เรื่องนี้ยาว.....ย..า...ว......
แต่เมื่ออ่านมีความสุขมาก
ยิ่งอ่านก็ยิ่งภูมิใจ........ต้องอ่านให้จบ !
ความแข็งแกร่งของประเทศไทย ประเทศไทยของคนไทยทุกคน
ในบรรดาประเทศที่เป็นสมาชิกของสหประชาชาติเกือบสองร้อยประเทศ และมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นสมาชิกขององค์การ การค้าโลก 156 ประเทศ ที่รัสเซียเป็นสมาชิกรายล่าสุด
ประเทศไทยมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 31 ของโลก
เป็นตลาดที่มีกำลังซื้ออันดับที่ 24 ดังนั้นอียู และอเมริกาจืงกระตือรือร้นที่จะมาขอทำเขตการค้าเสรี ที่เรียกว่า Free Trade Area
ประเทศไทยเป็นประเทศผู้ส่งออกอันดับที่ 28 ซื่งแสดงว่า ถ้าประเทศไทยส่งออกไม่ได้ หรือไม่ส่งออก วุ่นทั้งโลก เห็นกันมาแล้วในตอนที่บริหารงานน้ำไม่เป็น การผลิตรถยนต์ คอมพิวเตอร์ วุ่นวายไปหมดทั้งโลก
เมื่อไทยเกิดวิกฤติการเงินก็ส่งผลให้ลามไปทั้งเอเซีย รัสเซีย เข้ายุโรปด้วย ไปจนถืงละตินอเมริกา ประเทศไทยเล่นได้แซ่บแค่ไหน รู้กันดี
CIA แอบรวบรวมข้อมูลเงินต่างประเทศที่ไหลเข้ามาลงทุนในประเทศไทย แล้วตะลืงว่ามีถืง 200 พันล้านเหรียญ อันนี้เป็นลงทุนทำโน่นนี่จริงๆ ไม่ใช่เงินในตลาดหุ้น เป็นที่อิจฉาของประเทศใกล้เคียงมาก
ที่เงินไหลเข้ามาลงทุนในไทย มีหลายสาเหตุ เช่น คนไทยหน้าตาดี คนไทยทำงานเก่ง ประเทศที่คนไม่เก่งเขาไม่ค่อยไปลงทุนด้วย
เวียดนามทุ่มสุดตัวสร้างโรงกลั่นน้ำมัน ปรากฏว่ากลั่นไม่ได้เรื่อง น้ำมันที่ได้คุณภาพต่ำ ต่างจากฝีมือวิศวกรไทย นักเคมีไทย เป็นผู้กลั่นน้ำมันที่สำคัญของเอเชีย
เทียบกันทั่วโลกแล้ว ประเทศไทยจัดว่าเป็นประเทศที่การลงทุนทำได้ง่ายเป็นอันดับที่ 17 ของโลก เท่่าๆแคนาดา และเยอรมัน เช่น กู้เงินได้เร็ว ก่อสร้างได้เร็ว หาคนทำงานได้เร็ว จดทะเบียนบริษัทได้เร็วมาก
เป็นประเทศที่ส่งออกและนำเข้าอันดับยี่สิบของโลก ถ้าไม่เอาทองเข้ามาเยอะ และไม่จำนำข้าวมโหฬารจะเกินดุลการค้า เกินดุลบัญชีเดินสะพัดแน่นอน
ในยุคที่รายได้สำคัญของประเทศเกิดจากการขายการท่องเที่ยว การศืกษา การขนส่งทางอากาศ บริการสนามบิน กำไรจากการค้ากับต่างชาติเช่นค้าชายแดน ขายที่แพลตินั่ม โบ๊เบ๊ สำเพ็ง ขายบริการท่าเรือ เดินเรือ ขนส่งสินค้าทางบก บริการการแพทย์ ขายบริการเทเลคอม บริการธนาคาร หลักทรัพย์ บริหารงานก่อสร้าง ลงทุนก่อสร้าง ขายบริการนักบิน แอร์ สปา
ประเทศไทยทำได้ไม่เลว ครับ เป็นประเทศที่ทำรายได้จากอุตสาหกรรมฐานความรู้ ความชำนาญเป็นอันดับที่30 ของโลก
เป็นประเทศผู้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรมอันดับสิบเจ็ด
ประเทศไทยผลิตสินค้าเกษตรเป็นที่ 11 แต่เนื่องจากผลิตได้มากเกินไป จืงกลายเป็นผู้ส่งออกอาหารอันดับหก แนวเดียวกับเดนมาร์ก ออสเตรเลีย
นักธุรกิจไทยโดยเฉพาะผู้หญิงน่ากลัวมาก เล่นของกันทั้งนั้น มีทั้งนางกวัก เจ้าแม่กวนอิม ฮวงจุ้ย พระพิฆเณศร์ ซองดักเงิน สักยันต์ เป่าคาถาใส่ลูกค้า ไหว้เจ้าที่ ห้อยพระ ติดสินบนเทพต่างๆ ผมเคยอธิบายให้เพื่อนฝรั่งฟัง แต่ก็ไม่รอด หย่าเมียมาแต่งงานกับสาวไทย ถูกเทคโอเวอร์ไปเรียบร้อย โดนของ
ประเทศนี้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาอันดับที่ 19 ของโลก ขายบริการสนามบินได้เป็นอันดับที่17
ถ้าออสซี่ไม่พักกรุงเทพ เดินทางตรงไปยุโรป สลบแน่นอน
เราโชคดีที่อยู่ในประเทศที่เจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจครับ และเราจะเจริญรุ่งเรืองต่อไป
ตอนสงครามโลกครั้งที่สอง จบลง รายได้คนไทยแค่ 100 เหรียญต่อคนต่อปี ตอนผมเรียนตรีมหาวิทยาลัยราว 300 เหรียญ ตอนเรียนโทราว 600 เหรียญ
เมื่อเดือนกรกฏาคม 2554 ธนาคารโลกเลื่อนประเทศไทยขื้นสู่ประเทศกลุ่มรายได้ปานกลางขั้นสูง upper middle income country เพราะเขาบอกว่ารายได้เข้าเกณท์มาตั้งแต่ปี 2551 พวกฝรั่งที่มาวิจัยบอกว่า จริงๆแล้วรายได้คนไทยสูงกว่าที่แสดงไว้เยอะ เพราะมีรายได้นอกระบบ เช่น ค้าขาย โน่นนี่อีกร่วม 50% ซื่งต่างประเทศเขาลงนับ ของเราไม่ รายได้จากที่ไม่มีโฉนดก็ไม่แสดง หลบภาษีเก่งมาก
ประเทศไทยมีอัตราคนว่างงานต่ำเป็นอันดับสองของโลก แถมยังมีคนต่างชาติมาทำงานอีก 3.7 ล้านคน แสดงว่ามีงานเกินคน จะจ้างคนทำงานหนื่งคน ต้องลงทุนสองล้านบาทขื้นจืงจะมีงานหนื่งตำแหน่ง
การที่เรามีการทำเขตเศรษฐกิจเสรีกับออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ จีน อินเดีย อาเซียน เกาหลี รวมประชากรร่วมสองพันล่านคน เก้าสิบเปอร์เซนต์ของสินค้าในกลุ่มอาเซียนภาษีเท่ากับศูนย์ เมกา กับยุโรปจืงต้องการเข้ามาร่วมมาก
ค่าครองชีพเมืองไทยอยู่ที่อันดับ 81 ถูกกว่าพม่า อินโดเยอะ ห้าปีที่ผ่านมาแพงขื้นมาก เดิมอยู่ที่อันดับ 105
ช่วงปี 2514 ไทยถูกจัดเป็นประเทศน่าลงทุนอันดับ 8
และถ้าคนในโลกจะเกษียนอายุ ผลการสำรวจบอกว่าเมืองไทยเหมาะมากอยู่ในอันดับเก้าของโลก
เพิ่มข้อมูลอีกนิด ไทยเป็นประเทศผู้ส่งออกดิสค์อันดับหนื่ง ส่งออกยางอันดับสอง น้ำตาลด้วย ส่งข้าวออกเป็นที่หก ส่งรถยนต์ไปขายอันดับที่15 เป็นแหล่งผลิตอาหารอีกนานเพราะมื่อาหารสัตว์คือปลายข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพด ปลาป่น จืงเป็นผู้ผลิตส่งออกหมู ไก่ ไข่ เป็ด ชั้นนำ ผัก ผลไม้เพียบ ต่อไปจะส่งดอกไม่ตีตลาดโลกแบบโคแวนท์ มาร์เกตของอังกฤษ
ต่างชาติชอบมาอยู่เมืองไทย มาทำงานเมืองไทย ที่พักระดับดีถูกสุดในเอเชีย อาหารดี โรงพยาบาลดี อยู่ประเทศอื่นต้องมาเมืองไทย โรงเรียนอินเตอร์ชั้นนำ เที่ยวได้ทั้งคืน กินเหล้าได้ทั้งคืน มีทะเลภูเขา ป่าไม้ มีอาหารทุกชาติ ห้างใหญ่สุดเมียจะได้เดินช้อปปิ้ง รถไฟฟ้าก็มี เป็นเมืองของหนุ่มสาว บรรยากาศลั้ลลา
ต้อนรับคนทุกศาสนา มีเสรีภาพในการเป็นเกย์ ทอม ดี้ เลส โรงหนังชั้นเยี่ยม ระบบคมนาคมดีกว่าจาร์กาต้า ฮานอยเยอะ
ที่สำคัญคุณหาห้องน้ำสะอาดได้ทั่วไป เรื่องนี้สำคัญสุดๆสำหรับผู้หญิงทุกคน
สถานทูตอเมริกามาอยู่กันตั้งสี่พัน งบค่าเช่าบ้านแค่สี่ห้าหมื่น ย้ายไปอยู่ดาร์วิน ออสเตรเลียไม่ไหวหรอก หรืออยากย้ายไปอยู่เดลลี ย่างกุ้ง ไซ่ง่อนกัน
คนนิสัยดี มีกาละเทศะ ไม่วุ่นวายเหมือนคนบางชาติ ให้เกียรติคน
อากาศไม่ร้อนจัด เย็นจัดเหมือนอัลไมตี้ คาร์ซัคสถาน
น่าอยู่ น่าทำงาน คนแพรคติคอล ดีกว่าแอลเอเยอะ
ประเทศนี้แข็งแรง เติบโต ไม่มีใครมาแบน มันพูดเพ้อเจ้อไปงั้นเอง
เป็นประเทศใหญ่ แข็งแรง สำคัญต่อเศรษฐกิจโลกมาก
บอกเล่าเรื่องราวเหล่านี้ให้ลูกหลานของคุณ นักเรียนของคุณ เพื่อพวกเขาจะได้รู้จักประเทศของตนเอง และรู้ว่าคนรุ่นก่อนๆร่วมกันสร้างประเทศนี้ขื้นมา
ขอให้มีกตัญญูต่อประเทศชาติ
บอกเล่าให้เพื่อนต่างชาติของคุณฟัง เพื่อเขาจะได้รู้จักประเทศไทยมากขึ้น
Somkiat Osotsapa
๓๐ มิ.ย. ๒๕๕๗
กับดักคนดี โดย วสิษฐ เดชกุญชร
ผมก็เหมือนกับคนไทยอีกหลายล้านคนที่เฝ้ามองดูและเอาใจช่วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อย่างใจจดใจจ่อ ถึงวันนี้ ผมไม่ติดใจสงสัยอีกต่อไปแล้วในตัวคุณประยุทธ์ ผมเชื่อแล้วว่าคุณประยุทธ์มีความ บริสุทธิ์ใจและตั้งใจที่จะแก้ปัญหาบ้านเมืองให้จงได้ โดยไม่เห็นแก่หน้าใคร และใครก็ตามที่บอกทักษิณ ในคลิป “ถั่งเฉ้า” ว่า “ตู่ไว้ใจได้” นั้น ไม่รู้จักคุณประยุทธ์จริง เพราะเชื่อว่าคุณประยุทธ์มีความบริสุทธิ์ใจ และตั้งใจแก้ปัญหาบ้านเมือง ผมจึงเป็นห่วงว่าคุณ ประยุทธ์จะติดกับที่มีคนลอบวางเอาไว้แล้ว และกำลังจะวางต่อไปเพื่อดักคุณ ประยุทธ์
กับดักอันที่ 1 คือ สมาชิกพรรคเพื่อไทยและแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ แห่งชาติ (นปช.) ซึ่งขณะนี้ดูสงบและยุติความเคลื่อนไหวที่จะเป็นภัยแก่บ้านเมือง บางคนถึงกับแสดงท่าทีจะ ร่วมกับคุณประยุทธ์ในการปฏิรูปบ้านเมือง ผมไม่เชื่อว่าคนเหล่านั้นยุติความเคลื่อนไหวจริง ๆ แต่เชื่อว่าเขาเพียงแต่หยุดเคลื่อนไหวชั่วขณะหนึ่งเพื่อดูสถานการณ์เท่านั้น เมื่อใดที่สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปทางด้านที่จะเป็นคุณแก่เขา เมื่อนั้น เขาก็คงจะเปิดเผยตัวและเคลื่อนไหวใหม่ ที่ผมเชื่อเช่นนี้ก็เพราะพฤติการณ์ของสมาชิกพรรคเพื่อไทย และ นปช.ในอดีต ที่แสดงให้เห็นอย่างโจ่งแจ้งว่าเขามุ่งหมายที่จะยึดครองเมืองไทยให้ได้ นอกจากนี้ผมยังเชื่อด้วยว่า ทักษิณในฐานะที่เป็นนายทุนสนับสนุนพรรคเพื่อไทย และ นปช. ก็กำลังคอยเวลาอยู่เช่นเดียวกัน
กำดักอันที่ 2 คืออำนาจของ คสช.เอง ใคร ๆ ก็ต้องยอมรับว่าเมื่อประกาศกฎอัยการศึก ทำรัฐประหาร ยึดอำนาจการปกครอง และตั้งตัวเองขึ้นเป็น คสช.แล้ว คุณประยุทธ์ก็กลายเป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพล และมีอำนาจที่สุดขึ้นในประเทศ ตัวคุณประยุทธ์นั้นผมไม่ห่วง เพราะคุณประยุทธ์ได้ประกาศทันทีหลังจากที่ยึดอำนาจได้ว่าจะต้องทำตัวท่านให้เล็ก แสดงว่าคุณประยุทธ์ตระหนักในพิษของอำนาจที่ตนมี แต่ผู้อื่นใน คสช. ซึ่งพลอยมีอำนาจขึ้นมาในการบริหารงานด้านต่าง ๆ ของบ้านเมืองเล่า ตระหนักในพิษของอำนาจอย่างคุณประยุทธ์หรือไม่ ?
อำนาจนั้นเหมือนสนิมเหล็กที่เกิดจากเนื้อเหล็กเอง เกิดแล้วก็กัดเหล็กจนกร่อน และอาจกร่อนไปทั้งชิ้นทั้งแท่งจนเหลือแต่สนิม
กับดักอันทที่ 3 คือนายทุนที่พร้อมจะร่วมกับผู้มีอำนาจไม่ว่าจะเป็นใครมี
อุดมการณ์อย่างใด ขอเพียงแต่ให้ตนได้ประโยชน์ และผลกำไรเป็นของตนเท่านั้น
นายทุนจำพวกนี้เต็มใจที่จะร่วมมือสนับสนุนผู้มีอำนาจ
และเมื่อสามารถเข้าใกล้ชิดผู้มีอำนาจได้แล้ว
ก็กลายเป็นผู้มีอิทธิพล และมีอำนาจขึ้นมาอีกคนหนึ่ง
และใช้อำนาจนั้นหาประโยชน์หากำไรให้ตนเอง
กับดักสุดท้าย คืออคติและการหลงสถาบันการศึกษาของคนใน คสช.
ย่อมเป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่า คสช. นั้นประกอบด้วยนายทหารเป็นส่วนใหญ่ และผู้ใต้บังคับบัญชาซึ่งเป็นนายทหารชั้นรองลงไป นายทหารทั้งใหญ่และน้อยนี้ส่วนมากสำเร็จการศึกษาจากโรง เรียนเตรียมทหารและโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า และยังมีนายตำรวจอีกจำนวนไม่น้อยที่สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมทหารด้วย เท่าที่เคยปรากฏมาแล้ว ในสมัยที่ทักษิณและยิ่งลักษณ์เรืองอำนาจ การแต่งตั้งนายทหารและนายตำรวจมิได้กระทำโดยคำนึงถึงหลักคุณธรรม และความรู้ความสามารถ แต่อาศัยรุ่นการศึกษาในโรงเรียนเตรียมทหาร และโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าเป็นหลักมากกว่า จะเห็นว่าเพื่อนร่วมรุ่นของทักษิณเป็นจำนวนมากได้รับการแต่งตั้งโดยข้ามหัวผู้อื่นขึ้นไป
ถ้ายังปล่อยให้อคติ และการหลงสถาบันการศึกษามีอยู่ ก็คงหวังได้ยากว่าเมืองไทยจะได้ข้าราชการตำรวจ ทหาร และพลเรือนที่มีคุณภาพ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการปฏิรูปประเทศไทย
ทั้งสิ้นนี้ คือความเป็นห่วงของผู้หนึ่งที่เอาใจช่วยคุณประยุทธ และหวังว่าคุณประยุทธ์จะเห็น และเลี่ยงหรือก้าวข้ามกับดักเหล่านั้นไปได้โดยปลอดภัย.
กับดักสุดท้าย คืออคติและการหลงสถาบันการศึกษาของคนใน คสช.
ย่อมเป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่า คสช. นั้นประกอบด้วยนายทหารเป็นส่วนใหญ่ และผู้ใต้บังคับบัญชาซึ่งเป็นนายทหารชั้นรองลงไป นายทหารทั้งใหญ่และน้อยนี้ส่วนมากสำเร็จการศึกษาจากโรง เรียนเตรียมทหารและโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า และยังมีนายตำรวจอีกจำนวนไม่น้อยที่สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมทหารด้วย เท่าที่เคยปรากฏมาแล้ว ในสมัยที่ทักษิณและยิ่งลักษณ์เรืองอำนาจ การแต่งตั้งนายทหารและนายตำรวจมิได้กระทำโดยคำนึงถึงหลักคุณธรรม และความรู้ความสามารถ แต่อาศัยรุ่นการศึกษาในโรงเรียนเตรียมทหาร และโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าเป็นหลักมากกว่า จะเห็นว่าเพื่อนร่วมรุ่นของทักษิณเป็นจำนวนมากได้รับการแต่งตั้งโดยข้ามหัวผู้อื่นขึ้นไป
ถ้ายังปล่อยให้อคติ และการหลงสถาบันการศึกษามีอยู่ ก็คงหวังได้ยากว่าเมืองไทยจะได้ข้าราชการตำรวจ ทหาร และพลเรือนที่มีคุณภาพ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการปฏิรูปประเทศไทย
ทั้งสิ้นนี้ คือความเป็นห่วงของผู้หนึ่งที่เอาใจช่วยคุณประยุทธ และหวังว่าคุณประยุทธ์จะเห็น และเลี่ยงหรือก้าวข้ามกับดักเหล่านั้นไปได้โดยปลอดภัย.
By Michael Yon
The State of Martial Law in Thailand
Messages come in daily from around the world with concern about the current state of martial law. After almost six weeks of martial law, there has not been a single injury (to my knowledge) from a Red Shirt terror strike. During the six months preceding the coup, there were on average several terror strikes per week. Too much blood.
Thailand is probably safer today than at any time in living memory.
Are our voices being quashed by the Army? I am posting this on Facebook from Chiang Mai. The Army is just near me. Twitter and other social media are open for business.
There has been some censorship, but for the most part lines are open. Interesting, many people complain about the Army censorship on Facebook, and they call the leaders criminals and so forth, but the authors of these notes fail to recognize that they freely publish these accusations and few people have experienced problems. Yes, there is some censorship, but nearly all lines are open.
Journalists are free to come and go in all provinces without seeking permission. Journalists are free to photograph anything they like.
Note: there are criminal defamation laws in Thailand, but those are not the result of the coup. At some point soon, those laws need to be subject to reform.
There has been no widespread uprising opposing the coup. There were a few small protests early on, but those died out quickly. Many of the protestors appeared to be hired off of the streets as day labor. In any case, there has been no uprising, but when someone pretends to read the book 1984, photographers huddle around them as if that is some sign of wide discontent. Anti-coup protestors are hard to come by, not because the Army is squashing them, but apparently because nobody is paying them.
To my knowledge, the Army has not shot anyone. I am unaware that they have even beaten anyone, though at times a beating was probably warranted when some apparent hired protestors tossed objects at the Army more than a month ago. The only violence came from scattered protestors who, to say it again, are rare.
The military has captured much weaponry, including military rifles, grenades and RPGs. They have not arrested many people, but they seem to have arrested the right people because, again, UDD terror has stopped cold. UDD terror has ended for almost six straight weeks -- easily a world record several times over. (Touch wood.)
Few Soldiers are on the streets. No tanks. Most troops do not even carry rifles or any sort of firearm. The Soldiers are friendly and most people seem happy to have them around. If tourists or locals want to make selfies with Soldiers, they do not care. Go ahead.
Reform: Mafias are being busted up with the force of law. Again, nobody is being shot, but they are getting arrested, and released pending their cases. Rule of law is in effect. Not law of the jungle.
Reform is happening on so many fronts that it is becoming difficult to track. Human trafficking is being addressed -- I think this is not lip service but we will see.
Normal Thais are happy now that they can call authorities and investigations are actually launched.
Police: Many are not happy. The Army is busting up their happy world. A police colonel (one of the good guys, but also a Red Shirt), asked me the other night what I think of General Prayuth (the coup leader). I answered that I like what General Prayuth is doing. The colonel seemed surprised.
The colonel asked why I like this. I said, for starters, nobody is shooting grenades and rifles all over town. I hate grenades downtown. I never support people who throw grenades at unarmed civilians. This is a habit I picked up along the trail of life.
So the gunfire has stopped. That is a great start, and that is only for starters.
Bottom line: So far, the Thai coup d'etat is working better than probably anyone expected. Bets are on that even General Prayuth did not expect it to go this smoothly. No blood. No tears. The terrorism has stopped. Democracy reform is underway, the Thai way.
Messages come in daily from around the world with concern about the current state of martial law. After almost six weeks of martial law, there has not been a single injury (to my knowledge) from a Red Shirt terror strike. During the six months preceding the coup, there were on average several terror strikes per week. Too much blood.
Thailand is probably safer today than at any time in living memory.
Are our voices being quashed by the Army? I am posting this on Facebook from Chiang Mai. The Army is just near me. Twitter and other social media are open for business.
There has been some censorship, but for the most part lines are open. Interesting, many people complain about the Army censorship on Facebook, and they call the leaders criminals and so forth, but the authors of these notes fail to recognize that they freely publish these accusations and few people have experienced problems. Yes, there is some censorship, but nearly all lines are open.
Journalists are free to come and go in all provinces without seeking permission. Journalists are free to photograph anything they like.
Note: there are criminal defamation laws in Thailand, but those are not the result of the coup. At some point soon, those laws need to be subject to reform.
There has been no widespread uprising opposing the coup. There were a few small protests early on, but those died out quickly. Many of the protestors appeared to be hired off of the streets as day labor. In any case, there has been no uprising, but when someone pretends to read the book 1984, photographers huddle around them as if that is some sign of wide discontent. Anti-coup protestors are hard to come by, not because the Army is squashing them, but apparently because nobody is paying them.
To my knowledge, the Army has not shot anyone. I am unaware that they have even beaten anyone, though at times a beating was probably warranted when some apparent hired protestors tossed objects at the Army more than a month ago. The only violence came from scattered protestors who, to say it again, are rare.
The military has captured much weaponry, including military rifles, grenades and RPGs. They have not arrested many people, but they seem to have arrested the right people because, again, UDD terror has stopped cold. UDD terror has ended for almost six straight weeks -- easily a world record several times over. (Touch wood.)
Few Soldiers are on the streets. No tanks. Most troops do not even carry rifles or any sort of firearm. The Soldiers are friendly and most people seem happy to have them around. If tourists or locals want to make selfies with Soldiers, they do not care. Go ahead.
Reform: Mafias are being busted up with the force of law. Again, nobody is being shot, but they are getting arrested, and released pending their cases. Rule of law is in effect. Not law of the jungle.
Reform is happening on so many fronts that it is becoming difficult to track. Human trafficking is being addressed -- I think this is not lip service but we will see.
Normal Thais are happy now that they can call authorities and investigations are actually launched.
Police: Many are not happy. The Army is busting up their happy world. A police colonel (one of the good guys, but also a Red Shirt), asked me the other night what I think of General Prayuth (the coup leader). I answered that I like what General Prayuth is doing. The colonel seemed surprised.
The colonel asked why I like this. I said, for starters, nobody is shooting grenades and rifles all over town. I hate grenades downtown. I never support people who throw grenades at unarmed civilians. This is a habit I picked up along the trail of life.
So the gunfire has stopped. That is a great start, and that is only for starters.
Bottom line: So far, the Thai coup d'etat is working better than probably anyone expected. Bets are on that even General Prayuth did not expect it to go this smoothly. No blood. No tears. The terrorism has stopped. Democracy reform is underway, the Thai way.
By Michael Yon
The State of Martial Law in Thailand