GREAT KING OF THAILAND, KING BHUMIBHOL

GREAT KING OF THAILAND, KING BHUMIBHOL
LONG LIVE THE KING BHUMIBHOL

วันศุกร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2557

เปิดใจซุปเปอร์กบ วีรบุรุษกางเกงใน จากเสื้อแดงกลับใจ มาเป็นฮีโร่กลางม็อบ เวทีราชดำเนิน 6 ธค. 56











เชื่อว่าภาพในโซเซียลเน็ตเวิร์กที่โดนใจหลายๆ คนช่วงนี้ หนึ่งในนั้นคงต้องเป็นภาพ “ฮีโร่กางเกงใน” หรือ “วีรบุรุษกางเกงใน” ที่หลายคนเห็นภาพแล้วให้สรรพนามชายคนนี้ จนเขากลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ เกิดกระแสแชร์ภาพเหล่านี้ในโซเซียลเน็ตเวิร์กมากมาย
     
ภาพที่ว่านี้เป็นภาพชายคนหนึ่งใส่กางเกงในตัวเดียวลุยสู้ตำรวจอยู่กลางม็อบ โดยที่มือถือถังดับเพลิงฉีดใส่ตำรวจ ส่วนอีกภาพเป็นภาพเขานอนจมกองเลือดอยู่ที่พื้น พร้อมกระแสข่าวว่า เขาสู้กับตำรวจจนตัวตาย!
     
มาวันนี้ชายคนในภาพ คือ “วีรชาติ เปรมกมล” หรือชื่อเล่นว่า “กบ” ชาวจังหวัดกำแพงเพชร วัย 33 ปีคนนี้ออกมาให้สัมภาษณ์กับเรา เพื่อยืนยันว่าเขายังไม่ตาย! พร้อมเผยเรื่องราวว่าทำไม "อดีตเสื้อแดง" อย่างเขาถึงกลับใจมาช่วยชาติในวันนี้
 









บทวิพากย์ Conversation with THAKSIN โดย ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล เป็น e-book ยาว ๓๒ หน้า แจกฟรี










e-book ยาว ๓๒ หน้า แจกฟรี ท่านใดสนใจ กด Download ได้เลยนะคะ (ลิงค์ด้านล่าง)  ๓๑ มกราคม ๒๕๕๗/ ๒๑.๓๒ น.

https://www.dropbox.com/s/7x05lor61firn6w/บทวิพากษ์%20Conversation%20with%20THAKSIN%20โดย%20ดร.สมเกียรติ%20อ่อนวิมล.pdf...

http://dl-1.one2up.com/onetwo/content/2014/1/31/5f918ee8dbe8da7fd9c4a7d5e148fea7.pdf



Vote Thailand's photo.













วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2557

"จำนำข้าว"ชาวนาร่ำไห้


เมื่อวันที่ 28 ม.ค.แรงกดดันจากข้าราชการระดับสูงจำนวนหนึ่งกับมวลชนคนเสื้อแดงทำให้แกนนำกลุ่มชาวนาจาก อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ที่ชุมนุมเรียกร้องเงินจำนำข้าว ต้องยอมประกาศสลายการชุมนุมปิดถนนบริเวณสี่แยกอินโดจีน....... อ่านต่อได้ที่ : http://bit.ly/1hPzZuU

วงจรอุบาทว์ สูบเลือดประเทศชาติ และผังขบวนการล้มข้าวไทย ตระกูลเดียวล่มจมทั้งชาติ








ถาม..."ทำไมวงจรอุบาทว์อาจหมุนกลับมาได้อีก"   "คำตอบอยู่ข้างล่างนี้ ซึ่งเป็นสาเหตุส่วนหนี่ง"



๑. ตระกูลชิน ยึดองคาพยพ รัฐวิสาหกิจเบ็ดเสร็จ ขุมสมบัติหลาย แสนล้านข...องชาติ ได้ถูกแบ่งขายครั้งแรกในน้ำมือรัฐบาลพี่ชาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ คือ ปตท.และหากมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค ไม่ร้องต่อศาลปกครอง กรณีพ.ต.ท.ทักษิณเตรียมขายกฟผ.จนศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2549 ให้เพิกถอนพระราชกฤษฎีกากำหนดอำนาจ สิทธิ และประโยชน์ของบริษัท กฟผ.จำกัด(มหาชน) พ.ศ.2548 และหากพี่ชายน.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังอยู่ในอำนาจป่านนี้สมบัติชาติคงถูกขายกินหมดแล้ว

 ๒. กระนั้นก็ตาม เมื่อมาถึงยุค น.ส.ยิ่งลักษณ์เรืองอำนาจ ก็เข้ามาทำพฤติกรรมเดิมๆ สูบกินรัฐวิสาหกิจอีกครั้งภายใต้ระบบโครงสร้างความเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจ ก็ได้ค่าเบี้ยประชุม โบนัส และเงินตอบแทน ตลอดจนการจัดซื้อจัดจ้าง จากงบลงทุนรัฐวิสาหกิจ ที่ระดับและอำนาจการตรวจสอบจะอ่อนด้อยกว่่ากระทรวง กรมต่างๆ ซ้ำร้ายกว่านั้น รัฐวิสาหกิจที่แปรรูปเป็นเอกชน ผลตอบแทนกรรมการ ตลอดจนการตรวจสอบจากรัฐในการบริหารงบลงทุนต่างๆ และการสนองตอบนโยบายสาธารณะ ก็ยิ่งน้อยลง ยกตัวอย่าง ปตท.ที่แปรรูปไป ยังเล่นแร่แปรธาตุดูดกินด้วยการถ่ายโอนผลประโยชน์ ทรัพย์สิน การลงทุนผ่านบริษัทลูกปตท. ที่อยู่นอกเขตการตรวจสอบภายใต้อำนาจรัฐออกไปเรื่อยๆ เงินไหลออกไป บริษัทลูก ทำให้บริษัทแม่ผลประกอบการไม่ดี แต่การตรวจสอบบริษัทลูก หรือบริษัทที่ปตท.ร่วมทุน กลับยิ่งยากขึ้น และมาวันนี้ยุคน้องสาวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็มีพฤติกรรมไม่ต่างกัน แต่คราวนี้ขยายวงกว้างกว่ามาก เกือบจะทุกรัฐวิสาหกิจ ทั้งด้านพลังงานสาธารณูปโภคและธนาคาร ที่เริ่มด้วย
(1) การตั้งคนในธุรกิจตนเอง
มาเป็นกรรมการหวังกระทำบางอย่างหรือไม่ นอกจากนี้ยังต่างตอบแทนผู้ภักดีกล้าหาญด้วย
(2) การแก้ไขกฎหมายพ.ร.บ. คุณสมบัติมาตรฐานสำหรับ_กรรมการและพนักงาน
รัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....ให้คุณสมบัติต่ำลงและมีการเปิดช่องให้ผู้มาดำรงตำแหน่งมีผลประโยชน์ทับซ้อนได้ แล้วแต่รมว.คลังจะพิจารณายกเว้น
(3) การรวบเอาที่ดินของรัฐวิสาหกิจมาจัดสรรเองใหม่ พร้อมหลักฐานการจัดตั้งองค์กรใหม่มาจัดการเรื่องนี้โดยเฉพาะ โดย
ตั้งคนใกล้ชิดเป็นกรรมการเกรดเอ รายชื่อต่อไปนี้ (อย่าได้ปฏิเสธว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ธุรกิจครอบครัวชินวัตร)

- การท่าเรือแห่งประเทศไทย มีพล.ร.อ.เกียรติศักดิ์ ดามาพงศ์ พี่ชายต่างมารดาของคุณหญิง
พจมาน ชินวัตร เป็นกรรมการและมีน้องรักพ.ต.ท.ทักษิณ อย่างพล.ต.ท. คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเป็นประธานกรรมการ
- การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ตั้งนายยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล รองกก.ผู้อำนวยการบริษัท ไทยคม จำกัด(มหาชน) และนายสุนทร ทรัพย์ตันติกุล ทนายความพ.ต.ท. ทักษิณ เป็นกรรมการไปคุมคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ก็ตั้ง ดร.นงลักษณ์ พินัยนิติศาสตร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ด้านการตลาด บมจ.ไทยคม ธุรกิจครอบครัวน.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นประธานคณะกรรมการ
- บริษัทท่าอากาศยานไทย
จำกัด ขุมสมบัติอีกแห่งที่ตั้ง
น.ต.ศิธา ทิวารี อดีตสส.ไทยรักไทย และเพื่อนสนิทพานทองแท้ ไปเป็นประธานกรรมการ ส่วนนายธานินทร์ อังสุวรังษี กรรมการอิสระ มาจากผู้บริหารบริษัทแคปปิตอลโอเค และบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน) ลูกน้องธุรกิจครอบครัว
น.ส.ยิ่งลักษณ์และยังได้เป็น กก.ผู้จัดการ ธนาคารอิสลามฯ ก่อนจะมีคดี แล้วต้องเปลี่ยนตัวไม่นานนี
- นอกจากนี้ยังตั้ง นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อัยการอาวุโสเป็นกรรมการ แต่พอไปดู เหตุใดน.ส.ยิ่งลักษณ์ถึงใจป้ำตั้งนายธนพิชญ์ เป็น กรรมการรัฐวิสาหกิจ 3 แห่ง ได้แก่ บ.ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน),บ. ขนส่ง จำกัด และการท่าเรือแห่งประเทศไทย ได้รับค่าตอบแทนรวมทั้งหมด 1,348,825.81 บาท อัยการอาวุโสท่านนี้มีประวัติอย่างไร เป็นอัยการที่รับผิดชอบคดีทุจริตจัด ซื้อเครื่องซีทีเอ็กซ์ ที่ไม่ยอมสั่งฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯและพวกรวม 25 คน ในคดีซีทีเอ็กซ์ และสั่งไม่ฟ้องคดีการอนุมัติเงินกู้ธนาคารกรุงไทยให้บริษัทเอกชน เช่น กลุ่มเครือกฤษดามหานคร วงเงินหลายร้อยล้านบาท ทั้งที่คตส.และป.ป.ช.ตั้งข้อหา นี่หรือไม่คือสาเหตุ
-ขณะที่นายวัฒนา เตียงกูล ทนายความพรรคเพื่อไทย ก็เปลี่ยนเป็นมารับเงินเดือนในบอร์ดทอท.แทน
- ในขณะที่ปตท.นอกจากจะตั้งเบญจา หลุยเจริญ ที่ช่วยให้คดีขายหุ้นชินคอร์ป ไม่ต้องเสียภาษีสมัยเป็นรองอธิบดีกรมสรรพากร ก่อนไปเป็นประธานกรุงไทยและเป็นรมช.คลัง
- ก็ยังตั้ง อัยการคนเก่งอย่างนาย จุลสิงห์ วสันตสิงห์ ผู้สั่งไม่ฟ้องคดีเลี่ยงภาษีของครอบครัวชินวัตร
- ในเหตุผลเดียวกัน ก็ยังพ่วงนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ผู้เร่งดำเนินการคืนพาสปอร์ตให้พ.ต.ท.ทักษิณได้เป็นกรรมการ
- แต่ก็ยังไม่น่าสนใจเท่าการส่งนาย วรุณเทพ วัชราภรณ์ ผู้บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ฯ จำกัด (มหาชน) ลูกน้องตนเองในธุรกิจ
ครอบครัว มานั่งกุมขุมทรัพย์
ที่ปตท. ส่วนบริษัทลูกของปตท. อย่าง บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด ก็มีคำสั่งให้นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล ทนายความไทยรักไทย ไปคุม
คณะกรรมการสลากกินแบ่งรับาล นายวีรภัทร ศรีไชยา ทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณในคดีเลี่ยงภาษี 1.2 หมื่นล้านบาท ของพานทองแท้ และพินทองทา ชินวัตร และเป็นทนายความพรรคเพื่อไทย ที่ยื่นคำร้องขอให้ตุลาการทั้ง 8 คน เพิกถอนมติรับคำร้องและคำสั่งที่ให้รัฐสภารอการดำเนินการลงมติวาระ 3 ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68 และตั้งพล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ เพื่อนสนิท พ.ต.ท.ทักษิณ
- ที่น่าตะลึงพึงเพริดคือ การตั้ง พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร อดีตหัวหน้าชุดรักษาความปลอดภัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นกรรมการและผู้อำนวยการกองสลาก ถามว่า หน่วยงานนี้พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเจ้าของหรือ ?? ธนาคารกรุงไทย ที่นอกจากจะตั้งนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ เป็นกรรมการแล้ว ยังตั้งลูกน้องในเครือชินคอร์ป อย่าง นางอรุณภรณ์ ลิ่มสกุล ที่ใครๆก็รู้ว่าคือผู้บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) และ
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ที่มีอีกตำแหน่งในฐานะ กรรมการบมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น
- ธนาคารออมสิน นอกจากจะตั้ง ดร.นงลักษณ์ พินัยนิติศาสตร์ ผู้บริหารระดับสูง ไทยคมอย่างที่กล่าวแล้ว ยังตั้งนายชัยธวัช เสาวพนธ์ กรรมการบริษัท วินโคสท์อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด (มหาชน)ให้ไปเป็น
กรรมการออมสินเพื่อหวังทำอะไร
- องค์การเภสัชกรรมเหตุใด
จึงตั้งเอานายสมชัย โกวิทเจริญกุล
พี่เขยนายกฯเอง (สามี นางมณฑาทิพย์ โกวิทเจริญกุล (ชินวัตร) กรรมการและผู้ถือหุ้น บริษัท เอ็มลิ้งค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ธุรกิจในครอบครัว น.ส.ยิ่งลักษณ์
- แต่ที่น่าสนใจคือ นายสมชัย โกวิทเจริญกุล คือ ผู้ถือหุ้นในบริษัท ฮัวถอ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจนำเข้าอุปกรณ์การแพทย์ จากประเทศจีน จึงน่าคิดว่าตั้งให้เข้าไปทำอะไรในองค์การเภสัชกรรม ??
- การประปานครหลวง ตั้งนายเอกราช ช่างเหลา ที่เคยถูกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) สั่งอายัดเงินและการทำธุรกรรมการเงินในช่วงชุมนุมคนเสื้อแดงปี 2553 เนื่องจากศอฉ.เชื่อว่า
เป็นท่อน้ำเลี้ยงกลุ่มคนเสื้อแดง เพราะพบเงินหมุนเวียนในบัญชีร่วม 1,200 ล้านบาท
- ขณะที่การประปาส่วนภูมิภาค ตั้ง พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ แกนนำนปช.และกลุ่มคนเสื้อแดงผู้ถูกออกหมายจับในคดีก่อความวุ่นวายปี’53 ไปนั่งคุม
- นอกจากนี้ยังตั้ง นางอัมพร นิติสิริ ที่เป็นภรรยา ของ นายชัยเกษม นิติสิริ รมว.ยุติธรรม ไปเป็นกรรมการคุมการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ทั้งหมดกระทำภายใต้อำนาจ น.ส.ยิ่งลักษณ์เองโดยตรง ในฐานะประธานคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ
(กนร.) ประธานคณะกรรมการนโยบายทุนรัฐวิสาหกิจ (กนท.)
- และล่าสุดประธานคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ แม้จะมอบให้ใครดูแลแต่ด้วยตามกฎหมายการกำกับรัฐวิสาหกิจทุกฉบับ ก็สั่งให้มาเคาะครั้งสุดท้ายบนโต๊ะครม.ที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ผู้บริหารธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั่งที่หัวโต๊ะ
ขณะที่ การกระทำตาม (2) การแก้ไขกฎหมาย พ.ร.บ.คุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจฯ และ. 3) การจัดตั้งองค์กรใหม่มาจัดการเรื่อง
อสังหาริมทรัพย์รัฐวิสาหกิจ นั้นจะได้กล่าวเจาะในตอนต่อไป 










บ่อน้ำมันวิเชียรบุรี ขุมทรัพย์ใต้ดิน ที่เพชรบูรณ์





หลายคนอาจเข้าใจว่าแหล่งน้ำมันในประเทศขุดพบได้แต่ในทะเลเท่านั้น จริงๆแล้วไทยเรามีแหล่งน้ำมันดิบใต้ดินที่ยังขุดเจาะน้ำมันได้ เหยี่ยวข่าว 7 สี บินสำรวจแหล่งน้ำมันบนบก ที่จ.เพชรบูรณ์

ปัจจุบัน ประเทศไทยมีแหล่งผลิตน้ำมันดิบ 22 รวมแห่ง โดยเป็นแหล่งน้ำมันดิบในทะเล 11 แหล่ง และบนบก 11 แหล่ง กระจายที่จ.กำแพงเพชร และ ต.นาสนุ่น จ.เพชรบูรณ์ โดยภาพจะเห็นได้ชัดว่ามีการขุดเจาะกว่า 20 หลุม  โดยก่อนหน้านี้เมื่อปี 2537 พบมีการสำรวจครั้งแรก แต่มีปริมาณน้อยไม่คุ้มทุน ต่อมาบริษัทจากแคนาดา มาสำรวจและขุดเจาะในปี 2546 ซึ่งได้น้ำมันดิบจากแหล่งนี้ถึง 1 หมื่นบาเรลต่อวัน และถือเป็นครั้งแรกของไทยที่ขุดพบน้ำมันจากแหล่งหินภูเขาไฟ แต่ปัจจุบัน สัมปทานบ่อน้ำมันเป็นของชาวจีน ที่มีการขยายเตรียมลงมือขุดเจาะ เรียกได้ว่าประเทศไทย ยังมีขุมทรัพย์น้ำมันที่มีปริมาณสูง

ชมคลิป! “ลูกชาวนา” ขึ้นเวทีหาเสียงเพื่อไทย ทวงถาม “ทำไมโกงข้าวแม่?” PM being probed in fake G2G rice deal










ASTVผู้จัดการ - ลูกชาวนาเพชรบุรีใจกล้า เดินขึ้นเวทีหาเสียง อ.ชะอำ ทวงถามเงินจำนำข้าวแม่ที่ยังไม่ได้ เพื่อไทยแถ “ไม่ได้โกงจำนำข้าว” อ้างจ่ายช้า-ไม่จ่ายตามกำหนดไม่ถือว่าโกง โกหกต่อรัฐบาลอนุมัติแล้ว รออีกไม่กี่วันก็ได้เงิน หลังจากวานนี้ (29 ม.ค.) กลุ่ม กปปส.ที่หน้าตลาดสดเทศบาลเมืองชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี กว่า 200 คน รวมตัวถือป้ายเป่านกหวีด และตะโกนขับไล่ผู้ที่ขึ้นเวทีปราศรัยของพรรคเพื่อไทยที่ ได้มีการตั้งเวทีปราศรัยใหญ่สนับสนุนนายธนกฤต ชะเอมน้อย หรือวันชนะ เกิดดี ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย เขต 2 เบอร์ 15 โดยมีแกนนำคนสำคัญอย่าง พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ นายคณิณ บุญสุวรรณ ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นเวทีปราศรัยพูดถึงนโยบายของพรรค โดยมีกลุ่มคนเสื้อแดงร่วมนั่งฟังการปราศรัยจำนวนหนึ่ง ผู้สื่อข่าว ASTVผู้จัดการ พบว่า มีผู้ใช้ชื่อว่า “coundy078” ในโลกออนไลน์ ได้เผยแพร่คลิปลงเว็บไซต์ยูทิวบ์ ระบุหัวเรื่องว่า “กระทู้ถามสด จากลูกชาวนาที่พ่อแม่เข้าโครงการจำนำข้าวของรัฐบาล” ซึ่งบันทึกภาพโดย สถานีโทรทัศน์ชุมชน ข่าวสารออนไลน์ จ.เพชรบุรี และ ประจวบคีรีขันธ์ ที่ถ่ายทอดการปราศรัยวานนี้








โดยตอนหนึ่ง ผู้ดำเนินรายการของเวทีปราศรัยได้ขอให้ผู้มาฟังคำปราศรัยสามารถถามกระทู้สดกับผู้สมัครได้ ต่อมามีเด็กหนุ่มคนหนึ่งได้ขอขึ้นไปตั้งกระทู้ถาม โดยในโลกออนไลน์ระบุว่า เป็นลูกชาวนาใจกล้า เดินขึ้นเวทีการปราศรัยหาเสียงของพรรคเพื่อไทย โดยบอกพิธีกรบนเวทีว่า “แม่ถูกรัฐบาลโกง และถามว่ากล้าการันตีไหมว่าเงินจำนำข้าวจะได้หรือไม่ได้ และบอกว่ารัฐบาลไม่มีความชัดเจนเรื่องจำนำข้าว” อย่างไรก็ตาม พิธีกรหญิงบนเวทีได้กลับตอบโต้ด้วยน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราดว่า รัฐบาลไม่ได้โกง และย้อนถามว่า “ความหมายของการโกงคืออะไร?” โดยลูกชาวนาคนดังกล่าวระบุว่า การโกงก็คือ การไม่ได้จ่ายเงินให้กับชาวนาตามกำหนด ทว่า พิธีกรหญิงคนดังกล่าวก็ได้พยายามโต้ตอบและชี้แจงโดยอ้างว่า ตอนนี้มีการอนุมัติเงินจำนำข้าวเรียบร้อยแล้ว รออีกไม่กี่วันจะได้รับเงิน โดยพูดเสียงดังเพียงว่า มีใบประทวนก็ต้องได้เงิน จากการตรวจสอบของทีมข่าว ASTVผู้จัดการ พบว่า โครงการรับจำนำข้าว ปีรับจำนำ 2555/2556 พบว่า ปัจจุบันรัฐบาลพยายามที่จะหาวิธีการกู้เงินจำนวนกว่า 1.3 แสนล้านบาท เพื่อใช้หนี้รับจำนำข้าวให้เกษตรกรที่ค้างอยู่เป็นเวลากว่า 6 เดือนแล้ว โดยในส่วนของเงินโครงการ ในธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มีเงินที่อาจจะจ่ายได้อีกแค่ 1 พันล้านเท่านั้น ขณะที่ในส่วนของการจ่ายเงินจำนำข้าวของ จ.เพชรบุรี เมื่อวันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา นายประกิต ปราณพานิชย์ นักบริหารสินเชื่อ ธ.ก.ส.จังหวัดเพชรบุรี ให้ข้อมูลว่า ธ.ก.ส.ได้เริ่มจ่ายเงินตั้งแต่พฤศจิกายน 2556 มาจนถึงขณะนี้ไปแล้วจากงบประมาณ 1,075 ล้านบาท จ่ายไป 700 กว่าล้านบาท คงเหลือ 300 กว่าล้านบาท โดยระบุว่าจะทยอยจ่ายได้หมดภายในวันที่ 15 มกราคม 2557 ทั้งนี้ จะมีเงินคงค้างจ่ายอีกประมาณ 1,600 ล้านบาท ซึ่ง ธ.ก.ส.ได้รวมจำนวนไว้แต่ไม่เก็บในประทวน เมื่อได้เงินมาก็จะทยอยจ่ายจนครบ











จำนำข้าว (แบบบ้านๆ) = เรื่องมีอยู่ว่า... = - สมมุติราคาข้าวในตลาดโลก คือ 1,000 บาท - รัฐบาลรับซื้อที่ 1,500 บาท - รัฐบาลแจ้งว่า ขายข้าวได้ให้รัฐบาลจีน (G2G) ในราคาที่ไม่ต้องประมูล และเปิดเผยไม่ได้ = แต่หลักฐานที่พบ.. คือ = - ผู้ซื้อที่แท้จริงไม่ใช่รัฐบาลจีน แต่เป็น บริษัท ก. ที่มีเจ้าของเป็นคนในพรรครัฐบาล - ข้าวถูกขายให้บริษัท ก. ในราคา 300 บาท (รัฐบาลขาดทุนทันที 1,200 บาท) - บริษัท ก. นำข้าวที่ซื...้อมาในราคา 300 บาท ส่วนหนึ่งนำข้าวไปจำนำกับรัฐบาลต่อ ที่ราคา 1,500 บาท (บริษัท ก. กำไรทันที 1,200 บาท) = ผล = - โครงการจำนำข้าว 2 ปี ใช้เงินภาษีและการกู้ยืม รวมกัน 700,000 ล้านบาท (เท่ากับใช้ภาษี 1/3 ของประเทศ กับโครงการนี้) เงินจำนวนนี้ ส่วนหนึ่งถูกผันไปให้กับนักการเมืองผ่านกระบวนการขั้นต้น - รัฐบาลไม่มีเงินเหลือที่จะจ่ายให้ชาวนาได้ครบ จึงพยายามจะให้เงินฝากของ ธกส มาจ่ายแทน (แต่ไม่สำเร็จ) จึงใช้วิธีกู้เงินมาจ่ายแทน โดยประชาชนต้องรับภาระดอกเบี้ยเพิ่มเติม - ยังเหลือข้าวอีกเกือบ 20 ล้านตัน ที่ยังขายไม่ได้ (ซึ่งเท่ากับปริมาณข้าวที่คนไทยสามารถบริโภคได้ 2 ปี) และต้องเสียค่าจัดเก็บอีก 300 บาท (รัฐบาลขาดทุนเพิ่ม) = จบ (แบบบ้านๆ) = Zero Corruption.. 100% Development:อ่านเจอคอมเมนต์นี้ใน เนชั่น ชาแนล เข้าใจง่าย มีประโยชน์ เลยเอามาแชร์ค่ะ ไม่ทราบว่าเป็นของใคร แบบนี้เขาเรียกว่า "โกง" หรือไม่ ยัยโฆษก








      

แดงพิษณุโลกกลับใจ! หันหลังให้เพื่อไทย บอกสู้เพื่อ “ทักษิณ” สู้ไม่ไหวแล้ว ขี้ข้าชู เมืองหลวงเชียงใหม่

       


        เสื้อแดงพิษณุโลกกลับใจ เลิกเคลื่อนไหวร่วมพรรคเพื่อไทย-ก๊กแดง บอกผิดหวังกับระบอบแม้ว ทำ พท.กลายเป็นพรรคเพื่อใคร คอยฟังแต่คำสั่งดูไบ ยันสู้ร่วมกับเสื้อแดงมาตลอด แต่วันนี้ให้สู้เพื่อ “ทักษิณ” สู้ไม่ไหวแล้ว
      
        วันนี้ (30 ม.ค.) นายกิตติพันธุ์ ยวนทอง แกนนำ นปช.พิษณุโลก หรือเสื้อแดงพิษณุโลก วัย 52 ปี ได้นัดนัดหมายสื่อมวลชนในจังหวัดพิษณุโลกที่ถนนวังจันทน์ หน้าศาลจังหวัดพิษณุโลก เพื่อเปิดใจถึงความรู้สึกที่มีต่อพรรคเพื่อไทย หลังเข้าฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้น กรณีที่กลุ่ม นปช.พิษณุโลก รวมตัวก่อเหตุขัดขวางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ไม่ให้ไปรักษาความสงบที่กรุงเทพฯ
       
        นายกิตติพันธ์เปิดเผยว่า วันนี้ศาลชั้นต้นนัดตนมารับฟังคำพิพากษา คดีที่ขัดขวางเจ้าหน้าที่ไม่ให้ไปปฏิบัติหน้าที่ที่กรุงเทพฯ ที่หน้าค่าย ตชด.31 พิษณุโลก เมื่อปี 2553 ซึ่งเหลือตนต่อสู้คดีอยู่คนเดียวตามลำพัง และวันนี้ศาลก็ได้ตัดสินยกฟ้อง ส่วนจะมีการอุทธรณ์หรือไม่ตนก็ไม่ทราบ ขึ้นอยู่กับอัยการจังหวัด
      
        แต่ตนผิดหวังกับพรรคเพื่อไทย เพราะนับตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมาตนร่วมกิจกรรมกับกลุ่ม นปช.พิษณุโลกมาตลอดเพื่อต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย เป็นทั้งแกนนำ ลงทั้งเงิน ทั้งแรง
      
        ร่วมกับเสื้อแดงพิษณุโลกทำกิจกรรมต่อต้านรัฐประหาร เรียกร้องประชาธิปไตย เมื่อปี 2553 ก็เป็นแกนนำร่วมกับ นปช.พิษณุโลก ขัดขวางเจ้าหน้าที่ที่หน้าค่าย ตชด.31 เพราะไม่ต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปปฏิบัติหน้าที่ที่กรุงเทพฯ จนถูกส่งฟ้องดำเนินคดีต่อ นปช.พิษณุโลกอีกหลายคน
       
        ในการต่อสู้คดีก่อนหน้านี้เคยมีอดีต ส.ส.มาช่วยประกันตัว แต่หลังจาก ส.ส.หมดสภาพตามรัฐธรรมนูญ ตนก็เรียกร้องให้พรรคเพื่อไทยมาช่วยประกันตัวตน แต่เขาไม่มา และไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆ จากพรรคเพื่อไทย กระทั่งศาลได้ตัดสินชั้นต้นยกฟ้องในวันนี้
      
        “ผิดหวังกับพรรคเพื่อไทย ผิดหวังกับระบอบทักษิณ พรรคเพื่อไทยบอกว่าเรียกร้องประชาธิปไตย แต่พรรคกลับไม่ใช่พรรคประชาธิปไตย ไม่มีประชาธิปไตยในพื้นที่ เป็นพรรคที่รับคำสั่งโดยดูไบอย่างเดียว คำสั่งชี้เป็นชี้ตายทุกอย่าง ไม่ว่างบประมาณ ไม่ว่าอะไรทุกอย่าง จะมีกลุ่มของตระกูลชินวัตรอย่างเดียว”
      
        นายกิตติพันธ์บอกว่า เราเล่นการเมือง เรียกร้องประชาธิปไตยมาตั้งแต่พลังธรรม ในฐานะที่ตนเป็น นปช.เพื่อร่วมเรียกร้องประชาธิปไตย แต่ปรากฏว่าขณะนี้พรรคไม่เป็นประชาธิปไตย ความเป็นประชาธิปไตยไม่มี เป็นพรรคเพื่อใคร
      
        นายกิตติพันธ์ย้ำว่า นปช.พิษณุโลกน่าสงสาร ทุกคนร่วมมือร่วมใจกันดี ต่อสู้เรียกร้องเพื่อประชาธิปไตยมาตลอด แต่ว่านักการเมืองกลับคอยฉกฉวยผลประโยชน์มากกว่า ประชาชนคนพิษณุโลกรักประชาธิปไตย นปช.พิษณุโลกอยากเห็นประเทศชาติอยู่ตรงกลาง ให้ฝ่ายซ้าย ฝ่ายขวารักสามัคคีกัน
      
        “ผมร่วมกับเสื้อแดงมาตลอด วันนี้อยากสู้ แต่สู้เพื่อทักษิณ ผมสู้ไม่ไหวแล้ว”
      
        ผู้สื่อข่าวถามเหตุที่ผิดหวังเพราะพรรคเพื่อไทยไม่ได้เลือกเขาลงสมัคร ส.ส.ในพื้นที่พิษณุโลกใช่หรือไม่ นายกิตติพันธ์อ้างว่าไม่ใช่ แต่การรับสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.พิษณุโลก นั้น จู่ๆ มีคนของพรรคเพื่อไทยมาลงสมัคร ส.ส. ซึ่งคนเสื้อแดง นปช.พิษณุโลกยังไม่รู้จักเลย แล้วอย่างนี้เรียกว่าพรรคเลือกคน ประชาชนเลือกพรรคหรือไม่
      
        “ไม่ใช่เพียงพิษณุโลกเขตเดียว ทั่วประเทศเป็นอย่างนี้หมด ค่าของคนอยู่ที่คนของใคร อยู่ที่คนมีเงินไหม แล้วประชาชนมันจะมีประชาธิปไตยหรือไม่ เขาเห็นว่าเพื่อไทย เห็นว่ายิ่งลักษณ์ แค่นี้หรือ”
      
        นายกิตติพันธ์เผยต่อว่า ตนสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยช่วงปี 2552 คงจะไปลาออกแล้ว ไม่อยากเห็นประชาชนแตกแยกกัน วันนี้ตนก็เป็นเสื้อแดง เป็น นปช. แต่เป็นเสื้อแดง เพื่อให้เป็นประชาธิปไตย ไม่ให้เป็นประชาธิปไตยเพื่อใคร คนแตกต่างทางความคิดได้ แต่ไม่แตกแยก ไม่ใช่ว่าคนคิดต่างไม่ใช่พวก
      
        นายกิตติพันธ์บอกอีกว่า ทุกวันนี้ประชาชนคนไทยเสพสื่อเพียงข้างเดียว บางคนเอียงซ้ายตลอด บางคนเอียงขวาตลอด มันต้องเสพหลายๆ ข้าง ควรจะสลับฟังทั้งสองข้าง ทุกวันนี้บ้านเมืองแตกแยก ความเห็นต่าง ที่จริงแล้วเป็นประชาธิปไตย
      
        “แต่ความเห็นต่าง แล้วไม่เคารพ ทะเลาะกัน ถึงฆ่ากันตาย มันคุ้มไหมครับ”
      
        ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าไม่เคลื่อนไหวทางการเมืองร่วมกับเสื้อแดง แล้วจะร่วมกับกลุ่มเสื้อขาว หรือเสื้อเหลือง นายกิตติพันธ์ย้ำอีกว่า จะไม่อยู่ทั้งสองฝ่าย ขออยู่กลางๆ จะไม่ร่วมกิจกรรม นปช.เด็ดขาด และเตรียมไปลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย
      
        “ผมเป็นเสื้อแดงเพื่อประชาธิปไตย ไม่ใช่เสื้อแดงเพื่อใคร ผิดหวังกับระบบทักษิณ ปั้นมาด้วยมือ แต่ไม่ขอลบด้วยเท้า แม้กระทั่งช่วงรัฐประหารผมก็ไม่อยากพูด ผมทำอะไรให้ทักษิณ แต่ทักษิณไม่เคยช่วยอะไรผม เขาไม่เคยให้อะไรผม ผมดูแลตัวเองมาโดยตลอด”

        หนังสือพิมพ์เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์จากฮ่องกงเผยแพร่รายงานว่า คนเสื้อแดงพร้อมต่อต้าน หากกองทัพก่อรัฐประหาร และพวกตนจะตั้งเมืองหลวงที่เชียงใหม่ โดยนายทอม ฟอว์ธรอป ผู้สื่อข่าวที่เขียนรายงานชิ้นนี้จากสันกำแพง ได้สัมภาษณ์พวกแกนนำคนเสื้อแดงที่เชียงใหม่หลายราย บางคนคาดคะเนด้วยว่าหากกองทัพพยายามโค่นอำนาจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งรายนี้จะล่าถอยกลับมาเชียงใหม่แล้วจัดตั้งรัฐบาลที่นี่
        รายงานซึ่งเผยแพร่ทางเว็บไซต์เมื่อคืนวันที่ 29 มกราคมกล่าวว่า แม้ผู้เชี่ยวชาญบางคนจะเชื่อว่าการย้ายศูนย์บัญชาการของรัฐบาลมายังเชียงใหม่ไม่น่าจะเป็นไปได้จริง แต่ผู้สนับสนุนรัฐบาลนี้ เช่น นายมหวรรณ กะวัง แกนนำเสื้อแดงเชียงใหม่ เชื่อว่าขบวนการของพวกตนมีพลังมากพอที่จะท้าทายกองทัพ
        "เราไม่กลัว เสื้อแดงทุกกลุ่มเป็นเอกภาพ เราพร้อมจะพลีชีพของพวกเรา" นายกสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนยุพราชวิทยาลัยในจังหวัดเชียงใหม่ สถาบันศึกษาเก่าของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว "เป็นไปได้ที่รัฐบาลจะย้ายมาเชียงใหม่ เราสามารถเอาชนะรถถังได้ เพราะเรามีมวลชนจำนวนมาก"






  




เสื้อแดงถูกเบี้ยวค่าจ้าง 1.5 ล้านให้เผาศาลากลาง ธนาคาร ฯลฯ ติดคุกฟรี ๆ








เสื้อแดงที่พ้นโทษพูดถึงแกนนำ


แดงกลับใจ ไม่ให้หลอก บอกขอโทษคนไทย



แดงกลับใจ อยุทยา ที่เวทีผ่านฟ้า 15 พ ย 56

วันพุธที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2557

Killer shoot SUTIN TARATIN (Anti-government protester leader)




บ.เจ้าหนี้ “กิตติรัตน์”ทำธุรกิจ3 ปี ย้อนหลัง “ขาดทุนยับ”-แต่มีเงินปล่อยกู้ 12 ล.

เจาะงบดุล "บ.คาเธ่ย์ แอสแซท" เจ้าหนี้เงินกู้ปริศนา "กิตติรัตน์" พบทำธุรกิจ 3 ปีย้อนหลัง "ขาดทุนยับ"แต่แจ้งยอดเงินปล่อยกู้บุคคล-กิจการอื่น กว่า 12 ล้าน kkkttt หลายคนอาจจะทราบแล้วว่า บริษัท คาเธ่ย์ แอสแซท แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นธุรกิตส่วนตัวของ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง คนปัจจุบัน โดยในช่วงก่อนที่นายกิตติรัตน์ จะเข้ารับตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ วันที่ 10 สิงหาคม 2554 ได้โอนหุ้นบริษัทให้ไปอยู่ในความรับผิดชอบของกองทุนส่วนบุคคล นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง โดย บลจ.กรุงศรี จำกัด (รวมถึงหุ้นในส่วนของภรรยา นายกิตติรัตน์) ขณะที่แจ้งข้อมูลในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ที่ยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า อยู่ในสถานะลูกหนี้ของบริษัท จากการทำสัญญากู้ยืมเงินจำนวน 6 แสนบาท กำหนดระยะเวลาชำระหนี้ 1 ปี คือนับตั้งแต่ วันที่ 5 เมษายน 2554 ถึงวันที่ 5 เมษายน 2555 ล่าสุดในการแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ช่วงพ้นตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ครบ 1 ปี ล่าสุด เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2556 นายกิตติรัตน์ แจ้งต่อป.ป.ช. ว่า ยังเป็นลูกหนี้เงินกู้ของบริษัท คาเธ่ย์ฯ อยู่ โดย ณ วันที่ 18 มกราคม 2556 มียอดหนี้เหลืออยู่เป็นจำนวนเงิน 384,179.45 บาท (ผ่านพ้นกำหนดวันที่ 5 เมษายน 2555 มานานเกือบ 10 เดือน) สถานะทางธุรกิจของบริษัท คาเธ่ย์ แอสแซท แมเนจเม้นท์ จำกัด เจ้าหนี้ ของ นายกิตติรัตน์ เป็นอย่างไรบ้าง? สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบข้อมูลงบดุลบริษัท คาเธ่ย์ แอสแซท แมเนจเม้นท์ จำกัด ที่แจ้งกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าย้อนหลังไป 5 ปี พบข้อมูลดังนี้ ปี 2551 บริษัทฯ แจ้งว่ามีรายได้รวม 3,906,068.95 บาท แต่มีกำไรแค่ 357,313.42 บาท ปี 2552 บริษัทฯ แจ้งว่า มีรายได้รวม 3,891,522.14 บาท แต่มีกำไรแค่ 429,704.96 บาท ปี 2553 บริษัทฯ แจ้งว่ามีรายได้รวม 2,910,785.42 บาท แต่ขาดทุน 662,690.02 บาท ปี 2554 บริษัทฯ แจ้งว่า มีรายได้รวม 2,104,421.45 บาท แต่ขาดทุน 1,423,288.32 บาท ปี 2555 บริษัทฯ แจ้งว่า มีรายได้รวม 2,100,615.94 บาท แต่ขาดทุน 956,096.29 บาท ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า ในช่วงการทำธุรกิจ 3 ปีย้อนหลัง บริษัทประสบปัญหาขาดทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงปี 2554 ขาดทุนหลักล้านบาท (นายกิตติรัตน์ เข้ารับตำแหน่งทางการเมืองในช่วงปลายปี 2554) จากการตรวจสอบข้อมูลงบดุล ปี 2554 และปี 2555 ที่บริษัทฯ นำส่งให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า รับทราบเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2555 และ วันที่ 9 พฤษภาคม 2556 ตามลำดับ (ช่วงเวลาใกล้เคียงกับที่นายกิตติรัตน์แจ้งว่ากู้เงินจากบริษัทฯ) บริษัทฯ แจ้งไว้ในหมวดทรัพย์สินไม่หมุนเวียนว่า มีเงินให้กู้ยืมระยะยาวแก่บุคคลหรือกิจการอื่น โดยงบดุลปี 2554 แจ้งตัวเลขไว้ที่ 12,533,623.13 บาท ส่วนปี 2555 แจ้งตัวเลขไว้ที่ 12,396,657.27 บาท คำถามที่น่าสนใจคือ นอกจากเงินจำนวน 6 แสนบาท ที่ปล่อยกู้ให้กับนายกิตติรัตน์ ตามที่แจ้งไว้กับ ป.ป.ช.แล้ว เงินส่วนที่เหลืออีกกว่า 11 ล้านบาท บริษัทนำไปปล่อยกู้ให้ใคร? ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า ได้พยายามติดต่อนายกิตติรัตน์ และผู้บริหารบริษัท คาเธ่ย์ฯ ให้ชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องการปล่อยเงินกู้ดังกล่าวแล้ว แต่ไม่สามารถติดต่อได้ อ่านประกอบ: เปิดสัญญากู้ปริศนา!วัดใจ"คาเธ่ย์ แอสแซท"เชือด"กิตติรัตน์"จ่ายหนี้เกินเวลา? “กิตติรัตน์"ปล่อยเงินกู้บริษัทตัวเองเข้ากระเป๋า 6แสน-จ่ายหนี้เกินเวลา ตามรอยหนี้สิน "กิตติรัตน์”ก่อนสวมบท“แม่ทัพ” โร่หาเงินกู้โปะจำนำข้าว!

Democracy in Thailand




วันอังคารที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2557

เปิดสคริปต์ "ดร.สมเกียรติ" เผยความลับ ทักษิณ ผ่านหนังสือ "CONVERSATIONS WITH THAKSIN"

     


เปิดสคริปต์ "ดร.สมเกียรติ" เผยความลับ "ทักษิณ" คำต่อคำ ผ่านหนังสือ "CONVERSATIONS WITH THAKSIN" 
"แผนปูทางกลับบ้าน -จาบจ้วงสถาบันฯ -มุมมองมุสลิม-สนับสนุนทุนเสื้อแดง" ทำไมคนไทย อ่านแล้ว ต้องเกลียด "ทักษิณ" ?




trtryuuiuiuiuiu


สวัสดีมวลมหาประชาชนที่รักและเคารพครับ

เมื่อกี้เพิ่งได้กอดกำนันสุเทพ

เพิ่งได้กอดกำนันสุเทพ จริงๆ …

ผมไม่เคยเจอหน้ากำนันเทพมาก่อนเลย
ไม่เคยพบกันที่ไหน
ไม่เคยคุยกันเลยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

3 เดือนที่ผ่านมาก็ไม่เคยแม้แต่จะโทรศัพท์คุยกัน

ได้กอดกำนันกับเขาบ้างก็เป็นบุญแล้วสำหรับลูกบ้านหน้าใหม่อย่างผม

จะให้หอมแก้มเหมือนที่คนกรุงเทพหลายคนได้หอม ผมก็เกรงใจ
กลัวจะชอบกำนันมากเกินไป

ท่านทั้งหลายครับ คนเราหาก จะรัก-จะชอบ กัน ก็ไม่ควร รักกัน-ชอบกัน จนหมดสิ้นครบ 100% ควรจะเว้นระยะห่างไว้บ้างพอประมาณ หากรักกันมากเกินไปก็จะไม่กล้าถกเถียงท้วงติง
รักกันมากใกล้ชิดกันมากจนเกินไป ก็อาจจะไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์กัน
ผมจึงขอรักกำนันสุเทพแบบมีระยะห่าง
ขอพื้นที่ไว้ตำหนิวิพากษ์กำนันสุเทพบ้าง ในบางเรื่อง-เวลาที่ผมเห็นว่าต้องทำ

ผมจะไม่ทุ่มเทความรักให้กับชายใดจนหมดตัว
โดยเฉพาะชายแก่ๆอย่างกำนันสุเทพ

คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ในรอบสองเดือนที่ผ่านมาได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์ติชมมากมายหลากหลาย ผมเองก็วิหากษ์วิจารณ์อยู่เสมอจากระยะไกล เหมือนกับท่านมวลมหาประชาชนทั้งหลาย รวมทั้งประชาชนที่แม้จะเห็นด้วยกับเหตุผลและหลักการพื้นฐานในการล้มระบอบทักษิณ และให้ปฏิรูปประเทศไทยก่อนการเลือกตั้ง แต่ก็ยังคงมีเรื่องที่ไม่เห็นพ้องกับกระบวนงานของกปปส.และกำนันสุเทพ อยู่บ้างในบางเรื่องปลีกย่อย
และผมก็พอใจที่กำนันสุเทพรับฟังและปรับวิธีทำงานของท่าน ของ กปปส. เรื่อยมาอย่างไม่รั้งรอ เคารพในเหตุผลของผู้ท้วงติง จนถึงวันนี้

แสดงว่ากำนันสุเทพเป็นนักประชาธิปไตยที่แท้จริง
รับฟังเสียงของประชาชนทุกฝ่ายทุกคน

ในอีกไม่นาน เมื่อเราสามารถล้มระบอบทักษิณได้สำเร็จ
หากว่าเกิดประชาธิปไตยในแบบควรจะสมบูรณ์
แต่กลับไม่สมบูรณ์ขึ้นมาตามที่กำนันสุเทพวาดหวังไว้
กลายเป็นประชาธิปไตย “ระบอบสุเทพ” ที่ไม่สมบูรณ์ขึ้นมาในอนาคต

มวลมหาประชาชนก็ต้องสามารถ “ล้มระบอบสุเทพ” ได้

นั่นคือประชาธิปไตยที่เราคาดหวังสำหรับประเทศไทยในอนาคต
และนี่คือสังคมประชาธิปไตยที่เรากำลังช่วยกันสร้างกับกำนันสุเทพ และ กปปส.

เข้าเดือนที่ 3 ของการต่อสู้ของท่านทั้งหลายเพื่อล้มระบอบทักษิณ

ซึ่งก็จะต้องเริ่มต้นด้วยการขอให้รัฐบาลอันไม่ชอบธรรมของนาวสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลาออกไป เพราะคุณยิ่งลักษณ์เป็นเพียงคนที่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนและผู้รับคำสั่งจาก พตท.ทักษิณ ชินวัตร ให้รับปฏิบัติงานสร้างระบอบทักษิณให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดในทศวรรษที่ 2

เรื่องนี้คุณทักษิณไม่เคยปกปิดเป็นความลับแต่อย่างใด
เพียงแต่ว่าคนที่รู้จักหรือมีความสัมพันธ์กับคุณทักษิณอย่างใกล้ชิดจะไม่ยอมออกมาเปิดเผยกระบวนความคิดและเบื้องหลังการทำงานของคุณทักษิณ ให้สาธารณชนได้รับรู้โดยตรงเท่านั้น

[สนทนากับทักษิณ ที่ Dubai]

เมื่อเดือนธันวาคม ปี พ.ศ.2553 ที่บ้านพักเขต Emirates Hills ชานนคร Dubai ประเทศสหรัฐ Arab Emirates คุณทักษิณได้สนทนากับนักเขียนและนักวิชาการชาวอเมริกันคนหนึ่งชื่อ Tom Plate เป็นการสัมภาษณ์ 4 รอบ รอบละ 2 ชั่วโมง และคุยกันที่ร้านอาหารบนอาคารสูง Burj Khalifa อีก 1 ครั้ง

ต่อมาอีกครึ่งปี ในกลางปี 2554 มีการสนทนารอบที่ 6 ทั้งหมดนี้ Tom Plate ยังได้ติดต่อคุณทักษิณฯผ่าน E-mail เป็นระยะๆ, โทรศัพท์คุยกันอีก 2 ครั้ง ระหว่าง Tom Plate ที่ Los Angeles กับ คุณทักษิณฯที่ Dubai

บทสนทนาทั้งหมดนี้กลายมาเป็นหนังสือชื่อ CONVERSATIONS WITH THAKSIN พิมพ์จำหน่ายที่สิงคโปร์ ในปี 2554

ในหนังสือเล่มนี้ คุณทักษิณพูดความจริงจากหัวใจอย่างเสรี โดยไม่ระมัดระวังคำพูด
แต่ความจริงจากหัวใจของคุณทักษิณที่ว่านั้นทำให้คนไทยรู้จักระบอบทักษิณดีขึ้น ได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของคุณทักษิณ

คุณทักษิณที่ผมรู้จักดีว่าเป็น “คนจริง” และเป็น “คนเก่ง”

คุณทักษิณเป็นคน....ประเทศชาติจริง

และเป็นคน..เก่งจริงๆ
(ดร.สมเกียรติ ระบุบนเวทีว่า คนไทยที่อ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว จะต้องรู้สึกเกลียดและชิงชั่ง พ.ต.ท.ทักษิณ มากขึ้น) 

ดังที่คุณทักษิณจะเล่าให้ฟังด้วยตัวเองดังต่อไปนี้:

หนังสือ CONVERSATIONS WITH THAKSIN หรือ “สนทนากับทักษิณ” วางขายที่เมืองไทยได้ไม่กี่วันก็ถูกเก็บออกจากร้านหนังสือจนเกลี้ยง แล้วหายวับไปจากตลาด คนไทยจึงไม่มีโอกาสได้ซื้ออ่านกันโดยตรง ผมต้องสั่งซื้อจากต่างประเทศ และซื้อมาหลายสิบเล่ม ไว้แจกเพื่อนๆและผู้หลักผู้ใหญ่ที่เคารพ ผู้ใหญ่ที่เคารพท่านหนึ่งบอกผมว่าหากโทรศัพท์ไปสั่งที่สำนักพิมพ์ที่สิงคโปร์เขาก็จะสั่งให้ร้านที่กรุงเทพเอามอร์ตอร์ไซค์ไปส่งถึงบ้าน

ปัจจุบันนี้ท่านสามารถชื่อได้ผ่าน internet ในระบบหนังสือ digital book download แล้ว พอหาซื้อได้จากร้านหนังสือทาง Internet บางแห่งในอังกฤษ

เอาเป็นว่าหนังสือ CONVERSATIONS WITH THAKSIN นี้ไม่มีวางขายในประเทศไทย ขึ้นไปที่ร้าน Asia Books และ Kinokuniya ที่ Siam Center และ Siam Paragon ข้างบนโน้น ก็จะไม่มีขาย

สำนักพิมพ์มติชน เจ้าของลิทธิ์หนังสือชุด CONVERSATIONS WITH ….ใครต่อใครในเอเชียนี้ ก็ไม่ยอมแปลขาย ทั้งที่แปลเรื่องอื่นขายแล้ว

เล่ม 1 CONVERSATIONS WITH LEE KUAN YEW ก็แปลขายแล้ว
เล่ม 2 CONVERSATIONS WITH DR. MAHATHIR MOHAMMAD ก็แปลขายแล้ว
เล่ม 3 CONVERSATIONS WITH THAKSIN มติชนไม่ยอมแปลขาย
เล่ม 4 CONVERSATIONS WITH BAN KI MOON มติชนก็อุตส่าห์ก็แปลขายแล้ว
ใครเป็นคนสั่งห้ามไม่ให้ขายผมไม่ทราบ
แต่ คุณ นพดล ปัทมะ เคยแถลงว่าเป็นหนังสือน่าอ่าน
และมีให้อ่านที่ห้องสมุดพรรคเพื่อไทย ในกรุงเทพ

ข้อความในหนังสือเล่มนี้ ซึ่งเป็นข้อความที่คุณทักษิณเผลอพูดเองแบบตั้งใจ
และที่คุณทักษิณพูดทั้งหมดเป็นอันตรายต่อคุณทักษิณเอง

เพราะใครได้อ่านก็จะโกรธความคิดอันร้ายกาจของคุณทักษิณ

ใครที่เคยชิงขังคุณทักษิณ ก็จะกลายเป็น เกลียดชังมากขึ้น

ใครที่เคยชอบคุณทักษิณก็จะได้สติ เริ่มชิงชังคุณทักษิณ หรืออาจจะกลายเป็นฝ่ายตรงข้ามกับคุณทักษิณ และระบอบทักษิณทันทีที่อ่านหนังสือเล่มนี้จบ

ผมเองอ่านจบหลายรอบแล้ว

เนื่องจากสำนักพิมพ์มติชนเข้าของลิขสิทธิ์ ไม่ยอมแปลขาย

วันนี้ผมก็ขอแปลเสียเอง

ขอแปลแจก ต่อท่านมวลมหาประชาชน ณ เวทีปทุมวัน และทุกเวทีมวลมหาประชาชนทั่วประเทศ

[หนังสือ Conversations with Thaksin / สนทนา กับ ทักษิณ By Tom Plate]

ปัญหาใหญ่ปัญหาแรกของคำพูดของคุณทักษิณในหนังสือเล่มนี้ คือปัญหาเรื่องการพูดพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นเรื่องที่คุณทักษิณไม่เคยหยุดไม่เคยหลบหลีกที่จะพูดหรือตอบคำถาม และทุกครั้งที่ถูกถามคุณทักษิณก็จะตอบตามที่ใจคิด

คุณทักษิณยินดีที่จะพูดพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ตามที่อยากพูดโดยไม่รั้งรอหรือหยุดคิดให้ถ่องแท้

Tom Plate ในฐานะผู้เขียนก็เอาทั้งหมดมาพิจารณา ปรับแก้ ตัดแต่ง และตัดทอน ให้เหลือเท่าที่ปรากฏในหนังสือ ลงพิมพ์เฉพาะเนื้อหาที่ Tom Plate คิดว่าจะปลอดภัยจากข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ แล้วจึงลงพิมพ์เฉพาะส่วนของบทสนทนาที่ปรับแต่งแล้วจะปลอดภัยเท่านั้น

ส่วนที่เหลือจะเก็บไว้เผื่อมีการพิมพ์ครั้งที่สองในโอกาสที่เหมาะสมในอนาคต

หนังสือเล่มนี้ คุณสุรนันท์ เวชชาชีวะ ก็เป็นผู้ร่วมมือช่วยเหลือ Tom Plate อย่างเต็มที่ คุณสุรนันท์ ช่วยแปลเอกสารสิ่งพิมพ์ส่วนที่เกี่ยวกับบทให้สัมภาษณ์ของคุณทักษิณอีกด้วย

ต่อไปนี้เป็นบางตอนจากหนังสือ …..
Conversations with Thaksin หรือ สนทนากับทักษิณ

ตลอดเล่มของหนังสือเรื่องนี้ คุณทักษิณบอกว่าต้องการกลับประเทศไทย แต่ต้องกลับแบบมีเกียรติ กลับแบบพ้นความผิดทั้งปวง และหวังว่าเมื่อให้น้องสาวเป็นนายกรัฐมนตรีตัวแทนให้แล้ว คาดว่าน้องสาวจะจัดการให้คุณทักษิณได้กลับประเทศไทยโดยเร็วภายใน 12 เดือนแรกที่คุณยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรี

คุณทักษิณบอกไว้ในหนังสือเล่มนี้ว่า:

Thaksin: “พวกเขากลัวผม ไม่ไว้ใจผมว่าจะไม่ตามไปล้างแค้น แต่ผมไม่ตามไปล้างแค้นหรอก”
“แม้ว่าผมไม่ได้อยู่ในเมืองไทย พวกเขาก็ยังไม่ต้องการให้ผมกลับไปเมืองไทย เพราะเขารู้ว่าเขาแข่งกับผมตรงๆก็สู้ผมไม่ได้ ดังนั้นมันก็เป็นเรื่องว่าผมจะกลับไปอย่างไร การกลับประเทศไทยของผมต้องไปอย่างมีเกียรติ ผมจะต้องคอยจังหวะที่เหมาะสม
อาจเป็นตอนปลายปี 2554 … เดือนธันวาคม

“They’re afraid of me, they don’t trust that I’m not out for revenge. But I’m not out for revenge.”
“Even when I am not in Thailand they don’t want me to go back. Because they know they cannot compete directly. So it’s the question of the way I go back. My return must be in a gracious way. And so I have to wait for the right moment. It may be at the end of this year [2011] … in December.”
“No witch-hunt. I think forgiveness is the key. I mean it.”
“I want to forgive and make the whole country forgive each other. Because, if you don’t forgive, you cannot reconcile your country. You cannot be one nation anymore.”

Thaksin: “แน่นอน ผมต้องการกลับประเทศไทย”
“I definitely want to return.”

Tom Plate ถามคุณทักษิณว่า:
Tom: “แต่ถ้าคุณจะกลับไป จำเป็นไหมที่คุณจะต้องกลับไปเป็นนายกรัฐมนตรี? คุณจะกลับไปเป็นรัฐมนตรีที่ปรึกษาอาวุโสให้กับนายกรัฐมนตรีแบบที่นายลีกวนยูของสิงคโปร์เคยเป็นอยู่หลายปีได้ไหม?”
“But if you do go back, do you have to be prime minister? Could you go back as minister-mentor, like Lee Kuan Yew of Singapore used to be for years?”

คุณทักษิณตอบว่า:
Thaksin: “ผมไม่จำเป็นต้องเป็นอะไรทั้งนั้น”
“I don’t have to be anything.”

Tom: “คุณจะกลับไปเป็นแบบโซเนีย คานธี มีอำนาจอยู่เบื้องหลังเก้าอี้นายก รัฐมนตรีอินเดียได้ไหม?
“Could you go back as Sonia Gandhi? The power behind the throne of
India?”

Thaksin: “ผมไม่จำเป็นเลยที่จะเอาตัวเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ยกตัวอย่างหน่อยว่าถ้าพระมหากษัตริย์จะทรงมีพระเมตตามากพอที่จะแต่งตั้งให้ผมเป็นที่ปรึกษาสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ผมก็สามารถที่จะทำให้สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มีเงินมากขึ้น ดังนั้นถ้าทางสำนักพระราชวังแต่งตั้งให้ผมได้รับตำแหน่งอะไรในวังก็ได้ มันก็จะทำให้ผมไปยุ่งกับการเมืองไม่ได้ ตำแหน่งในวังแบบนั้นจะมีผลบังคับให้ผมไม่อาจเล่นการเมืองได้”
“I do not need to involve myself in politics. For example, if the monarchy were kind enough to appoint me as an advisor to the Crown Property. I can help Crown Property do better financially. So, if I were appointed to any position by the Palace, I cannot be involved in politics. That kind of appointment would have the effect of forcing me not to get involved in politics.”

Tom: “ถ้าอย่างนั้นคุณก็อาจรับตำแหน่งที่แต่งตั้งโดยพระราชสำนักใช่ไหม?”
“So you might accept the Palace appointment?”

Thaksin: “ใช่ครับ แต่ผมไม่อยากได้ตำแหน่งองคมนตรี [ในประเทศไทยตำแหน่งนี้สำคัญมาก] ผมไม่ต้องการทะเยอทะยานถึงขนาดนั้น ผมต้องการเพียงพิสูจน์ว่าผมเป็นประโยชน์ต่อประเทศของผม และ ประชาชนของผม… เมื่อผมได้กลับไป แน่นอนว่าผมควรจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอะไรสักอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน”
“Yes. But I don’t want to have a Privy Councilor position [in Thailand a very important posting]. I don’t want to be anything that is ambitious. I just want to prove that I don’t mind being anything, but I want to prove that I am beneficial to my country and my people… When I go back, definitely, I should be appointed something to be beneficial for the country and the people.”

เมื่อ Tom Plate ผู้สัมภาษณ์พาคุณทักษิณเข้าสู่การสนทนาเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ได้แล้ว ไม่ต้องถามเพิ่มเติม คุณทักษิณก็พูดเสริมโยงใยไปถึงเรื่องที่ติดค้างในใจของตนเองออกมาอย่างละเอียด:

Thaksin: “อืมม์ เมืองไทยมันเป็นอย่างนี้ เจ้าหน้าที่รัฐ ฝ่ายทหาร … ใครต่อใคร … [ไม่ทำอะไร] กันเลยจนกว่าจะได้รับสัญญาณ แม้กระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ ตอนที่เราพยายามจะขอประกันตัวพวกผู้นำคนเสื้อแดงของเราให้พ้นจากการถูกคุมขัง เราไปคุยกับผู้พพิพากษาหลายคน และเราขอความเมตตาจากท่าน … ขอให้ปล่อยตัวพวกเรา นี่มันไม่ใช่เรื่องการเมือง คุณก็คงรู้ ตามรัฐธรรมนูญของเรา รัฐบาลลควรจะให้ประกันตัวอาชญากรทุกคน เพราะมันเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ยกเว้นในบางกรณีเป็นการเฉพาะ ดังนั้นพวกเราต้องการปกป้องสิทธิ์ของพวกเขา แต่คณะผู้พิพากษาก็ไม่ยอมให้ประกันตัวคนเสื้อแดง พอเราถามผู้พิพากษาคนหนึ่งว่าทำไมจึงไม่ให้ประกันตัว ผู้พิพากษาคนหนึ่งบอกว่า ‘ไม่มีสัญญาณ’ เราก็เลยบอกว่า ‘ท่านเป็นผู้พิพากษาจริงๆหรือเปล่าล่ะ?’ ผู้พิพากษาถูกจ้างให้มาทำหน้าที่พิพากษา ไม่ใช่ให้มารอดูสัญญาณ ใช่ไหม? แต่ผู้พิพากษาคนนั้นก็บอกกับเราว่า ‘ผมยังไม่ได้รับสัญญาณเลย’ ดังนั้นมันก็ดูเหมือนกับว่าทุกคนเอาแต่รอดูสัญญาณ”
“Well, you know in Thailand, the government officials, the military … they … [don’t do] anything until they get a signal. Even during the effort recently to bail our arrested Red Shirt leaders out of jail, we talked to the judges, and we asked for leniencies … to let them out, you know. This is not a political thing. By our Constitution the government is supposed to grant bail for every criminal because it’s their duty to grant bail, except in certain circumstances, and so we wanted to protect their rights, but the judges would not allow bail for the Red Shirts. And when we asked a judge why, the judge said, ‘There is no signal.’ And we said ‘Are you the judge or not?’ The judge has been hired to judge, not to look for signals, right? But the judge says to us, ‘I got no signal.’ So it looks like everyone is just waiting for signals.”

คุณทักษิณก็ไม่ยอมพูดให้ชัดว่า “สัญญาณอะไร? มาจากใคร? ที่ไหน?” ปล่อยให้เป็นเรื่องกำกวมให้คาดเดากันต่อไป แต่ที่สับสนก็คือคุณทักษิณเอารัฐบาลมาปนกับศาล บอกว่าเป็นหน้าที่รัฐบาลแต่กลับไปคุยกับศาลแล้วโทษศาลว่าไม่ทำตามที่รัฐบาลบอกว่าควรทำ เป็นความสับสนของคุณทักษิณในความไม่รู้เรื่องรัฐธรรมนูญ และไม่เข้าใจว่ารัฐบาลเป็นฝ่ายบริหาร แต่ศาลเป็ยฝ่ายอำนาจยุติธรรม อำนาจอธิปไตยทั้งสองที่แยกกันมานานกว่า 70 ปีแล้ว ส่วนเรื่องการประกันตัวผู้ต้องหาก็ไม่เคยมีกฎหมายให้อำนาจรัฐบาลสั่งศาลให้ประกันตัวใครได้ ยิ่งเป็น “อาชญากร”ด้วยแล้ว ศาลเองก็ไม่มีอำนาจหรือหน้าที่ที่จะต้องให้ประกันตัว “อาชญากร” โดยอัตโนมัติ

เรื่องการแบ่งแยกอำนาจ นิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ นี้เป็นหัวใจของ
“The Spirit of the Laws” งานนิติศาสตร์ปรัชญาวรรณกรรมของ Montesquieu ที่คุณทักษิณชอบอ้างเป็นเสมือนคัมภีร์บริหารประเทศตอนที่เป็นนายกรัฐมนตรี

วันนี้คุณทักษิณไม่อ่าน Montesquieu อีกแล้ว
อ่านแต่ “ตาดูดาว เท้าติดดิน” ฉบับดั้งเดิมที่ยังไม่แก้ไขคำผิดที่ผมอ่านพบ

คราวนี้ Tom Plate ถามแรงมาก ผมไม่นึกว่าคุณทักษิณจะตอบ
ผมไม่คิดว่าคุณทักษิณควรตอบ ถ้าหากคุณทักษิณมีความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์:

Tom : “ใครบ้างที่พอจะกราบบังคมทูลพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีแห่งประเทศไทยได้? พระสันตะปาปาหรือ? อัลเลาะห์ได้ไหม? พระพุทธเจ้าล่ะจะพอได้ไหม? พระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีจะทรงรับฟังใครบ้าง?”
“Who can talk to the King and Queen of Thailand? The Pope? Allah? Buddha? Whom do they listen to?”

คำถามของ Tom หนัก เอียง และ แรงเหลือหลาย

คุณทักษิณไม่ท้วง หรือต่อว่าวิธีตั้งคำถามของ Tom ย้อนกลับไปเลย ราวกับว่าทั้งคุณทักษิณและทอมพูดภาษา “สัญญาณ” เดียวกัน:

Thaksin: “ผมว่าพระเจ้าอยู่หัวทรงเคารพความเห็นจากนานาประเทศ ดังนั้นถ้าหากมันเป็นความเห็นของชาวโลกว่าถึงเวลาแล้วที่เมืองไทยจะต้องปรองดองกัน และให้มีการกราบบังคมทูลปรึกษาหารือกับพระเจ้าอยู่หัวแล้วให้ความคิดบางอย่างกับพระองค์สักหน่อย ถ้าได้อย่างนั้นพระองค์ก็อาจกลับมาทรงคิดได้บ้างว่า เอาหล่ะ นี่เป็นทางออก ผมเชื่อว่านั่นคือทางออกในการแก้ปัญหา”
“Well, His Majesty respects international opinion. So if it is world opinion that this is time for Thailand to reconcile, and there is consultation with His Majesty, and they give him some ideas, then His Majesty might come to think that okay, this is the solution. I do believe that that will be a solution.”

Tom ลากคุณทักษิณลงลึกมากขึ้น ติดกับดักแห่งคำถามนำของนักสัมภาษณ์ระดับนานาชาติสนิทแล้ว:

Tom: “… สมมุติว่าจะมีคนที่น่าเคารพสักคน --- เช่นนายบัน คี-มูน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ --- สมมุติว่าให้ท่านไปกรุงเทพฯ แล้วเข้าเฝ้ากราบบังคมทูลพระเจ้าอยู่หัว โดยบอกว่า ‘ความวุ่นวายและการนองเลือดทั้งหลายที่เกิดขึ้นนั้นมันเป็นสิ่งไม่ดีสำหรับประเทศไทยเลย ทำไมจึงปรองดองกันไม่ได้?’ พระเจ้าอยู่หัวจะทรงรับฟังไหม? พระองค์จะให้นายบัน คี-มูน เข้าเฝ้าไหม?”
“… Supposing someone of respect --- Ban Ki-moon, the United Nations
Secretary General --- supposing he were to go to Bangkok and to talk to the King, and say, ‘There has been all this turmoil and bloodshed, this is not good for Thailand. Why can’t there be reconciliation? Would the King listen? Would the King receive him?

Thaksin: “ผมว่าโดยตำแหน่งของนายบัน คี-มูน พระเจ้าอยู่หัวจะทรงต้อนรับท่านแน่ ตำแหน่งระดับสูงเช่นนั้นเป็นตำแหน่งที่ถูกต้องเหมาะสมในอันที่จะเป็นผู้นำระดับนานาชาติ เพราะพระเจ้าอยู่หัวทรงพระชนมายุระดับอาวุโสมาก พระองค์ทรงเป็นประมุขของประเทศที่ทรงอาวุโสมากที่สุด”
“ครับ ผมว่ามันเป็นงานในหน้าที่ของนายบัน คี-มูน ที่จะต้องแสดงความเป็นผู้นำให้ปรากฏต่อสาธารณชน และแสดงตนให้สมกับเกียรติที่มี เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการแทรกแซงจากต่างประเทศโดยสหประชาชาติ มันไม่ใช่แค่เรื่องกิจการภายประเทศเท่านั้น ปัญหาวุ่นวายนี้มันกระทบทั้งภูมิภาค แล้วยังกระทบอนาคตของประชาธิปไตยด้วย กระทบเรื่องสถานภาพสิทธิมนุษยชนอีกด้วย มันเป็นหน้าที่ของท่านที่จะต้องทำเรื่องนี้”

“I think that given Ban’s position, the King will welcome him. That kind of high-level position is the right position to provide international leadership because His Majesty is very senior. He is the most senior head of state.”

“Yes, It’s the job of Ban to express his leadership to express his leadership publicly and have it honored. This is not a matter of international intervention by the UN, it is not just an internal affair at all. This trouble affects the whole region, and really affect the future of democracy and affects the status of human rights. It’s his duty to do so.”

ทอมถามสวนทางขึ้นมาทันควัน ว่า ….
Tom:“หมายถึงใคร ที่คุณว่ามีหน้าที่จะต้องทำเรื่องนี้ คุณหมายถึงพระเจ้าอยู่หัวหรือ?
“Who, the King?

Thaksin: “ไม่ใช่ ผมหมายถึงนายบัน คี-มูน เป็นหน้าที่ของท่าน ท่านต้องทำ แต่ผมไม่รู้ว่าท่านจะกล้าทำไหม ท่านเป็นคนที่เหมาะสมแล้ว เพราะท่านเป็นคนที่มีหน้าที่รักษามาตรฐานระดับนานาชาติในเรื่องสิทธิมนุษยชน ตั้งคำถามในเรื่องอาชญากรรมสงคราม สนับสนุนศาลอาชญากรรมระหว่างประเทศ คุณก็รู้ว่าในที่สุดประเด็นต่างๆเหล่านี้ [เรื่องความรุนแรงทางการเมืองในประเทศไทย] จะต้องไปสู่ศาลอาชญากรรมระหว่างประเทศ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหรือไม่ก็ตาม ดังนั้นยิ่งถ่วงเวลาออกไปนานเท่าใด…”
No, Ban Hi-moon’s. His duty. He must do it. But I don’t know that he has the courage to do it. He is the right person, because he is the one who upholds the the international standard of human rights, raises questions about war crimes, supports the International Criminal Court. You know, eventually these issues [of political violence in Thailand] will go to the ICC, regardless, so the more things are prolonged…”

Tom พูดแทรกเข้ามาว่า …
Tom: The worse it is for Thailand.”
“ก็ยิ่งเลวร้ายมากขึ้นสำหรับประเทศไทย”

Thaksin: “ใช่แล้ว แต่ผมเกรงว่าท่านคงจะไม่มีความกล้าหาญมากพอ”
“Yes. But I am afraid that he doesn’t have the courage,”

Tom: “คุณหมายถึงใคร พระเจ้าอยู่หัวหรือ?
Who, the King?”

Thaksin: “ไม่ใช่! ผมหมายถึงนายบัน”
“No! Ban.”

การพูดที่ออกมาจากใจจริงๆของคุณทักษิณนี้เองทำให้เรารู้จักตัวตนของคุณทักษิณที่แท้จริง และทำให้คุณทักษิณต้องรับภัยและรับผิดชอบการพูดและกระทำของตัวเอง

ว่ากันเฉพาะเรื่องการเมืองอื่นๆที่คุณทักษิณพาดพิงถึงในหนังสือ สนทนากับทักษิณ หรือ “Conversations with Thaksin” นี้ ก็ทำให้เห็นแผนการณ์ของระบอบทักษิณในประเทศไทยมากขึ้น ชัดเจนขึ้น

ตัวอย่างเรื่องเกี่ยวกับ:

พล เอก เปรม ติณสูลานนท์, ประธานองค์มนตรี
คุณทักษิณพูดว่า:
Thaksin: “ท่านเป็นผู้มีอำนาจมากที่สุดในบรรดาองค์มนตรีทั้งหมด ท่านมีบารมีถึงขนาดสามารถสั่งนายกรัฐมนตรีทั้งหลายให้ “ทำโน่น อย่าทำนี่” ได้เลย และท่านสามารถสั่งผู้บัญชาการทหารบกทหารอากาศว่าควร ‘ทำอย่างนั้น ทำอย่างนี้’ ตอนที่ผมเป็นรัฐบาล ก่อนที่ผมจะถูกโค่นอำนาจ ท่านก็อายุ 80 กว่าแล้ว ใส่เครื่องแบบหทารอันงดงามของท่านออกไปบรรยายตามสถาบันทหารต่างๆ โดยใช้คำเปรียบเปรยว่าให้คิดว่าสถาบันทหารนั้นเปรียบได้ดั่งม้า มาบอกไม่ต้องเชื่อฟังคนขี่ม้า นั่นถือเป็นการบอกใบ้ต่อเหล่าทหารทั้งหลายมิให้เชื่อฟังนายกรัฐมนตรี”
“He’s the most powerful of all the Privy Councillors. He has the clout to tell prime ministers, ‘You do this, you do not do this.’ And he can talk to all the army and air force commanders and say, ‘You should do that, you should do this.’ Now, during my administration, before I was ousted, he, at 80-plus years old, wearing his splendid uniforms, goes to visit every military academy and gives lectures. In one of his lectures he used his metaphor: think of Thailand’s military establishment as a horse; horses don’t have to listen to their jockey. So that was the hint that he told the military, ‘Don’t listen to the prime minister.’”

คุณทักษิณเป็นคนชอบพูด ชอบตอบคำถาม
ถามอะไรมาก็ได้ แต่ชอบจะตอบตามที่ต้องการตอบ ไม่จำเป็นต้องตรงกับคำถาม
[ถาม “มาเลย์” ตอบ “มุสลิม”]

Tom: “ลงไปทางใต้ของประเทศไทย, ที่มาเลเซีย อดีตนายกรัฐมนตรีมหาเดร์เคยเขียนหนังสือที่โด่งดังเรื่องหนึ่งชื่อ “The Malay Dilemma” ในหนังสือเล่มนั้นท่านอ้างว่าปัญหาของคนมาเลย์ก็คือการที่เป็นคนไม่ทะเยอทะยาน ท่านบอกว่าชาวมาเลย์ไม่ชอบทำงานหนัก เขาชอบสนุกกับชีวิตมากเกินไป และคนมาเลย์ก็ไม่มีวันจะพัฒนาประเทศได้อย่างถูกต้องเหมาะสมด้วยวิถีชีวิตแบบนี้”
“To Thailand’s south, in Malaysia, former PM Mahathir wrote a famous book in 1970 called The Malay dilemma, and in that book he claims the problem with the Malays is that they’re not ambitious. He says they don’t really want to work hard. They enjoy life too much, and Malaysia cannot get its country developed properly that way.”

Thaksin: “มันก็แบบเดียวกันกับพวกคนมุสลิมในภาคใต้ของไทย พวกมุสลิมก็เอาแต่ไปโรงเรียนสอนศาสนา พวกเขาไม่ต้องการไปเรียนหนังสือในโรงเรียนธรรมดา
และอย่างที่สอง บ่อยมากที่พวกสามีเป็นคนเกียจคร้าน พวกผู้ชายเอาแต่อยู่ในร้านน้ำชาทั้งวัน นั่งกินน้ำชากันไปวันๆ แล้วก็เล่นนกเขา นกแบบที่มีเสียงร้องได้นั่นแหละ พวกผู้หญิงในบ้านกลายเป็นฝ่ายออกไปทำงานกรีดยาง.”
“พวกผู้ชายไทยมุสลิมจำนวนมาก ไม่มีความทะเยอทะยานจะทำงานทำการอะไรเลย”
“It’s the same with the Muslims in Thailand’s south. They go only to religious schools. They don’t want to go to normal schools. And, secondly, often the husband is very lazy. They want to stay all day in tea-houses, drinking tea, and then playing with the cuckoo bird, the one that can sing. It is the lady of the house who goes to work the rubber trees.”
“Many men have no ambition.”

เป็นคำวิจารณ์จากคุณทักษิณที่ดูแคลนชาวไทยมุสลิม ท้าทายความสงบในชีวิตของคุณทักษิณอีกวาระหนึ่ง ถ้า...หรือเมื่อ...คุณทักษิณกลับมาประเทศไทย
[ถามแดง ตอบเหลือง]

Tom: “คุณให้เงินสนับสนุนพวกเสื้อแดงบ้างหรือเปล่า? … คุณส่งเงินไปให้พวกแดงบ้างไหม?”
“have you been funding them?… Have you sent them money?”

Thaksin: “(ทักษิณถอนหายใจ): “คุณรู้ไหมว่าไม่มีกฎหมายห้ามเรื่องบริจาคเงินให้กลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมือง แต่ว่าส่วนใหญ่เขาก็ได้เงินบริจาคจากที่นี่บ้างที่โน่นบ้าง”
(He sighs) “You know, there is no law prohibiting sending funds to any movement, but most of them they get donations from here and there.”

Tom: “จากที่ไหนล่ะ?”
From where?”

Thaksin: “จากที่นี่ ที่โน่น … มีหลายคนสนับสนุนพวกเสื้อแดง รู้ไหม. แล้วพวกเสื้อเหลืองนั้นล่ะ มีพวกคนระดับสูง ผู้มีอำนาจ --- อำนาจเก่าระดับบน --- บริจาคให้ … ให้เยอะด้วย บางที่ก็ให้กันอย่างเปิดเผย ที่อย่างนั้นทำไมไม่มีใครว่า พอเวลามาพูดถึงเงินบริจาคให้พวกเสื้อแดง เราได้รับบริจาค --- ส่วนใหญ่เป็นเงินไม่มาก --- แต่เรา
ไม่ต้องไป [จ้าง] คนมาร่วมชุมนุม พวกเสื้อแดงเขาชุมนุมกันเพราะจะมาต่อสู้ แต่พวกเสื้อเหลือง --- บางทีเขาต้องจ่ายเงินจ้างให้มาชุมนุมกันเสมอๆ พวกเสื้อเหลืองต้องการใช้เงินมากๆ ส่วนพวกเรานั้นได้รับเงินบริจาคจากที่นี่ที่โน่น และได้จากเพื่อนๆด้วย --- จากพวกเพื่อนๆ และพวกญาติ พี่น้องของผมบางคนเขาอาจบริจาคด้วย ผมไม่รู้ และผมไม่ได้ทำอะไรเลยเพราะผมอยู่ที่นี่ แต่บางทีถ้าเพื่อนผมบางคนอยากจะสนับสนุนขบวนการเสื้อแดง ก็ได้ เขาคงบริจาคกัน”

“From here and there … many people support the Reds, you know. Then the Yellow Shirts, even some member of the elite establishment -- old establishment and elite ---make donations … big money, sometimes openly. No one criticizes that. But for us, we get donations --- but mostly small donations --- but we don’t have to [hire] people to come. They come because they want to fight, but the Yellow Shirts --- sometimes they have to pay people, you know, they sometimes pay those who come to demonstrate and so on. So they need a lot of money. We don’t need a lot of money. We get donations from here and there, and also some friends---some friends, some of my relatives, maybe they donate. I don’t know. And I did not do anything because I’m here. But maybe if some of my friends would like to support the movement, well yes, they do.”

Tom: “แล้วตัวคุณหล่ะ คุณส่งเงินไปมากน้อยเท่าไร ที่ส่งไปให้พวก(เสื้อแดง)ที่สนับสนุนคุณ?”
“ But how much money have you sent back, or given to your supporters?”

Thaksin: “ผมมีเงินนอกประเทศไทยไม่มากนัก และยังต้องใช้เงินลงทุนบางอย่างอยู่บ้าง ผมมีเงินของ ครอบครัวอยู่ในเมืองไทย ผมไม่เคยส่งเงินกลับไปประเทศไทยเพื่ออะไรเลย”
I don’t have much money outside Thailand and I still doing some investing. I have my family money in Thailand. I never send money back to Thailand for anything.”

Tom: “แต่คุณคงมีวิธีเอาเงินออกจากบัญชีในกรุงเทพฯให้พวกคนของคุณ?”
“But do have ways of getting money out of your accounts in Bangkok to your people?”

Thaksin: “ทุกบาททุกสตางค์ที่มีอยู่ที่โน่น --- ครอบครัวผมถูกเฝ้าตามดูอย่างใกล้ชิดโดยพวกเขา --- ความเคลื่อนไหวทุกฝีก้าวถูกติดตามดูตลอด
“Everything that is there---they have been monitoring my family closely---every movement will be monitored.”

Tom: “ครับ แล้วคำตอบว่าไงครับ? คุณให้เงินสนับสนุนพวกเสื้อแดงของคุณหรือเปล่า?”
“Right. So what is the answer? Are you funding your Reds or not?

Thaksin: “เปล่า”
“No.”

Tom: “เปล่าจริงๆหรือ?”
“You’re not.”

Thaksin: “เปล่าเลย จริงๆ”
“No.”

Tom: “โอเค, เปล่าก็เปล่า, เพราะถ้าเกิดพบที่หลังว่าคุณสนับสนุน มันจะดูไม่ดีนะครับ”
“Okay, because if it comes out you are, it’s going to be awkward.”

Thaksin: “เปล่า, ไม่ได้ให้, บอกว่าเปล่าก็เปล่า”
“No, no.”

Tom: “ครับ เปล่าก็เปล่า”
“Alright.”

Thaksin: “ไม่ได้ให้ จริงๆ โธ่!”
“No.”

Tom: “แต่ผมว่าถึงอย่างไรก็ไม่มีอะไรผิดนะครับหากจะให้เงินสนับสนุน ผมไม่คิดว่ามันจะผิดศีลธรรมอะไรเลย ที่ผมถามก็เพราะแค่อยากทราบความจริงเท่านั้นเอง”
“I don’t think there is anything wrong with it. I don’t think there is anything morally wrong with it. I’m just asking, just trying to find out the truth.”

Thaksin: “ไม่, ไม่มีอะไรผิดหรอกที่จะบริจาคเงิน”
“No, nothing wrong with it.”

Tom: “ในทางกฎหมายก็คงไม่มีอะไรผิด แต่ว่าไม่น่าจะเป็นวิธีที่ถูกต้องในการสร้างประชาธิปไตย ไช่ไหมครับ?”
“Nothing wrong legally, perhaps; but surely it’s no way to run a democratic railroad. Right?”

คุณทักษิณผงกศีรษะรับว่าเห็นด้วย
He nods in agreement.



ไม่มีบทสนทนาช่วงไหนจะสนุกเท่ากับช่วงนี้เลย
คุณทักษิณไม่ตอบเสียยาว
จนรู้คำตอบที่ไม่ยอมตอบในที่สุด
เป็นคำตอบที่ผมรู้ดีอยู่แล้วเป็นส่วนตัว
เชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ก็รู้คำตอบเช่นกัน …
นี่คือตัวตนที่แท้จริงของ พันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร
คุณทักษิณโกงเก่ง แต่โกหกไม่เก่ง ถ้าเจอคำถามซับซ้อม วกวนไปมา ถามแรงๆ ชนแรงๆ คุณทักษิณก็ตอบยาวจนแม้ไม่ถามก็ยังตอบอีกต่างหาก

ผมอยากขอสัมภาษณ์คุณทักษิณสักชั่วโมงจริงๆ
กินข้าวด้วยสักมื้อก็ได้ แล้วผมจะจ่ายให้สัก 200,000 อีกต่างหาก!

[ทักษิณอยากกลับประเทศไทยทำไม?]

คุณทักษิณอยากกลับมาประเทศไทยทำไม?

ปี 2537 ก่อนเข้าสู่การเมือง คุณทักษิณมีทรัพย์สิน $1.6-$2.2 พันล้าน
พอร่ำาวยมากมายมหาศาลขึ้น แล้วทำความผิดถูกยึดทรัพย์ คุณทักษิณบ่นกับ Tom ว่า:

Thaksin: “ตอนนี้เหลือความมั่งคั่งร่ำรวยน้อยลงไป เพราะรัฐบาลไทยโขมยเงินผมไป”
“Because the government robbed me, (now I have) less.

Thaksin: “พวกคณะปฏิวัติยึดอำนาจปล้นเงินผมไปโดยใช้ศาลการเมืองเป็นเครื่องมือ พวกเขาเอาไปอย่างหน้าด้านๆถึง $1.4 พันล้าน โดยการยึดส่วนของราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นตอนที่ผมเป็นนายกรัฐมนตรี รวมทั้งดอกเบี้ยและเงินปันผลช่วงที่ผมเป็นนายกรัฐมนตรีด้วย”

“ … I was robbed by the junta through the political court. They ridiculously took away US$1.4 billion by confiscating the proportion of each share price that increased while I was prime minister, including the interest and dividends earned during my prime-ministership.”

[บทส่งท้าย]

ท้ายสุด … คุณทักษิณก็ถูก Tom Plate ถามให้ประเมินความรู้สึกทั้งหมดต่อชีวิต
และการกระทำที่ผ่านมา:

Tom: “คุณรู้สึกเสียใจบ้างไหม?”
“Do you have any regret?

Thaksin: “ครับผมรู้สึกเสียใจ, … แต่ความจริงก็คือว่า ผมจะทำแบบเดิมอีก ถ้าผมสามารถทำใหม่ได้ ผมก็จะทำอย่างเดิมทั้งหมด ถ้าพรุ่งนี้ทำได้ผมก็จะทำพรุ่งนี้เลย พวกเขาสามารถเตะโด่งผมออกนอกประเทศไปได้อีก แล้วผมก็จะตอบโต้สู้กลับ ให้ผมได้กลับบ้านอีก และถ้าพวกเขาทำกับผมอีก ผมก็จะสู้กับมันอีก และผมจะกลับมา”
“Yes, … but the truth is I would do it again. If I could do it all again
Tomorrow I would. They could kick me out again, and I’d fight back and I’d go back home. And if they do that again, I will fight it, and I will be back.”


เป็นการยืนยันรับประกันชัดเจนโดยตรงจากปากคุณทักษิณว่า
คุณทักษิณจะไม่สำนึกผิดอะไรทั้งส้ิน
หากกลับมาประเทศไทยอีกก็จะทำแบบเดิมอีก
ไม่เปลี่ยนแปลง
ถ้าถูกขัดขวางอีก ก็จะสู้ไม่ถอย
ถูกผลักดันให้ออกไปนอกประเทศอีก ก็จะสู้อีก
จะกลับมาทำอย่างเดิมแน่นอน!


(หมายเหตุ :ที่มาของ สคริปต์ "ดร.สมเีกียรติ" บนเวทีปทุมวัน จากเฟซบุ๊ก BLUESKY Channel )

ละคร "คนเหนือโลก" หมอดูอีที Swe Swe Win from Burma








เผยแพร่เมื่อ 4 พ.ย. 2012 "ต๊ะ-นิรัตติศัย กัลย์จาฤก" นำทีมนักแสดงและทีมงานป๊าสั่ง ย่าสอนบุกประเทศพม่า ปักหลักถ่ายทำละครชีวิตจริงของหมอดูมหัศจร­รย์ "หมอดูอีที" โหรชื่อดังชาวพม่าที่หยั่งรู้อนาคตและสามา­รถทำนายทายทักได้อย่างแม่นยำ






17/17 พฤศจิกายน เป็นเบื้องหลังการถ่ายทำ
18      พฤศจิกายน  โชว์วัฒนธรรม และเบื้องหลังภาพ บรรยากาศการถ่ายทำในพม่า แนะนำตัวละคร กิจกรรมต่าง ๆ
24      พฤศจิกายน  เสนอ "รอยทัวร์ รอยธรรม"
25      พฤศจิกายน  ตามรอยละคร "คนเหนือโลก"  ติดตามชมได้ (ทุกวันเสาร์-อาทิตย์)












วันจันทร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2557

กระชากเครือข่ายโกงข้าวทุกเม็ด





No, Thailand's protesters don't want 'less democracy' พร้อมคำทำนายหมอดูอีทีจากพม่า Swe Swe Win


"No, Thailand's protesters don't want 'less democracy'"

"Democracy does not begin and end with the ballot box – it's a myth that this is all about an elite rejecting the popular vote"

http://www.theguardian.com/commentisfree/2014/jan/25/thailand-protesters-less-democracy-myth



Anti-government protesters in Thailand
'Opposing Thaksin Shinawatra's proxy government is not seen as antidemocratic – as Thaksin himself is antidemocratic in substance.' Photograph: Wason Wanichakorn/AP








คำทำนายหลวงพ่อฤาษีลิงดำ






Thaksin paid Cambodian to voted in Thailand, hired many gun men from Cambodia to kill Thai people


''


ชัดมากภาพบนคือคนยิง.. นี่ก็อีกมุมที่มันยิงใส่รถ.. และเป็นมุมที่กระสุนเข้ารถมากที่สุด.. ดูจากภาพล่างคือเพิ่งถ่ายจุดรอยกระสุนวันนี้ค่ะ.. และตำรวจยืนกันยังไงถึงได้ไม่ยิงโจร โจรมันยิงกระนำใส่รถ มีตำรวจทั้งนอกเครื่องแบบและในเครื่องแบบ ยืนเฉยได้ไง???
ก่อนคุณสุทินถูกยิงตาย ได้ไปตรวจบัตรเขมรที่มารับจ้างลงเลือกตั้งล่วงหน้าค่ะ..จากนั้นตะกวดก็ปล่อยตัวเขมรกลุ่มนี้ไป โดยมี 2 ส.ส. เป็นคนไปรับและให้เปลียนเสื้อค่ะ."



ภาพคุณสุทินตรวจบัตรเขมรรับจ้างต่อหน้าธารกำนัลและตะกวด เรียกว่าฉีกหน้ากันเลย พอเห็นแบบนี้แล้ว การตายของคุณสุทินก็ชักน่าคิดนะครับ









เขมรที่ยังจับไม่ได้ มีอีกกี่แสนคน?? 15 ล้านเสียง ได้มาแบบนี้เหรอ พรรคเพื่อไทย??

"วิชาญ มีนชัยนันท์" ผู้สมัคร สส.พรรคเพื่อไทย
ตัวบงการ เอาเขมร 22 คน เข้ามาแอบลงคะแนนเลือกตั้ง ที่เขตบึงกุ่ม
...
ตร.ปล่อยตัว "ต่างด้าว" เสื้อขาว 22 คน ที่ไม่บัตร ปชช. ไปแล้ว
หยุดถามกันได้แล้วว่า ตร.มีเกียรติรึไม่!!!

"พลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ" และ "วิชาญ มีนชัยนันท์" ผู้สมัคร สส.พรรคเพื่อไทย เขตบึงกุ่มและมีนบุรี เข้าเยี่ยมชายชุดขาวที่ถูกจับที่ สนง.บึงกุ่ม ยืนยัน "คนไทย"

โดยกลุ่มชายชุดขาว ที่คาดเป็นชาวเขมรกว่า 20 คนพยายามตัดโซ่เปิดประตู สนง.เขตบึงกุ่ม ตรวจสอบพบก้อนหินแต่ไม่พบบัตรประชาชน คาดหวังก่อเหตุ ตร.พาไปสน.แล้วเป็นเขมรทำงานอยู่โรงงานแถวเสรีไทยโดยเจ้าของเป็นคนเสื้อแดงพามา










วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2557

คลิป ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล ซัดคำตอบ ทักษิณ ในหนังสือ Conversation with THAKSIN Tom Plate








 คลิป ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล ปราศรัย งัดคำตอบ ทักษิณ ในหนังสือ Conversation with THAKSIN  ที่คนไทยไม่มีโอกาสได้อ่าน เกี่ยวกับการพูดความจริงทำลายตัวเอง บอกทักษิณเป็นคนโกงเก่ง แต่โกหกไม่เก่ง ชี้แต่ละคำตอบทำร้ายตัวเองทั้งเรื่องสถาบัน มุสลิม การหวังกลับประเทศไทยโดยไม่มีความผิด

           เมื่อเวลา 22.00 น. ของวานนี้ (26 มกราคม 2557) ที่เวที กปปส. ปทุมวัน ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล นักวิชาการด้านการสื่อสารมวลชน ได้ขึ้นเวทีปราศรัยเป็นครั้งที่ 2 โดยได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อการจากไปของ นายสุทิน ธราทิน แกนนำ กปท ซึ่ง ดร.สมเกียรติ บอกว่า นายสุทินคงยังอยู่ไม่ไกลและคอยดูการต่อสู้ของพวกเราจนกว่าจะบรรลุชัยชนะ

           ดร.สมเกียรติ กล่าวต่อว่า ในวันนี้ตนได้กอด นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. คนที่มวลมหาประชาชนรักกับเขาบ้าง ซึ่งรู้สึกเป็นบุญเหมือนกันที่ได้กอดนายสุเทพ แต่ถ้าจะหอมแก้มแสดงความรักแบบคนอื่นก็คงจะไม่ไหว เพราะว่าคนเราจะรักใคร่ชอบพอกัน ไม่ควรจะรักทั้งหมด 100% ควรเว้นระยะห่างไว้สักนิดหนึ่ง ขอพื้นที่กันไว้ตำหนินายสุเทพ ในเวลาที่เห็นว่าต้องตำหนิบ้าง

           สำหรับการชุมนุมของ กปปส. ตลอด 2 เดือนกว่า ๆ ที่ผ่านมา คุณสุเทพก็ได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์มากมาย ตนเองก็เคยวิจารณ์และวิจารณ์มากด้วย เพราะไม่เห็นด้วยในเรื่องกระบวนการปลีกย่อย เล็ก ๆ น้อย ๆ แต่อย่างไรก็ตาม นายสุเทพก็ได้ปรับวิธีการทำงานเรื่อยมาแบบไม่รั้งรอ ซึ่งเรื่องนี้ชี้ให้เห็นว่า นายสุเทพเคารพในเหตุผลของผู้ท้วงติง ไม่ว่าจะเป็นใคร หรือเวทีไหน นายสุเทพก็รับฟัง ถือได้ว่าเป็นนักประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ต่อจากนี้หากเราล้มระบอบทักษิณสำเร็จ และกลายเป็นระบอบสุเทพ แต่หากระบอบสุเทพเป็นระบอบที่ไม่สมบูรณ์ มวลมหาประชาชนก็ต้องล้มระบอบสุเทพได้เช่นกัน

           ในการปราศรัยครั้งที่ 2 นี้ ดร.สมเกียรติ ได้หยิบยกนำเนื้อหาในหนังสือ Conversation with THAKSIN  ที่ Tom Plate เคยสัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อปี พ.ศ. 2554 มาเปิดเผยด้วย โดยระบุว่า หนังสือ Conversation กับคนดังต่าง ๆ มีทั้งหมดด้วยกัน 4 เล่ม ซึ่งของคุณทักษิณเป็นเล่มที่ 3 แต่สำนักพิมพ์มติชนกลับไม่แปลนำออกมาขาย ทั้ง ๆ ที่แปลเล่มที่เหลือออกมาวางจำหน่ายหมด ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่า หนังสือเล่มนี้เพราะอะไรถึงถูกห้ามตีพิมพ์และห้ามแปลให้คนไทยอ่าน คนที่จะเป็นเจ้าของเล่มนี้ได้ต้องสั่งซื้อมาจากต่างประเทศเท่านั้น

           สำหรับบทสนทนาข้างใน ดร.สมเกียรติ ขอแปลให้มวลมหาประชาชนได้ทราบกัน โดยระบุว่า ใครที่อ่านหนังสือเล่มนี้ จากที่ชิงชัง พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่แล้ว ก็จะเกลียดชังมากขึ้น ใครที่ไม่ชอบอยู่แล้วก็อยากจะล้มระบอบทักษิณทันที ส่วนเสื้อแดงที่ได้อ่าน ก็คงอยากจะล้มระบอบทักษิณนี้เช่นกัน
           เป็นเพราะว่าหนังสือเล่มนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้พูดทุกอย่างออกมาจากหัวใจโดยไม่ระมัดระวัง และคำพูดดังกล่าวเป็นอันตรายกับตัว พ.ต.ท.ทักษิณ เอง ซึ่งปัญหาใหญ่ของหนังสือเล่มนี้ คือการพูดพาดพิงถึงสถาบัน ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เคยหยุดไม่เคยเลี่ยงที่จะพูด แถมยังพูดออกมาจากใจแบบไม่รั้งรอหรือหยุดคิดเลยสักนิด ทำให้ Tom Plate ผู้ที่สัมภาษณ์รุกหลายคำถามจนได้คำตอบที่ไม่คาดคิดออกมาจากปาก พ.ต.ท.ทักษิณ

           เริ่มต้นด้วยคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่บอกว่าต้องการกลับประเทศไทย และต้องการกลับอย่างมีเกียรติ พ้นความผิดใด ๆ ทั้งปวง โดย พ.ต.ท.ทักษิณ หวังว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นน้องสาว จะจัดการให้ตนเองนั้นกลับประเทศไทยได้ในช่วง 12 เดือนแรกของการเป็นนายกฯ ในช่วงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2554 พร้อมกล่าวถึงคนไทยว่า กลัวตนเอง พวกเขาไม่ไว้ใจตน พร้อมจะตามล้างแค้น จึงทำให้ตนกลับเมืองไทยไม่ได้ เพราะเขารู้ว่าหากแข่งกับตนตรง ๆ ก็สู้ตนไม่ได้... ดร.สมเกียรติ กล่าวต่อว่า แต่อย่างที่รู้กันดีว่า วันนี้ผ่านเดือนธันวาคม พ.ศ. 2554 มาหลายปีแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ยังไม่ได้กลับ

           Tom Plate ถามต่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือเป็นที่ปรึกษารัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือไม่ หากได้กลับประเทศไทยอีกครั้ง ด้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบว่า "ถ้าพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระเมตตา แต่งตั้งผมเป็นผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ผมก็สามารถที่จะทำให้สำนักงานทรัพยสินส่วนพระมหากษัตริย์มีเงินมากขึ้น ดังนั้น ถ้าสำนักพระราชวังจะแต่งตั้งให้ผมมีตำแหน่งในวังอะไร มันก็จะทำให้ผมไม่สามารถไปทำงานการเมืองได้ ตำแหน่งในวังเหล่านั้นจะบังคับให้ผมไม่อาจจะเล่นการเมืองได้" ดร.สมเกียรติ แปลความหมายที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบคำถามให้ฟัง

           นอกจากนี้ Tom Plate ยังหลอกล่อถามอีกว่า พระเจ้าอยู่หัวและพระราชินี จะทรงรับฟังใครได้บ้าง พระสันตะปาปา พระอัลเลาะห์ หรือพระพุทธเจ้า พระองค์จะทรงรับฟังไหม พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบว่า "ผมว่าพระเจ้าอยู่หัวทรงเคารพความเห็นจากนานาประเทศ ดังนั้น ถ้านานาประเทศร่วมกันให้ความเห็น แล้วให้ความคิดบางอย่างกับพระองค์สักหน่อย ถ้าได้อย่างนั้น พระองค์ก็อาจจะทรงกลับมาคิดได้ว่า นั่นคือทางออก"

           ดร.สมเกียรติ เล่าต่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ระบุถึงเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ฝ่ายทหาร จะทำอะไรก็ต้องได้สัญญาณก่อน อย่างเช่นตอนขอประกันผู้นำเสื้อแดง ซึ่งตนต้องการให้ประกันผู้นำออกมาทุกคน แต่ผู้พิพากษาไม่ให้ประกัน เพราะต้องรอสัญญาณก่อน

           จากคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น ดร.สมเกียรติ ชี้แจงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีจุดอ่อนคือไม่เข้าใจรัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง รัฐบาลเป็นฝ่ายบริหารและศาลเป็นฝ่ายยุติธรรม ซึ่งแยกกันมาแล้วกว่า 70 ปี และศาลไม่สามารถทำตามคำสั่งของรัฐบาล โดยปล่อยตัวอาชญากรโดยอัตโนมัติได้ 

           นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้ให้สัมภาษณ์ในหนังสือถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ว่าเป็นองคมนตรีที่มีบารมีมากที่สุดในบรรดาองคมนตรีด้วยกัน สามารถสั่งนายกฯ ให้ทำโน่น ทำนี่ได้ และเปรียบเปรยว่า ทหารเป็นเหมือนดังม้า ไม่ควรที่จะต้องฟังคำสั่งคนขี่ม้าเสมอไป นี่แสดงให้เห็นว่า พล.อ.เปรม สั่งให้ไม่ให้เชื่อฟัง พ.ต.ท.ทักษิณ

           ดร.สมเกียรติ ยังได้เล่าถึงการตอบไม่ตรงคำถามของ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้ได้ฟังว่า ทาง Tom Plate  ได้กล่าวถึงประเทศมาเลเซียเกี่ยวกับการปกครองว่าประเทศไม่สามารถพัฒนาต่อไปได้ เพราะคนในประเทศไม่ค่อยทำงานหนักและสนุกกับชีวิตมากเกินไป โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ได้กล่าวเสริมว่า มันก็เป็นแบบเดียวกับมุสลิมทางภาคใต้ของประเทศไทย ที่เด็กเอาแต่ไปโรงเรียนสอนศาสนา ไม่ต้องเข้าเรียนโรงเรียนธรรมดา ส่วนสามีมุสลิมก็เป็นคนที่เกียจคร้าน นั่งในร้านน้ำชาทั้งวัน และวัน ๆ ก็เอาแต่เลี้ยงนกเขา ขณะที่ฝ่ายผู้หญิงก็ต้องเป็นคนไปทำงาน กรีดยาง... ทั้งนี้ ดร.สมเกียรติ กล่าวว่า การให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการท้าทายความสงบในชีวิตของตนเองเป็นอย่างมาก

           นอกจากนี้ ดร.สมเกียรติ ยังได้แปลบทสนทนาเกี่ยวกับการบริจาคเงินให้คนเสื้อแดงด้วย โดย Tom Plate ได้ถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ให้เงินบริจาคกับคนเสื้อแดงบ้างไหม ด้าน พ.ต.ท.ทักษิณ กลับตอบไม่ชัดเจนแบบคำถามที่แล้ว ๆ มา แต่กลับกำกวม วกวน พร้อมระบุว่าตนเองมีเงินนอกประเทศน้อย ก่อนที่จะกล่าวยืนยันว่าไม่ได้ให้เงินกับพวกเสื้อแดงเลย ส่วนญาติพี่น้องของตนก็บริจาคบ้าง และตนก็ถือว่าการบริจาคเงินให้กับผู้ชุมนุมทางการเมืองไม่ได้มีความผิดอะไร และไม่ได้คิดว่าผิดศีลธรรม...

           ดร.สมเกียรติ กล่าวต่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนโกงที่สุด โกงเก่งที่สุด แต่โกหกไม่เก่ง พอเจอคำถามซับซ้อนไปมา ๆ ก็จะตอบวน ๆ ในฐานะที่ตนเป็นนักข่าวเก่า ก็อยากจะนัด พ.ต.ท.ทักษิณ สัมภาษณ์สัก 2 ชั่วโมง พร้อมให้เงินสองแสนด้วยเป็นค่ากินข้าว

           ส่วนสาเหตุที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการกลับไทยนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ให้สัมภาษณ์ในหนังสือว่า เป็นเพราะตัวเองถูกรัฐบาลขโมยเงินไป  1,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถูกปล้นเงินไปโดยคณะปฏิวัติ และจะกลับไปเอาเงินคืน ซึ่งหากกลับไปแล้วก็จะทำทุกอย่างเหมือนเดิม จะทำใหม่ให้เหมือนเดิมอีกครั้ง ถ้าทำพรุ่งนี้ก็จะทำพรุ่งนี้เลย และถ้ามีใครที่ต่อสู้กับตนก็จะต่อสู้กลับอย่างแน่นอน

           ดร.สมเกียรติ กล่าวว่า จากบทสนทนาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ดังกล่าว เห็นได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้มีสำนึกผิดใด ๆ ทั้งสิ้น และจะกระทำการเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ใครขัดขวางก็จะสู้ไม่ถอย ดูท่าแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ คงไม่มีโอกาสปรองดองกับประชาชนเป็นแน่แท้ และนี่คือเรื่องจริงจากปาก พ.ต.ท.ทักษิณ ที่คนไทยไม่มีโอกาสได้อ่าน
           อย่างไรก็ตาม ดร.สมเกียรติ กล่าวต่อว่า ขอยืนยันให้มีการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง และจะขึ้นมาพูดปราศรัยกับเวที กปปส. อีกครั้งอย่างแน่นอน


ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล ต้องล้มระบอบทักษิณ 31/01/2014

MANA PRADITKET

MANA PRADITKET
Handpainted oil painting by Mana Praditket

NIRAN PAIJIT

NIRAN PAIJIT
Original handpainted oil painting by Niran Paijit

PRAYAD TIPPAWAN

PRAYAD TIPPAWAN
ORIGINAL IMPRESSIONAL OIL PAINTING BY PRAYAD TIPPAWAN

Achara 34 (24x36)

Achara 34 (24x36)
ORIGINALl OIL PAINTING

Amornsak Livisit 74 (24x36)

Amornsak Livisit 74 (24x36)
ORIGINAL OIL PAINTING, Impressionist style

Suwan Khanboon 11 (24x24 inches)

Suwan Khanboon 11 (24x24 inches)
Original handpainted oil painting abstract style

NIRAN PAIJIT

NIRAN PAIJIT
ORIGINAL ABSTRACT STYLE OIL PAINTING BY NIRAN PAIJIT

Chavalit (Pong)

Chavalit (Pong)
PINTO Horses

Komez 78 (22x30)

Komez 78 (22x30)
Original handpainted pastel painting on paper

KOMES

KOMES
Handpainted pastel painting by Komez

PRATHOUN

PRATHOUN
ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING BY PRATHOUN

THAVORN IN-AKORN

THAVORN IN-AKORN
ORIGINAL OIL PAINTING BY THAVORN IN-AKORN (SIZE 20x30")

THAVORN IN-AKORN

THAVORN IN-AKORN
Original oil painting by Thavorn In-akorn

Facebook


ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING

PHOTO GALLERY

PHOTO GALLERY

Facebook

PHOTO GALLERY