GREAT KING OF THAILAND, KING BHUMIBHOL

GREAT KING OF THAILAND, KING BHUMIBHOL
LONG LIVE THE KING BHUMIBHOL

วันอาทิตย์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ไฟที่โหมกระหน่ำวงการสงฆ์เริ่มแรงขึ้นทุกขณะ











โชว์หมดเช็ค 11 ใบ กว่าพันล้าน! “ศุภชัย” เซ็นจ่ายถึง “วัดธรรมกาย-เครือข่าย” พบส่วนใหญ่เป็นเงินสด ถึงมือ “ธมมชโย” 200 ล้าน “วัดธรรมกาย” 100 ล้าน หลัง ปปง. ยกกฎหมายห้ามยึดทรัพย์ธรณีสงฆ์
http://www.isranews.org/investigative/investigate-news-person/item/36709-tamkay_8888999.html
ไฟที่โหมกระหน่ำวงการสงฆ์เริ่มแรงขึ้นทุกขณะ !
ภายหลัง “มหาเถรสมาคม (มส.)” ลงมติว่าพระเทพญาณมหามุนี หรือ “หลวงพ่อธมมชโย” เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ไม่ “ปาราชิก” เนื่องจากที่ประชุม มส. ได้ยกมติเมื่อปี 2549 มาพิจารณาแล้วพบว่า หลวงพ่อธมมชโย ยอมรับและปฏิบัติตามพระลิขิตของ “สมเด็จพระสังฆราช” พร้อมทั้งทยอยคืนทรัพย์สินทั้งหมดให้แก่วัดพระธรรมกาย
ขณะเดียวกันคณะกรรมการฝ่ายสงฆ์ได้ดำเนินการสอบสวนความผิดของหลวงพ่อธมมชโยแล้ว สรุปว่า ไม่มีเจตนาฉ้อโกง ไม่ผิดพระวินัย และไม่ถือเป็นความผิด จึงยึดตามมติเมื่อปี 2549 เท่ากับว่าสถานภาพปัจจุบันของหลวงพ่อธมมชโย จึงยังคงดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และดำรงสมณศักดิ์เช่นเดิม
ส่งผลให้ “ส.ศิวรักษ์” หรือสุลักษณ์ ศิวรักษ์ เขียนข้อความตอบโต้อย่างรุนแรง ระบุว่า มติดังกล่าวถือเป็นเรื่อง “ตะแบง” พระวินัยอย่างชัดเจน !
อย่างไรก็ดีหากยังจำกันได้ มีกรณีที่น่าสนใจคือ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ติดตามเส้นทางการเงินของ “ศุภชัย ศรีศุภอักษร” นักธุรกิจชื่อดัง และนักการสหกรณ์ดีเด่นระดับประเทศ ที่ตกเป็นจำเลยในคดียักยอกทรัพย์ ของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด มูลค่าหลายหมื่นล้านบาท
และมีข้อมูลเชื่อมโยงว่า นายศุภชัย ได้เงินกว่า 1 พันล้านบาทที่ยักยอกมาสั่งจ่ายเป็นเช็คถึงวัดพระธรรมกาย และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกายอีกด้วย
ซึ่งบางฉบับมีการเบิกจ่ายเป็นวงเงินสูงถึงกว่า 100 ล้านบาท !
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบเบื้องต้น พบข้อมูลเช็คของนายศุภชัยที่สั่งจ่ายไปยังวัดพระธรรมกาย-ผู้ที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ จำนวน 11 ใบ (เท่าที่ตรวจสอบพบ) มีรายละเอียดดังนี้
เช็คที่จ่าย พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ชื่อเดิมหลวงพ่อธมมชโย ปัจจุบันคือพระเทพญาณมหามุนี) และวัดพระธรรมกาย โดยตรง 4 ใบ รวม316,780,000 บาท


Paisal Puechmongkol

 ด่วน !!!! บานเป็นกระด้งแล้วครับ
กรรมการศาสนา สปช. กำลังสอบถามข้อเท็จจริงจากผู้แทน ปปง. ได้ข้อมูลเพิ่มว่าการโกงเงินสหกรณ์คลองจั่น 15,000 ล้านบาทนั้น นอกจากจ่ายเช็คแก่ธรรมกาย 436 ล้าน แก่ธัมมชโย 348 ล้านบาทแก่พระปลัดวิจารย์ที่เคยอยู่ธรรมกาย 119 ล้านบาทแล้ว ยังมีอีกรายหนึ่งรับเช็คไปสามพันล้านบาทแล้วเอาไปซื้อที่ดินที่กาญจนบุรี ซึ่ง ปปง. อายัดที่ดินแล้ว บนที่ดินนี้จะสร้างเจดีย์ชื่อเจดีย์ทัตตะชีโว!!!

เอ้า ก๊วนเดียวกันทั้งนั้นนะเนี่ย สปช. จะให้กรรมการศาสนา สปช. สอบเรื่องพวกนี้ต่อหรือจะยุบเลิกละครับ
ธัมชโย = ศังกราจารย์ กลับชาติมาเกิด
อัจฉริยบุคคล ที่แทรกซึมทำลายพุทธศานาในอินเดียจนสูญสิ้น
ในบรรดาเจ้าลัทธิทั้งหลายบนโลกนี้ อาจกล่าวได้ว่าท่านศังกราจารย์เป็นเจ้าลัทธิที่มีอัจฉริยภาพมากที่สุดคนหนึ่ง ในประวัติศาสตร์ของโลกเลยทีเดียว เพราะลำพังการที่คนคนหนึ่งคิดจะก่อตั้งลัทธิอะไรขึ้นมาได้นั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ท่านศังกราจารย์นั้นสามารถทำได้มากกว่านั้น ท่านสามารถที่จะดูดดึงศาสนิกชนชาวพุทธไปเป็นสาวกของตนเองได้อย่างแนบเนียน จนล้มพุทธศาสนาที่เป็นคู่แข่งลงได้ แล้วใช้เป็นฐานในการพัฒนาและปฏิรูปลัทธิใหม่ของตน จนสืบต่อมาได้อย่างยิ่งใหญ่และกลายเป็นศาสนาสำคัญของโลกในยุคปัจจุบันได้สำเร็จ
ท่านศังกราจารย์สามารถล้มพุทธศาสนาลงได้อย่างไร? เรามารู้จัก นักการศาสนาที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของโลกคนนี้ ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ทำลายพุทธศาสนาได้อย่างถึงรากและแนบเนียนที่สุด ด้วยยุทธศาสตร์ “ทำลายโดยไม่ให้รู้ว่าทำลาย”
ประวัติย่อ
ท่านศังกราจารย์ นามจริงคือ ศังกระ หรือ อาทิ ศังกระ (อังกฤษ: Adi Shankara สันสกฤต: आदि शङ्करः) มีชีวิตอยู่ระหว่าง ค.ศ. 788-820 (พ.ศ. 1331 - 1363) เป็นปราชญ์และนักการศาสนาชาวอินเดียใต้ เกิดที่เมืองเกราลา (Kerala) แต่ได้เดินทางโต้วาทะและเผยแผ่ลัทธิใหม่ของตนไปทั่วอินเดีย นับถือกันว่าเป็นองค์อวตารของพระศิวะ ศังกราจารย์เป็นผู้ประพันธ์คัมภีร์ปุราณะและคัมภีร์เวทานตะ อรรถกถาอธิบายลัทธิเวทานตะ และเป็นผู้ตั้งลัทธิอไทวตะเวทานตะ (อไทว อ่านว่า อะทะไว มาจาก non-dualism ที่ปฏิเสธของคู่แต่นิยมบูชาพระเจ้าองค์เดียวเป็นสิ่งสูงสุด) แต่คนส่วนใหญ่มักจำชื่อลัทธิของท่านว่า ลัทธิไศวะ หรือ ลัทธิศิวะอวตาร และยังเป็นผู้ก่อตั้งวัดและพระในรูปแบบสถาบันสงฆ์ที่เลียนแบบคณะสงฆ์ในพุทธศาสนา ส่งผลให้มีการครอบงำและกลืนกินพุทธศาสนาไปพร้อมๆ กับเกิดการพัฒนาและปฎิรูปลัทธิพราหมณ์ให้ยกระดับเป็นศาสนาฮินดูในที่สุด
ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงได้รับการยกย่องอย่างสูงสุดในฐานะบุคคลในประวัติศาสตร์ นักปรัชญา นักปฏิรูปศาสนา และในฐานะปูชนียบุคคลอันสูงสุด คือองค์อวตารของพระศิวะ

ทำเนียนว่าบูชาพระพุทธเจ้า แต่ให้พระศิวะเป็นสิ่งสูงสุด อุปโลกน์ตนเป็นองค์อวตาร

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ลัทธิใหม่ค่อยๆ ได้รับความนิยมจนกลืนพุทธศาสนาไปได้อย่างแนบเนียน ก็คือการใช้หลักของความเชื่อเหนือจริงที่เกินกว่าคนทั่วไปจะคิดได้ โดยอุปโลกน์ว่าตนนั้นเป็นองค์อวตารของพระศิวะ ในรูปของเรื่องเล่าและแต่งเป็นคัมภีร์ จนก่อเกิดเป็นลัทธิไศวะหรือศิวะอวตาร และแต่งคำสอนในลัทธิของตนให้มาเกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าเสีย คือให้พระพุทธเจ้าเป็นปางที่ ๙ ของพระนารายณ์ ดังปรากฎในคัมภีร์ปุราณะ โดยกลอุบายอันแยบยลนี้พุทธศาสนิกชนที่มีมาอยู่แต่เดิม ก็กลายเป็นศาสนิกชนในลัทธิของท่านศังกราจารย์ไปด้วย ในขณะเดียวท่านสังกราจารย์ก็มีความสามารถในการจัดตั้งและบริหารองค์กรเป็นอย่างมาก ก็ได้ก่อตั้งวัดและสังฆะของพระตามแบบในพุทธศาสนา โดยมุ่งเน้นการสั่งสมฝึกปรือกุลบุตรให้มาเป็นบุคลากรชั้นยอดของนักเผยแผ่ทั้งทางด้านบุคลิกภาพและความสามารถเป็นจำนวนมาก แล้วส่งกระจายไปแฝงตัวตามหัวเมืองต่างๆ เบื้องต้นได้ตั้งวัด(ที่เรียกว่า “มัฐ” หรือ “มะฐะ”) สาขาขนาดใหญ่ไว้ทั้งสี่ทิศเลียนแบบวัดในพระพุทธศาสนา เพื่อเรียกศรัทธาจากชาวบ้านและทำหน้าที่เป็นเสมือนศูนย์ระดมทรัพยากรในระดับภูมิภาค

ในด้านคำสอนและพิธีกรรมก็ได้มีการนำคำสอนและพิธีกรรมทางพุทธศาสนาเข้ามาปรับใช้แต่แปลงเปลี่ยนให้ไปในแนวทางลัทธิของตน ทำให้แทรกซึมเข้าไปสู่ชาวบ้านที่เป็นชาวพุทธอยู่แต่เดิมได้โดยง่าย จนเกิดการยอมรับนับถือมากขึ้นๆ ในขณะที่พระภิกษุสงฆ์ในพุทธศาสนาติดอยู่กับลาภยศสรรเสริญทรัพย์สินเงินทองความร่ำรวย อยู่ในเมืองใหญ่ๆ ละเลยวัดและชาวบ้านในชนบทที่ห่างไกล จึงทำให้ลัทธิศิวะอวตารนี้ค่อยๆ ยึดวัดในพุทธศาสนาของเดิมมาเป็นวัดในลัทธิของตนได้อย่างแนบเนียน แต่ในมุมของชาวบ้านนั้น ไม่รู้สึกว่าพุทธศาสนาจะหมดหรือเสื่อมสูญไปตรงไหน เพราะยังได้ทำพิธีกรรมและบูชาพระพุทธเจ้าอยู่เช่นเดิม วัดก็ยังมีพระของลัทธิไศวะมาอยู่ประจำคอยทำพิธีกรรมให้ เพียงแต่เพิ่มการบูชาพระศิวะและเทพเจ้าองค์อื่นๆ เพิ่มขึ้นมา และยกย่องให้พระศิวะเป็นสิ่งสูงสุด และนับถือท่านศังกราจารย์ในฐานะเป็นองค์อวตารของสิ่งสูงสุด ศาสนิกชนชาวพุทธที่มีมาแต่เดิมจึงกลายไปเป็นสาวกของนิกายศิวะอวตารได้ด้วยความเต็มใจ

วิเคราะห์เหตุปัจจัย

เหตุปัจจัยอะไรที่ทำให้ศังกราจารย์ทำลายพุทธศาสนาลงและตั้งลัทธิใหม่ของตนขึ้นมาได้สำเร็จ จนนักปราชญ์ทางศาสนายกย่องว่าท่านคือผู้กอบกู้ลัทธิพราหมณ์และมีส่วนสำคัญในการทำให้เกิดการพัฒนาและปฏิรูปลัทธิพราหมณ์ขึ้นมาเป็นศาสนาฮินดูในที่สุด

- การแฝงตัวเข้ามาอยู่ในกลุ่มพระภิกษุในพุทธศาสนา ตามประวัติว่ากันว่าท่านศังกราจารย์ได้เข้ามาเรียนองค์ความรู้ทางพุทธศาสนาในมหาวิทยาลัยนาลันทาด้วย ระหว่างนั้นก็ได้คบค้าสมาคมกับพระภิกษุที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญทางพุทธศาสนาเป็นจำนวนมาก ทำให้ทั้งรู้องค์ความรู้ต่างๆในพุทธศาสนา อีกทั้งยังรู้เห็นถึงพฤติกรรมที่เป็นจุดอ่อนต่างๆของพระภิกษุในพุทธศาสนาได้เป็นอย่างดีด้วย
- จากการที่ได้เข้ามาคลุกคลีและศึกษาคำสอนในพุทธศาสนา ทำให้ศังกราจารย์สามารถนำ Know how ที่เป็นจุดแข็งของพุทธศาสนามาปรับใช้ คือการก่อตั้งวัดและสังฆะเลียนแบบพุทธศาสนา และการปรับประยุกต์พิธีกรรมและคำสอนทางพุทธไปเป็นของตน จนทำให้ชาวบ้านยอมรับได้โดยง่าย
- การไม่ปฏิเสธพระพุทธเจ้า แต่เชื่อมความเชื่อให้พระพุทธเจ้ามาอยู่ในลัทธิของตน พร้อมๆ กับค่อยแทรกความเชื่อเรื่องพระศิวะเป็นสิ่งสูงสุด จนกระทั่งเมื่อชาวบ้านเกิดการหลงเชื่อมากขึ้นแล้ว ก็สถาปนาตนเองให้อยู่ในสถานะที่สูงสุดคือองค์อวตารของพระศิวะ ที่อยู่เหนือกว่าพระพุทธเจ้า
- การให้ความสำคัญในการก่อตั้งและพัฒนาวัดให้ดี และกระจายสาขาออกสู่ชนบท
- การให้ความสำคัญกับการสั่งสมและพัฒนาบุคลากรให้เป็นพระที่มีความสามารถในการเผยแผ่ทั้งบุคลิกภาพและความสามารถ และมีความคล้ายคลึงกับพระในพุทธศาสนาทำให้ชาวบ้านยอมรับได้ง่าย จนมีสำนวนว่า “รูปร่างเป็นพระ แต่ความรู้ไม่เป็นพุทธ” (จากการที่ท่านเคยอยู่ร่วมกับพระภิกษุในพุทธศาสนาจึงรู้ว่าตรงไหนเป็นจุดอ่อน ก็มาปรับให้พระในลัทธิของตนดูดีกว่าเหนือกว่าพระของพุทธที่มีมาแต่เดิม)
- แนวทางการสอนและประกอบพิธีกรรมที่ปรับประยุกต์ไปจากพุทธนั้น ทำให้ชาวบ้านไม่รู้สึกว่าเป็นลัทธิใหม่ ก็ยังเป็นชาวพุทธที่บูชาพระพุทธเจ้าอยู่เพียงแต่เพิ่มเทพเจ้าที่บูชาขึ้นมาเท่านั้น
- พระในพุทธศาสนา มีความประพฤติย่อหย่อน หลงติดในลาภยศสรรเสริญ ความร่ำรวยในทรัพย์สินเงินทองชีวิตที่ฟุ้งเฟ้อสุขสบายในเมืองใหญ่ ด้านหนึ่งก็ทำให้ละเลยการศึกษาและปฏิบัติตนตามพระธัมมวินัย อีกด้านหนึ่ง ก็ทำให้ละเลยการออกเผยแผ่ให้การศึกษากับชาวพุทธในชนบท ละเลยการดูแลวัดพุทธในชนบทจนกลายเป็นวัดร้างและถูกกลืนไปเป็นวัดของลัทธิศิวะอวตารไปในที่สุด
พระถูกมอมเมาให้หลงลาภยศเมื่อไรก็เป็นจุดอ่อนให้เขาทำลายได้สำเร็จ
ดังนั้น หากพระภิกษุในพุทธศาสนาเอง ประพฤติตนให้เป็นคนย่อหย่อน ไม่ศึกษาและปฏิบัติให้ถูกตรงตามพระธัมมวินัยด้วยดี มัวแต่หลงการมอมเมาอยู่ด้วยลาภ ยศ สรรเสริญ ทรัพย์สินเงินทอง โดยเฉพาะพระมหาเถระ และพระเถระทั้งหลาย ไม่เป็นแบบอย่างที่ดี และไม่สั่งสอนอบรมให้พระรุ่นใหม่ตลอดจนญาติโยมชาวพุทธให้ศึกษาและปฏิบัติในทางพุทธศาสนาอย่างถูกต้องรู้จริงปฏิบัติจริงได้ผลจริงแล้วไซร้ ก็จะเป็นการเปิดช่องให้ลัทธิความเชื่อนอกศาสนาแอบแฝงเข้ามาครอบงำกลืนกินพุทธศาสนาจากจุดอ่อนอันร้ายแรงนี้ ตามรอยอย่างท่านศังกราจารย์ จนทำให้พุทธศาสนาที่แท้จริงตามพระธัมมวินัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องเสื่อมสลายหมดไปจากผืนแผ่นดินไทยในที่สุด โดยที่ทั้งพระและชาวพุทธนั้นอาจจะไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองได้มีส่วนทำให้พุทธศานาได้สูญสิ้นไปแล้วซ้ำรอยชาวพุทธในชมพูทวีปนั่นเอง
การทำให้พระพุทธศาสนาเสื่อมสลายไปจากประเทศไทยมิใช่เรื่องยาก หากรู้จุดอ่อน
การยึดครองพระพุทธศาสนาในประเทศไทยเป็นเรื่องที่ไม่ยากอย่างที่คิด ถ้าหากเรารู้จุดอ่อนในวงการคณะสงฆ์และการเมืองในคณะสงฆ์ ก็จะรู้ว่ามีมากมาย โดยเฉพาะเมื่อยามที่พระเถระมหาเถระทั้งหลายเป็นผู้ประพฤติมักมากเห็นแก่ลาภยศและเงินทองแล้วไซร้ ย่อมเป็นช่องโหว่หรือจุดอ่อนอันสำคัญให้ผู้ที่ฝักใฝ่ลัทธิอื่นแฝงตัวเข้ามาบวชได้โดยง่าย จากนั้นก็ใช้ผลประโยชน์ในการบำรุงบำเรอมอมเมาเอาอกเอาใจพระมหาเถระเหล่านั้น เพื่อการไต่เต้าเติบโตของตนและพรรคพวก และถ้าหากพวกเขาแทรกซึมเข้ามาในวงการปกครองคณะสงฆ์ได้สำเร็จเมื่อไร การครอบงำยึดครองพุทธศาสนาก็กระทำได้โดยง่ายดาย ในส่วนของชาวพุทธเองก็มีจุดอ่อนมากมายเนื่องด้วยถูกทำให้ออกห่างจากการศึกษาและปฏิบัติมานาน จึงขาดความรู้ความเข้าใจพื้นฐานที่ถูกต้อง มีลักษณะไปทางความเชื่องมงายได้ง่าย โดยเฉพาะถ้าเกี่ยวข้องกับเรื่องอภินิหาร การให้โชคลาภ การนำความร่ำรวยการเป็นเศรษฐีมาเป็นตัวล่อ ลักษณะเช่นนี้ย่อมง่ายที่จะชักจูง โน้มน้าวชาวพุทธส่วนใหญ่ในประเทศไทยให้เข้ามาเป็นสาวก และยอมรับซึมซับคำสอนตามความเชื่อในลัทธิใหม่ได้อย่างง่ายดายเช่นกัน เมื่อเหตุปัจจัยของพุทธบริษัทเป็นเช่นนี้ เหตุการณ์ซ้ำรอยประวัติศาสตร์อย่างในยุคของท่านศังกราจารย์จึงไม่ยากที่จะเกิดขึ้น เพราะมันก็กำลังดำเนินไปอยู่อย่างเข้มข้นมิใช่หรือ??
ฐิตวํโส ภิกขุ
ธรรมอาสาปกป้องพระธัมมวินัยจากปรัปวาท

เหตุผลทั้ง ๖ ที่ "สมเด็จช่วง" บอกว่า "ธมฺมชโย" ไม่ปาราชิก
๑. "ธมฺมชโย" มอบเงินให้กับ "สมเด็จช่วง" เป็นจำนวนเงิน ๑๐๐ ล้านบาทเพื่อสมทบทุนในการก่อสร้างมหาเจดีย์วัดปากนํ้า
( "สมเด็จช่วง" ได้ประกาศไว้ตอนขณะทำพิธีเปิดมหาเจดีย์ ที่วัดปากนํ้า )
๒. "สมเด็จช่วง" เป็นประธานมอบพัดยศให้กับ "ธมฺมชโย"
ลิงค์มอบภาพ http://www.alittlebuddha.com/…/April…/25%20April%202012.html
๓. "ธมฺมชโย" ซื้อเบ๊นซ์ รุ่น Mercedes-benz C-Class C ๑๘๐ Coupe มูลค่า สองล้านเก้าแสนกว่าบาท ให้ "สมเด็จช่วง" ต่อมาในปี ๒๕๕๖ เป็นคดีดังเรื่องรถสปอร์ตหรู ด้านดีเอสไอและกรมศุลกากร เตรียมเข้าตรวจสอบรถสปอร์ตสุดหรูของ"สมเด็จช่วง" แต่ต่อมาเรื่องก็เงียบหายไป คาดเงินอุดปาก
๔."สมเด็จช่วง" ได้กล่าวไว้ว่า "อาตมาเองตั้งแต่เกิดมาจนถึงบัดนี้ ๘๗ ปีแล้ว เพิ่งจะวันนี้เองที่ได้เดินบนกลีบกุหลาบ จึงชื่นใจ กรณีเป็นประธานเดินธุดงค์เดินดอกไม้"
ลิงค์ที่สมเด็จช่วงได้กล่าว http://www.dhammakaya.net/…/%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%…
๕. "สมเด็จช่วง" ได้กล่าวไว้ว่า "วัดปากน้ำกับวัดพระธรรมกายเป็นวัดพี่วัดน้อง หรือเสมือนหนึ่งว่าเป็นวัดเดียวกันมีอะไรก็ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน วัดปากน้ำมีวัดพระธรรมกาย มีอะไรก็ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน"
ลิงค์ที่สมเด็จช่วงได้กล่าว https://www.youtube.com/watch?v=uTEfLZY0iIs
๖ "สมเด็จช่วง" เป็นอุปัชฌาย์ให้แก่ "ธมฺมชโย" เอง
ลิงค์ http://th.wikipedia.org/…/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9…
๗. ทุกวันที่ ๒๒ เมษายนของทุกปี "ธมฺมชโย" จะเชิญ "สมเด็จช่วง" มาเป็นประธานทุกปี และจะมอบเงินปัจจัยให้ "สมเด็จช่วง" เป็นการส่วนตัว จำนวนเงิน ๕ ล้านบาท
("คณะกรรมการวัดพระธรรมกาย" จะเป็นฝ่ายประกาศจำนวนเงินที่ถวายให้สมเด็จช่วง ในวันที่ ๒๒ เมษายนของทุกปี ข้อนี้ถ้าใครอยากรู้อยากทราบ ก็ต้องลองไปดู ในวันนี้ ๒๒ เมษายนของปีนี้)


อีกแล้ว!ธรรมกายฉาวถึงแม่สาย หึ่งเรียกเงินหมื่น'จองที่ตักบาตร'
Cr:แนวหน้า
22 ก.พ.58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ด่านพรมแดนไทย - พม่า อ.แม่สาย จ.เชียงราย วัดพระธรรมกาย จัดโครงการตักบาตรพระ 10,000 รูป เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชา และช่วยเหลือคณะสงฆ์ ทหาร ตำรวจ ครู และชาวบ้านในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยพิธีตักบาตรดังกล่าวจัดขึ้นบริเวณหน้าด่านพรมแดนไทย - พม่า ติดกับ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี และในปีนี้ได้มีการอ้างอิงถึงการร่วมกับคณะสงฆ์ จ.เชียงราย ฝ่ายปกครอง จ.เชียงราย และมีพระสังฆราชจาก 3 ประเทศ คือ สปป.ลาว กัมพูชา และเวียดนาม เข้าร่วมตักบาตรด้วย
ทั้งนี้ ก่อนพิธีตักบาตรได้มีการแจกจ่ายเอกสารประชาสัมพันธ์ว่า การตักบาตรครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการตักบาตรพระ 2 ล้านรูป ใน 77 จังหวัดทั่วประเทศ ของพระธัมมชโย เจ้าอาสวัดพระธรรมกาย ที่เพิ่งรอดจากการตัดสินให้อาบัติปาราชิก โดยมหาเถระสมาคม ในเรื่องยักยอกทรัพย์ของวัดไปเป็นของส่วนตัว เมื่อไม่กี่วันก่อน โดยเอกสารระบุว่า "ที่ผ่านมาโครงการนี้สามารถนำข้าวสารอาหารแห้ง เครื่องอุปโภคบริโภค ไปมอบให้พื้นที่ 4 จังหวัดดังกล่าว แล้วกว่า 4,500 ตัน"
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า บรรยากาศการตักบาตรในปีนี้ไม่คึกคักเหมือนปีที่ผ่านมา โดยจำนวนคนน้อยกว่าปีที่ผ่านมาอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ถือว่าเนืองแน่นเต็มบริเวณหน้าด่านพรมแดน จนต้องมีการปิดช่องทางจราจรเป็นการชั่วคราว รวมทั้งมีบุคคลสำคัญระดับสูง หรือวีไอพี เข้าร่วมตักบาตรด้วยหลายคน ทั้งสายการเมือง ข้าราชการ นักธุรกิจ ฯลฯ ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตุว่า หลายคนอยู่ในสายการเมืองเดียวกันทั้งหมด นอกจากนี้ ก่อนการตักบาตรดังกล่าวพบว่ามีการจัดระดับผู้ที่ไปร่วมทำบุญตักบาตร เช่น ระดับวีไอพี จะมีโต๊ะจัดวางอาหารสำหรับตักบาตร ส่วนระดับชาวบ้าน ให้ปูเสื่อ ฯลฯ
นอกจากนี้ มีแหล่งข่าวเปิดเผยว่า โต๊ะระดับวีไอพีที่ไม่ต้องต่อคิวตักบาตรเหมือนคนทั่วไป ต้องมีค่าใช้จ่าย "คน" หรือ "องค์กร" ละ 25,000 บาท สำหรับชาวบ้านระดับรองลงมา คือการเช่าพื้นที่วางโต๊ะๆ ละ 3,000 บาท ส่วนคนที่นั่งกับพื้น มีค่าปูเสื่อ 1,000 บาท และมีการจ่ายปัจจัยอย่างน้อยให้รูปละ 500 บาท ทำให้บางองค์กรที่ประจำอยู่ที่ชายแดนปฏิเสธจะร่วมพิธีดังกล่าว เพราะปีที่ผ่านมาเคยรวบรวมเงินกันคนละ 500 บาท หาซื้ออาหารไปตักบาตร แต่เมื่อถึงเวลา กับถูกเจ้าหน้าที่กันออกไป เพราะไม่มีตั๋วในระดับต่างๆ ดังกล่าว ขณะที่มีบางคนที่แจ้งชื่อไปแล้วขอถอนตัว หลังจากทราบว่าต้องเสียค่าใช้จ่ายดังกล่าว



MANA PRADITKET

MANA PRADITKET
Handpainted oil painting by Mana Praditket

NIRAN PAIJIT

NIRAN PAIJIT
Original handpainted oil painting by Niran Paijit

PRAYAD TIPPAWAN

PRAYAD TIPPAWAN
ORIGINAL IMPRESSIONAL OIL PAINTING BY PRAYAD TIPPAWAN

Achara 34 (24x36)

Achara 34 (24x36)
ORIGINALl OIL PAINTING

Amornsak Livisit 74 (24x36)

Amornsak Livisit 74 (24x36)
ORIGINAL OIL PAINTING, Impressionist style

Suwan Khanboon 11 (24x24 inches)

Suwan Khanboon 11 (24x24 inches)
Original handpainted oil painting abstract style

NIRAN PAIJIT

NIRAN PAIJIT
ORIGINAL ABSTRACT STYLE OIL PAINTING BY NIRAN PAIJIT

Chavalit (Pong)

Chavalit (Pong)
PINTO Horses

Komez 78 (22x30)

Komez 78 (22x30)
Original handpainted pastel painting on paper

KOMES

KOMES
Handpainted pastel painting by Komez

PRATHOUN

PRATHOUN
ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING BY PRATHOUN

THAVORN IN-AKORN

THAVORN IN-AKORN
ORIGINAL OIL PAINTING BY THAVORN IN-AKORN (SIZE 20x30")

THAVORN IN-AKORN

THAVORN IN-AKORN
Original oil painting by Thavorn In-akorn

Facebook


ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING

PHOTO GALLERY

PHOTO GALLERY

Facebook

PHOTO GALLERY