สองในสามของแขกวีไอพีจากเพื่
...เสธน้ำเงินมีข้อมูลลึกที
ด้วยนโยบายประชานิยมเผาไทย การทุ่มซื้อเสียงแบบหมดหน้า
ช่วงนั้นบิ๊กสีเขียวยังไม่ม
เ ป็นนายกฯ จังก้าขัดขวางอยู่ เนื่องจากจากคนแดนไกลและพวก ยังไม่ได้ประโยชน์ใดเลยจากว ีระ หากวิ่งเต้นให้เขมรปล่อยตัว ออกมา จนบิ๊กสีเขียวยึดอำนาจเป็น คสช. มีอำนาจเต็มจึงเดินกลศึกเงี ยบๆ แบบเหนือเมฆ เพราะวิเคราะห์ว่าเขมร ใช้การทหารนำการเมือง และอาศัยจังหวะทองเรื่องแรง งานเขมรอพยพกลับบ้าน โดยต่อสายตรงไปทางกองทัพบกเ ขมร คุยกันแบบทหารคุย ขอกันดื้อๆ ให้ปล่อยตัววีระ
จากนั้นต่อสายไปทางจีน ให้ช่วยเจรจากับฮุนเซน ที่เกรงใจจีนมากในอีกทางหนึ ่่ง โดยกลศึกนี้ไม่ผ่านกระทรวงต ่างประเทศ ตามแบบแผนปกติทางการทูตในตำ ราทั่วไปที่กระทำกัน ถือเป็นพิชัยสงครามขั้นเทพม าก และปิดเป็นความลับมาตลอด มีเพียงการส่งผู้ช่วยทูตทหา ร ไปบอกวีระ ที่คุกเขมรเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.57 สั้นๆ ว่า "ตอนนี้ คสช.กำลังหาทางช่วยอยู่ "
หลังการเจรจาลับกับฮุนเซน บรรลุผลเรียบร้อย ฮุนเซ็น ก็ออก พรก.อภัยโทษวีระ รอไว้ จากนั้นบิ๊กสีเขียว ก็ส่งคณะปลัดกระทรวงการต่าง ประเทศ ไปเขมรทันทีทำให้ดูเนียนๆ เป็นทางการสัักหน่อย ฉากการเข้าพบฮุนเซน แบบการเยือนระหว่างประเทศเก ิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 ก.ค.57 โดยคณะจากไทยเปิดฉากเจรจาเร ื่องแรงงานเขมร ฮุน เซ็น นั่งพงักหน้าหงึกๆ อยู่พัก เห็นว่าฝ่ายไทยไม่เริ่มคุยเ รื่องวีระเสียที จึงบอกว่ามาคุยตรงประเด็นเล ย มาขอปล่อยตัววีระใช่ไหม?
ฝ่ายไทยจึงเริ่มเปิดประเด็น เรื่องวีระ โดยนำหนังสือขอบคุณชมเชยเขม รในมิตรไมตรีของประเทศเพื่อ นบ้าน ที่เข้าใจสถานการณ์การเมือง ในไทย ลงนามโดย บิ๊กสีเขียว คสช.มาให้ฮุนเซน ทำให้เขายิ้มแก้มปริ เขิน ที่ได้รับคำชมกันเป็นทางการ หนังสือจากไทยเสียขณะนี้ ฮุนเซ็น จึงล้วงมือไปในกระเป๋าเสื้อ นอก หยิบกระดาษ 1 แผ่นเป็น พรก.อภัยโทษ ให้วีระ แล้วถามปลัดกระทรวงการต่างป ระ
เทศไทย ว่าจะรับตัวไปวันนี้ หรือ พรุ่งนี้ ฝ่ายไทยจึงบอกว่า
ขอรับตัววันนี้เลย จากนั้นคำสั่งปล่อยตัววีระ ถูกส่งไปคุกเปรซอร์
ของเขมรอย่างรวดเร็ว ผู้คุมมาเรียกตัววีระ ที่ห้องขังว่าจะปล่่อยตัวตอ นนี้เลย สร้างความงุนงงให้วีระ มาก และไม่คิดว่าจะจริง แต่พอเขาถูกปล่อยตัวออกเดิน ออกมา เพื่อนนักโทษ ก็ส่งเสียงเชียร์อวยพรเขาให ้กลับมามีตำแหน่่งสำคัญในไท ย โดยมีคณะทูตไทย และภรรยารอรับตัวเขาสู่อิสร ะภาพ นำตัวกลับเมืองไทยในวันรุ่ง ขึ้นทันที เมื่อมาถึงเมืองไทย เขาได้รับการต้อนรับอบอุ่นเ ยี่ยง "วีรบุรุษ สมความคิด" ตามชื่อของเขา แต่ด้วยเขามีคดีปิดสนามบินค ้างเก่ามาสมัยพันธมิตร ตรวจคนเข้าเมือง จึงส่งมอบตัวเขาให้กองปราบป รามตามขั้นตอนกฎหมาย โดยมีทนายนิติธร ยื่นหลักทรัพย์ 1 แสนบาทประกันตัว และตำรวจก็พิจารณาให้ประกัน ตัวทันที
จากนั้นเขาจึงเดินทางไปสันต ิอโศก เพื่อกราบไหว้ครูบาอาจารย์ท ี่เคารพนับถือ ตามธรรมเนียมไทย และกลับบ้านไปหาแม่ที่จากกั นมานาน แล้วพบหน้าครอบครัว อยู่กันพร้อมหน้าอย่างมีควา มสุข เขามีคิวนัดสัมภาษณ์กับสื่อ มวลชนจำนวนหลายแห่ง และคิวเข้าพบขอบคุณบิ๊กสีเข ียว คสช.ด้วยตัวเองด้วย
แต่คุณวีระ เขาใจเย็นพอ ที่ช่วงนี้เขาจะไม่เปิดเผยว ่าในสมัยปูเน่า ส่งใครไปเจรจาช่วยพี่ชายคนแ ดนไกลถึง 3 ครั้ง และเงื่อนไขนั้นมีรายละเอีย ดอย่างไร เพราะเขาอ่านกลศึก ของบิ๊ก คสช.ขาด ว่าการช่วยเขากลับมาครั้งนี ้ ก็เพื่อเป็นพยานให้ ปปช. และศาล ในคดีเก่าๆ ที่เขายื่นร้องค้างไว้ให้เด ินหน้าได้นั่นเอง
การเปิดเผยอะไรเสียหมด จะเสียการใหญ่ภายหน้าโดยใช่ เหตุ เขาคิดถูกแล้วที่ยังปิดจุดส ำคัญนี้ไว้ เพราะมันจะเป็นหลักฐานมัดคน ไปเจรจาให้ดิ้นไม่หลุด ตามกลยุทธ์ เดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ แต่ทำอย่างมั่นคง ของพยัคฆสีเขียว
นักพิชัยสงครามที่ดี "การรบที่ดีที่สุด คือ การไม่รบ" ดังนั้นกลุ่มคนที่กำลังยุยง ให้คุณวีระรบ เปิดเผยความลับปริศนาการเจร จาดำมืดกับแก็งค์แบล็คเมล์ใ นครั้งนั้น คือกำลังยุให้คุณวีระทำเสีย ของ ซึ่งคิดว่าคุณวีระเขาจะใจนิ ่่งพอ และรู้ว่าเวลาข้างหน้าช่วงใ ด จึงจะเปิดเผยได้
ความลับห้อง15แห่งคุกเปรย์ซ อว์
กลายเป็นเรื่องไม่คาดฝันสำหรับครอบครัว “สมความคิด” หลังประเทศกัมพูชาได้พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ “วีระ สมความคิด” แกนนำกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ พ้นจากการถูกจองจำอยู่ในเรือนจำเปรย์ซอว์ ในคดีโจรกรรมข้อมูล....... อ่านต่อได้ที่ : http://bit.ly/1mvwGPe
คนจริงอย่างคุณวีระ ไม่ช้าคุณวีระก็จะเปิดเผยหมด ว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกคนเป็นกำลังใจให้ค่ะ คุณวีระ เจ็บปวดมาพอแล้วเพื่อชาติ บุญกุศลที่ทำให้ประเทศ จะส่งให้คุณและครอบครัว มีความสุขตลอดกาลนานค่ะ==
****ผ่าประเด็นร้อน
“เอาเป็นว่า เคยมีความพยายามเจรจาในรัฐบาลก่อนหน้านี้ให้มีการปล่อยตัวผมออกมา แต่มีเงื่อนไขที่ผมรับไม่ได้นั่นคือทำให้ประเทศชาติเสียประโยชน์มากกว่าผมเสียประโยชน์”
“การดำเนินการกับผมของฝ่ายกัมพูชา ไม่รู้สึกเสียใจมากเท่ากับคนไทยที่ทำกับผม”
นั่นเป็นคำพูดบางช่วงบางตอนที่จับความได้ของ วีระ สมความคิด แกนนำนักเคลื่อนไหวในนามกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ ตอบคำถามเกี่ยวกับเจรจาการปล่อยตัวพ้นจากการควบคุมตัวพ้นจากเรือนจำใน กัมพูชา หลังจากถูกคุมขังนาน 3 ปี 6 เดือน ในข้อหารุกล้ำเขตแดนกัมพูชา รวมทั้งข้อหาจารกรรมข้อมูลทางทหาร ซึ่งมีโทษจำคุกทั้งหมดเป็นเวลา 8 ปี ก่อนหน้านี้ วีระ ได้ถูกจับกุมพร้อมกับอดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ พนิช วิกิตเศรษฐ์ แซมดิน เลิศบุศย์ ผู้ประสานงานกองทัพธรรม นส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ และ ตายแน่ มุ่งมาจน กลุ่มกองทัพธรรม จากการเข้าไปพิสูจน์การรุกล้ำเขตแดนของกัมพูชาที่บ้านหนองจาน ตำบลบ้านโนนหมากมุ่น อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2553 อย่างไรก็ดีบุคคลดังกล่าวทั้งหมดยกเว้น วีระ ได้ถูกปล่อยตัวกลับมาทั้งหมด ซึ่งรายสุดท้ายก่อนหน้า วีระ คือ น.ส.ราตรี
หากพิจารณาจากจุดเริ่มต้นการจับกุม วีระ สมความคิด ในยุครัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์ที่มี นายกรัฐมนตรีชื่อ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มี สุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นรองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง มี พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้บัญชาการทหารบก และมี พล.ท.ธวัชชัย สมุทสาคร เป็นแม่ทัพกองทัพภาคที่ 2 การจับกุมในครั้งนั้นเกิดเสียงวิจารณ์กันมากกว่า รัฐบาลไม่พยายามปกป้องคนไทย ที่ทำหน้าที่รักษาดินแดน แทนที่จะใช้มาตรการทางทหารกดดันฝ่ายกัมพูชาให้ปล่อยตัวโดยไม่มีเงื่อนไข เพราะพื้นที่บริเวณนั้นหากอ้างว่าเป็นพื้นที่พิพาท ก็ยิ่งไม่สมควรจับกุมตัว แต่ในความเป็นไปได้ต้องมีการปล่อยตัวแล้วมีการเจรจาเรื่องเขตแดน แต่นี่กลับตรงกันข้าม กลับเห็นภาพที่ปรากฏก็คือ ทั้งตัวนายกรัฐมนตรีตอนนั้นคือ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีการแถลงโดยอ้างแผนที่ประกอบเป็นฉากๆสรุปความหมายโน้มเอียงให้เห็นว่า พื้นที่บริเวณนั้น บริเวณที่ วีระ สมความคิด พร้อมกับคนไทยดังกล่าว เป็นพื้นที่ของกัมพูชา ซึ่งก่อนหน้านั้นก็มี พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในขณะนั้นได้กล่าวสนับสนุนไปแล้ว
อย่างไรก็ดีเมื่อพิจารณาจากท่าทีจากฝ่ายผู้นำไทยแบบนี้มันก็ยิ่งเป็นการ การันตีไปโดยปริยายว่า “วีระรุกล้ำแดนกัมพูชา” ทำให้การแก้ต่างทำได้ยาก อีกทั้งในเวลานั้น วีระ ก็ได้ถูกกองกำลังทหารของกัมพูชานำตัวเข้าไปในกรุงพนมเปญทันที จากนั้นก็มีการเพิ่มข้อหาแตกต่างไปจากคนอื่น นั่นคือ การโจรกรรมข้อมูลทางทหาร ซึ่งถือว่าเป็นข้อหาฉกรรจ์ และในเวลาต่อเมื่อมีการนำขึ้นสู่ศาลกัมพูชาจนมีการตัดสินจำคุกเป็นเวลา 8 ปี และทางฝ่ายกัมพูชาอ้างว่าหากมีการแลกเปลี่ยนนักโทษหรือการร้องขอมาคุมขังใน เรือนจำประเทศไทยได้นั้นต้องมีการถูกคุมขังเกินสองในสามเสียก่อน
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พนิช วิกิตเศรษฐ์ ซึ่งเคยถูกจับกุมพร้อมกับ วีระ สมความคิด ได้ยืนยันว่า มีความพยายามตั้งแต่รัฐบาลของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จนมาถึง รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพื่อหาทางช่วยเหลือ วีระ สมความคิด แต่ไม่ประสบความสำเร็จจนกระทั่งมาเกิดผลเอาในยุคของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้นำ
ขณะเดียวกันเมื่อย้อนกลับไปพิจารณาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในยุครัฐบาลยิ่ง ลักษณ์ ชินวัตร เท่าที่ปรากฏก็มีการปล่อยตัว น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ กลับมาได้เพียงคนเดียว ขณะที่ วีระ ยังถูกคุมขังต่อไปแบบไม่มีกำหนด แม้ว่าจะมีความเคลื่อนไหวทำให้เห็นมีความพยายามเจรจาให้ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาขอพระราชทานอภัยโทษให้ก็ตาม แต่ก็ได้รับการยืนยันกลับมาว่าทำไม่ได้เนื่องจากยังไม่เข้าเงื่อนไข นั่นคือยังรับโทษไม่ครบสองในสาม
แต่แล้วจู่ๆ วีระ สมความคิด ก็ได้รับการปล่อยตัวออกมาจากกัมพูชา โดย ฮุนเซน ได้ขอพระราชทานอภัยโทษจากสมเด็จพระนโรดม สีหมุณี กษัตริของกัมพูชา หลังจากถูกคุมขังมานาน 3 ปี 6 เดือน พร้อมทั้งเปลี่ยนท่าทีต่อไทยแบบ 360 องศา นั่นคือการประกาศย้ำให้เห็นหลายครั้งว่า “ไม่แทรกแซงกิจการภายในของไทย” และยังย้ำอีกว่าจะไม่ยอมให้คนของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และระบอบทักษิณ ใช้กัมพูชาเคลื่อนไหวทางการเมืองอีกด้วย โดย ฮุนเซน ถึงกับกล่าวออกตัวไว้ว่า “หวังว่า ทักษิณ คงจะเข้าใจ”
เมื่อพิจารณาจากคำพูดข้างต้นของ วีระ สมความคิด ที่เปิดเผยว่ามีความพยายามเจรจาช่วยเหลือให้เขาถูกปล่อยตัวออกมา แต่มีเงื่อนไขบางอย่างที่รับไม่ได้ ในความหมายที่ว่า “ทำให้ประเทศชาติเสียหาย มากกว่าตัวผมเสียหาย”
ขณะเดียวกันเมื่อย้อนรอยกลับไป ในยุครัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่แม้ว่าจะมีการปล่อยตัว น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ออกมาก็ตาม แต่สำหรับ วีระ สมความคิด กลับไม่มีความคืบหน้า และหากพิจารณาจากเส้นทางในอดีตก็จะพบความจริงบางอย่างนั่นก็คือ บทบาทของเขาที่เคยแจ้งความดำเนินคดี ทักษิณ ชินวัตร ในคดีทุจริตซื้อที่ดินรัชดา จนนำไปสู่การตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน(คตส.) และนำไปสู่การพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจน มีคำตัดสินจำคุก 2 ปี
เมื่อความจริงเป็นอย่างที่เห็นคิดว่า ระบอบทักษิณ รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะช่วยเหลือ วีระ ออกมาหรือ และอีกประเด็นหนึ่งคงมีความเชื่อว่าระบอบทักษิณ จะอยู่ยาว ซึ่งในตอนนั้นหลายคนก็คิดแบบเดียวกัน และในตอนนั้นอาจมีคำพูดปริศนาของ วีระ ที่ว่า มีการเจรจาโดยมีเงื่อนไขที่รับไม่ได้เพราะทำให้ประเทศเสียหายมากกว่าทำให้ เขาเสียหาย หรือเปล่า และคำว่าประเทศเสียหาย เป็นเงื่อนไขที่ ต้องการบีบให้ วีระ ยอมรับความผิด นั่นคือ ยอมรับว่าได้รุกล้ำเขตแดนกัมพูชาหรือเปล่า เพื่อแลกกับการได้รับการปล่อยตัวกลับมา
อย่างไรก็ดีความลับดังกล่าวอยู่ที่ วีระ สมความคิด จะเปิดออกมาเมื่อไหร่เท่านั้นเอง เพื่อกระชากหน้ากากพวกคนขายชาติว่าเป็นใครกันแน่ ใครกันแน่ที่เป็นคนไทยคนที่ทำร้ายเขา และนี่คือการย้อนรอยให้เห็นไปตามความจริงที่เกิดขึ้นมาในอดีตถึงปัจจุบัน !!
จากนั้นต่อสายไปทางจีน ให้ช่วยเจรจากับฮุนเซน ที่เกรงใจจีนมากในอีกทางหนึ
หลังการเจรจาลับกับฮุนเซน บรรลุผลเรียบร้อย ฮุนเซ็น ก็ออก พรก.อภัยโทษวีระ รอไว้ จากนั้นบิ๊กสีเขียว ก็ส่งคณะปลัดกระทรวงการต่าง
ฝ่ายไทยจึงเริ่มเปิดประเด็น
จากนั้นเขาจึงเดินทางไปสันต
แต่คุณวีระ เขาใจเย็นพอ ที่ช่วงนี้เขาจะไม่เปิดเผยว
การเปิดเผยอะไรเสียหมด จะเสียการใหญ่ภายหน้าโดยใช่
นักพิชัยสงครามที่ดี "การรบที่ดีที่สุด คือ การไม่รบ" ดังนั้นกลุ่มคนที่กำลังยุยง
ความลับห้อง15แห่งคุกเปรย์ซ
กลายเป็นเรื่องไม่คาดฝันสำหรับครอบครัว “สมความคิด” หลังประเทศกัมพูชาได้พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ “วีระ สมความคิด” แกนนำกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ พ้นจากการถูกจองจำอยู่ในเรือนจำเปรย์ซอว์ ในคดีโจรกรรมข้อมูล....... อ่านต่อได้ที่ : http://bit.ly/1mvwGPe
คนจริงอย่างคุณวีระ ไม่ช้าคุณวีระก็จะเปิดเผยหมด ว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกคนเป็นกำลังใจให้ค่ะ คุณวีระ เจ็บปวดมาพอแล้วเพื่อชาติ บุญกุศลที่ทำให้ประเทศ จะส่งให้คุณและครอบครัว มีความสุขตลอดกาลนานค่ะ==
****ผ่าประเด็นร้อน
“เอาเป็นว่า เคยมีความพยายามเจรจาในรัฐบาลก่อนหน้านี้ให้มีการปล่อยตัวผมออกมา แต่มีเงื่อนไขที่ผมรับไม่ได้นั่นคือทำให้ประเทศชาติเสียประโยชน์มากกว่าผมเสียประโยชน์”
“การดำเนินการกับผมของฝ่ายกัมพูชา ไม่รู้สึกเสียใจมากเท่ากับคนไทยที่ทำกับผม”
นั่นเป็นคำพูดบางช่วงบางตอนที่จับความได้ของ วีระ สมความคิด แกนนำนักเคลื่อนไหวในนามกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ ตอบคำถามเกี่ยวกับเจรจาการปล่อยตัวพ้นจากการควบคุมตัวพ้นจากเรือนจำใน กัมพูชา หลังจากถูกคุมขังนาน 3 ปี 6 เดือน ในข้อหารุกล้ำเขตแดนกัมพูชา รวมทั้งข้อหาจารกรรมข้อมูลทางทหาร ซึ่งมีโทษจำคุกทั้งหมดเป็นเวลา 8 ปี ก่อนหน้านี้ วีระ ได้ถูกจับกุมพร้อมกับอดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ พนิช วิกิตเศรษฐ์ แซมดิน เลิศบุศย์ ผู้ประสานงานกองทัพธรรม นส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ และ ตายแน่ มุ่งมาจน กลุ่มกองทัพธรรม จากการเข้าไปพิสูจน์การรุกล้ำเขตแดนของกัมพูชาที่บ้านหนองจาน ตำบลบ้านโนนหมากมุ่น อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2553 อย่างไรก็ดีบุคคลดังกล่าวทั้งหมดยกเว้น วีระ ได้ถูกปล่อยตัวกลับมาทั้งหมด ซึ่งรายสุดท้ายก่อนหน้า วีระ คือ น.ส.ราตรี
หากพิจารณาจากจุดเริ่มต้นการจับกุม วีระ สมความคิด ในยุครัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์ที่มี นายกรัฐมนตรีชื่อ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มี สุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นรองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง มี พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้บัญชาการทหารบก และมี พล.ท.ธวัชชัย สมุทสาคร เป็นแม่ทัพกองทัพภาคที่ 2 การจับกุมในครั้งนั้นเกิดเสียงวิจารณ์กันมากกว่า รัฐบาลไม่พยายามปกป้องคนไทย ที่ทำหน้าที่รักษาดินแดน แทนที่จะใช้มาตรการทางทหารกดดันฝ่ายกัมพูชาให้ปล่อยตัวโดยไม่มีเงื่อนไข เพราะพื้นที่บริเวณนั้นหากอ้างว่าเป็นพื้นที่พิพาท ก็ยิ่งไม่สมควรจับกุมตัว แต่ในความเป็นไปได้ต้องมีการปล่อยตัวแล้วมีการเจรจาเรื่องเขตแดน แต่นี่กลับตรงกันข้าม กลับเห็นภาพที่ปรากฏก็คือ ทั้งตัวนายกรัฐมนตรีตอนนั้นคือ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีการแถลงโดยอ้างแผนที่ประกอบเป็นฉากๆสรุปความหมายโน้มเอียงให้เห็นว่า พื้นที่บริเวณนั้น บริเวณที่ วีระ สมความคิด พร้อมกับคนไทยดังกล่าว เป็นพื้นที่ของกัมพูชา ซึ่งก่อนหน้านั้นก็มี พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในขณะนั้นได้กล่าวสนับสนุนไปแล้ว
อย่างไรก็ดีเมื่อพิจารณาจากท่าทีจากฝ่ายผู้นำไทยแบบนี้มันก็ยิ่งเป็นการ การันตีไปโดยปริยายว่า “วีระรุกล้ำแดนกัมพูชา” ทำให้การแก้ต่างทำได้ยาก อีกทั้งในเวลานั้น วีระ ก็ได้ถูกกองกำลังทหารของกัมพูชานำตัวเข้าไปในกรุงพนมเปญทันที จากนั้นก็มีการเพิ่มข้อหาแตกต่างไปจากคนอื่น นั่นคือ การโจรกรรมข้อมูลทางทหาร ซึ่งถือว่าเป็นข้อหาฉกรรจ์ และในเวลาต่อเมื่อมีการนำขึ้นสู่ศาลกัมพูชาจนมีการตัดสินจำคุกเป็นเวลา 8 ปี และทางฝ่ายกัมพูชาอ้างว่าหากมีการแลกเปลี่ยนนักโทษหรือการร้องขอมาคุมขังใน เรือนจำประเทศไทยได้นั้นต้องมีการถูกคุมขังเกินสองในสามเสียก่อน
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พนิช วิกิตเศรษฐ์ ซึ่งเคยถูกจับกุมพร้อมกับ วีระ สมความคิด ได้ยืนยันว่า มีความพยายามตั้งแต่รัฐบาลของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จนมาถึง รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพื่อหาทางช่วยเหลือ วีระ สมความคิด แต่ไม่ประสบความสำเร็จจนกระทั่งมาเกิดผลเอาในยุคของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้นำ
ขณะเดียวกันเมื่อย้อนกลับไปพิจารณาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในยุครัฐบาลยิ่ง ลักษณ์ ชินวัตร เท่าที่ปรากฏก็มีการปล่อยตัว น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ กลับมาได้เพียงคนเดียว ขณะที่ วีระ ยังถูกคุมขังต่อไปแบบไม่มีกำหนด แม้ว่าจะมีความเคลื่อนไหวทำให้เห็นมีความพยายามเจรจาให้ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาขอพระราชทานอภัยโทษให้ก็ตาม แต่ก็ได้รับการยืนยันกลับมาว่าทำไม่ได้เนื่องจากยังไม่เข้าเงื่อนไข นั่นคือยังรับโทษไม่ครบสองในสาม
แต่แล้วจู่ๆ วีระ สมความคิด ก็ได้รับการปล่อยตัวออกมาจากกัมพูชา โดย ฮุนเซน ได้ขอพระราชทานอภัยโทษจากสมเด็จพระนโรดม สีหมุณี กษัตริของกัมพูชา หลังจากถูกคุมขังมานาน 3 ปี 6 เดือน พร้อมทั้งเปลี่ยนท่าทีต่อไทยแบบ 360 องศา นั่นคือการประกาศย้ำให้เห็นหลายครั้งว่า “ไม่แทรกแซงกิจการภายในของไทย” และยังย้ำอีกว่าจะไม่ยอมให้คนของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และระบอบทักษิณ ใช้กัมพูชาเคลื่อนไหวทางการเมืองอีกด้วย โดย ฮุนเซน ถึงกับกล่าวออกตัวไว้ว่า “หวังว่า ทักษิณ คงจะเข้าใจ”
เมื่อพิจารณาจากคำพูดข้างต้นของ วีระ สมความคิด ที่เปิดเผยว่ามีความพยายามเจรจาช่วยเหลือให้เขาถูกปล่อยตัวออกมา แต่มีเงื่อนไขบางอย่างที่รับไม่ได้ ในความหมายที่ว่า “ทำให้ประเทศชาติเสียหาย มากกว่าตัวผมเสียหาย”
ขณะเดียวกันเมื่อย้อนรอยกลับไป ในยุครัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่แม้ว่าจะมีการปล่อยตัว น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ออกมาก็ตาม แต่สำหรับ วีระ สมความคิด กลับไม่มีความคืบหน้า และหากพิจารณาจากเส้นทางในอดีตก็จะพบความจริงบางอย่างนั่นก็คือ บทบาทของเขาที่เคยแจ้งความดำเนินคดี ทักษิณ ชินวัตร ในคดีทุจริตซื้อที่ดินรัชดา จนนำไปสู่การตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน(คตส.) และนำไปสู่การพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจน มีคำตัดสินจำคุก 2 ปี
เมื่อความจริงเป็นอย่างที่เห็นคิดว่า ระบอบทักษิณ รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะช่วยเหลือ วีระ ออกมาหรือ และอีกประเด็นหนึ่งคงมีความเชื่อว่าระบอบทักษิณ จะอยู่ยาว ซึ่งในตอนนั้นหลายคนก็คิดแบบเดียวกัน และในตอนนั้นอาจมีคำพูดปริศนาของ วีระ ที่ว่า มีการเจรจาโดยมีเงื่อนไขที่รับไม่ได้เพราะทำให้ประเทศเสียหายมากกว่าทำให้ เขาเสียหาย หรือเปล่า และคำว่าประเทศเสียหาย เป็นเงื่อนไขที่ ต้องการบีบให้ วีระ ยอมรับความผิด นั่นคือ ยอมรับว่าได้รุกล้ำเขตแดนกัมพูชาหรือเปล่า เพื่อแลกกับการได้รับการปล่อยตัวกลับมา
อย่างไรก็ดีความลับดังกล่าวอยู่ที่ วีระ สมความคิด จะเปิดออกมาเมื่อไหร่เท่านั้นเอง เพื่อกระชากหน้ากากพวกคนขายชาติว่าเป็นใครกันแน่ ใครกันแน่ที่เป็นคนไทยคนที่ทำร้ายเขา และนี่คือการย้อนรอยให้เห็นไปตามความจริงที่เกิดขึ้นมาในอดีตถึงปัจจุบัน !!