GREAT KING OF THAILAND, KING BHUMIBHOL

GREAT KING OF THAILAND, KING BHUMIBHOL
LONG LIVE THE KING BHUMIBHOL

วันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

หลวงปู่พบเอกสารไทย-สหรัฐ หวังขายพลังงานชาติ/"วันชาติสหรัฐ/เฮๆ ฮาๆ 'สหรัฐ' ในวงนินทาโลก



 อย่าใช้ข้อกฎหมายมาไล่ล่ากั

“อยากให้มองว่าเราทำเพื่อประเทศ ให้มองในมุมที่เจตนา อย่ามองการใช้ข้อ กฎหมายเป็นข้อลิดรอน หรือเป็นข้อที่จะตัดสิทธิ์ของทุกคนเลย แล้วอย่างนี้เราจะ ทำงานกันลำบาก การพัฒนาประเทศนั้นก็จะลำบาก เรามุ่งแต่ว่าทำทุกอย่างใช้ข้อกฎหมายในการจะตัดสิทธิ์ โดยไม่มองที่เจตนารมณ์ในเบื้องต้น ตรงนี้เราอยากให้ ได้เข้าใจ เราอยากได้ความยุติธรรม” (บทสัมภาษณ์ ยิ่งลักษณ์ น้ำตาซึม เงินกู้ 2 ล้านล้าน)

คุณธาริต เพ็งดิษฐ์ คุณได้ยินนายหัวของคุณพูดไหม คนระดับนายกรัฐมนตรีของ ประเทศไทย พูดอะไรแล้วทำไมลูกน้องของท่าน นายกอย่างคุณ ซึ่งมี ตำแหน่งอธิบดี กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จะยังไม่เชื่อฟังได้หรือ แล้วไอ้การ ที่คุณแสดง อำนาจบาตรใหญ่ ออกหมายเรียกหมายจับผู้ชุมนุม กปปส. และแกนนำ รวมทั้ง ฉันด้วย คุณจะเอาอะไรมาเป็นบรรทัดฐานในการออกหมายเรียก ขอหมายจับ พวก คุณมารู้เจตนารมณ์ของพวกเราได้อย่างไร พวกเรามาชุมนุมกันเพราะมีเจตนารมณ์ ปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ป้องกันพวกทรราชทำร้ายทำลายความมั่นคงของ ชาติบ้านเมือง เราต้องการให้คนไทยทุกคนได้ตื่นจากความถูกหลอกหลอน จากระบบ ทรราช ที่พยายามทำให้ประเทศชาติและคนไทยอ่อนแอ จักได้ครอบงำได้ง่าย พวกเรา นักสู้หัวใจสีขาว เมื่อมองเห็นอันตรายของคนในชาติ และบ้านเมือง พวกเราจึงต้อง ออกมาต่อสู้ และขับไล่พวกทรราชให้พ้นจากอำนาจ และปฏิรูปประเทศให้มี ประชาธิปไตยให้มากกว่าที่เป็นอยู่ ให้อำนาจอธิปไตย ต้องเป็นของปวงชนชาวไทย อย่างแท้จริง ให้คนไทยได้ใช้อำนาจนั้นอย่างอิสระ มิต้องให้กลุ่มบุคคลผู้ใดมาครอบงำ หรือจัดซื้อจัดจ้าง เอาอำนาจของปวงชนไป แล้วใช้อำนาจนั้น มาปล้นโกง ทุจริต กลั่นแกล้งสุจริตชน พร้อมทั้งเอาอำนาจของพวกเรา ไปส่งเสริมทุจริตชนให้แข็งแรง ด้วยเจตนารมณ์เหล่านี้ เราจึงออกมาต่อสู้อยู่บนถนน จนทำให้พี่น้องของพวกเรา หลายคนต้องบาดเจ็บล้มตาย โดยไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐคนไหน มาเหลียวแลความทุกข์ ของพวกเรา แถมยังโดนกลั่นแกล้งรังแกสารพัด โดยเฉพาะคุณ คุณธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) คุณกำลังใช้อำนาจบาตรใหญ่ ใช้ความ ได้เปรียบทางกฎหมาย และกำลังพล กำลังอาวุธ มาทำร้ายทำลายพวกเรา โดยไม่คำนึง ถึงสาระสำคัญของเจตนารมณ์ที่นายหัวของคุณบอกว่า มันสำคัญ และควรจะอยู่ เหนือข้อกฎหมาย คุณกำลังฝืนคำสั่งของนายหัวคุณ นายหัวคุณ เขาบอกว่าให้ดู เจตนารมณ์เป็นหลัก ไม่ใช่ข้อกฎหมาย แล้วคุณถามเจตนารมณ์ของพวกเราแล้ว หรือยัง คุณรู้ไหมว่าคุณกำลังทำผิดอย่างร้ายแรง เดี๋ยวก็โดนนายหัวคุณปลดหรอก บังอาจละเมิดเจตนารมณ์ อย่าใช้บทบัญญัติของกฎหมาย มากลั่นแกล้งรังแกพวกเรา นักสู้เพื่อประโยชน์ของชาติประชาชน ระวังจะได้นอนคุก นะจ๊ะ

เลิกบ้าอำนาจเสียทีเถิด ฉันอยากจะบอกคุณว่าอำนาจไม่มีได้อยู่กับคุณอย่างยั่งยืน หรอกนะ มีแต่ความดีกับความชั่วตะหากเล่า ที่มันจะติดตามตัวคุณไป หากคุณ ยังจะฝืนรั้นบ้าอำนาจ หรือทำตัวรับใช้คนชั่ว ทรราช รัฐบาลที่ไม่เคารพ ไม่ยอมรับ บทบัญญัติของข้อกฎหมาย คุณนั่นแหละจะโดนบทบัญญัติของก ฎหมายเล่นงาน เสียเอง ระวังจะเจอ มาตรา 157 นะจ๊ะ รู้ไหมว่า คำว่าปฏิบัติ หรือไม่ปฏิบัติ เลือกปฏิบัติน่ะ มันต้องติดคุกและไล่ออกโดยสถานเดียว อายุคุณก็มากขึ้นทุกวันแล้ว คิดมากๆ หน่อย จะได้อยู่เป็นเพื่อนให้แก่ครอบครัว ลูกหลานอย่างพร้อมหน้ายาวนาน ไม่ต้อง ระเห็จระเหเร่ร่อนเหมือนพ่อใหญ่ ทักษิณ ของคุณ

คิดแล้วรู้สึกสงสารคุณจริงๆ คุณกับฉันมันแตกต่างกันมาก ฉันสู้โดยไม่มีต้นทุน เลยไม่กลัวจะขาดทุน แต่พวกคุณสู้โดยมีต้นทุนสูงมาก จนพวกคุณยอมทุ่มทุกอย่าง เพื่อรักษามันไว้ โดยไม่สนใจว่า ใครจะเจ็บจะตาย ส่วนฉันไม่มีอะไร ไม่ได้อะไร ไม่เหลืออะไร พร้อมที่จะตายอยู่ทุกวัน แต่พวกคุณมีอะไรต่ออะไรมากมาย อีกทั้งยัง ไม่พร้อมที่จะตาย ยังเสียดายไปทุกเรื่อง ฉันกับคุณจึงต่างกัน ตรงนี้แหละ ที่เป็นข้อแตกต่างที่สามารถชี้ได้เลยว่า ชัยชนะ จะอยู่ข้างไหน

เจริญธรรม
พุทธะอิสระ
๑๔ มีนาคม ๒๕๕๗ 


https://www.facebook.com/buddha.isara?fref=ts




Friday, 4 July, 2014
๔ กรกฎา "วันชาติสหรัฐ" มหามิตร

วันนี้...๔ กรกฎา "วันชาติสหรัฐ" แต่ดูเหมือนอเมริกันชนไม่ปลื้มนายบารัค โอบามา "ลูกพี่ใหญ่" ของพวกเขาเอาเสียมากๆ เห็นได้จากผลสำรวจคะแนนนิยม ที่ลดฮวบลงเหลือ ๓๐% เท่านั้น ถ้าจะแปล ๓๐% นั้น ออกมาเป็นคำพูด ก็จะได้ประมาณว่า......"ไปตายซะ โอบามา"! ก็น่าเป็นอย่างนั้น ๔ ปีแรกยังพอถูไถ แต่ ๔ ปีหลัง พูดตรงๆ บทบาท-ผลงานโอบามาคือ "ตลกโลก" เก่งแค่ขึ้นยืนบนลังสบู่แล้วจับไมค์คร่อก ขายยาหม่อง กอเอี๊ยะ แค่นั้น ผลงาน ทั้งแก้ปัญหาเศรษฐกิจภายในและการเมืองโลกภายนอก...ห่วยแตก

แต่ก็ยังไม่รู้ตัวเองว่า ในฐานะและบทบาท "มาเฟียโลก" ที่เที่ยววางก้ามเข้าไปยุ่ง-เข้าไปยุแหย่ประเทศโน้น-ประเทศนี้ จนวุ่นวายไปหมดขณะนี้นั้น ตัว "สกังก์" รู้จักมั้ย? นั่นแหละ เอ่ยชื่อโอบามาที่ประเทศไหน ส่วนใหญ่เขา "ปิดจมูก" กันทั้งนั้น! ผลงานที่อิรักตอนนี้เป็นไง....."เข้าเป้า" แล้วใช่มั้ย? ได้ยินข่าววานซืน ผลจากการยุแหย่ให้เกิดสงคราม ๒ นิกาย ขายขีปนาวุธให้อิรักนิกายชีอะห์ ไปฆ่ากบฏ ISIL นินายสุหนี่ ได้อีก ๔๐๐ ลูก มิใช่หรือ? แบบนี้แหละ แผนกู้เศรษฐกิจของสหรัฐที่เขาถนัดมาแต่ไหนแต่ไร ยุแยงให้ประเทศโน้น-ประเทศนี้ กลุ่มนั้น-กลุ่มนี้ รบกัน แล้วก็ "ขายอาวุธ" ให้ทั้งสองฝ่าย..... นับแต่สงครามโลกครั้งที่ ๑ มา ปฏิปทา "ทางการค้าสหรัฐ" มันก็อย่างนี้แหละ!

ก็จะให้แก้เศรษฐกิจภายในตัวเองได้ยังไง ในเมื่อปัจจุบัน นิยามการค้าสหรัฐคือ เล็กๆ เช่น สากกะเบือ...ไม่, ใหญ่ๆ อย่างเรือรบ..ทำสินค้าไฮ-เทคโนโลยี ไปทำเรือรบ ทำเครื่องบิน ทำอาวุธสงคราม ชิ้นละเป็นพัน-เป็นหมื่นล้าน ชาวบ้านมีปัญญาซื้อไปให้ลูกเล่นได้ซะที่ไหนล่ะ  มันก็ต้อง "ก่อไฟสงคราม" ให้คุไว้ เป็นทั้งการตลาด และการส่งเสริมการขาย ทั้ง ๒ ฝ่ายที่ยุแหย่ให้แตกแยก ต่างฝ่ายก็ต้องมาเป็นลูกค้า แย่งซื้ออาวุธไปฆ่ากัน เพราะผู้ผลิตอาวุธเป็นสินค้าส่งออกรายใหญ่ แถมผูกขาด ก็มีสหรัฐนี่แหละเจ้าตลาด-เจ้าโลก! ดูซี...ตัวเองขายอาวุธให้มุสลิม ๒ ฝ่ายเอาไปฆ่ากันกระเป๋าตุงคนเดียวโครมๆ ฝรั่งเศสจะขายเรือบรรทุกเครื่องบินให้รัสเซียบ้าง สหรัฐบอก...ห้ามขายให้ปูตินนะ! ดูมันทำ...ขืนเป็นอย่างนี้บ่อยๆ อียูอาจเลิกเป็นลูกกระเดือกให้คอหอยสหรัฐก็เป็นได้ ลอยแพอเมริกัน ซันเซ็ท ไปประเทศเดียว แล้วมาเกี่ยวก้อยตะวันออกที่กำลังซันไชส์

"อังกฤษ" ตัดเรือพ่วง ไปโชติช่วงชัชวาลกับจีนแล้ว ทำสัญญาการค้า-การลงทุนกันก้อนมหึมา ใช้เงินปอนด์กับเงินหยวน แลกเปลี่ยนในการซื้อขายกันได้
 
โดยตรง ไม่ต้องพึ่งดอลลาร์อีกต่อไป

รัสเซีย-จีน ใช้เงินรูเบิลกับหยวนโดยตรงในการซื้อขายพลังงาน เขี่ยดอลลาร์ทิ้งไปแล้ว เมื่อกลางเดือนมิถุนา ที่ประเทศโบลิเวียกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนา

เรียกว่า G77 จำนวน ๑๓๓ ประเทศ ประชุมแสดงจุดยืนไม่ยอมรับอิทธิพล สหรัฐ-อียู มีแนวโน้มจะไม่เอาดอลลาร์เป็นเงินสกุลหลักของโลกอีกต่อไป!http://www.whiteoutpress.com/articles/2014/q2/133-g77-nations-vow-destroy-americas-new-world-order/

"ส่องกระจก" ดูไทยเราบ้าง ผมส่องเองไม่เป็น แต่เป็นแฟนอาจารย์ "สมเกียรติ โอสถานุเคราะห์" หาอ่านทาง fb ประจำ อ่านเรื่อง "บอกแล้วว่าไทยแลนด์ไม่ธรรมดา" เมื่อวาน ต้องขออนุญาตกระจายต่อ อาจารย์สมเกียรติเขียนไว้ดังนี้...

ในบรรดาประเทศที่เป็นสมาชิกสหประชาชาติเกือบสองร้อยประเทศ และมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นสมาชิกขององค์การการค้าโลก ๑๕๖ ประเทศ ที่รัสเซียเป็นสมาชิกรายล่าสุด ประเทศไทยมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ ๓๑ ของโลก เป็นตลาดที่มีกำลังซื้ออันดับที่ ๒๔

ดังนั้น อียู และอเมริกาจืงกระตือรือร้นที่จะมาขอทำเขตการค้าเสรี ที่เรียกว่า Free Trade Area ประเทศไทยเป็นประเทศผู้ส่งออกอันดับที่ ๒๘ ซึ่งแสดงว่า.... ถ้าประเทศไทยส่งออกไม่ได้ หรือไม่ส่งออก วุ่นทั้งโลก เห็นกันมาแล้ว ตอนที่บริหารงานน้ำไม่เป็น การผลิตรถยนต์ คอมพิวเตอร์ วุ่นวายไปหมดทั้งโลก

เมื่อไทยเกิดวิกฤติการเงิน ก็ส่งผลให้ลามไปทั้งเอเชีย รัสเซีย เข้ายุโรปด้วย ไปจนถึงละตินอเมริกา ประเทศไทยเล่นได้แซบแค่ไหน รู้กันดี CIA แอบรวบรวมข้อมูลเงินต่างประเทศที่ไหลเข้ามาลงทุนในประเทศไทย แล้วตะลึงว่า มีถึง ๒๐๐ พันล้านเหรียญฯ อันนี้เป็นลงทุนทำโน่นนี่จริงๆ ไม่ใช่เงินในตลาดหุ้น เป็นที่อิจฉาของประเทศใกล้เคียงมาก ที่เงินไหลเข้ามาลงทุนในไทย มีหลายสาเหตุ เช่น คนไทยหน้าตาดี คนไทยทำงานเก่ง ประเทศที่คนไม่เก่งเขาไม่ค่อยไปลงทุนด้วย

เวียดนามทุ่มสุดตัวสร้างโรงกลั่นน้ำมัน ปรากฏว่ากลั่นไม่ได้เรื่อง น้ำมันที่ได้คุณภาพต่ำ ต่างจากฝีมือวิศวกรไทย นักเคมีไทย เป็นผู้กลั่นน้ำมันที่สำคัญของเอเชีย เทียบกับทั่วโลกแล้ว ประเทศไทยจัดว่าเป็นประเทศที่การลงทุนทำได้ง่ายเป็นอันดับที่ ๑๗ ของโลก เท่าๆ แคนาดา และเยอรมัน เช่น กู้เงินได้เร็ว ก่อสร้างได้เร็ว หาคนทำงานได้เร็ว จดทะเบียนบริษัทได้เร็วมาก เป็นประเทศที่ส่งออกและนำเข้าอันดับ ๒๐ ของโลก ถ้าไม่เอาทองเข้ามาและไม่จำนำข้าวมโหฬาร จะเกินดุลการค้า เกินดุลบัญชีเดินสะพัดแน่นอน ในยุคที่รายได้สำคัญของประเทศเกิดจากการขายการท่องเที่ยว การศึกษา การขนส่งทางอากาศ บริการสนามบิน กำไรจากการค้ากับต่างชาติ เช่น ค้าชายแดน ขายที่แพลตินั่มโบ๊เบ๊ สำเพ็ง ขายบริการท่าเรือ เดินเรือ ขนส่งสินค้าทางบก บริการการแพทย์ ขายบริการเทเลคอม บริการธนาคาร หลักทรัพย์ บริหารงานก่อสร้าง ลงทุนก่อสร้าง ขายบริการนักบินแอร์ สปา ประเทศไทยทำได้ไม่เลวครับ เป็นประเทศที่ทำรายได้จากอุตสาหกรรมฐานความรู้ ความชำนาญ เป็นอันดับที่ ๓๐ ของโลก เป็นประเทศผลิตสินค้าอุตสาหกรรมอันดับ ๑๗

ไทยผลิตสินค้าเกษตรเป็นที่ ๑๑ แต่เนื่องจากผลิตได้มากเกินไป จึงกลายเป็นผู้ส่งออกอาหารอันดับ ๑๒ แนวเดียวกับเดนมาร์ก ออสเตรเลีย นักธุรกิจไทยโดยเฉพาะผู้หญิงน่า กลัวมาก เล่นของกันทั้งนั้น มีทั้งนางกวัก เจ้าแม่กวนอิม ฮวงจุ้ย พระพิฆเณศร์ ซองดักเงิน สักยันต์ เป่าคาถาใส่ลูกค้า ไหว้เจ้าที่ ห้อยพระ ติดสินบนเทพต่างๆ

ผมเคยอธิบายให้เพื่อนฝรั่งฟัง แต่ก็ไม่รอด หย่าเมียมาแต่งงานกับสาวไทย ถูกเทกโอเวอร์ไปเรียบร้อย....โดนของ ประเทศนี้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาอันดับที่ ๑๙ ของโลก ขายบริการสนามบินได้เป็นอันดับที่ ๑๗ ถ้าออสซี่ไม่พักกรุงเทพฯ เดินทางตรงไปยุโรป สลบแน่นอน เราโชคดีที่อยู่ในประเทศที่เจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจครับ และเราจะเจริญรุ่งเรืองต่อไ

ตอนสงครามโลกครั้งที่ ๒ จบลง รายได้คนไทยแค่ ๑๐๐ เหรียญฯ ต่อคนต่อปี ตอนผมเรียนตรีมหาวิทยาลัยราว ๓๐๐ เหรียญฯ ตอนเรียนโทราว ๖๐๐ เหรียญฯ เมื่อเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๔ ธนาคารโลกเลื่อนประเทศไทยขึ้นสู่ประเทศกลุ่มรายได้ปานกลางขั้นสูง upper middle income country เพราะเขาบอกว่า รายได้เข้าเกณฑ์มาตั้งแต่ปี ๒๕๕๑

พวกฝรั่งที่มาวิจัยบอกว่า จริงๆ แล้ว รายได้คนไทยสูงกว่าที่แสดงไว้เยอะ เพราะมีรายได้นอกระบบ เช่น ค้าขายโน่นนี่อีกร่วม ๕๐% ซื่งต่างประเทศเขาลงนับ ของเราไม่ รายได้จากที่ไม่มีโฉนดก็ไม่แสดง หลบภาษีเก่งมาก

ประเทศไทยมีอัตราคนว่างงานต่ำ เป็นอันดับ ๒ ของโลก แถมยังมีคนต่างชาติมาทำงานอีก ๓.๗ ล้านคน แสดงว่ามีงานเกินคน จะจ้างคนทำงานหนึ่งคน ต้องลงทุนสองล้านบาทขึ้น จึงจะมีงานหนึ่งตำแหน่ง การที่เรามีการทำเขตเศรษฐกิจเสรีกับออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ จีน อินเดีย อาเซียน เกาหลี รวมประชากรร่วมสองพันล้านคน เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ของสินค้าในกลุ่มอาเซียนภาษีเท่ากับศูนย์ เมกา กับยุโรป จึงต้องการเข้ามาร่วมมาก ค่าครองชีพเมืองไทย อยู่ที่อันดับ ๘๑ ถูกกว่าพม่า อินโดฯ เยอะ  ห้าปีที่ผ่านมาแพงขึ้นมาก เดิมอยู่ที่อันดับ ๑๐๕
ช่วงปี ๒๕๑๔ ไทยถูกจัดเป็นประเทศน่าลงทุนอันดับ ๘ และถ้าคนในโลกจะเกษียณอายุ ผลการสำรวจบอกว่าเมืองไทยเหมาะมาก อยู่ในอันดับ ๙ ของโลก

▶▶เพิ่มข้อมูลอีกนิด ไทยเป็นประเทศผู้ส่งออกดิสก์อันดับหนึ่ง ส่งออกยางอันดับสอง น้ำตาลด้วย ส่งข้าวออกเป็นที่ ๖ ส่งรถยนต์ไปขายอันดับที่ ๑๕ เป็นแหล่งผลิตอาหารอีกนาน เพราะมีอาหารสัตว์ คือปลายข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพด ปลาป่น จึงเป็นผู้ผลิตส่งออกหมู ไก่ ไข่ เป็ด ชั้นนำ ผัก ผลไม้เพียบ
ต่อไปจะส่งดอกไม้ตีตลาดโลกแบบโคแวนท์ มาร์เกตของอังกฤษต่างชาติชอบมาอยู่เมืองไทย มาทำงานเมืองไทย ที่พักระดับดีถูกสุดในเอเชีย อาหารดี โรงพยาบาลดี อยู่ประเทศอื่นต้องมาเมืองไทย

โรงเรียนอินเตอร์ชั้นนำ เที่ยวได้ทั้งคืน กินเหล้าได้ทั้งคืน มีทะเล ภูเขา ป่าไม้ มีอาหารทุกชาติ ห้างใหญ่สุด เมียจะได้เดินช็อปปิ้ง รถไฟฟ้าก็มี เป็นเมืองของหนุ่มสาว บรรยากาศลั้นลาต้อนรับคนทุกศาสนา มีเสรีภาพในการเป็นเกย์ ทอม ดี้ เลส โรงหนังชั้นเยี่ยม ระบบคมนาคมดีกว่าจาการ์ตา ฮานอยเยอะ ที่สำคัญ คุณหาห้องน้ำสะอาดได้ทั่วไป เรื่องนี้สำคัญสุดๆ สำหรับผู้หญิงทุกคน สถานทูตอเมริกามาอยู่กันตั้งสี่พัน งบค่าเช่าบ้านแค่สี่ห้าหมื่น ย้ายไปอยู่ดาร์วิน ออสเตรเลียไม่ไหวหรอก หรืออยากย้ายไปอยู่เดลฮี ย่างกุ้ง ไซ่ง่อนกัน

คนนิสัยดี มีกาลเทศะ ไม่วุ่นวายเหมือนคนบางชาติ ให้เกียรติคน อากาศไม่ร้อนจัด เย็นจัดเหมือนอัลไมตี คาร์ซักสถาน น่าอยู่ น่าทำงาน คนแพรคติคอล ดีกว่าแอลเอเยอะ ฯลฯก็จบเนื้อหาที่ลอกจากอาจารย์ "สมเกียรติ โอสถานุเคราะห์" มาแค่นี้ ก็ขอแสดงความยินดีกับนางคริสตี เคนนีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำไทย เนื่องในวันชาติสหรัฐ ที่จัดงานฉลองที่โรงแรมคอนราด เมื่อคืนด้วย...แขกที่สหรัฐเห็นว่ามีเกียรติคู่ควรสหรัฐได้รับเชิญมา นอกจากไม่เห็น "ระดับผู้นำบริหารประเทศและกองทัพ" ของไทยแล้ว เห็นแต่ที่ "นางคริสตี เคนนีย์" เชิญมา เช่น....คณะพรรคเพื่อไทย จาตุรนต์-ชัชชาติ-กิตติรัตน์ และแกนนำ นปช.แดงทั้งแผ่นดิน "วีระ มุสิกพงศ์" ก็ขอให้ มิตรภาพ "ไทย-สหรัฐ" จงเจริญ!.
#ทูตคริสตี้ เอาโอบาม่าออกแล้วเอาอีปูและพวกเข้าไปบริหารทั้งคณะดูนะ ^^


Saturday, 5 July, 2014
เฮๆ ฮาๆ 'สหรัฐ' ในวงนินทาโลก

ช่วงนี้ บ้านเราจะสัมพันธ์อยู่กับเรื่อง "ต่างด้าว-ต่างแดน" มากหน่อย วานซืน เมาท์กันสนุกสนานเรื่องท่านทูตสหรัฐประจำไทย "คริสตี เคนนีย์" จัดงานฉลอง "วันชาติสหรัฐ" ที่โรงแรมคอนราด เชิญแต่อดีตรัฐบาลเพื่อไทยและ นปช. แต่ไม่เชิญคณะ คสช.ซึ่งเป็นผู้บริหารประเทศไม่ได้เมาท์กันในด้าน คสช.เสียหน้า-เสียตา

แต่วิญญูชนทั้งหลาย เขาเมาท์ถึง "ความเถื่อนทางวัฒนธรรมสังคม" ของคนระดับเอกอัครราชทูต ไม่รู้-ไม่เข้าใจเลยหรือว่า....? ระดับนโยบายทั่วไป "สหรัฐไม่คบประเทศที่รัฐบาลไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง" นั่นเป็นเรื่องฉากโลกของ
สหรัฐ เป็นที่เข้าใจได้ แต่ทางสังคม-ทางมรรยาท มันเป็นเรื่องเฉพาะกลุ่ม เฉพาะสังคมไม่เกี่ยวการเมือง ยิ่งมาอยู่บ้านเขากลับแสดงตนเป็นปฏิปักษ์กับเจ้าบ้าน-เจ้าถิ่น เหมือนไม่รู้จักสัมพันธ์มนุษย์ ผมว่า มันเถื่อนๆ ชอบกล! จัดงานฉลองวันชาติในประเทศไทย เชิญทุกสถานทูต เชิญคนนั้น-คนนี้ เชิญกระทั่งคนอดีตรัฐบาลที่สังคมโลกประณาม "คอร์รัปชัน" สะท้านโลก หนักหนากว่านั้น "นปช.แดงทั้งแผ่นดิน" ที่รู้กันทั่วในยุคสื่อสารครองโลกว่า มีปฏิบัติการล้มล้างระบอบ-ล้มสถาบันของไทย หวังสถาปนาทักษิณขนาดไหน นางก็ยังเชิญมา!
เชิญมา ก็ไม่มีใครว่า.....แต่ที่ไม่เชิญ "ผู้นำบริหารประเทศ" ทั้งคณะ คสช.มาร่วมงานด้วยแม้แต่คนเดียวนี่ซี! มันสะท้อนถึงวุฒิภาวะ และจิตใต้สำนึกนางคริสตี เคนนีย์ สะท้อนถึงประเทศสหรัฐว่า "หยาบและดิบ" มรรยาททางการทูตระหว่างประเทศเอามากๆ ไม่รู้ ไม่เข้าใจ แยกแยะไม่เป็น ระหว่างมรรยาทสังคม กับลีลา (หลอกๆ) ทางการเมือง มันตื้นเขิน ที่ไม่เชิญรัฐบาลปัจจุบันในฐานะเจ้าบ้าน
แต่เชิญอดีตรัฐบาลที่โกงกระทั่งชาวนา จนถูกไล่ออกไปก่อนประเทศไทยจะละลายล้ม ทำเช่นนี้ เจตนาต้องการบอกถึงอะไร มันบ้องตื้น จนน่าแปลกใจว่า ระดับมหาอำนาจโลก รู้จักวางตำแหน่ง "มรรยาทกับการเมือง" ได้แค่นี้น่ะหรือ?
มาอยู่บ้านเขา ยังทำเหมือน "เสี้ยม" ให้คนในชาติเขาแตกแยกเป็นฝัก-เป็นฝ่าย ที่พูดนี่ ไม่ใช่ผู้นำ คสช.และคณะอยากได้รับเชิญ อยากไปหอมแก้มนางเคนนีย์ในงานจนตัวซี้-ตัวสั่น การไม่เชิญ นั่นเสียอีกที่คณะ คสช.สบายใจ ไม่ต้องเสียเวลา!

ขอย้ำ ที่พูดนี่ พูดในประเด็นมรรยาททางสังคม และกาลเทศะ ส่วนเรื่องเชิญ นปช.เพื่อไทย ไม่เชิญ คสช.นั้น ไม่มีใครถือสา ถือเป็นเรื่องซีเรียส มีแต่ถือเป็นเรื่อง ฮาาาาา ในความไม่ประสาของยัยกุ้งแห้ง! เชิญ คสช.แล้วไม่ไปงานนี่ซี คสช.จะเสีย แต่ที่นางเคนนีย์บอก เชิญแต่เพื่อนๆ มาร่วมงาน แต่ไม่นับคณะ คสช.เป็นเพื่อน คือไม่เชิญ นั่นตะหาก...เสียหาย คล้ายมรรยาททูตประเทศเกิดใหม่ ยังไง-ยังงั้น! คุยเรื่องนี้ดีกว่า "มิตรแดนใกล้ สำคัญกว่ามิตรแดนไกล" 


เมื่อวาน (๔ ก.ค.) พล.อ.มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ มาเมืองไทย เห็นกอดกันกลมกับ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กอดกับ ผบ.สส.ไทยแล้ว ไปเข้าพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่บ้านพักสี่เสาเทเวศร์ จากประธานองคมนตรี ผบ.สส. เมียนมาร์ไปพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. และหัวหน้า คสช. ที่กองบัญชาการกองทัพบก  ก็ดูละกัน มิตรภาพไทย-เมียนมาร์ "ขนาดไหน" มีสักกี่รายที่มาเมืองไทยแล้วได้เข้าพบด้วยไมตรีจิตรมิตรภาพทีเดียวถึง ๓ คน คือ ผบ.สส. หัวหน้า คสช. และประธานองคมนตรี

ผมหมู่นี้ไม่รู้เป็นไง เดี๋ยวๆ ไข้ขึ้น เหมือนกระดูกจะล่อนออกจากเนื้อ คิดมาก-คุยมากก็เวียนหัว  ไหนๆ ก็คุยเรื่องต่างด้าว-ต่างแดนแล้ว วานซืนก๊อบปี้เรื่อง "สหรัฐกำลังถูกลอยแพให้โดดเดี่ยว" ของคุณทนง ขันทอง ผู้สันทัดวิเทศ ค่ายเนชั่น ไว้ ตอนนี้ "ทอง" กำลังฮิต แต่จะฮิตจนนำไปสู่ "สงครามทอง" หรือไม่ อ่านเป็นความรู้รอบตัวไว้ก็ดีนะครับ "สหรัฐกำลังถูกลอยแพให้โดดเดี่ยว" ฝรั่งเศสต้องการขายเรือรบบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ให้รัสเซียจำนวน 2 ลำ มูลค่า 1.12 พันล้านยูโร เพราะว่าอย่างไรเสียก็ต้องเกี่ยวก้อยกับรัสเซียเอาไว้ก่อน เพราะว่าพี่ปูตินตอนนี้เข้มแข็งเหลือเกิน มองดูแล้วนาโตใช่ว่าจะมารบสู้กองทัพของรัสเซียได้ เพราะพี่ปูตินมีการเตรียมการทางทหารมาเป็นอย่างดี

ส่วนยุโรปสบายมานานแล้ว ทำงานปีหนึ่งต้องมีฮอลิเดย์ 2-3 เดือน พร้อมเงินค่าชดเชย ค่าบำนาญเพียบ เลยไม่พร้อมที่จะทำสงครามอะไรอีก อีกประการหนึ่งฝรั่งเศสพึ่งพาพลังงานจากรัสเซีย แม้ว่าจะมีโรงงานนิวเคลียร์ของตัวเอง พอสหรัฐรู้เข้าไม่พอใจมาก สั่งให้ฝรั่งเศสล้มดีลเรือรบ Mistral แต่ Francois Hollande ไม่ยอม BNP Paribas ซึ่งเป็นธนาคารฝรั่งเศสเลยรับกรรมแทน BJP โดนศาลสหรัฐปรับเกือบ $9,000 ล้าน ด้วยข้อหาว่าทำธุรกรรมการเงิน $6,000 ล้านให้อิหร่าน ซูดานและคิวบาระหว่าง 2004 ถึง 2012 นอกจากนี้ ธนาคาร BNP Paribas จะถูกห้ามทำธุรกรรมดอลลาร์บางประเภทเป็นการชั่วคราว ประธานาธิบดีปูตินของรัสเซียออกมาแฉเรื่องนี้ว่า เกี่ยวพันกับดีล Mistral เนื่องจากประธานาธิบดี Hollande ของฝรั่งเศสปฏิเสธที่จะยกเลิกสัญญาขายเรือรบ Mistral ให้รัสเซียตามแรงกดดันของสหรัฐ

ปูตินแฉต่ออีกว่า ในขณะเดียวกันสหรัฐแอบบอกฝรั่งเศสว่า ถ้ายกเลิกสัญญาขาย Mistral กับรัสเซีย สหรัฐจะยกเลิกการแซงก์ชันธนาคาร BNP Paribas หรือลดโทษค่าปรับให้น้อยลง "นี้ไม่ใช่เป็นการแบล็กเมล์หรือ?" ปูตินพูดในวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา ในการพบกับนักการทูตประเทศต่างๆ ที่มอสโก นาย Hollande คงไม่ยอมเรื่อง Mistral โดนแบล็กเมล์เป็นแน่ จะเดินหน้าขายเรือรบให้รัสเซียต่อไป และพร้อมให้การฝึกทหารรัสเซียในการควบคุมดูแลเรือรบ Mistral อีกด้วย

เรื่องสหรัฐแบล็กเมล์ผู้นำฝรั่งเศสไม่ใช่เรื่องใหม่ ปี 2011 อดีตผู้นำฝรั่งเศส นาย Dominique Strauss-Kahn ตอนนั้นดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการของ IMF
โดนแบล็กเมล์เรื่องเซ็กซ์อย่างสุดแสนเจ็บปวด เพราะว่าเขาบังอาจไปทวงทองคำจาก US Federal Reserve ของสหรัฐ ให้เอามาส่งมอบให้ IMF ได้แล้วตามสัญญา

Russia Today รายงานว่า Dominique Strauss-Kahn อดีตกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ของ IMF ชาวฝรั่งเศส บังอาจทวงทองสหรัฐให้ส่งมอบให้ IMF เลยโดนซ้อนกลเรื่องเซ็กซ์ที่โรงแรมในนิวยอร์ก ทำให้ต้องหลุดจากตำแหน่ง IMF เมื่อปี 2011 และ Christine Lagarde ได้มารับตำแหน่งแทนเขา Strauss-Kahn เรียกร้องให้มีการตรวจสอบทองคำสำรองของสหรัฐที่บอกว่ามีอยู่ 8,044 ตัน แต่ปรากฏว่าตั้งแต่มีการยึดทองสมัยรูสเวลต์ปี1933ไม่เคยมีการเช็กสต็อกอย่างเป็นทางการเลยว่าทองมีเท่าไหร่

สหรัฐมีข้อตกลงต้องส่งมอบทอง 191 ตันให้ IMF ตามข้อตกลงปี 1978 เพื่อเป็นสำรองส่วนหนึ่งของ IMF เพื่อมาหนุนเงิน Special Drawing Rights หรือ SDR ของ IMF แต่สหรัฐเบี้ยวมาตลอด นอกจากจะเบี้ยวไม่ส่งมอบทองให้ IMF แล้ว สหรัฐยังเบี้ยวส่งทองคำคืนให้เยอรมนีที่เอามาฝากไว้กับ Federal Reserve Bank New York อีก ก่อนที่ Strauss-Kahn จะบินกลับกรุงปารีสวันเดียว ก็โดนข้อหากระทำชำเราแม่บ้านที่โรงแรมกลางนิวยอร์ก ตำรวจสหรัฐเล่นงานหนัก จับเข้าคุกใส่กุญแจมือ ไม่ให้ประกัน แล้วก็โดนปลดออกจากตำแหน่งโดยปริยาย  พวกรัสเซียโชว์รายงานลับซีไอเอให้ Strauss-Kahn ดู  โดยระบุว่าสหรัฐไม่มีทองคำสำรองเหลืออยู่ในประเทศเลย รายงานนี้เตรียมที่จะให้ประธานาธิบดีปูตินดูเหมือนกัน ทำให้ Strauss-Kahn ต้องการให้มีการสอบบัญชีทองสหรัฐ เพื่อนำมาส่งมอบให้ IMF เพราะว่าสหรัฐบ่ายเบี่ยงเบี้ยวมาตลอด ทองสหรัฐเก็บที่ Fort Knox รัฐเคนตั๊กกี และที่ Federal Reserve สาขานิวยอร์ก

แต่มีข้อสงสัยกันมาตลอดว่า ทองอาจจะไม่เหลืออยู่ ถูกมือดีขนเอาไปหมดแล้ว แม้แต่เยอรมนีขอทองคืน 300 ตันเมื่อปลายปีที่แล้ว สหรัฐก็บ่ายเบี่ยงบอกว่าให้มาเอาตอนปี 2020 เยอรมันส่งเจ้าหน้าที่มาดูทองของตัวเองก็ไม่ให้ดู  คงเห็นภาพว่า เรื่องทองเป็นเรื่องของเจ้าพ่อระดับโลก ใครแหยมโดนสอยทั้งนั้นอย่างเจ็บปวด ตอน Strauss-Kahn โดนเล่นงาน เชื่อกันว่าเขามีโอกาสเป็นประธานาธิบดีฝรั่งเศส คู่แข่ง Sarkozy เลยอาจโดนการเมืองฝรั่งเศสเล่นกันเอง แต่รายงานรัสเซีย ทูเดย์ ชิ้นนี้สุดยอดมาก ที่เผยว่า Strauss-Kahn ร่วงจากตำแหน่ง เจอข้อหาเซ็กซ์หนักเพราะบังอาจไปทวงทองของสหรัฐ ทองที่หายไปแล้วกับสายลม ทั้ง Strauss-Kahn และ Hollande โดนสหรัฐแบล็กเมล์อย่างนี้ แล้วฝรั่งเศส และสหรัฐจะมองหน้ากันได้อย่างไรอีกต่อไป ถ้าพี่ปูกับพี่โอล่อกัน นายโอแลงด์จะเลือกอยู่ข้างใด?
 

MANA PRADITKET

MANA PRADITKET
Handpainted oil painting by Mana Praditket

NIRAN PAIJIT

NIRAN PAIJIT
Original handpainted oil painting by Niran Paijit

PRAYAD TIPPAWAN

PRAYAD TIPPAWAN
ORIGINAL IMPRESSIONAL OIL PAINTING BY PRAYAD TIPPAWAN

Achara 34 (24x36)

Achara 34 (24x36)
ORIGINALl OIL PAINTING

Amornsak Livisit 74 (24x36)

Amornsak Livisit 74 (24x36)
ORIGINAL OIL PAINTING, Impressionist style

Suwan Khanboon 11 (24x24 inches)

Suwan Khanboon 11 (24x24 inches)
Original handpainted oil painting abstract style

NIRAN PAIJIT

NIRAN PAIJIT
ORIGINAL ABSTRACT STYLE OIL PAINTING BY NIRAN PAIJIT

Chavalit (Pong)

Chavalit (Pong)
PINTO Horses

Komez 78 (22x30)

Komez 78 (22x30)
Original handpainted pastel painting on paper

KOMES

KOMES
Handpainted pastel painting by Komez

PRATHOUN

PRATHOUN
ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING BY PRATHOUN

THAVORN IN-AKORN

THAVORN IN-AKORN
ORIGINAL OIL PAINTING BY THAVORN IN-AKORN (SIZE 20x30")

THAVORN IN-AKORN

THAVORN IN-AKORN
Original oil painting by Thavorn In-akorn

Facebook


ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING

PHOTO GALLERY

PHOTO GALLERY

Facebook

PHOTO GALLERY