●●ธงชัยเฉลิมพล
ธงชัยเฉลิมพลประจำกองทหารนั
ดังนั้น เมื่อกองทหารและธงชัยเฉลิมพ
พระกรัณฑ์ [กะ-รัน] หมายถึงภาชนะที่มีฝาปิด ใช้ใส่หรือบรรจุสิ่งที่สำคั
●●"อยากจะรู้หัวใจพระองค์นั้นทรงทำด้วยอะไร
เหตุอันใดจึงมีความรักมากมา
อยากจะรู้ร่างกายพระองค์ทำไ
แบกภาระที่มีมากล้นคนเดียวอ
เป็นเจ้าฟ้าที่ยืนข้างล่าง
แบกไพร่ฟ้าเอาไว้บนไหล่
อยากรู้พระองค์เคยคิดเหนื่อ
ทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน
ขอจงทรงพระเกษมสำราญพระวรกา
ทรงพระเจริญ พระเจ้าอยู่หัวของชาวไทย
จากใจพสกนิกรของพระองค์
กี่ปีมาแล้ว ที่เห็นพระองค์นั้นทรงเหนื่
โดยมุ่งหมายดูแลแก้ไขป้องภั
จนบัดนี้พระองค์ก็ยังคงคอยช
และคงเฝ้าทำเพื่อพวกเราไม่เ
เป็นเจ้าฟ้าที่ยืนข้างล่าง
แบกไพร่ฟ้าเอา ไว้บนไหล่
อยากรู้พระองค์เคยคิดเหนื่อ
ทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน
ขอจงทรงพระเกษมสำราญพระวรกา
ทรงพระเจริญ พระเจ้าอยู่หัวของชาวไทย
จากใจพสกนิกรของพระองค์.."
>>ผมเชื่อว่าคนไทยได้เรียนร
(บอย โกสิยพงษ์ : นักแต่งเพลง)
สามารถชมภาพพระราชกรณียกิจใ
หลวงพ่อครับ พูดตามปกติ นะครับ ผมเป็นคนไทย
ประมาณปี 35 หรือปี 36 ผมไม่แน่ใจ ตอนนั้นผมยังรับใช้หลวงพ่อค
แล้วพอมาถึงวันงานที่ในหลวงเสด็จมา เหล่าบรรดา ส.ส. ส.ว. ส.จ. นายอำเภอ หน้าแหย ๆ ไปตามกัน เพราะกล้วว่า หลวงพ่อคูณจะพูด กู มึง กับในหลวง…. แล้วหลวงพ่อคูณท่านพูดว่า กูก็เคยเรียน ภาษาไทยเนอะ รู้น่า ไม่ต้องห่วงด๊อก …ไอ้นาย (หลวงพ่อคูณ พูดกับ ราชการผู้ใหญ่) จนในที่สุด ………… ในหลวงท่านเสด็จมา ผมเองก็มีโอกาสเห็นในหลวงใกล้ที่สุดๆ ชิดพระวรกายเลย ซึ่งในหลวงท่านถามว่า ………….. หากินลำบากไหม (ผมน้ำตาไหล พราก) แล้วพระองค์ก็เดินจากไป……….
พอท่านเสด็จกลับ…. หลวงพ่อคูณท่านก็เข้าวัด ท่านยิ้มแก้มปริ จนเวลาผ่านไป ผมก็แอบไปถามท่านว่า … ตอนที่เดินบนโบสถ์ ผมถามจริงเถอะหลวงพ่อคุยอะไร เล่าให้ผมฟังหน่อย … แล้วคำแรก ที่หลวงพ่อกล่าวก็คือ… มึงรู้ไหม มือพระองค์เป็นมือคนทำงาน อย่างก๊ะ ชาวไร่ ชาวนา ..แข็งกะด้างมากๆ แล้วผมก็ถามหลวงพ่อว่า หลวงพ่อใช้คำเรียกว่าอะไร … หลวงพ่อท่านเงียบ แล้วก็ตอบว่า ……………. พระองค์ พูดประโยคแรกว่า …….. “หลวงพ่อครับ พูดตามปกติ นะครับ ผมเป็นคนไทย”
●พระเทพฯเคยทรงตรัสเกี่ยวกั
ณ ตอนนั้นในหลวงทรงตรัสอะไรกั
พระเทพทรงตรัสด้วยรอยยิ้มปร
" พ่อดุเรา...บอกให้เราไปถ่าย
จากนั้นพระเทพก็หัวเราะหลัง
More on His Majesty the King of Thailand
เรื่องราวเพิ่มเติมเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ของไทย
เรื่องราวเพิ่มเติมเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ของไทย
ก่อนอื่น สิ่งที่สำคัญก็คือ ความเข้าใจที่ว่ากษัตริย์ภูมิพลนั้นเป็นผู้ที่ลงมือสร้างผลงานด้วยพระองค์เอง และจะพูดในแบบที่ให้ชาวอเมริกันเห็นภาพได้ว่า กษัตริย์ภูมิพลนั้นสมควรได้รับเหรียญยกย่องชมเชยสำหรับพลเรือนที่เทียบได้กับเหรียญกล้าหาญสูงสุด — สมควรได้รับอย่างแท้จริง
นี่ไม่ได้เป็นการพูดเล่นๆ
มันมีเหตุผลที่คนไทยนั้นให้ความเคารพเทิดทูนบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญหลายภาษา และ ทำงานเพื่อประเทศของท่านทุกวันมาเป็นเวลามากกว่า 60 ปี หากพวกเรามีบุคคลเช่นนี้ในอเมริกา ชีวิตก็น่าจะดีกว่านี้
กษัตริย์ภูมิพลทรงดำเนินไปยังพื้นที่กันดารทุกหนทุกแห่งเพื่อให้รู้จักประเทศของพระองค์ และ เข้าใจเรื่องราวประเด็นที่พระองค์จะทรงมีพระวินิจฉัย และไม่ว่าจะใช้บรรทัดฐานใด พระองค์ก็คือ ฮีโร่ อย่างแท้จริง
Before saying something, it is important to understand that King Bhumibol walked the walk. To put this into American perspective, King Bhumibol earned --truly earned -- the civilian equivalent of the Medal of Honor.
This is not said lightly.
There is a reason why Thai people honor this highly educated polyglot who worked for his country every day for more the six decades. If we had such a man or woman in America, life would be better.
King Bhumibol travelled to every backwater to understand his country and the issues he needed to address. King Bhumibol is a hero by any measure.
พบแล้ว บุคคลที่ได้เข้าเฝ้าในหลวง ปลาบปลื้มพระองค์ทรงใช้พระหัตถ์ลูบศีรษะ
Cr:kapook
นายอัตรภูมิ ภูมิประเทศ เผย รู้สึกปลาบปลื้ม ที่ได้เข้าเฝ้าในหลวงเมื่อ 35 ปีก่อน พร้อมกับที่ในหลวงพระราชทานชื่อว่า หม่อม
Cr:kapook
นายอัตรภูมิ ภูมิประเทศ เผย รู้สึกปลาบปลื้ม ที่ได้เข้าเฝ้าในหลวงเมื่อ 35 ปีก่อน พร้อมกับที่ในหลวงพระราชทานชื่อว่า หม่อม
เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2557 หลังจากที่กระทรวงวัฒนธรรม ได้ประกาศตามหาบุคคลในภาพ ที่ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งในภาพที่ 4 นั้น เป็นเหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2522 ขณะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ ไปทรงเยี่ยมโครงการหมู่บ้านสหกรณ์ห้วยสัตว์ใหญ่ป่าเด็ง-ป่าละอู ต.หนองพลับ อ. หัวหิน จ. ประจวบคีรีขันธ์ ก็มีสตรีท่านหนึ่ง นำลูกน้อยวัย 1 ขวบเศษ มาร่วมถวายพระพร ซึ่งต่อมาได้มีการตามหาบุคคลดังกล่าวจนพบ และมีการตรวจสอบพิสูจน์ชัดเจน จนพบว่า เด็กชายในภาพนั้นคือ นายอัตรภูมิ ภูมิประเทศ
ทั้งนี้ นายอัตรภูมิ ภูมิประเทศ หรือ หม่อม ปัจจุบันอายุ 36 ปี ประกอบอาชีพเป็นลูกจ้างในร้านขายอะไหล่รถจักรยานยนต์ ใน อ. หัวหิน โดยที่มารดา นางสุนีย์ ภูมิประเทศ อายุ 78 ปี กล่าวว่า ตนและสามีเป็นครอบครัวทหารผ่านศึก ได้ย้ายจาก อ. ท่ายาง จ. เพชรบุรี มาทำกินที่ ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งในขณะนั้น ครอบครัวมีฐานะยากจน จนกระทั่งปี พ.ศ. 2522 ที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดา สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี มาที่หมู่บ้านสหกรณ์ห้วยสัตว์ใหญ่-ป่าเด็ง-ป่าละอู ในหลวงก็ทรงเยี่ยมคนในหมู่บ้าน และมีหมายกำหนดการเสด็จไปยังเรือนพักรับรอง ซึ่งครั้งนั้นได้เลือกให้บ้านของนางสุนีย์เป็นเรือนพักรับรอง แต่เนื่องจากเวลาไม่พอ เมื่อเสด็จมาถึงจึงไม่ได้มาประทับ
ครั้งนั้น นายขวัญแก้ว วัชโรทัย ได้ตามเสด็จด้วย และเห็นว่าบุตรชายเป็นผู้มีบุญ นายขวัญแก้วจึงได้แนะนำให้ถวายบุตรแด่พระองค์ท่าน นางสุนีย์และสามี จึงถวายบุตรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในหลวงจึงถามว่า ทำไมจึงถวายเด็กแก่พระองค์ นางสุนีย์จึงตอบว่า ตอนที่ตั้งท้องฝันว่าได้ถวายงานพายเรือแด่ในหลวง ในหลวงจึงถามว่า จะให้เอาไปเลยหรือเปล่า นางสุนีย์จึงตอบว่า บุตรชายยังเล็ก หวั่นว่าจะสร้างความลำบากแก่พระองค์ จึงขอเลี้ยงไว้ก่อน
จากนั้น ในหลวงจึงตรัสว่า ถ้าอย่างนั้นให้ฝากเลี้ยงไว้ก่อน เลี้ยงเขาให้ดีอย่าไปไหน ให้เขาทำกินที่ห้วยสัตว์ใหญ่ พร้อมกับที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ยื่นพระหัตถ์ซ้ายมาสัมผัสศีรษะของบุตรชาย และทรงเรียกว่า หม่อม ซึ่งก็มีชาวบ้านในละแวกนั้นเห็นเป็นจำนวนมาก และเรียกบุตรชายตนเองว่า หม่อม ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ล่าสุด เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2557 เจ้าหน้าที่วัฒนธรรมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้มาหาที่บ้านของตน และยืนยันว่าบุคคลในภาพคือบุตรชายของตน ทำให้ตนรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง และลูกชาย จะได้ถวายความจงรักภักดีแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งทางครอบครัวต่างเฝ้ารอมาเป็นเวลานาน ทุกครั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯประทับที่ พระราชวังไกลกังวล ตนและครอบครัวก็จะตามไปรับเสด็จทุกครั้ง
ด้านนายอัตรภูมิ กล่าวว่า ตนรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งที่เจ้าหน้าที่มาหา และตนจะมีโอกาสได้ถวายความจงรักภักดี ณ โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งที่ผ่านมา พ่อแม่ได้เล่าเรื่องที่ถวายตนให้ในหลวงบนรถยนต์พระที่นั่งที่จอดหน้าบ้าน ซึ่งบิดาได้เล่าว่า ในหลวงได้ลูบศีรษะและเรียกตนว่า หม่อม อันถือเป็นมงคลสูงสุดของชีวิต ซึ่งตนและครอบครัวต่างเฝ้าหวังมาตลอด ว่าจะได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯใกล้ชิดพระองค์ท่าน