อุปนิสัยของท่านพระอาจารย์ม ั่น ภูริทตฺโต..
• “ท่านภาวนาสถานที่เป็นมงคล มีเทวดามานมัสการตั้งหมื่น ท่านรู้ได้ด้วยภาวนาขั้นละเ อียดฯ อมนุษย์ท่านก็รู้ได้”
• “ท่านอาจารย์มั่น ท่านเป็นคนเด็ดเดี่ยวสละชีว ิตถึงตาย สลบไป ๓ คราว และท่านต้องการคนใจเด็ดเป็น สานุศิษยฯ”
• “ท่านทำตัวของท่านใหม่อยู่ใ นตระกูลทั้งหลาย ไม่ทำตัวของท่านให้คุ้นเคยใ นตระกูลเลย การไปมาของท่านไปโดยสะดวก มาโดยสะดวกไม่ขัดข้องในตระก ูล”
• “เป็นคนมักน้อยขอบใช้บริขาร ของเก่าๆ ถึงได้ใหม่บริจาคทานให้คนอื ่น ข้อวัตรหมดจดดี สติตั้งอยู่ในสติปัฏฐานเสมอ เป็นผู้ไม่ละกาลวาจาพูดก็ดี เทศน์ก็ดี ไม่อิงอามิสลาภ สรรเสริญวาจาตรงตามอริยสัจต ามความรู้ความเห็น อ้างอริยสัจเป็นหลักฐานเสมอ กาย วาจา ใจ เป็นอาชาไนยล้วน”
• “ท่านประพฤติตนเป็นคนขวนขวา ยน้อยอามิส หมดจดในข้อวัตร และหมดจดในธรรมะ พ้นวิสัยเทวดา และมนุษย์ที่จะติเตียนได้ ไม่เป็นข้อล่อแหลมในศาสนา ท่านได้วัตถุสิ่งใดมา ท่านสละทันที สงเคราะห์หมู่พรหมจรรย์ฯ”
• “สิ่งของอันใดท่านอยู่ที่ไห น เขาถวาย ท่านก็เอาไว้ให้พระเณรใช้ ณ ที่นั้น ท่านไม่ได้เอาไปด้วยฯ”
• “มีคนไปหาท่านอาจารย์มั่น ท่านไม่ดูคน ท่านดูจิตของท่านเสียก่อน จึงแสดงออกไปต้อนรับแขกผู้ม าถึงถิ่น อนึ่ง ท่านหันข้างและหันหลังใส่แข กท่านพิจารณาจิตของท่านก่อน แล้วพิจารณานิสัยของผู้อื่น นี้เป็นข้อลี้ลับมาก ต่อนั้นถ้าจะเอาจริงจังต้อง ประชันต่อหน้ากันจึงเห็นควา มจริงฯ”
• “จิตของท่านผ่าอันตรายลงไปถ ึงฐานของธรรมะนี้มีราคามาก บ่งความเห็นว่าเป็นอาชาไนยโ ดยแท้”
• “ปฏิบัติธรรมท่านพูดทรมานใค รแล้วย่อมได้ดีทุกๆ คน ถ้าหมิ่นประมาทแล้วย่อมเกิด วิบัติใหญ่โต”
• “ท่านมีนิสัยปลอบโยนเพื่อคั ดเลือกคนดีหรือไม่ดี ในขณะท่านพูดเช่นนั้น ท่านหันกลับเอาความจริง เพราะกลัวศิษย์จะเพลินฯ”
• “นิสัยท่านเป็นคนใจเดียว ไม่เห็นแก่หน้าบุคคล ในเวลาถึงคราวเด็ดเดี่ยวต่อ ธรรมะวินัยจริงๆฯ”
• “ท่านเป็นคนไม่อวดรู้ แต่ธรรมะของท่านบอกเหตุผลไป ต่างหากนี้เป็นข้อพึงวินิจฉ ัย”
• “หาบุคคลที่จะดูจริตของท่าน รู้ได้ยาก เพราะท่านเป็นคนนิสัยลึกลับ จะรู้นิสัยได้ต่อเมื่อบุคคล ที่มีภูมิจิตส่วนเดียวฯ”
• “ท่านผู้มีอำนาจในทางธรรมะ ทำอะไรได้ไม่ครั่นคร้าม ชี้เด็ดขาดลงไป ไม่มีใครคัดค้าน นี่เป็นอัศจรรย์มากฯ”
• “ท่านถือข้างใน ปฏิปทาความรู้ความเห็นของท่ านเกิดจากสันตุฎฐี ความสันโดษของท่าน ท่านนิสัยไม่เป็นคนเกียจคร้ าน ขยันตามสมณกิจวิสัย หวังประโยชน์ใหญ่ในศาสนาฯ”
• “ท่านอาจารย์มั่นเป็นผู้ที่ สะอาด ไตรจีวร และเครื่องอุปโภคของท่านไม่ ให้มีกลิ่นเลย ถูย้อมบ่อยๆ”
• “ท่านบวชในสำนักพระอรหันต์ ๓ องค์ แต่เมื่อชาติก่อนๆ โน้น”
• “ท่านไม่ใคร่พยากรณ์ใครๆ เหมือนแต่ก่อน ท่านพูดแต่ปัจจุบันอย่างเดี ยว นิสัยท่านชอบเก็บเอาเครื่อง บริขารของเก่าไว้ใช้ เพราะมันภาวนาดี เช่นจีวรเก่าเป็นต้นฯ”
• “ท่านไม่ติดอามิส ติดบุคคล ติดลาภ ยศ สรรเสริญ ท่านถือธรรมะเป็นใหญ่ ไปตามธรรมะ อยู่ตามธรรมะฯ”
• “ท่านพูดธรรมะไม่เกรงใจใคร ท่านกล้าหาญ ท่านรับรองความรู้ของท่าน ฉะนั้น ท่านจึงพูดถึงพริกถึงขิง ตรงอริยสัจ พูดดังด้วย พูดมีปาฏิหาริย์ด้วย เป็นวาจาที่บุคคลจะให้สิ้นท ุกข์ได้จริงๆ เป็นวาจาที่สมถะวิปัสสนาพอ ไม่บกพร่องกำหนดรู้ตามในขณะ กาย วาจา จิตวิกาลตรงกับไตรทวารสามัค คีเป็นวาจาที่เด็ดเดี่ยวขลั งดีเข้มแข็งดี เป็นอาชาไนยล้วน วาจาไม่มีโลกธรรมติด เป็นธรรมชาติที่บริสุทธิ์ พระเณรอยู่ในอาวาสท่านได้สต ิมาก เพราะบารมีของท่านเสื่อม ถ้าขืนประมาทท่านเกิดวิบัติ ฯ”
• “ท่านอาจารย์มั่น เทวดาและอมนุษย์ไปนมัสการท่ าน เท่าไรพันหรือหมื่นท่านกำหน ดได้”
• “ท่านรักษาระวังเทวดามนุษย์ ประมาทท่าน เช่นเยี่ยงท่านก็มีระเบียบแ ม้กิจเล็กๆ น้อยๆ เป็นระเบียบหมดฯ”
• “ท่านอาจารย์ท่านพูดโน้น คำนี้อยู่เสมอ เพื่อจะให้สานุศิษย์หลงเพื่ อละอุปาทานถือในสิ่งนั้นๆ ท่านทำสิ่งที่บุคคลไม่ดำริไ ว้ สิ่งใดดำริไว้ท่านไม่ทำ นี้ส่อให้เห็นท่านไม่ทำตามต ัณหาของบุคคลที่ดำริไว้ฯ”
• “จิตของท่านอาจารย์มั่นผ่าอ ันตรายลงไปตั้งอยู่ด้วยอมตธ รรม บริบูรณ์ด้วยมหาสติ มหาปัญญา มีไตรทวารรู้รอบ มิได้กระทำความชั่วในที่ลับ และที่แจ้ง และมีญาณแจ่มแจ้ง รู้ทั้งเหตุผลพร้อมกัน เพราะฉะนั้นแสดงธรรมมีน้ำหน ักมาก พ้นวิสัยคนที่จะรู้ตามเห็นต าม เว้นแต่บุคคลบริบูรณ์ด้วยศี ลและสมาธิมาแล้ว อาจที่ฟังเทศนาท่านเข้าใจแจ ่มแจ้งดี และบุคคลนั้นทำปัญญาสืบสมาธ ิต่อฯ”
• “จิตท่านอาจารย์มั่นตื่นเต้ นอยู่ด้วยความรู้ ไม่หยุดนิ่งได้ มีสติรอบเสมอ ไม่เผลอทั้งกายและวาจา เป็นผู้มีอริยธรรมฝังมั่นอย ู่ในสันดาน ไม่หวั่นไหว ตอนนี้ไม่มีใครที่จะค้านธรร มเทศนาของท่านได้ เพราะวาจาเป็นอาชาไนย และมีไหวพริบแก้ปฤษณาธรรมกา ยได้ฯ”
• “ธาตุของท่านอาจารย์เป็นธาต ุนักรู้เป็นธาตุที่ตื่นเต้น ในทางธรรมะ เป็นผู้ที่รู้ยิ่งเห็นจริงใ นอริยสัจธรรม ท่านดัดแปลงนิสัยให้เป็นบรร พชิต ไม่ให้มีนิสัยหินเพศติดสันด าน ท่านประพฤติตนของท่านให้เทว ดาและมนุษย์เคารพ และท่านไม่ประมาทในข้อวัตรน ้อยใหญ่ฯ”
• “ท่านไม่ให้จิตของท่านนอนนิ ่งอยู่อารมณ์อันเดียว ท่านกระตุกจิต จิตของท่านค้นคว้าหาเหตุหาผ ลของธรรมะอยู่เสมอ ท่านหัดสติให้รอบรู้ในอารมณ ์และสังขารทั้งปวงฯ”
• “ท่านอาจารย์มั่น ท่านเก่งทางวิปัสสนา ท่านเทศน์ให้บริษัทฟัง สัญญา มานะเขาลด เจตสิกเขาไม่เกาะ เมื่อไม่เกาะเช่นนั้น ยิ่งทำความรู้เท่าเฉพาะในจิ ต ตรวจตราในดวงจิตขณะที่นั่งฟ ัง ต่อนั้นจะเห็นอานิสงส์ทีเดี ยว ไม่ทำเช่นนั้นหาอานิสงส์การ ฟังธรรมมิได้ ถ้าประมาทแล้วจะเกิดวิบัติเ พราะคามานะทิฐิของตน วินิจฉัยธรรมมิได้”
• “ท่านเทศน์อ้างอิงตำราและแก ้ไขตำราดุจของจริงทีเดียว เพราะท่านบริบูรณ์วิปัสสนาแ ละสมถะพอ และท่านยกบาลีเป็นตัวเหตุผล แจ่มแจ้ง”
• “ท่านอาจารย์มั่นอุบายจิตขอ งท่านพอทุกอย่างไม่บกพร่อง คือพอทั้งสมถะ พอทั้งวิปัสสนาทุกอย่าง เพราะฉะนั้น ท่านเทศนาจิตของผู้ฟังหดและ สงบ และกลัวอำนาจ เพราะนิสัยคนอื่นไม่มีปัญญา ที่จะชอนเข็มโต้ถามได้ ตรงกับคำว่าพอทั้งปัญญา พอทั้งสติ ทุกอย่างเป็นอาชาไนยล้วน รวบรัดจิตเจตสิกของคนอื่นๆม ิอาจจะโต้แย้งได้”
• “ท่านว่าแต่ก่อนท่านเป็นคน 'โกง' คน 'ซน' คน 'มานะกล้า' แต่ท่านมีธุดงค์ข้อวัตรทุกอ ย่างเป็นยอด ทำความรู้เท่าทันกิเลสเหล่า นั้น เดี๋ยวนี้นิสัยก่อนนั้นกลาย เป็นธรรมล้วน เช่น 'โกงสติ' 'ซนสติ' 'มานะสติ' เป็นคุณสมบัติสำหรับตัวของท ่าน ความรู้ความฉลาดของท่าน ไปตามธรรมคืออริยสัจ ใช้ไหวพริบทุกอย่าง ตรงตามอริยสัจ ตรงกับคำว่าใช้ธรรมเป็นอำนา จ คณาจารย์บางองค์ถืออริยสัจก ็จริง แต่มีโกงนอกอริยสัจ เป็นอำนาจบ้างแฝง แฝงอริยสัจ ตรงกับคำที่ว่า ใช้อำนาจเป็นธรรมแฝงกับความ จริง”
• “ท่านอาจารย์เป็นนักปราชญ์แ ปดเหลี่ยมคม คมยิ่งนัก ธรรมชาติจิตของท่านที่บริสุ ทธิ์นั้น กลิ้งไปได้ทุกอย่างและไม่ติ ดในสิ่งนั้นด้วย ดุจน้ำอยู่ในใบบัว กลิ้งไปไม่ติดกับสิ่งอื่นๆ เพราะฉะนั้นจิตของท่านถึงผล ที่สุดแล้ว มิอาจจะกระทำความชั่วในที่ล ับและที่แจ้ง เพราะสติกับปัญญารัดจิตบริส ุทธิ์ให้มั่นคง ใช้ไหวพริบเป็นอาชาไนยอยู่เ นืองนิตย์”
(บันทึกโดยหลวงปู่หลุย จนฺทสาโร)
• “ท่านภาวนาสถานที่เป็นมงคล มีเทวดามานมัสการตั้งหมื่น ท่านรู้ได้ด้วยภาวนาขั้นละเ
• “ท่านอาจารย์มั่น ท่านเป็นคนเด็ดเดี่ยวสละชีว
• “ท่านทำตัวของท่านใหม่อยู่ใ
• “เป็นคนมักน้อยขอบใช้บริขาร
• “ท่านประพฤติตนเป็นคนขวนขวา
• “สิ่งของอันใดท่านอยู่ที่ไห
• “มีคนไปหาท่านอาจารย์มั่น ท่านไม่ดูคน ท่านดูจิตของท่านเสียก่อน จึงแสดงออกไปต้อนรับแขกผู้ม
• “จิตของท่านผ่าอันตรายลงไปถ
• “ปฏิบัติธรรมท่านพูดทรมานใค
• “ท่านมีนิสัยปลอบโยนเพื่อคั
• “นิสัยท่านเป็นคนใจเดียว ไม่เห็นแก่หน้าบุคคล ในเวลาถึงคราวเด็ดเดี่ยวต่อ
• “ท่านเป็นคนไม่อวดรู้ แต่ธรรมะของท่านบอกเหตุผลไป
• “หาบุคคลที่จะดูจริตของท่าน
• “ท่านผู้มีอำนาจในทางธรรมะ ทำอะไรได้ไม่ครั่นคร้าม ชี้เด็ดขาดลงไป ไม่มีใครคัดค้าน นี่เป็นอัศจรรย์มากฯ”
• “ท่านถือข้างใน ปฏิปทาความรู้ความเห็นของท่
• “ท่านอาจารย์มั่นเป็นผู้ที่
• “ท่านบวชในสำนักพระอรหันต์ ๓ องค์ แต่เมื่อชาติก่อนๆ โน้น”
• “ท่านไม่ใคร่พยากรณ์ใครๆ เหมือนแต่ก่อน ท่านพูดแต่ปัจจุบันอย่างเดี
• “ท่านไม่ติดอามิส ติดบุคคล ติดลาภ ยศ สรรเสริญ ท่านถือธรรมะเป็นใหญ่ ไปตามธรรมะ อยู่ตามธรรมะฯ”
• “ท่านพูดธรรมะไม่เกรงใจใคร ท่านกล้าหาญ ท่านรับรองความรู้ของท่าน ฉะนั้น ท่านจึงพูดถึงพริกถึงขิง ตรงอริยสัจ พูดดังด้วย พูดมีปาฏิหาริย์ด้วย เป็นวาจาที่บุคคลจะให้สิ้นท
• “ท่านอาจารย์มั่น เทวดาและอมนุษย์ไปนมัสการท่
• “ท่านรักษาระวังเทวดามนุษย์
• “ท่านอาจารย์ท่านพูดโน้น คำนี้อยู่เสมอ เพื่อจะให้สานุศิษย์หลงเพื่
• “จิตของท่านอาจารย์มั่นผ่าอ
• “จิตท่านอาจารย์มั่นตื่นเต้
• “ธาตุของท่านอาจารย์เป็นธาต
• “ท่านไม่ให้จิตของท่านนอนนิ
• “ท่านอาจารย์มั่น ท่านเก่งทางวิปัสสนา ท่านเทศน์ให้บริษัทฟัง สัญญา มานะเขาลด เจตสิกเขาไม่เกาะ เมื่อไม่เกาะเช่นนั้น ยิ่งทำความรู้เท่าเฉพาะในจิ
• “ท่านเทศน์อ้างอิงตำราและแก
• “ท่านอาจารย์มั่นอุบายจิตขอ
• “ท่านว่าแต่ก่อนท่านเป็นคน 'โกง' คน 'ซน' คน 'มานะกล้า' แต่ท่านมีธุดงค์ข้อวัตรทุกอ
• “ท่านอาจารย์เป็นนักปราชญ์แ
(บันทึกโดยหลวงปู่หลุย จนฺทสาโร)