เปลว สีเงิน
ผู้เผยแผ่ธรรมที่ 'มหาเถร' สาธุ
Monday, March 16, 2015 - 00:01
"นายบัน กีมูน" มั่นใจนะว่า ในตำแหน่ง "เลขาฯ UN" ไม่จำเป็นต้องหงอให้ "ประธานาธิบดีสหรัฐฯ" จึงกล้าเชิญ "นายกฯ ประยุทธ์" ไปประชุมสหประชาชาติ ที่นิวยอร์ก ปลายกันยานี้?
นายกฯ ลุงตู่น่ะ ด้วยหัวใจประชาธิปไตย พร้อม "ทุกเวที" อยู่แล้ว แต่สหรัฐฯ ล่ะ.....? พร้อมถอดหน้ากากประชาธิปไตยเทียม ด้วยการไม่สนับสนุนโจรที่เป็น "นอมินีอำนาจ" แล้วอยู่กับโลกเป็นจริงอย่างทัดเทียมกันใน พ.ศ.นี้ หรือเปล่าล่ะ!
ปีหน้า พ.ศ.๒๕๕๙ หรือ ค.ศ.๒๐๑๖ เป็นปีวัดดวงสหรัฐฯ-ไทย บนคำว่า "มหามิตร" ในเส้นทางการเมืองว่าด้วยเรื่องอำนาจโลก-อำนาจประเทศ ต้นปี ๒๕๕๙ ตามโรดแมป ประเทศไทยจะเลือกตั้ง มี "รัฐบาลรูปแบบ" จากการเลือกตั้งเข้ามาบริหารประเทศ
สำหรับเมืองไทย..........
"รัฐบาลเลือกตั้ง" ไม่ใช่คำตอบ "ประชาธิปไตยเนื้อหา" เสมอไป เช่นเดียวกับ "รัฐบาลทหาร" ก็ไม่ใช่คำตอบ "เผด็จการ" เสมอไปเช่นกัน! รัฐบาลหลังเลือกตั้งปี ๕๙ สำหรับไทย คนชื่อ "ประยุทธ์ จันทร์โอชา" เข้าฉากหายไป หรือจะยัง "ออกฉาก" สืบสานนโยบายงานปฏิรูปประเทศต่อเนื่องไป ๕๐-๕๐ ทั้งเป็นไปไม่ได้ และเป็นไปได้! แต่สหรัฐอเมริกา ปีหน้า............๑๐๐% ว่า นายโอบามา ประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต ต้องพ้นไปชนิด "ไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี"
ตอนปลายปี ๒๐๑๖ เพราะสหรัฐฯ จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีใหม่ คนขั้ว "รีพับลิกัน" มีโอกาสที่อเมริกันชนจะเลือกเข้าไปเป็นประธานาธิบดีเปอร์เซ็นต์สูงกว่าคนจาก "เดโมแครต"
สำหรับสหรัฐฯ "เปลี่ยนคน-เปลี่ยนพรรค" แต่นโยบายสู่จุดมุ่งหมาย "รัฐบาลโลก" หรือ New World Order ด้วยปฏิบัติการขับเคลื่อน โดยองค์การ CFR คงเดิม...ไม่เปลี่ยน และจะโหมหนักขึ้น!
ปีนี้ ยันปีหน้า...สนุกครับ สนุกทั้งการเมืองโลก ว่าด้วย "สงครามนอกสารบบ" และทั้งการเมือง เพื่อประเทศใคร-ประเทศมัน "วาติกัน" ขยับบทบาทปกป้อง "คนคริสต์" จากการถูก "นักรบ ISIS" เข่นฆ่าแล้ว!
ย้อนกลับมาดูการเขยื้อนขยับสังคมไทยสู่ศตวรรษใหม่บ้าง จะเห็นว่าความเป็นไปทั้งรูปแบบและเนื้อหาไม่ต่างกันมากนัก ในขณะที่ ภาคประชาสังคมและภาคการเมืองว่าด้วยอำนาจบริหารและปกครองประเทศ เขยื้อนขยับตัว
"ภาคศาสนา" โดย ๑ พุทธศาสน์ แต่ ๒ นิกาย คือมหานิกาย และธรรมยุติกนิกาย มีความเห็นต่างในการปฏิบัติตามพระธรรม-พระวินัย ของสงฆ์ที่ผิดเพี้ยน จนถึงขั้นวิปริต อุกฤษฏ์ธรรม
กรณีวัดพระธรรมกาย ธัมมชโย ที่แสดงพฤติกรรมแฝงพุทธ-บิดธรรม หวังครอบงำพุทธศาสน์ในไทยให้กลายเป็น "พุทธธรรมกาย" มีสรรค์เป็นสินค้าซื้อ-ขาย ควบคู่ไปกับการเมืองระบอบทักษิณ ที่มุ่งเน้นวัตถุทุน
ฝ่ายอาณาจักร........
ระบอบทักษิณ มุ่งเปลี่ยนระบอบ-ล้มสถาบัน "เป็นไทยแดงทั้งแผ่นดิน"
ฝ่ายศาสนจักร.......
"ธัมมชโย" ประสานรับ ใช้เงินโจรเป็นชนวนนำครอบงำเถรวาท "มหานิกาย-ธรรมยุต" เป็นพุทธธรรมกาย ร่วมเป้าหมาย แผ่นดินแดงระบอบทักษิณ!
และที่ ศูนย์กลางอำนาจบริหารสงฆ์ในพระพุทธศาสนา บนความเป็น "รัฐบาลสงฆ์" ที่เรียกชื่อว่า "คณะกรรมการมหาเถรสมาคม" ณ พ.ศ.๒๕๕๘ นี้
ขณะนี้ "สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์" (ช่วง วรปุญโญ) วัดปากน้ำ องค์ปฏิบัติหน้าที่พระสังฆราช เป็นประธานในการประชุมมหาเถรฯ ล่าสุด........
รอยปริแยกในความเห็นต่อพระธรรม-วินัยที่ต่างกัน ระหว่างกรรมการมหาเถรฯ ฝ่ายธรรมยุต กับฝ่ายมหานิกายเด่นชัดมากขึ้น
กรณีพฤติกรรมธัมมชโย ถ้าเป็นชาวบ้านหรือพระธรรมดาทั่วไป ไม่เพียงถูกจับสึกด้วยอาบัติปาราชิกอย่างเดียว
ยังต้องถูกข้อหาอั้งยี่-ซ่องโจร-ฉ้อโกง-หลอกลวงประชาชน-บ่อนทำลายพระพุทธศาสนา ถึงขั้นถูกจำคุกไปนานแล้วด้วย
แต่ด้วย เงิน-อิทธิพล-การเมือง-การศาสนา ฝ่ายอาณาจักร มีการใช้กฎหมายกับธัมมชโยคนละมาตรฐานกับชาวบ้านและพระรูปอื่นๆ แม้กระทั่งขณะนี้ ด้วยคดียักยอก-ฟอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เรื่องแดงมา ๒-๓ ปีแล้ว แต่กระบวนการกฎหมายจากฝ่ายตำรวจ-ดีเอสไอ-ปปง.-รัฐบาล ในยุคระบอบทักษิณต่างเตะถ่วง ใช้กฎหมายแบบไฉเฉ ธัมมชโยยังไม่ถูกข้อหาอะไร ซึ่งส่อเจตนาว่า "๑ พระ-๑ โจร-๑ อำนาจ" ผนึกแนว
"ผูกขาดความถูกต้อง-ชอบธรรม" ทั้งทางกระบวนการยุติธรรม และทั้งทางกระบวนการสงฆ์!
มหาเถรสมาคม โดย สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ธัมมชโย ซึ่งเป็นซีกมหานิกาย ให้นิยามพระธรรม-วินัยใหม่ คล้ายลบล้างพระธรรม-วินัยที่สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงบัญญัติไว้เดิม โดยคล้อยตามพระสันดานโจรตอแหล "ใส่ซองหนา" อย่างธัมมชโย
"มหาเถรสมาคม" พ.ศ.๒๕๕๘ จึงยึดเป็น "ต้นบัญญัติ" ให้นิยามพระวินัยใหม่ ว่า...."พระโกง เมื่อถูกจับได้ คืนเงิน-คืนทรัพย์สิน ไม่เป็นปาราชิก!"
มหาเถรฯ ฝ่ายธรรมยุตไม่เห็นด้วยกับข้อวินิจฉัยนั้น แต่เมื่อเป็นมติที่ประชุมด้วยเสียงส่วนใหญ่ เพราะมีมหาเถรฯ ซีกธรรมยุต ๒ รูปไปเห็นด้วย ท่านจึงต้องนิ่ง
พุทธศาสนาเถรวาทในไทยวันนี้ จากมหาเถรฯ จากผู้ใช้กฎหมายบ้านเมือง ไม่ตั้งมั่นในพระธรรม-วินัย และกฎหมาย........ถูกพุทธธรรมกาย "กลืนวัด-กลืนพระ" ทั้งในประเทศ-ต่างประเทศไปมากต่อมากแล้ว!
บทบาทพระที่มหาเถรสมาคมยุค "สมเด็จช่วง" ชื่นชอบ-สนับสนุน คู่ขนานกับระบอบทักษิณ เป็นอย่างไร?
●โซเชียลมีเดียมีการนำ "บทบาทพระ" ที่มหาเถรฯ ชื่นชอบ ด้วยพฤติกรรมและคำพูด "บนเวทีเสื้อแดง" มาเผยแพร่ขณะนี้มากมาย ขอแกะถ้อยคำนำเสนอท่านมหาเถรฯ ได้ปลื้มสัก ๒ คลิป ดังนี้..........
"อันนี้...ตัวจริงฝนเทียม โอ.....ฝนตกนะโยม มากระซิบว่าฝนตกนี่เป็นเพราะฝนเทียม เพราะฉะนั้น เวลาเปียกก็เปียกเทียมๆ ไม่ต้องถอยโยม...ไม่ต้องถอย เอ้าาาาา...คนเสื้อแดงทั้งข้างบนและข้างล่าง สู้ไม่สู้...สู้ไม่สู้...สู้ไม่สู้....เสื้อแดง...เสื้อแดง...เสื้อแดง....เสื้อเหลือง....ฮ่ะๆๆๆๆ ทางด้านนี้เค้าบอกว่าเสื้อแดงสู้..สู้..พอพระบอกว่าสู้..สู้..พอเสื้อเหลือง...ไปตายซะ...ไปตายห่าซะ..ไปลงนรก...ไป..ไป..ไป..เออ...ไปลงนรกเสียเถอะที่รัก...."
●●อีกคลิปหนึ่ง จากการขึ้นเวทีเสื้อแดงเช่นกัน
"ถามว่าทำไมปากของทหารไม่ว่าง เพราะอะไร หาาาา....หาาาาา....หาาาา...หาาาา....มันคาบอยู่เต็มปาก เออออ....ใช่เลย อย่างที่โยมตอบนี่ เพราะว่าขณะนี้มันคาบเอาไว้เต็มปาก ถามว่ามันคาบอะไรไว้เต็มปาก อะไร..ใช้อะไรคาบ
แล้วสิ่งที่คาบอยู่นั้นเขาใช้กับสรรพนามของอะไร สรรพนามที่ใช้ในการคาบ มันใช้กับอะไร...ใช้กับอะไร้....ใช้กับอะไร้....ไม่ได้ยิ้นนนน....ไม่ได้ยิ้นนนน...แฮ่ๆๆๆๆ กูรู้ว่าติดขังรวมแน่ งานนี้...กูว่า เล่นตะโกนซะชัดเจนเลย
เหมือนโยมเสื้อเหลืองเขาโทรมาหาอาตมา เพราะเห็นขึ้นเวทีเสื้อแดงบ่อยเขาก็ไม่ค่อยจะชอบใจเท่าไหร่ พวกพระย่ามแดง พวกพระไปขึ้นเวทีเสื้อแดง มหาโชว์นี่ไม่ต้องไปให้ 'เจ้าคุณ' มันหรอก เพราะอะไร...เพราะมหาโชว์นี่มันเป็นพระเสื้อแดง....เสื้อแดงแล้วไม่ให้เจ้าคุณ (ทำเป็นเสียงบ่นรำพึง) ถามว่าเสื้อแดงกูนี่หนักกระบาลใครไม่ทราบ มันหนักกระบาลก็บอกว่า อย่าไปให้มันเลยเจ้าคุณ... มหาโชว์น่ะ มันเป็นพระเสื้อแดง มันโทรมานะ (ทำท่าโทรศัพท์) อาตมาก็บอกเบอร์โทรศัพท์ทางวิทยุไปเรื่อยด้วยใจซื่อ มือสะอาด เป็นพระที่อินโนเซนส์ หน่อมแน้ม คิกขุอาโนเนะ บอกไปหมดเลย....๐๙๐ เป็นตะก่อนนะ บอกเบอร์โทร.ตลอดเลยนะ
ทุกวันนี้ชักจะเป็นงานแล้ว กูซื้อเอาไว้ ๕๐ มันโทรมา ๑๐ นี้ กูไป ๑๐ โน้น แฮ่ๆๆๆๆ สันติบาลมันปวดหัวฉิบหาย บอกพระอาจารย์ใช้เบอร์ไหนเนี่ย...บอก...มันเรื่องของกู
แต่ก่อนเนี้ยทหารเนี่ยมันโทรมาบ่อย ตำรวจ...กริ๊งงงงง พระอาจารย์...อยู่ไหนครับ...บอกนี่อาตมาอยู่ที่เพชรบูรณ์ ท่านผู้กำกับสันติบาลมีธุระอะไร ผมคิดถึงพระอาจารย์ บอก...แฮ่ๆๆๆๆ กูไม่คิดถึงมึงเลย เขากลัวว่าพระนี่จะพามวลชนไปราชประสงค์บ้าง กลัวจะพามวลชนพระไปสี่แยกคอกวัวบ้าง มันโทร.มาบอกคิดถึง อยากจะไปกราบนมัสการท่านหน่อย ก็กูไม่ปรารถนาให้มึงมากราบนี่
เสื้อเหลืองเค้าโทรมา....กริ๊งงงงงง เราก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมา ฮัลโหล เราก็นึกว่าเป็นพระ มันมีทั้งพระ ทั้งเณร ทั้งโยม เบื้องต้นอย่าไปเจริญพรก่อนะโยม เดี๋ยวโดนเจ้าคุณเค้าโทรมา เราก็ต้องเป็นพระที่อ่อนน้อมถ่อมตน เป็นพระเรียบร้อย ฮัลโหล...สวัสดีครับ ผมมหาโชว์ครับบบบ...ไอ้เหี้ย มาเต็มหูเลย พอโดนไอ้เหี้ย เราก็เอ้.....ทำไงดีหว่า เห็นเราขึ้นเวที...ไอ้เหี้ย มันบอก...ไอ้พระเหี้ย เราก็เอ้.....ใครวะโทรมาไม่เคยได้ยินเลยโทรศัพท์นี้....ไอ้เหี้ยยยย ยิ่งมาหนักเลย กลัวว่าเราจะไม่ได้ยิน เอ้....ใครวะโทรมา โทรศัพท์ท่าทางจะเสียไม่ได้ยินเลย....ไอ้เหี้ยยยย ยิ่งมาหนักเลย แต่ที่จริงคำว่าเหี้ยเต็มรูหูตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว มาเต็มๆ เลย มันจัดเต็มเลยตั้งแต่แรก......."
นี่คือ การเผยแผ่พระธรรมคำสอนพระพุทธองค์ ของ "พระมหาโชว์ ทัสสนีโย" ผอ.ส่งเสริมพระพุทธศาสนา มหาวิทยาลัยจุฬาฯ วังน้อย ที่มหาเถรฯ ชื่นชอบ คงเป็นบัญญัติสงฆ์ฉบับ "มีเราในเรา" พ.ศ.๒๕๕๘....
"มีมหาเถรฯ ธรรมกายระบอบทักษิณ ก็มีพระอย่างมหาโชว์ และมีพระอย่างมหาโชว์ ก็มีมหาเถรฯ ธรรมกายระบอบทักษิณ?"