theenergywalkthailand.wordpress.com
“รสนา” เตือน คสช. อย่าตกหลุมพราง
“รสนา” ชี้แยกท่อก๊าซเป็นการขายสมบัติชาติหนักกว่าการแปรรูป ปตท.ยุค “ทักษิณ” เพราะรัฐจะกลายเป็นฝ่ายถือหุ้นข้างน้อย 25% เชื่อท่อก๊าซตกเป็นของเอกชนแล้ว รัฐไม่มีทางซื้อคืนได้ เตือน คสช. อย่าตกหลุมพราง ควรเปิดรับฟังความเห็นประชาชน ไม่เช่นนั้นการรัฐประหารครั้งนี้จะไปต่อยอดให้กลุ่มทุนฮุบสมบัติชาติบรรลุเป้าหมายที่วางไว้เมื่อ 13 ปีที่แล้ว ก่อให้เกิดความขัดแย้งหนัก
วันนี้ (21 ส.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 22.40 น. น.ส. รสนา โตสิตระกูล อดีต ส.ว.กรุงเทพมหานคร ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว “รสนา โตสิตระกูล” ระบุว่า “การขายสมบัติชาติ คือการขยายความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย”
ขอบคุณเพจ “ทำไมคนไทยต้องใช้น้ำมันแพง” ที่นำข้อมูลชุดใหม่เกี่ยวกับ “ผลประโยชน์ทับซ้อน” มาเปิดเผยเพิ่มเติมเมื่อวานนี้ ท่านที่สนใจสามารถไปดูใน
เพจ “ทำไมคนไทยต้องใช้น้ำมันแพง” จากข้อมูลของเพจ “ทำไมคนไทยต้องใช้น้ำมันแพง” น่าสนใจข้อมูลที่ว่า การแปรรูป ปตท. ครั้งที่1 เปิดขายหุ้น ปตท.เพียง 31% (ด้วยเม็ดเงินเพียง 23,199 ล้านบาท) สามารถทำกำไรให้กลุ่มทุนเหล่านี้ถึงกว่า 140,000 ล้านบาท ในเวลาเพียง 2 ปี คิดเป็นกำไรมากกว่า 500% จะมีกิจการอะไรทำกำไรง่ายและมากเท่านี้ นอกจากกิจการขายสมบัติชาติกระมัง!?! เพราะคนขายสมบัติชาติไม่ต้องลงทุน แค่มีอำนาจรัฐก็พอ แต่ผู้ลงทุนคือประชาชนทั้งประเทศ
ดิฉันนึกถึงคำพูดของอาจารย์ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ให้สัมภาษณ์นิตยสารประชาชาติ เมื่อปี 2517 ในช่วงที่เพิ่งมี พ.ร.บ.ตลาดหลักทรัพย์ใหม่ๆ ท่านตั้งคำถามว่า “คนจะเอาสินค้ามาขาย ก็ต้องชั่งดูประโยชน์ที่จะได้ เช่น ถ้าบริษัท ก. ค้าขายกะปิมา 20 ปี แล้วได้กำไรทุกปี เจ้าของบริษัทร่ำรวย แล้วเรื่องอะไรเขาจะขายหุ้นของบริษัทเพื่อเอาประโยชน์ไปแบ่งกับชาวบ้าน”
สอดคล้องกับคำกล่าวของโจเซฟ สติกลิสต์ นักเศรษฐศาสตร์กระแสหลักที่ได้รับรางวัลโนเบลในปี 2544 ปีเดียวกับที่แปรรูป ปตท. เข้าขายในตลาดหลักทรัพย์ โจเซฟ สติกลิสต์ กล่าวว่า “การแปรรูปคือการคอร์รัปชัน Privatization is Bribarization” เพราะ “พวกตนไม่จำต้องฉกฉวยเอากำไรจากรัฐวิสาหกิจเป็นรายปีอีกต่อไป เพียงแต่บอกขายรัฐวิสาหกิจให้ต่ำกว่าราคาตลาดเสีย พวกตนก็สามารถฉวยเอามูลค่าสินทรัพย์ของรัฐวิสาหกิจก้อนโตเข้าตัว แทนที่จะทิ้งมันไว้ให้ผู้มาดำรงตำแหน่งคนต่อๆ ไปมาถลุง...”
การแปรรูป ปตท. ครั้งที่ 1 ในยุครัฐบาลทักษิณ ซึ่งเคยกล่าวว่าจะขายหุ้นให้เอกชนเพียง 25% แต่ในที่สุดก็มีการขายหุ้นให้เอกชนครอบครองถึง 48-49% ซึ่งเม็ดเงินที่เอกชนจ่ายเพื่อครอบครองหุ้นเกือบครึ่งหนึ่งของ ปตท. มีมูลค่ารวมกันเพียง 28,277ล้านบาทเท่านั้น ต้องถามว่ารัฐวิสาหกิจอย่าง ปตท. ขาดแคลนเม็ดเงินเท่านี้หรือ?
โรดแม็ปการแปรรูปขายสมบัติชาติครั้งที่ 2 จะหนักกว่ายุครัฐบาลทักษิณ เพราะเป็นการกลับข้างกัน คราวนี้จะให้รัฐเป็นฝ่ายถือหุ้นข้างน้อย 25% ในโครงข่ายพื้นฐานที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน และให้เอกชนเป็นเจ้าของโครงข่ายที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินถึง 75% แล้วถูกหลอกว่าวันหนึ่งจะซื้อคืนเพื่อครอบครองท่อก๊าซทั้ง 100% คงไม่ต่างจากชาวนาถูกโกงที่นาไปแล้ว จะมีปัญญาไปซื้อที่นาคืนไหม?
เพิ่งจะเข้าใจว่าทำไมต้องรีบทำในช่วงที่บ้านเมืองปลอดจากการมี “รัฐธรรมนูญถาวร” หรือก่อนการเลือกตั้งปี 2558 อุปมาเหมือนประตูเหล็กของบ้านหายไปนี่เอง ทำให้ขนทรัพย์สินทำได้สะดวกเพราะไม่มีประตูเหล็กเป็นเครื่องป้องกันกีดขวาง โจรกระมัง ?
นี่เป็นการต่อยอดให้กับรัฐบาลทักษิณในยุคยิ่งลักษณ์ ใช่หรือไม่? ที่มีการโยนหินถามทางตั้งแต่เมื่อปี 2554 ว่าอยากให้ ปตท.เป็นเอกชน โดยให้รัฐขายหุ้น ปตท.สัก 2% จากหุ้น 51% เหลือ 48% ปตท.ก็จะสิ้นสภาพการเป็นรัฐวิสาหกิจตามระบบงบประมาณ ก็จะไม่ต้องถูกตรวจสอบงบดุลโดย สตง.ไม่ต้องถูกหน่วยงานรัฐ องค์กรอิสระ และประชาชนมาตรวจสอบอีก
แต่ที่ทำไม่ได้เพราะติดอยู่ที่รัฐธรรมนูญปี 2550 นี่เองมาตรา 84 (11) บัญญัติว่า “การดำเนินการใดที่เป็นเหตุให้โครงสร้างหรือโครงข่ายพื้นฐานของกิจการ สาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานอันจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของประชาชน หรือเพื่อความมั่นคงของรัฐตกไปเป็นกรรมสิทธิ์ของเอกชน หรือทำให้รัฐเป็นเจ้าของน้อยกว่าร้อยละ 51 จะกระทำมิได้”
ที่จริงมาตรานี้ไม่เคยปรากฏอยู่ในรัฐธรรมนูญปี 2540 แสดงว่าก่อนปี 2550 โครงข่ายของกิจการสาธารณูปโภคพื้นฐานอันจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของประชาชน จะยกให้เอกชนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ไม่ได้เลย การรัฐประหารปี 2549 มีกลุ่มทุนที่ไปนั่งอยู่ในสภานิติบัญญัติ จึงมีการสอดใส้มาตราแปรรูปสมบัติชาตินี้เข้ามาในรัฐธรรมนูญปี 2550
การรัฐประหารปี 2549 ช่วยให้โรดแม็ปกลุ่มทุนเข้ายึด ปตท.ได้ครึ่งหนึ่งตามคำพิพากษาทั้งที่แปรรูปผิดกฎหมาย ศาลฯ จึงมีคำสั่งให้แบ่งแยกทรัพย์สินที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ถูกฮุบเอาไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและคืนให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แทนรัฐ
กรณีการแบ่งแยกทรัพย์สินของ ปตท. ควรมีการศึกษาในทางวิชาการว่า ผู้ที่ถูกประชาชนฟ้องคดีทั้ง 4 ประกอบด้วยคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีพลังงาน และ บมจ.ปตท. ว่าแปรรูปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ควรหรือไม่ที่จำเลยแผ่นดินเหล่านี้จะได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดำเนินการแบ่งแยก และคืนทรัพย์สินของแผ่นดินอีก ในเมื่อเป็นผู้ถูกฟ้องในฐานกระทำการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ควรเป็นคนกลางที่ไม่ใช่ผู้ถูกฟ้องคดีมาทำหน้าที่ เพราะหากคนเหล่านี้ต้องการปกป้องสมบัติของแผ่นดิน ก็ไม่ต้องรอให้ประชาชนมาฟ้องคดีด้วยซ้ำ เมื่อได้รับมอบหน้าที่ตามมติ ครม. คนเหล่านี้ก็ไม่ปฏิบัติตามมติ ครม. ซึ่ง
สตง. เป็นหน่วยงานที่ไม่ถูกฟ้องคดี การเป็นผู้ตรวจสอบรับรองทรัพย์ที่ต้องคืนจึงแตกต่างจากกลุ่มคนที่ถูกฟ้องคดี การที่กัน สตง. ออกจากกระบวนการในการแบ่งแยก และคืนทรัพย์สินจึงเป็นข้อน่าสงสัย
กลุ่มทุนที่ต้องการเอาสมบัติชาติเป็นของเอกชน กำลังจะใช้การรัฐประหารครั้งนี้สานต่อภารกิจฮุบสมบัติชาติทั้ง 100% กลุ่มทุนการเมืองที่ถูกขนานนามว่าทุนสามานย์ เมื่อปล้นบ้านเมืองแล้วใช้วิธีออกกฎหมายนิรโทษกรรม ส่วนกลุ่มทุนขายสมบัติชาติ จะใช้วิธีออกกฎหมายแล้วจึงฮุบ แบบนี้ใช่หรือไม่?
การขายสมบัติชาติให้เอกชนครั้งที่ 1 เพียง 31% ด้วยเม็ดเงินแค่ 23,199 ล้านบาท ก็ทำกำไรให้กลุ่มทุนการเมืองในครั้งนั้นถึง 140,000 ล้านบาทในเวลาเพียง 2 ปี เอกชนเจ้าของหุ้น 49% ด้วยเงินลงทุนรวมเพียง 28,277 ล้านบาท ได้ส่วนแบ่งเงินปันผลเกือบ 500,000 ล้านบาทในระยะเวลา 12 ปีหลังการแปรรูป และครอบครองส่วนแบ่งทรัพย์สินของชาติอีกกว่า 500,000 ล้านบาทในปัจจุบัน
โรดแม็ปขายท่อก๊าซสมบัติชาติครั้งที่ 2 นี้ คงจะยิ่งกว่าเอาทรัพย์แผ่นดินมาจัดมิดไนท์เซล หรือซัมเมอร์เซลกันเลยเชียวล่ะ ตลาดหลักทรัพย์จะอู้ฟู่ขนาดไหน กลุ่มทุนขายสมบัติชาติที่เคยตั้งสำรับก่อนปี 2544 แต่ถูกกลุ่มทุนสามานย์ชุบมือเปิบไป 49% เมื่อครั้งที่แล้ว คราวนี้รีบร้อนจะขอแบ่งเปิบสมบัติชาติอีก 51% ที่เหลือ ใช่หรือไม่?
ดิฉันเชื่อมั่นด้วยความบริสุทธิ์ใจว่า “คณะรักษาความสงบแห่งชาติ” (คสช.) ได้เข้ามาควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินก็เพื่อสร้างความสงบและความสามัคคี ของปวงชนชาวไทย ความสามัคคีจะเกิดขึ้นได้เมื่อรัฐบาลได้บริหารให้มีการแบ่งปันกันตามหลัก สาธารณโภคี (การแบ่งปันทรัพยากร สิ่งมีคุณค่าของสังคมให้ส่วนรวม) กับประชาชนคนส่วนใหญ่ มิใช่ดำเนินการบริหารราชการแผ่นดินให้เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มทุน เหนือรัฐบางกลุ่ม เข้ามาแย่งชิงสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่มีไว้เพื่อการใช้ประโยชน์ร่วมกันของ คนในชาติ เอาไปให้กลุ่มของตนครอบครองเพิ่มขึ้นอีก
การแยกท่อก๊าซเพื่อแปรรูป และขายให้เอกชนในตลาดหลักทรัพย์ มิใช่ภารกิจหลักของการเข้าควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินของ “คสช.” มิใช่หรือ?
จึงกราบเรียนท่านมาด้วยความเคารพว่า อย่าได้ตกหลุมพรางของกลุ่มทุนที่มุ่งหมายขายสมบัติชาติ เพื่อประโยชน์ของตนเอง ควรจะเปิดรับฟังประชาชนที่มีสิทธิ์ มีส่วนเป็นเจ้าของทุกคนก่อนจะดำเนินการใดในเรื่องนี้ เพราะเป็นหนึ่งในความขัดแย้งตลอด 10 ปีที่ผ่านมา มิเช่นนั้นแล้ว จะกลับกลายเป็นว่าการรัฐประหารครั้งนี้เป็นไปเพื่อต่อยอดให้กลุ่มทุนที่หวัง ฮุบสมบัติชาติได้บรรลุจุดมุ่งหมายที่เคยวางเอาไว้เมื่อ 13 ปีที่แล้ว ซึ่งจะก่อให้เกิดความขัดแย้งในบ้านเมืองยิ่งขึ้นกว่าครั้งที่กลุ่มทุน สามานย์แปรรูป ปตท.ครั้งแรก และก่อความเสียหายต่อบ้านเมือง ทำให้ประชาชนแตกความสามัคคี ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงแห่งรัฐ ซึ่งนั่นย่อมมิใช่สิ่งที่ คสช.และประชาชนปรารถนาอย่างแน่นอน”
ASTVผู้จัดการออนไลน์
21 สิงหาคม 2557 23:41 น.
ถึงเวลาที่คนไทย ต้องช่วยกันแล้วครับ รูปและเรื่องราวจำนวนมาก ของเพจทวงคืนพลังงานไทย ทุกวันนี้หายไปจากระบบของเฟซบุ๊คทั้ง
"ปชช.คนไทยสิ้นหวัง"...คสช. ปฏิรูปพลังงาน ภายใต้กรอบอำนาจฉ้อฉล ของคน ปตท.
หากคสช. มีเจตนารมณ์ในการจะให้รัฐถื อหุ้นในกิจการท่อก๊าซธรรมชา ติทั้ง 100%จริง ก็สามารถทำได้ทันที โดยไม่ต้องรอไปทำในอนาคตระย ะยาว เพราะวันนี้ท่อก๊าซธรรมชาติ ยังเป็นของรัฐทั้ง 100%ดังกล่าวแล้ว
ตลอดกว่า10ปีที่ผ่านมา ไม่มีรัฐบาลของนักการเมืองพ รรคใดกล้าใช้อำนาจรัฐกระทำใ นสิ่งที่ถูกต้องเพื่อประโยช น์ของชาติและประชาชน ทั้งตามบทบัญญัติของกฎหมาย และคำตัดสินของศาลปกครองสูง สุดได้เลย มิหนำซ้ำยังสมคบคิดกันยักย้ ายถ่ายเทเล่นแร่แปรรูปสมบัต ิของประชาชนไปเป็นสมบัติเอก ชน
หาก คสช. จะฝากเกียรติประวัติของทหาร หาญ ทำหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ข องชาติและประชาชนในการเข้าค วบคุมอำนาจการบริหาในครั้งน ี้ จะถือเป็นการที่ คสช.ได้ประพฤติตามหลักปรัชญ าเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทส มเด็จพระเจ้าอยู่หัว และหลัก "ราชสังควัตถุ4" ซึ่งเป็น "ธรรมอันเป็นเครื่องยึดเหนี ่ยวจิตใจประชาชนของนักปกครอ ง"อย่างแท้จริง
http://www.manager.co.th/ Politics/ ViewNews.aspx?NewsID=957000 0094916
หากคสช. มีเจตนารมณ์ในการจะให้รัฐถื
ตลอดกว่า10ปีที่ผ่านมา ไม่มีรัฐบาลของนักการเมืองพ
หาก คสช. จะฝากเกียรติประวัติของทหาร
http://www.manager.co.th/
อดีต ส.ว.กทม. ชู"ประยุทธ์"ความหวังสุดท้ายของปชช. เร้าสะสางปมท่อส่งก๊าซที่ปตท.ครอบครองอยู่คืนให้รัฐตามคำสั่งศาล ท้า ก.คลัง-พลังงาน กล้าพูดหรือไม่ว่า "ท่อส่งก๊าซในทะเลไม่ใช่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน" วอนถามปชช.ว่ายอมหรือไม่ ก่อนคิดแปรรูปให้เอกชนเป็นเจ้าของ 100%
ผู้สื่อข่าว รายงานว่า วันนี้(16ส.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 02.30น. น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีต ส.ว.กรุงเทพมหานคร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว รสนา โตสิตระกูล ภายใต้หัวข้อ "ท่อส่งก๊าซในทะเลต้องเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ไม่ใช่สมบัติผลัดกันกินของธุรกิจเอกชน" โดยกล่าวถึงข้อความในหนังสือที่เครือข่ายภาคประชาชนจับตาการปฏิรูปพลังงาน ไทย ไปยื่นถึงประธาน คสช. ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ( กพช.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก ถนนราชดำเนินนอก ว่า ในหนังสือที่ไปยื่นมีใจความดังนี้
"ขอให้ประธานคสช. ชะลอการมีมติกพช.เรื่องแยกท่อก๊าซไปตั้งบริษัทใหม่ออกไปก่อน จนกว่าจะสะสางข้อเท็จจริงตามกฎหมาย ว่าใครเป็น "เจ้าของ"ระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ และคำสั่งของศาลปกครองสูงสุดที่ระบุว่า"ทรัพย์สินที่ได้มาโดยอำนาจมหาชน" ที่ปตท.ครอบครองอยู่ก่อนที่ศาลตัดสินและมีคำสั่งให้คืนกลับมาให้กับรัฐมี อะไรบ้าง?
รวมทั้งกรณีท่อส่งก๊าซธรรมชาติในทะเลที่ปตท.ยังคืนไม่ครบถ้วนตามการตรวจสอบ ของสตง.ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ตรวจสอบความถูกต้องในการคืนทรัพย์สินตาม มติ ครม.สมัยรัฐบาลพล.อ สุรยุทธ์ จุลานนท์เมื่อ 18 ธันวาคม 2550
ประธานคสช.โปรดใช้อำนาจตรวจสอบกรณีนี้ เพราะนักการเมืองในทุกยุคที่มีกลุ่มทุนหนุนหลัง ไม่มีใครกล้าสะสาง เหลือแต่เพียงคสช.ที่ประชาชนคาดหวังให้มาเป็นผู้สะสางกรณีนี้เพื่อรักษาผล ประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน
สิ่งที่เครือข่ายประชาชนได้ทักท้วงการแยกระบบท่อส่งก๊าซมาตั้งเป็นบริษัท ใหม่และให้บมจ.ปตท.เป็นเจ้าของนั้น เพราะระบบท่อส่งก๊าซเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ซึ่งตามกฎหมายจะไม่สามารถนำมาซื้อขาย และไม่สามารถยกให้เอกชนเป็นเจ้าของได้
การแยกระบบท่อก๊าซมาตั้งเป็นบริษัทจะทำให้ สาธารณสมบัติที่รัฐเป็นเจ้าของทั้ง 100% จะถูกลดสัดส่วนลงตามการถือหุ้นของรัฐในปตท.ที่มีอยู่51% เป็นการเปิดช่องให้เอกชนอีก49%เข้ามาฮุบสมบัติชาติ
ตั้งแต่ปี2550 เป็นต้นมา หน่วยงานที่มีหน้าที่ในการแบ่งแยกและนำทรัพย์สินที่ได้มาโดยอำนาจมหาชนที่ เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ที่ปตท.ครอบครองอยู่คืนให้รัฐตามคำสั่งศาล แต่หน่วยงานเหล่านั้นกลับเพิกเฉย ปล่อยปละละเลยในการปฏิบัติหน้าที่ การปล่อยให้บมจ.ปตท.ครอบครองท่อส่งก๊าซในทะเลไว้เพราะเหตุใด?
ดิฉันขอให้หน่วยงานเหล่านั้น ช่วยตอบคำถามดิฉันด้วยว่า "ท่อส่งก๊าซธรรมชาติในทะเลเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือไม่?" การวางท่อส่งก๊าซในทะเลต้องใช้อำนาจของรัฐหรือไม่? หรือเอกชนรายไหนก็วางท่อก๊าซได้โดยไม่ต้องอาศัยอำนาจรัฐ?กระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน คณะกรรมการกฤษฎีกากล้าออกมาแถลงต่อสาธารณชนหรือไม่ว่า "ท่อส่งก๊าซในทะเลไม่ใช่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน"
ก่อนที่จะแปรรูปปตท.รอบ2 ให้เป็นเอกชน100% โปรดถามประชาชนที่เป็นเจ้าของประเทศเสียก่อนว่ายอมหรือไม่?
โรดแม็ปการปฏิรูปพลังงานเพื่อความยั่งยืนคือการแปรรูปปตท.ให้เสร็จสมบูรณ์ ต่อจากการแปรรูปปตท.ครั้งที่1 เป็นการฟื้นคืนชีพของ"กลุ่มทุนที่นิยมแปรรูปสมบัติชาติ" ชุดเดิม ที่เคยตั้งสำรับผลประโยชน์การแปรรูปปตท.ไว้ แต่ถูกทักษิณเข้ามาชุบมือเปิบไปเมื่อปี 2544 มาถึงวันนี้ได้โอกาสฟื้นคืนชีพมาอีกครั้งหลังรัฐประหาร ที่เป็นช่วงเว้นวรรคของพรรคทักษิณ เลยรีบร้อนจะตั้งสำรับผลประโยชน์ในการแปรรูปปตท.รอบ2 ให้ได้ก่อนเลือกตั้งปี 2558 จะได้ไม่ถูกนักการเมืองจากการเลือกตั้งในอนาคต มาชุบมือเปิบอีกรอบ ใช่หรือไม่?
การปฏิรูปพลังงานของคนเหล่านี้ มีความหมายแค่การแปรรูปสาธารณูปโภคพื้นฐานให้เป็นของเอกชน100%แค่นั้นหรือ?
หรือคือการโอนอำนาจรัฐที่เคยดูแลราคาพลังงานที่เป็นธรรมแก่ประชาชนไปสู่สิ่ง ที่เรียกว่ากลไกตลาดเสรี( ภายใต้กลุ่มทุนผูกขาดพลังงาน)เท่านั้นหรือ?
การแปรรูปสมบัติชาติเป็นไปเพื่อความยั่งยืนทางธุรกิจของกลุ่มทุน หรือเพื่อความยั่งยืนของประชาชนกันแน่? ทั้งที่ก่อนหน้าการแปรรูปปตท. รัฐวิสาหกิจนี้ได้กำไรมาโดยตลอด มีเงินส่งเข้ารัฐและประชาชนก็ได้ราคาพลังงานที่เป็นธรรม เหมือนในมาเลเซีย
การลักไก่แปรรูปครั้งที่1 ก็ทำให้ประชาชนขมขื่นจากราคาน้ำมันแพง แล้วทำไมประชาชนจะต้องยอมรับกับการถูกมัดมือชกในการแปรรูปครั้งที่2 ด้วยข้ออ้างอันสวยหรูว่า "กลุ่มทุนมีประสิทธิภาพมากกว่ารัฐ" ทั้งที่ใครๆก็รู้ว่าประสิทธิภาพของบรรษัทพลังงานเอกชนนั้นก็คือ การแสวงหากำไรสูงสุด บนค่าใช้จ่ายสูงสุดของประชาชนนั่นเอง"
@manager online
ปตท.ชอบอ้างว่า ที่คนไทยต้องใช้น้ำมันในราค
โดย ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย 19 สิงหาคม 2557
http://www.manager.co.th/
* ต้องการด่วน นายประกันอาสา *
ทนายอาสาได้แล้วครับ ถ้าศาลรับฟ้อง และไม่มีหลักทรัพย์ประกันตั
คณะ ขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน ถูกทหารจับแล้ว โดย ณาตยา แวววีรคุปต์ ผู้สื่อข่าว ThaiPBS ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กแสดงความคิดเห็นต่อกรณีนี้ว่า...
5 เหตุผลที่ทหารไม่ควรจับพวกขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน คือ
1. คนพวกนี้เป็นประชาชนที่ไม่ได้ใช้ความรุนแรง มิได้เป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ และมารวมตัวกันด้วยความบริสุทธิ์ใจในการปฏิรูประบบพลังงานที่เป็นธรรม
2. คสช.ควรพิสูจน์ความจริงใจในรัฐธรรมนูญ(ชั่วคราว) 2557 มาตรา 4 ว่าด้วยสิทธิเสรีภาพในระบอบประชาธิปไตย
3. คสช.ไม่ควรปิดประตูตัวเองจากการมีส่วนร่วมของประชาชน ด้วยการสร้างความหวาดกลัวให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชนผู้ต้องการเสนอความคิด เห็นแตกต่าง และชักชวนสังคมร่วมสนทนาเพื่อการปฏิรูปประเทศ
4. คนที่จะถูกจับ ควรจะได้มีโอกาสใช้จิตวิญญาณของพวกเขาทำประโยชน์เพื่อสังคมต่อไป เหมือนกับที่ได้เคยทำมา เช่น หมอ ควรได้ทำหน้าที่รักษาคนป่วยในพื้นที่เสี่ยงภัยที่ชายแดน ชาวบ้านควรได้แสดงออกอย่างเสรีไม่ให้สังคมสิ้นหวังกับอำนาจที่ถูกลิดรอน
5. เพื่อไม่ให้คนในสังคมรู้สึกว่า ถูกกดหัว จนต้องยอมแกล้งตายกันทั่วบ้านทั่วเมือง
3. คสช.ไม่ควรปิดประตูตัวเองจากการมีส่วนร่วมของประชาชน ด้วยการสร้างความหวาดกลัวให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชนผู้ต้องการเสนอความคิด เห็นแตกต่าง และชักชวนสังคมร่วมสนทนาเพื่อการปฏิรูปประเทศ
4. คนที่จะถูกจับ ควรจะได้มีโอกาสใช้จิตวิญญาณของพวกเขาทำประโยชน์เพื่อสังคมต่อไป เหมือนกับที่ได้เคยทำมา เช่น หมอ ควรได้ทำหน้าที่รักษาคนป่วยในพื้นที่เสี่ยงภัยที่ชายแดน ชาวบ้านควรได้แสดงออกอย่างเสรีไม่ให้สังคมสิ้นหวังกับอำนาจที่ถูกลิดรอน
5. เพื่อไม่ให้คนในสังคมรู้สึกว่า ถูกกดหัว จนต้องยอมแกล้งตายกันทั่วบ้านทั่วเมือง
ผลประโยชน์ปิโตรเลียม มันมหาศาลครับ บ.น้ำมันใหญ่สุดติดอันดับโล
เชื่อกันหรือครับ ปิยสวัสดิ์กับเมีย มีทรัพย์สินไม่ถึง 500 ล้าน รวยน้อยกว่าสรยุทธ ช่อง 3 รายงานบัญชีทรัพย์มาตั้งแต่
กรณีเรื่องท่อแก๊ส ผมเสนอดังนี้
1. ปฎิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครองอันเป็นที่สุดแล้วและ ปตท ก็ไม่เคยโต้แย้งและฝ่าฝืนไม่ได้
2. เพื่อปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดและยุติปัญหาเรื่องท่อแก๊ส คสช. ควรออกคำสั่งให้ปฏิบัติดังนี้
a. แยกธุรกิจท่อแก๊สออกจาก ปตท. และยกเลิกการผูกขาดท่อแก๊สของ ปตท. ตามที่สั่งไว้เดิม
b. ให้ ปตท. คืนท่อแก๊สตามคำพิพากษาของศาลแก่กระทรวงการคลังให้เสร็จภายใน 30 วัน และให้ตั้งองค์การมหาชนบริหารจัดการท่อแก๊ส โดยมีคณะผู้บริหารที่สุจริต และไม่อยู่ในอำนาจ ปตท. เพื่อให้รัฐเป็นเจ้าของกิจการท่อแก๊ส
3. ให้ ปตท. จ่ายค่าใช้ท่อแก๊สในอัตราที่เป็นธรรมนับแต่วันที่ศาลปกครองตัดสินจนถึงวันที่คืนท่อแก๊สแก่กระทรวงการคลัง
ผมกล่าวได้ว่า คสช. จะมีอำนาจอย่างไรก็ไม่สามารถฝืนอำนาจศาลที่ตัดสินเรื่องนี้ได้หรอกครับ ทำความถูกต้องให้ปรากฎเป็นจริงจะเป็นสิริมงคลมากกว่า