ตอนบ่ายใครจะเข้าไปถวายน้ำปานะได้ โรคทางใจไม่เหมือนโรคทางกาย ธรรมะคำสอนของพระพุทธเจ้ามีไว้แก้ไขโรคที่ทำให้เกิดอาการไม่ดี อาการไม่ดีคือความเศร้าหมอง
โปรแกรมที่วัดใหม่นี้เบาะๆ 49 วัน มีการปฏิบัติเคร่งครัดขึ้น ใครอยากมาชุบตัวให้ผ่องใสก็มา ปรากฎว่ามีพระมาสมัคร 160 องค์ 160 องค์นี้ ต้องนอนดินบ้าง นอนกุฏิบ้าง 49 วันนี้มาจากการที่พระพุทธองค์เสวยวิมุติสุข 49 วันไม่ฉันเลย หลวงพ่อเลยถือนิมิตว่า 49 วันจะเป็นการชุบ ชำระ โดยให้หลักสูตรนี้ชื่อว่าคุรุสาสมาธิ โดยตอนเช้าเก้าโมงเริ่ม เลิกบ่ายสาม จากนั้นกวาดลานวัด  การกวาดลานวัดเป็นนี้พิธี แต่ขณะเดียวกันก็กวาดกิเลสในใจ กวาดสิ่งค้างคาในจิตใจให้บริสุทธิ์ เมื่อหลวงพ่อสอนแล้วทำด้วยก็จะขลัง
50 ปีของการอยู่ที่นี่มีแต่การแต่งานไม่เคยพัก ตอนนี้ก็จะได้พักแล้ว เมื่อเราทำอย่างนี้ สร้างความดีอย่างนี้ทั้งโยมทั้งพระ ก็จะกลายเป็นคนดี ญาติโยมก็ต้องสนับสนุนการทำความดีนี้ เพียงแค่ใส่บาตรก็ใช้ได้แล้ว ตอนเช้ามีข้าวยาคู จากนั้นพระไปบิณฑบาตร เข้างาน 9 โมง บ่ายสามเลิก กวาดลานวัด 4 โมงสรงน้ำ เมื่อทำตามหลักสูตรก็เกิดผล เมื่อปฏิบัติเสร็จก็มีการแผ่เมตตา เป็นงานที่ทำให้พระพุทธศาสนาเจริญมั่นคงต่อไป
หนังสือ Time Magazine บอกว่า ที่อเมริกา มีงานวิจัยพบว่าคนที่มีความสุขมากที่สุดในโลก คือพระในพุทธศาสนา
โดยทดสอบด้วยการสแกนสมองพระที่ทำสมาธิ และได้ผลลัพธ์ออกมาว่าเป็นจริง
+ หลักความเชื่อของศาสนาพุทธคือ เหตุที่ทำให้เกิดความสุขนั้น ก็คืออยู่กับปัจจุบัน ขณะปล่อยวางได้
ในสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ควบคุมความอยากที่ไม่มีสิ้นสุด
+ ไม่ใช้ความรุนแรง ไม่ทะเลาะ และใช้หลักเวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร ให้อภัยตัวเองและผู้อื่น มีจิตใจเมตตา กรุณา และเสียสละเพื่อผู้อื่น
+ อริยสัจ4 สิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบและบอกไว้ด้วย ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค แท้จริงแล้วก็คือทางเดินไปหาคำว่า
 "ความสุข" เพราะถ้าเมื่อไรเรากำจัด "ความทุกข์" ได้แล้ว ความสุขก็จะเกิดขึ้น
+ อุปสรรคของความสุขก็คือแรงปรารถนาและตัณหา คนเราจะมีความสุขไม่ขึ้นอยู่กับว่า"มีเท่าไร"
แต่ขึ้นอยู่ที่ว่า เรา "พอเมื่อไร" ความสุขไม่ได้ขึ้นกับจำนวนสิ่งของที่เรามี หรือเราได้...
+ ดังนั้นวิธีจะมีความสุข อันดับแรกต้อง "หยุดให้เป็น และ พอใจให้ได้" ถ้าเราไม่หยุดความอยากของเราแล้วละก็
เราก็จะต้องวิ่งไล่ตามหลายสิ่งที่เรา "อยากได้" แล้วนั่นมันเหนื่อย และความทุกข์ก็จะตามมา...
+ ข้อต่อมาที่ทำให้เราเป็นสุขคือ การมองทุกอย่างในแง่บวก ชีวิตแต่ละวัน แน่นอนเราต้องเจอทั้งเรื่องดีและไม่ดี
ถ้าเราอยากจะมีความสุข เราต้องเริ่มด้วยการมองแต่สิ่งดีๆ มองให้เป็นบวก เพื่อใจเราจะได้เป็นบวก
คิดถึงสิ่งที่เราทำสำเร็จแล้วในวันนี้ สิ่งดีๆที่เราได้ทำ
 + ข้อต่อมาคือการให้ หมายรวมถึงการให้ในรูปแบบสิ่งของหรือเงิน เรียกว่าบริจาค และการให้ความเมตตากรุณาต่อกัน
ให้อภัยทั้งตัวเองและคนอื่น  สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัย ทำให้เรามีความสุข....
 + การปล่อยวางให้ได้ในทุกสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว และที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ไม่ว่าเรื่องจะร้ายแรงและเศร้าโศกเพียงใด
จำไว้ว่ามันจะโดนเวลาพัดพามันไปจากเรา ไม่ช้าก็เร็ว เราจะผ่านพ้นไปได้....และยอมรับในความเป็นจริงของชีวิต
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เราไม่ชอบเพียงใด ไม่ว่าผิดหวัง สูญเสีย เจ็บป่วย ล้วนแล้วแต่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา
ทุกคนต้องได้ผ่านบททดสอบนี้ทั้งสิ้น ไม่ว่าเราจะเป็นใคร...
 +  ทำตนเองให้สดใส ด้วยการยิ้มให้ตนเอง ทำคนอื่นให้สดใสได้ ด้วยการยิ้มให้เขา การยิ้มไม่ต้องลงทุนอะไรเลย แต่สร้างความสดใสได้มาก ทำให้เราเป็นสุขอยู่เสมอ เพราะความสุขมันอยู่ใกล้แค่นี้เอง แค่ที่ใจของเรานี่เอง
ยิ้มแย้มอย่างแจ่มใส เห็นใครทักก่อน
นี่คือ.. วิธีแสดงเสน่ห์แบบง่ายๆ แต่ให้ผลมาก
การให้อภัยไม่ต้องลงทุนอะไรเลย แต่การแก้แค้นลงทุนมาก
เขาด่าว่าเราไม่ถึงนาที เขาอาจลืมไปแล้วด้วย แต่เรายังจดจำ ยังเจ็บใจอยู่... นี่เราฉลาดหรือโง่กันแน่
บ่นแล้วหมดปัญหาก็น่าบ่น บ่นแล้วมีปัญหา ไม่รู้จะบ่นหาอะไร
เรายังเคยเข้าใจผิดผู้อื่น ถ้าคนอื่นเข้าใจเราผิดบ้าง ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องแปลกอะไร ทำไมต้องเศร้าหมอง
ในเมื่อเราไม่ได้เป็นอย่างที่ใครเข้าใจ
อย่าโกรธฟุ่มเฟือย อย่าโกรธจุกจิก อย่าโกรธไม่เป็นเวลา อย่าโกรธมาก จะเสียสุขภาพกายและสุขภาพจิต
แม้จะฝึกให้เป็นผู้ไม่โกรธไม่ได้ แต่ฝึกให้เป็นผู้ไม่โกรธบ่อยได้ ฝึกให้เป็นผู้รู้จักให้อภัยได้
การนินทาว่าร้ายเป็นเรื่องของเขา การให้อภัยเป็นเรื่องของเรา

การชอบพูดถึงความดีของเขา คือความดีของเรา การชอบพูดถึงความไม่ดีของเขา คือความไม่ดีของเรา
โทษคนอื่นแก้ไขอะไรไม่ได้ โทษตนเองแก้ไขได้
แก้ตัวไม่ได้ช่วยอะไร แต่แก้ไขช่วยให้ดีขึ้น

การนอนหลับเป็นการพักกาย การทำสมาธิเป็นการพักใจ คนส่วนใหญ่พักแต่กาย ไม่ค่อยพักใจ
รู้จักทำใจให้รักผู้บังคับบัญชา
รู้จักทำใจให้รักลูกน้อง
รู้จักทำใจให้รักเพื่อนร่วมงาน
สวรรค์ก็อยู่ที่ทำงาน
เกลียดผู้บังคับบัญชา
เกลียดลูกน้อง
เกลียดผู้ร่วมงาน
นรก ก็อยู่ที่ทำงาน
การที่เรายังต้องแสวงหาความสุข  แสดงว่าเรายังขาดความสุข
แต่ถ้าเรารู้จักทำใจให้เป็นสุขได้เอง ก็ไม่ต้องไปดิ้นรนแสวงหาที่ไหน

อ่อนน้อม อ่อนโยน  อ่อนหวาน นั้นดี.... อ่อนข้อให้เขาบ้างก็ยังดี แต่...อ่อนแอนั้น ไม่ดี
ในการคบคน ศิลปะใดๆ ก็สู้ความจริงใจไม่ได้ จงประหยัด คำติ แต่อย่าตระหนี่ คำชม
อภัยให้แก่กันในวันนี้ ดีกว่าอโหสิให้กันตอนตาย

ถ้าคิดทำความดี ให้ทำได้ทันที
ถ้าคิดทำความชั่ว ให้เลิกคิดทันที
ถ้าเลิกคิดไม่ได้ ก็อย่าทำวันนี้
ให้ผลัดวันไปเรื่อยๆ
ถึงจะรู้ร้อยเรื่องพันเรื่อง ก็ไม่สู้รู้เรื่องดับทุกข์
โลกสว่างด้วยแสงไฟ ใจสว่างด้วยแสงธรรม
แสงธรรมส่องใจ แสงไฟส่องทาง

ผู้สนใจธรรม สู้ผู้รู้ธรรมไม่ได้
ผู้รู้ธรรม สู้ผู้ปฎิบัติธรรมไม่ได้
ผู้ปฎิบัติธรรม สู้ผู้ที่เข้าถึงธรรมไม้ได้
มีทรัพย์มาก ย่อมมีความสะดวกมาก
มีธรรมะมาก ย่อมมีความสุขมาก
เมื่อก่อนยังไม่มีเรา
เราเพิ่งมีมาเมื่อไม่นานมานี้เอง
และอีกไม่นานก็จะไม่มีเราอีก
จึงควรรีบทำดี ในขณะที่ยังมี...เรา


 








MANA PRADITKET

MANA PRADITKET
Handpainted oil painting by Mana Praditket

NIRAN PAIJIT

NIRAN PAIJIT
Original handpainted oil painting by Niran Paijit

PRAYAD TIPPAWAN

PRAYAD TIPPAWAN
ORIGINAL IMPRESSIONAL OIL PAINTING BY PRAYAD TIPPAWAN

Achara 34 (24x36)

Achara 34 (24x36)
ORIGINALl OIL PAINTING

Amornsak Livisit 74 (24x36)

Amornsak Livisit 74 (24x36)
ORIGINAL OIL PAINTING, Impressionist style

Suwan Khanboon 11 (24x24 inches)

Suwan Khanboon 11 (24x24 inches)
Original handpainted oil painting abstract style

NIRAN PAIJIT

NIRAN PAIJIT
ORIGINAL ABSTRACT STYLE OIL PAINTING BY NIRAN PAIJIT

Chavalit (Pong)

Chavalit (Pong)
PINTO Horses

Komez 78 (22x30)

Komez 78 (22x30)
Original handpainted pastel painting on paper

KOMES

KOMES
Handpainted pastel painting by Komez

PRATHOUN

PRATHOUN
ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING BY PRATHOUN

THAVORN IN-AKORN

THAVORN IN-AKORN
ORIGINAL OIL PAINTING BY THAVORN IN-AKORN (SIZE 20x30")

THAVORN IN-AKORN

THAVORN IN-AKORN
Original oil painting by Thavorn In-akorn

Facebook


ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING

PHOTO GALLERY

PHOTO GALLERY

Facebook

PHOTO GALLERY