จากหนังสือทิศที่๑๑ เขียนโดยหลวงพ่อชุมพล พลปญฺโญ บทที่ ๑๙
อย่าทำความดีอย่างไฟไหม้ฟาง นึกศรัทธาขึ้นมาก็ทำจนมากเกินประมาณเหมือนลมพายุ
เมื่อผ่านไปก็เลิกจนสิ้นเหมือนที่อับลม จงสร้างความดีให้สม่ำเสมอ
ถึงเป็นความดีเล็กน้อยแต่จงทำทุกวันให้เป็นนิสัย อย่ากินข้าวทีละกระสอบแล้วเลิกไม่กินอีกเลย
จงกินข้าวทีละจานแต่กินทุกวัน สร้างความดีให้สม่ำเสมอดีกว่า
ทำความดีแม้เล็กน้อยแต่ให้สม่ำเสมอจนเป็นนิสัย ทำเล็กน้อยแต่ทำทุกวันจะมีประโยชน์มากกว่า
อย่าทำมากมายใหญ่โตแต่ทำวันเดียวเลิก กินน้ำวันเดียวหนึ่งโอ่งแล้วเลิกกินไปหนึ่งปีจะอยู่ได้หรือ
ที่มีประโยชน์คือการทำอะไรให้สม่ำเสมอ สร้างความดีให้เคยชินจนติดเป็นนิสัย
เมื่อนิสัยแก่กล้าเข้าจะกลายเป็นบารมี อย่าทำอะไรอย่างไฟไหม้ฟาง
ทำเล็กทำน้อยก็ได้แต่ควรทำทุกวัน
บทที่ ๒๐
ผู้ที่พูดเรื่องความดีอาจไม่ได้สร้างความดี ผู้อวดโม้สรรพคุณตัวเองอาจไม่ดีอย่างนั้น
การปฏิบัติธรรมนั้นแสลงกับการคุยโวโอ้อวด ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบจริงจริงจะไม่ได้ออกมาคุยโว
ยิ่งปฏิบัติไปยิ่งเกิดความอ่อนน้อมถ่อมตัว ยิ่งปฏิบัติไปยิ่งเกิดความรู้สึกไม่ครอบครอง
คิดให้มากกว่าคิดกักเก็บ ฟังคำชมกับคำด่าแล้วรู้สึกเหมือนกัน
เขายกย่องชมเชยหรือดูถูกเหยียดหยามรู้สึกเหมือนกัน เมื่อรู้สึกเช่นนี้จะคุยโอ้อวดไปหาอะไร
เมื่อจิตเป็นเช่นนี้จะออกมาโม้เพื่ออะไร ผู้รู้จริงจะไม่พูด
ของจริงนั้นเป็นใบ้ ธรรมะแท้นั้นมีคุณค่าอยู่ในตัวเอง
ไม่จำเป็นต้องออกไปคุยโวโม้แล้วจึงมีค่า ไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นมาให้รางวัลแล้วจึงมีค่า
ทองแท้ไม่ต้องการคำชม
บทที่ ๒๑
คนเราเกิดมาในจักรวาลนี้ที่กว้างใหญ่ไพศาล คนเรานี่เป็นส่วนแค่เศษธุลีที่เล็กนัก
เมื่อเกิดมาก็ต้องอาศัยผู้อื่นอุ้มชูช่วยเหลือ กว่าจะใหญ่โตมาได้ก็ด้วยการเกื้อกูลของบุคคลอื่น
แล้วจะถือตัวถือดีเย่อหยิ่งไปทำไม บัณฑิตทั้งหลายเป็นผู้มีปัญญามาก
จึงเห็นว่าโลกนี้อยู่ได้ด้วยการพึ่งพาอาศัยกัน จึงแสดงออกต่อโลกด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน
จึงแสดงออกต่อโลกด้วยความกตัญญูรู้คุณ จึงแสดงออกต่อโลกด้วยความเมตตากรุณา
ไม่ถือตัวว่ายิ่งใหญ่ ไม่เย่อหยิ่งถือดีก้าวร้าว
อยู่ในโลกอย่างคิดแทนคุณโลก พร้อมเสมอในการช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส
โลกนี้จะอยู่ได้ก็ด้วยการพึ่งพาอาศัยกัน ท่านทั้งหลายจงมีเมตตากรุณาต่อกันและกัน
ท่านทั้งหลายจงอย่าเบียดเบียนกัน
บทที่ ๒๒
แม้กำลังประสบความราบรื่นในการก้าวไปข้างหน้า ก็ควรเตรียมทางถอยที่ดีไว้ด้วย
แม้กำลังปลอดโปร่งจากการโบยบิน ก็ควรเตรียมที่ร่อนลงอย่างปลอดภัยไว้ด้วย
แม้กำลังแข็งขันกับการก้าวขึ้นสู่ที่สูง ก็ควรเตรียมบันไดลงที่มั่นคงไว้ด้วย
แม้กำลังเริ่มต้นได้อย่างประสบผลสำเร็จ ก็ควรเตรียมการจบอย่างสวยงามไว้ด้วย
แม้กำลังห้อมล้อมไว้ด้วยผู้รู้ใจ ก็ควรเตรียมจิตสำหรับอยู่อย่างโดดเดี่ยวไว้ด้วย
ผู้มีปัญญาไม่ว่าทำอะไรไม่ควรปิดทางถอยของตนเอง มีความสามารถจัดการในช่วงความเจริญ
ก็จงฝึกฝนความสามารถในการกุมบังเหียนเวลาเสื่อมถอย ชีวิตเจริญไปถึงไหนก็ไม่พ้นความแก่เจ็บตาย
จงสร้างบุญกุศลรักษาศีลศึกษาธรรมประพฤติธรรมไว้ด้วย ถึงคราวสังขารร่างกายเสื่อมจะได้มีที่พึ่งทางใจ
ถึงคราวตายจะได้นำบุญกุศลติดตัวตามตนไปบ้าง
บทที่ ๒๓
ยิ่งใหญ่ย่อมล้มดัง สูงมากย่อมตกเจ็บ
มีค่ามากย่อมต้องระแวดระวังสูง สมบัติมากยิ่งมีภัยมาก
สมบัติในโลกมนุษย์นี้ย่อมมาพร้อมกับปัญหา ท่านผู้มีปัญญาจึงเห็นโทษในมนุษย์สมบัติ
จึงไม่หลงใหลเพลิดเพลินลืมตัวไปกับมนุษย์สมบัติ สมบัติในโลกย่อมไม่เที่ยงแท้
จะใช้ได้ก็ตอนยังไม่ตายจากโลกนี้ไปเท่านั้น บางทีเรายังไม่ตายสมบัติก็จากเราไปก่อน
บางทียังไม่ถึงเวลาจากแต่ก็มีคนมาแย่งไป บัณฑิตจึงไม่หลงใหลต่อสมบัติในเมืองมนุษย์
เพียงอาศัยใช้เพื่อการสร้างบารมี เพียงอาศัยใช้เพื่อการสร้างความดีให้เต็มรอบ
เพียงอาศัยใช้เพื่อเป็นปัจจัยแก่โลกุตตรธรรม เพียงอาศัยใช้เพื่อสืบสานพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืนต่อไป
บัณฑิตเพียงอาศัยใช้ไม่ยึดมั่นถือครองอย่างมัวเมา
บทที่ ๒๔
พืชพันธุ์ไม้แม้ใหญ่โต แต่ถ้านำลงปลูกในกระถางจะแคระแกร็น
พญาคชสารแม้แข็งแรง แต่ถ้าถูกล่ามโซ่ไว้ก็ไม่มีโอกาสแสดงกำลัง
จินตกวีควรมีชีวิตที่อิสระ ไม่ถูกผูกมัดด้วยกลไกของชาวโลก
จึงใช้ปัญญาความคิดได้กว้างไกล สามารถใช้ปัญญาขบวิเคราะห์ปัญหาที่ยิ่งใหญ่
โดยไม่ต้องลำเอียงไปตามกิเลสของชาวโลก โดยไม่ต้องลำเอียงไปตามความเห็นพวกเราพวกเขา
พระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าช่างประเสริฐแท้ พระองค์ตรัสรู้แจ้งความจริงไม่ลำเอียงเข้าข้างกิเลสชาวโลก
พระธรรมที่ทรงค้นพบปฏิบัติได้จริงบรรลุผลได้จริง ข้าพเจ้าขอกราบฝ่าพระบาทของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ขอให้ได้เข้าถึงธรรมที่พระองค์ตรัสรู้ในกาลทุกเมื่อ พุทโธ ธัมโม สังโฆ น่าอัศจรรย์จริง
บทที่ ๒๕
แม้สร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้ ก็จงพยายามบอกกล่าวถ้อยคำอ่อนน้อมถ่อมตัว
การคุยโวโม้โอ้อวดจะลดคุณค่าของผลงานลงมา ยิ่งคุยมากเท่าไหร่คำโอ่จะไปลดความดีความชอบ
ทำให้ฝูงชนพยายามมองข้ามความดีความชอบของเราไป ส่วนบุคคลที่ทำผิดพลาดร้ายแรง
แต่ถ้าหากขวนขวายออกมายอมรับผิดกล้าเปิดเผยโทษของตน ฝูงชนจะพากันให้อภัย
คำขอโทษเป็นคำศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้ทำผิดสามารถพึ่งพาได้ ถ้ายิ่งพยายามหลบเลี่ยงความผิด
ฝูงชนจะยิ่งนำความชั่วร้ายของเราออกมาโพนทะนา คำพูดสองชนิดนี้มีค่ายิ่งกว่าทองคำ
คือคำพูดถ่อมตนและคำพูดขอโทษ
บทที่ ๒๖
เวลากินอาหารรสชาติมากมายสารพัด ท้ายที่สุดตบท้ายด้วยน้ำเปล่าจืดสนิทเพื่อล้างคอ
จงเอาข้อนี้เป็นอุทาหรณ์ไว้เตือนตนชีวิตคนเรานั้นมิได้ต้องการสิ่งฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม
หากแต่อยู่ได้ด้วยการพึ่งพาอาศัยของธรรมดา ชีวิตมิได้ต้องการของพิเศษ
ชีวิตมิได้ต้องการของแปลกประหลาด อย่าตอบสนองความมัวเมาหลงใหลในมายากิเลส
ยิ่งตอบสนองความอยากความอยากยิ่งพอกพูน จงลดละพาตัวเองมาอยู่อย่างเรียบง่าย
อย่างธรรมดาอย่างสามัญอย่างพอเพียง กินอยู่อย่างธรรมดา
นุ่งห่มอย่างธรรมดา เป็นคนธรรมดาธรรมดา
ชีวิตมิได้ต้องการอะไรมากกว่านี้เลย อย่าหลงทิศทางในการแสวงหาจุดหมายของชีวิต
บทที่ ๒๗
คนเรานั้นอยู่ได้ด้วยการพึ่งพาอาศัยกัน เจริญมาได้ด้วยการช่วยเหลือของคนอื่น
ถ้าไม่มีใครช่วยเลยชีวิตจะไม่สามารถสืบต่อไปได้ จงอย่าเย่อหยิ่งถือดี
จงอ่อนน้อมถ่อมตัวเกรงอกเกรงใจต่อโลก จงมองโลกด้วยความกตัญญูรู้คุณ
อย่าหักหลังทรยศผู้มีคุณแก่ตน ทั้งคนชั้นสูงชั้นต่ำที่มีส่วนช่วยเราจงคิดแทนคุณเขาด้วย
มีอะไรมากมายอย่าคิดสวาปามแต่ผู้เดียว จงใช้ในการแทนคุณแก่โลกบ้าง
ถ้ายังไม่ได้ใช้หนี้เงินที่ได้มาจะถือเป็นกำไรไม่ได้
ถ้ายังไม่ได้ตอบแทนผู้มีพระคุณความเจริญที่ปรากฏจะถือเป็นความก้าวหน้าไม่ได้
อย่าเย่อหยิ่งถือดีในตัวเอง จงมีความกตัญญูกตเวที
จงแสดงออกต่อโลกอย่างเกรงอกเกรงใจ ผู้คิดให้จะเจริญรุ่งเรืองไม่เสื่อมตกอับ