เเฉความลับ...วิกฤตต้มยำกุ้ง2540
ขบวนการทำลายเครดิตประเทศไทย ด้วยยุทธวิธีโลกล้อมประเทศ ของทุนสามานย์ไทยกลุ่มหนึ่ง ป้อนข้อมูลอันเป็นเท็จส่งต่อล็อบบี้ยิสท์ ไปยังอียูอีกเเล้ว. ภายใต้วิธีคิดเดิมของฝรั่งหัวเเดงที่ขาดความรู้ความเข้าใจประเทศอื่นในโลกดีพอ เป็นที่มาของเเถลงการณ์มั่วเเบบนกแก้วนกขุนทองท่องจำตามหัวโจกสหรัฐ
โดยหารู้ไม่ว่า. ถ้าไม่มีกฎอัยการศึกป่านนี้ไทยก็ไม่ต่างกับซีเรียหรือยูเครนไปแล้ว ด้วยอาวุธสงครามที่พวกแก้งค์ชายชุดดำเตรียมมาขนาดตั้งกองพันรบ ทั้งอาร์พีจีเอ็ม79 อาร์ก้า เอ็ม16 rpg-5 c-4. สงครามกลางเมืองฆ่าประชาชนมือเปล่าป่านนี้ยังไม่รู้จะจบเเบบไหน
และที่ศาลทหารพิจารณาคดีก็เป็นตามกฎหมายกฎอัยการศึกเฉพาะเรื่อง คดีความทั่วๆไป ศาลยุติธรรม ศาลปกครอง ก็ทำหน้าที่ตามปกติกันไป. และ8เดือนกว่านับเเต่มีคสช มีสักกี่คดีที่พลเรือนเหล่านั้นได้ขึ้นศาลทหาร นอกจากหลบหนีออกต่างประเทศไปพักพิงที่ยุโรป และสหรัฐ เเถมใช้เวทีจากนอกประเทศทำร้ายประเทศเเละสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยเสียด้วยซ้ำ
ทางที่ดีถ้าอียูไม่สบายใจจะคบหาค้าขายกับไทย กล้าๆหน่อยพูดเองให้ชัดเจน อย่ามัวตามก้นสหรัฐอเมริกา พูดด้วยปากตัวเองสมองตัวเอง เลยครับว่า อยากเลิกคบกับไทย เอามั้ยกล้าๆหน่อย จะได้รู้กัน ว่าคนไทยนั้น ไม่เเคร์. เรามีศักดิ์ศรี ท เราค้าขายกัน เราคบกันเฉพาะในอเเชีย เราก็อยู่ได้ครับ
โดยหารู้ไม่ว่า. ถ้าไม่มีกฎอัยการศึกป่านนี้ไทยก็ไม่ต่างกับซีเรียหรือยูเครนไปแล้ว ด้วยอาวุธสงครามที่พวกแก้งค์ชายชุดดำเตรียมมาขนาดตั้งกองพันรบ ทั้งอาร์พีจีเอ็ม79 อาร์ก้า เอ็ม16 rpg-5 c-4. สงครามกลางเมืองฆ่าประชาชนมือเปล่าป่านนี้ยังไม่รู้จะจบเเบบไหน
และที่ศาลทหารพิจารณาคดีก็เป็นตามกฎหมายกฎอัยการศึกเฉพาะเรื่อง คดีความทั่วๆไป ศาลยุติธรรม ศาลปกครอง ก็ทำหน้าที่ตามปกติกันไป. และ8เดือนกว่านับเเต่มีคสช มีสักกี่คดีที่พลเรือนเหล่านั้นได้ขึ้นศาลทหาร นอกจากหลบหนีออกต่างประเทศไปพักพิงที่ยุโรป และสหรัฐ เเถมใช้เวทีจากนอกประเทศทำร้ายประเทศเเละสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยเสียด้วยซ้ำ
ทางที่ดีถ้าอียูไม่สบายใจจะคบหาค้าขายกับไทย กล้าๆหน่อยพูดเองให้ชัดเจน อย่ามัวตามก้นสหรัฐอเมริกา พูดด้วยปากตัวเองสมองตัวเอง เลยครับว่า อยากเลิกคบกับไทย เอามั้ยกล้าๆหน่อย จะได้รู้กัน ว่าคนไทยนั้น ไม่เเคร์. เรามีศักดิ์ศรี ท เราค้าขายกัน เราคบกันเฉพาะในอเเชีย เราก็อยู่ได้ครับ
อียู ออกแถลงการณ์ เรียกร้องไทยจำกัดใช้ศาลทหารพิจารณาคดีที่บุคคลเป็นพลเรือน
อเมริกากำลังผลักประเทศไทยสู่อ้อมอกจีน-รัสเซีย
โดย สิริอัญญา
วันเสาร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2558
โดย สิริอัญญา
วันเสาร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2558
นักเขียนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคนหนึ่งของญี่ปุ่น เพิ่งเขียนบทความอันลือลั่นสนั่นการเมืองโลกไปเมื่อช่วงต้นปี ตำหนิติเตียนรัฐบาลญี่ปุ่นในการดำเนินนโยบายต่างประเทศแบบตามก้นอเมริกา ว่าจะเป็นการทำลายโอกาสในการพัฒนาเศรษฐกิจของญี่ปุ่น
ก่อให้เกิดแรงกดดันครั้งใหญ่ขึ้นในวงการเมืองญี่ปุ่น เพราะใครจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับข้อเขียนดังกล่าว แต่ความจริงหนึ่งที่คนญี่ปุ่นรับรู้กันทั่วประเทศก็คือ การดำเนินนโยบายตามก้นอเมริกา ทำให้ญี่ปุ่นมีศัตรูเพิ่มขึ้นในโลกตามอเมริกาไปด้วย
ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของญี่ปุ่นทั่วโลก และทำให้คนญี่ปุ่นที่เดินทางไปทั่วทุกหนแห่งทั่วโลกต้องมีความเสี่ยงภัยมากขึ้น ดังเช่น กรณีล่าสุดที่นักข่าวญี่ปุ่นสองคนถูกขบวนการไอซิสจับเป็นตัวประกันและตัดศีรษะอย่างน่าอเนจอนาถ
ดีที่ว่าในความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่นนั้น มีความสัมพันธ์ที่สนิทแน่นแฟ้นล้ำลึกยาวนานร่วม 400 ปี ดังนั้นแม้ญี่ปุ่นมีความจำเป็นจะต้องเดินตามก้นอเมริกา แต่กลับประเทศไทย ญี่ปุ่นกลับไม่แสดงท่าทีที่ก้าวก่ายแทรกแซงใด ๆ ต่อประเทศไทย
ท่าทีของญี่ปุ่นนับแต่มีการยึดอำนาจเป็นไปในทางแสดงความเข้าอกเข้าใจต่อสถานการณ์ในประเทศไทย และแสดงความจำนงที่จะร่วมมือกับประเทศไทยเหมือนเดิม กระทั่งล่าสุดก็มีการลงนามในความตกลงสำคัญไทย-ญี่ปุ่น ในห้วงเวลาที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทยเดินทางเยือนญี่ปุ่น
ส่วนประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ซึ่งเคยแสดงท่าทีแข็งขันกดดันประเทศไทยตามอเมริกาในช่วงแรกของการยึดอำนาจ เมื่อมาถึงวันนี้ก็เปลี่ยนแปลงท่าทีไปจนหมดสิ้น ล่าสุดอังกฤษก็ได้แสดงท่าทีเคารพต่อการตัดสินใจของรัฐบาลและประชาชนไทย และต้องการที่จะร่วมมือกับประเทศไทยต่อไปเหมือนเดิม
สำหรับอเมริกานั้น ได้เป็นหัวโจกใหญ่ในการแสดงท่าทีก้าวก่ายแทรกแซงกิจการภายในของประเทศไทยอย่างไม่ลดละมาตั้งแต่ก่อนการยึดอำนาจ เรื่อยมาจนกระทั่งถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2558
ที่สำคัญคือ ได้เรียกเอกอัครราชทูตเสื้อแดงกลับประเทศ และการส่งผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศเข้ามาย่ำยีหัวใจคนไทยจนเป็นแผลใจเหวอะหวะ ทำให้คนไทยทั้งประเทศพากันเคียดแค้นชิงชังครั้งร้ายแรงที่สุดในความสัมพันธ์ไทย-อเมริกา กว่า 200 ปี ถึงขนาดที่ฝ่ายนิติบัญญัติได้แสดงท่าทีประณามและประจานอย่างไม่ไว้หน้า และรุนแรงเป็นครั้งแรก ไม่ต้องพูดถึงคนไทยทั่วโลกรุมประณามหยามเหยียดด่าว่ารัฐบาลอเมริกาและบรรดาพวกไร้มารยาทที่ก้าวก่ายแทรกแซงประเทศไทยอย่างถึงพริกถึงขิง
คาดหมายกันว่าในที่สุดอเมริกาก็ต้องปรับท่าทีเช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ เพราะอย่างน้อยที่สุดอเมริกาคงไม่ตั้งตนเป็นผู้ละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติที่ต้องเคารพเอกราชอธิปไตยของชาติสมาชิกไปมากกว่านี้
และล่าสุดนักเขียนที่มีชื่อเสียงของอเมริกาก็ได้เขียนบทความติเตียนรัฐบาลอเมริกาอย่างรุนแรงที่สุด โดยชี้ประเด็นว่าการฝ่าฝืนกฎบัตรสหประชาชาติของอเมริกา ทำการก้าวก่ายแทรกแซงประเทศไทย ทำตัวเป็นฝักฝ่ายของระบอบทักษิณ ปกป้องการก่อการร้ายและการทุจริตคอร์รัปชั่น
จะเกิดผลสำคัญคือผลักประเทศไทยจากความเป็นมิตรของอเมริกาให้เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของกลุ่มองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ ที่มีรัสเซีย จีน อินเดีย อิหร่าน เกาหลีเหนือ เป็นภาคีสมาชิกหลัก
และจะทำให้อเมริกาสูญเสียพันธมิตรสำคัญที่เป็นแกนกลางของอาเซียน และกระทบต่อยุทธศาสตร์ของอเมริกาอย่างรุนแรงที่สุดด้วย
นอกจากนักเขียนที่มีชื่อเสียงดังกล่าวแล้ว ก็มีสื่อมวลชนอเมริกันที่นิยมชมชอบประเทศไทยอีกคนหนึ่งคือคุณไมเคิล ยล ที่ได้เขียนข่าวเผยแพร่ในโลกออนไลน์อย่างต่อเนื่อง เย้ยหยันและติเตียนรัฐบาลอเมริกาที่ประพฤติตนไร้มาตรฐาน ประพฤติตนเป็นอันธพาลโลก สนับสนุนการก่อการร้าย การโกงชาติ ฉ้อราษฎร์บังหลวง และก้าวก่ายแทรกแซงมิตรประเทศอย่างออกนอกหน้า ปลุกเร้าคนอเมริกันให้จ้องจับตาพฤติกรรมของรัฐบาลอเมริกาด้วยสายตาเหยียดหยามมากขึ้นทุกที
เหล่านี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วในโลก เป็นแรงกดดันอย่างสำคัญต่อผู้กระทำการก้าวก่ายแทรกแซงประเทศไทย
ในขณะเดียวกัน คณะ คสช. และรัฐบาลก็ได้ดำเนินนโยบายต่างประเทศที่สอดคล้องกับสถานการณ์โลกปัจจุบัน คือสถานการณ์ที่ตะวันตกรุ่งริ่ง อเมริการ่วงโรย เอเชียรุ่งเรือง ได้อย่างเหมาะเจาะและแหลมคมที่สุด
นั่นคือการดำเนินนโยบายต่างประเทศ กระชับความเป็นเอกภาพของอาเซียนที่มีประชากร 650 ล้านคน ยกระดับความร่วมมืออย่างทั่วด้านกับจีน ที่มีประชากร 1,400 ล้านคน ยกระดับความร่วมมือครั้งใหญ่กับอินเดียที่มีประชากรกว่า 1,200 ล้านคน สร้างความเป็นมิตรกับรัสเซียที่เป็นมหาอำนาจยิ่งใหญ่ของโลก ร่วมมือเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจกับญี่ปุ่น เกาหลี ที่มีประชากรกว่า 300 ล้านคน อย่างรวดเร็วและเกิดผลเป็นพลังของสันติภาพและการพัฒนาครั้งใหญ่ที่สุดของโลก ส่งผลสะเทือนสะท้านไปทั่วโลก จนทำให้เกิดการปรับท่าทีต่อประเทศไทยทั้งจากสหภาพยุโรป ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ที่หันมาร่วมมือกับประเทศไทยมากขึ้น
ส่วนกับอเมริกา ประเทศไทยยังคงถือว่าเป็นมิตรประเทศที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งแน่นแฟ้นประเทศหนึ่ง ที่ดำเนินมาอย่างยาวนานร่วม 200 ปี เป็นมิตรร่วมรบที่ชาวอเมริกันจะไม่มีวันลืมน้ำจิตน้ำใจของคนไทย ที่อเมริกาชวนไปรบที่ไหนก็ไปด้วยที่นั่น
แม้อเมริกาได้ก้าวก่ายแทรกแซงข่มเหงประเทศไทยเพียงใด ประเทศไทยก็มิได้ตอบโต้ แต่ก็จะไม่ยอมค้อมหัวให้อีกเป็นอันขาด ไทยยังคงดำรงรักษาความเป็นไท และรักษาศักดิ์ศรีเกียรติภูมิของชาติไว้ได้อย่างดีที่สุด
ก็เพราะนโยบายทำหูทวนลม ไม่สนใจใด ๆ ในสิ่งที่อเมริกาทำ แต่เราจะทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์แห่งชาติของประเทศไทย จะผลักไสประเทศไทยไปสู่อ้อมอกใคร คนไทยก็จะไม่สนใจตอบโต้รัฐบาลอเมริกาแต่อย่างใด.
เห็นด้วยกับอาจารย์ปณิธานอย่างยิ่งครับ
สหรัฐฯ-อียู ผลประโยชน์ล้วนๆ รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร
สำหรับผลประโยชน์ของชาติมหาอำนาจเหล่านี้ เริ่มที่สหรัฐฯ ที่มีส่วนได้ส่วนเสียในประเทศไทยค่อนข้างมาก มีหลายมิติ โดยเฉพาะเรื่องการถ่วงดุลกับประเทศจีนและรัสเซีย แม้ที่ผ่านมาไทยกับสหรัฐฯ จะมีความสัมพันธ์ที่ดีทางทหาร แต่ก็เป็นไปเพื่อคานอำนาจของประเทศคอมมิวนิสต์อย่างจีนและรัสเซีย เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงอำนาจการปกครองในประเทศไทยมาเป็นฝ่ายทหาร สหรัฐฯ จึงออกมาตรการขู่เรื่องความช่วยเหลือทางทหารกับไทย
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการค้าที่พ่วงมาด้วย นั่นคือการขายอาวุธและเครื่องบินรบ ซึ่งหากไทยเปลี่ยนท่าทีหันไปหาจีนและรัสเซียแล้ว การจัดซื้ออาวุธครั้งต่อไป ไทยอาจเปลี่ยนไปซื้อจากจีนหรือรัสเซียแทน โดยก่อนหน้านี้กองทัพอากาศของไทยได้ซื้อเครื่องบินรบกริพเพนจากสวีเดนแทนเครื่องบินตระกูลเอฟของสหรัฐฯ
ในเชิงพาณิชย์แล้วสหรัฐฯ ยังมีเครื่องบินโดยสารค่ายโบอิ้ง ที่การบินไทยเคยเป็นลูกค้ามาโดยตลอด หรือกระทั่งเรื่องของพลังงานที่บริษัทสัญชาติสหรัฐฯ มักจะเข้ามาได้รับสัมปทานการขุดเจาะในประเทศไทยเสมอ และในอีกไม่ช้านี้ประเทศไทยก็จะมีการเปิดสัมปทานด้านพลังงานใหม่ ซึ่งอยู่ในช่วงที่ประเทศไทยกำลังปฏิรูปด้านพลังงาน เนื่องจากสัมปทานก่อนหน้านี้ทำให้คนไทยเสียประโยชน์กับบริษัทข้ามชาติเหล่านี้ไปไม่น้อย ทำให้ต้องใช้พลังงานในราคาแพง
ขณะที่กลุ่มสหภาพยุโรปนั้น รศ.สมเกียรติ โอสถสภา อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แสดงทรรศนะว่า อียูมีจุดมุ่งหมายสำคัญ คือ ต้องการทำสัญญาเขตการค้าเสรีระหว่างไทยกับอียูอย่างยิ่งยวด เรียกว่าอนาคตทางเศรษฐกิจของสหภาพยุโรปจะฟื้นหรือไม่ขื้นอยู่กับไทย
ถ้ามาแซงก์ชันไทย ไทยก็คงไม่เจรจากับอียูเรื่องนี้ ไทยเป็นเส้นทางระบายสินค้าเข้าสู่ตลาดอาเซียน ไทยจึงเป็นประเทศสำคัญมากๆ ไม่งั้นอียูไม่เอากรุงเทพฯ เป็นฐานหลัก เมื่อไม่สามารถทำข้อตกลงการค้าเสรีในเอเชียได้ เศรษฐกิจยุโรปพังยาวแน่นอน
ประการต่อมา ทำไมเศรษฐกิจอียูจึงพัง แข่งไม่ได้ ก็เพราะไทย อาเซียนมีข้อตกลงการค้าเสรีกับญี่ปุ่น จีน เกาหลี ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย ประเทศเหล่านี้ค้าขายกันด้วยภาษีที่ต่ำมาก ปัจจุบันการค้าไทยกับยุโรปลดลงเหลือแค่ 10% กับอเมริกาก็ 10%
อียูและอเมริกาเข้ามาขายของลำบาก เพราะไม่มีสัญญากับเอเชีย ภาษีสูง ค่าขนส่งแพง ดูรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ก็ผลิตซื้อขายกันเองในเอเชีย ยุโรปจึงต้องง้อไทย กับอาเซียน ไม่ใช่เราไปเรียกร้องให้เขามาทำข้อตกลง Free Trade Area (FTA)
สอดคล้องกับฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจรายหนึ่งที่ระบุว่า FTA เป็นสิ่งที่กลุ่มยุโรปต้องการเซ็นกับประเทศไทยให้ได้ นอกจากนี้ยังมีประโยชน์บางประการที่ไทยเป็นลูกค้าของเขาคือเครื่องบินโดยสาร ยุโรปมีแอร์บัสมีฐานที่ฝรั่งเศสและมีประเทศอื่นๆ ร่วมผลิตชิ้นส่วน ซึ่งการบินไทยก็เป็นลูกค้ารายหนึ่งของแอร์บัส และยังมีเครื่องบินรบที่ไทยก็เคยซื้อกริพเพนจากสวีเดน ซึ่งในยุโรปก็มีหลายค่ายให้เลือก
แรงกดดันของมหาอำนาจเหล่านี้ด้านหนึ่งคือเพื่อให้ผู้มีอำนาจในปัจจุบันคือ คสช. ต้องหันมาเจรจากับพวกเขา เพื่อรักษาประโยชน์เดิมที่เคยมีอยู่และส่วนที่กำลังจะมีต่อไป อีกด้านหนึ่งเพื่อต้องการเร่งให้รัฐบาลทหารพ้นไปจากเส้นทางโดยอ้างเรื่องความเป็นประชาธิปไตย
ทั้งนี้ก็เพราะการเปลี่ยนรัฐบาลจากพลเรือนมาเป็นทหารนั้น ชาติตะวันตกจะกังวลในเรื่องเหล่านี้มาก เพราะเกรงว่าประโยชน์ที่เคยมีกับประเทศไทยจะหายไป ทั้งจากกระแสรักชาติหรือความนิยมในรัฐบาลทหารที่สามารถเข้ามาจัดการปัญหาที่สะสมมาเป็นเวลานานได้ หากไม่เร่งเข้ามาดำเนินการกดดันแล้วสุดท้ายพวกเขาจะเป็นฝ่ายเสียผลประโยชน์
อีกทั้งการเจรจากับรัฐบาลที่เป็นพลเรือนนั้นจะพูดคุยหรือต่อรองได้ง่ายกว่า เนื่องจากพวกเขาทราบดีว่านักการเมืองของไทยนั้น มีเรื่องของผลประโยชน์ส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง การเจรจาแบ่งปันต่อรองกันจึงทำได้สะดวกกว่ารัฐบาลที่มาจากทหาร
“จารุพงศ์” ผสมโรง
ส่วนเรื่องการเคลื่อนไหวของขั้วอำนาจเก่าอย่างนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ตั้งองค์กรเสรีไทย อาจจะดูเหมือนสอดคล้องกับแนวทางที่ต่างชาติกดดันประเทศไทยนั้น เชื่อว่าเป็นจังหวะที่มาลงตัวในช่วงเวลานี้ เพราะทั้งนายจารุพงศ์ และนายจักรภพ เพ็ญแข ประกาศมาตลอดว่าจะตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น ซึ่งการเลือกหาวันที่มีความหมายนั่นก็คือ 24 มิถุนายน ตรงกับวันที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นประชาธิปไตยเท่านั้น ตรงนี้ขึ้นอยู่กับการจัดการของ คสช.ว่าจะดำเนินการอย่างไร การประกาศลักษณะนี้เข้าข่ายกบฏหรือไม่ การเพิกถอนพาสปอร์ตเป็นสิ่งที่ทำได้ทันทีทั้งจารุพงศ์หรือจักรภพ และรวมไปถึงทักษิณ และบุคคลอื่นๆ ด้วย จากนั้นพิจารณาเรื่องกฎหมายอื่นๆ ว่าเข้าองค์ประกอบการยึดทรัพย์ได้ด้วยหรือไม่ วิธีการนี้จะทำให้การเคลื่อนไหวของบุคคลเหล่านี้ลดน้อยลง นี่คือเกมผลประโยชน์ของชาติมหาอำนาจที่อาศัยจังหวะเวลาดังกล่าวเข้ามากดดัน เพื่อต่อรองผลประโยชน์ให้กับชาติตัวเอง แต่บังเอิญแนวทางที่กดดันนั้นไปสอดคล้องกับสิ่งที่ทักษิณ ชินวัตร อยากให้เป็น ดังนั้นต้องฝากความหวังไว้ที่ คสช. ต้องยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อประโยชน์ของคนไทยทั้งประเทศ