.....ลูกชายอดีตเอกอัครราชทูตอเมริกัน Professor Stephen Young นักศึกษาฮาร์วาร์ด ที่ค้นพบบ้านเชียง แหล่งโบราณคดีแห่งที่ราบสูง อ.หนองหาน จ.อุดรธานี และในฐานะลูกชายทูตสหรัฐ เติบโต และศึกษาเล่าเรียน อยู่ในเมืองไทย มองความเปลี่ยนแปลง ทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ และการปกครอง วิเคราะห์ถึงระบอบทักษิณเเละทางเเก้ไขได้อย่างตรงจุดครับ
"ย้อนกลับไปที่ อริสโตเติล หากคุณเป็นประชาธิปไตย แต่คุณฉ้อโกง ทำร้ายผู้อื่น เราเรียกว่าทรราช คุณไม่มีศีลธรรม ไม่ยุติธรรม นั่นเป็นระบบที่เลวร้าย อริสโตเติลกล่าวไว้ว่าทุกๆ ระบบ ไม่ว่าจะเป็นระบอบกษัตริย์ ขุนนาง หรือประชาธิปไตย ต้องมีกฎหมาย มีศีลธรรม และเป็นธรรม ที่จะควบคุมอำนาจในทางมิชอบ"
"พ่อผมใกล้ชิดกับในหลวง ใกล้ชิดกับจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ปี 2504 มีช่องว่างระหว่างคนชนชั้นสูงกับคนจนในชนบท ซึ่งเป็นช่องว่างจริงๆ ในวันนี้ปี 2552 เมื่อผมได้ยินกลุ่มเสื้อแดงพูดว่า ไทยมีช่องว่างระหว่างคนรวย ในกรุงเทพฯ กับคนจนในชนบท ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ ทุกวันนี้ช่องว่าง มีเพียงแค่นี้ ที่อเมริกาก็มีช่องว่าง
สตีเฟนเข้ามาอยู่ในประเทศไทยเมื่อปี 2504 หรือเมื่อ 48 ปีก่อน สมัยนั้นยังไม่มีไฟฟ้า น้ำประปาใช้ ถนนเป็นดินลูกรัง แต่นับวันที่ล่วงผ่านไป มีอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้นในเมืองไทยตลอดเวลา เมื่อได้ยินเรื่องแปลกๆ ทำนองว่าประเทศไทย ยังไม่มีนั่นไม่มีนี่ ต้องเปลี่ยนแปลง ปัญญาชนบางคน ต้องการการปฏิวัติ จึงมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ และทำให้มองไป ถึงความทะเยอทะยานของผู้ชายคนที่ชื่อ " ทักษิณ ชินวัตร" ตั้งแต่เริ่มทำชิน คอร์เปอเรชั่นฯ กับการได้มาซึ่งสัมปทานโทรศัพท์จากรัฐบาลโดยระบบ "ผูกขาด"
สาเหตุที่ทักษิณทำเงินได้เยอะ และกลายเป็นคนร่ำรวย เพราะรัฐบาล ได้มอบความเป็นบุคคลอภิสิทธิ์ให้ ให้สิทธิพิเศษในการผูกขาด เป็นการปกครองโดยคนชั้นสูง กลุ่มคนร่ำรวยและมีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น "นี่ไม่ใช่เรื่องของผู้ชายคนหนึ่ง ที่เริ่มจากความยากจนแล้ว ไต่เต้าขึ้นมา เขามีสายสัมพันธ์พิเศษ และผมเห็นเขาใช้สายสัมพันธ์พิเศษเหล่านั้น"
สตีเฟนยังเสนอมุมมองเกี่ยวกับ ความคิดของ ทักษิณ ที่เป็นแบบจักรพรรดิของจีน ซึ่งถูกนำมาใช้ครั้งแรกโดย "ฉิน จื่อ หวาง" แบ่งเป็น เบื้องบนคือสวรรค์ ถัดลงมาเป็นคนคนหนึ่ง ส่วนเบื้องล่าง คือคนที่เหลือ แล้วเข้าควบคุมรัฐบาล ตำรวจ ผู้พิพากษา นักธุรกิจ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ ฯลฯ ทำให้ทุกสิ่งอยู่ใต้เขา ซึ่งไม่เคยมีผู้นำไทย คนไหนในประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่พยายามทำเช่นนี้มาก่อนเลย
สตีเฟนชี้ว่าในเมืองไทย คนตัวเล็กๆ มักจะแหงน มองคนสำคัญ เพราะพวกเขามีความรู้สึก ของระบบอุปถัมภ์อยู่ ทว่าทักษิณเข้าไปตัดลำดับ ขั้นต่างๆ เพื่อเข้าไปปกครองโดยตรง ทุกคนทำงานภายใต้ตัวผู้นำ ไม่ใช่ความร่วมมือแบบเก่าๆ แต่คนส่วนใหญ่ ทำงานให้ทักษิณ และเชื่อว่าทักษิณจะใช้เงินดูแลพวกเขา ลักษณะเช่นนี้ ถือเป็นประชาธิปไตย ที่ปราศจากศีลธรรม จะย่ำแย่ แต่ความยุติธรรมต่างหาก คือสิ่งจำเป็น
สตีเฟน ชี้ให้เห็นว่า ประเทศไทยเดินไปผิดทางคือ การบริหารประเทศ ลักษณะเดียว กับอาร์เจนตินา ภายใต้การนำของ "ฮวน เปรอง" ที่ไปหาคนจนแล้วโทษคนรวย บอกให้คนจนโหวตเขา แล้วเขาจะลงโทษคนรวย เอาเงินจากคนรวย มาให้คนจน เอาคนจนไปต่อสู้กับคนรวย ทั้งที่ปี 1930 ก่อนยุคฮวน เปรอง อาร์เจนตินาได้ชื่อว่า เป็นประเทศที่ร่ำรวย แต่ผู้นำเผด็จการได้ทำลายเศรษฐกิจ และสร้างพรรคเผด็จการ 70 ปีต่อมา อาร์เจนตินาก็เผชิญกับความยากจนและแตกแยก
สตีเฟนมองว่าหากไทย ยังปล่อยให้เป็นแบบนี้ ก็จะประสบชะตากรรมเดียวกัน !!
สตีเฟนย้ำว่า ระบบที่ดีอยู่ที่ ใครจะสร้างความยุติธรรมในสังคมได้ ใครที่ปกครองอย่างมี ศีลธรรม สามารถตรวจสอบ ควบคุมซึ่งกันและกันได้ รัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นรัฐธรรมนูญที่ดี แต่บางคน ที่มีเงินเข้ามาแล้ว ทำตัวเหมือนหนู ที่เอาเนยแข็งทั้งก้อนไป คุณความดีของรัฐธรรมนูญสูญหายไป ผู้คนไม่พอใจ ประท้วง ปฏิเสธการประนีประนอม
ที่ผ่านมาสตีเฟน ได้ยินทักษิณพูดว่า รัฐประหาร 19 ก.ย 49 ล้มล้างเขา ตั้งแต่นั้นเขาถูกข่มเหงมาโดยตลอด ทั้งที่ ทักษิณได้ฝ่าฝืนเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และทำลายกฎหมาย สร้างความชอบธรรม และอะลุ้มอล่วย ทางกฎหมาย คือ ได้เริ่มกระบวนการล่มสลายเอง และรัฐประหาร ก็เป็นส่วนหนึ่งของการล่มสลาย
"ตอนนั้นผมรู้สึกเศร้าใจ อะไรคือทางออกของไทย ถ้าเดินหน้าต่อกับทักษิณก็จะจบลงด้วยเผด็จการแบบจีน ซึ่งไม่ดีกับประเทศไทย แต่ถ้าเลือกรัฐประหาร มันก็ขัดรัฐธรรมนูญประเทศไทย ไม่ควรอยู่ในจุดนั้น ไม่ใช่เพราะกองทัพ ไม่ใช่คุณอภิสิทธิ์ ไม่ใช่ พล.อ.เปรม แต่เป็นเพราะคนคนหนึ่ง กับทีมของเขาเอง"
#ทักษิณโทษป๋าเปรมว่า เป็นต้นเหตุของความเดือดร้อน ทั้งหมด สตีเฟนตอบว่าทักษิณเป็นคนฉลาดพูด เขารู้จักหัวใจของคนไทยดี รู้ว่าควรจะพูดอะไร ให้คนไทยคิดเหมือนเขา ในตะวันตกเรียกว่า "ผู้ปลุกปั่น" เขาจะศึกษาตัวคนฟัง และอารมณ์ แล้วพูดในสิ่งที่คนอยากได้ยิน ไม่ใช่ชอบ หรือห่วงใย แต่เพราะต้องการบางอย่าง คือ เสียงโหวตและความภักดี
สตีเฟนยังมีความหวังว่า ความแตกแยก ทางการเมืองในไทยแก้ไขได้ ถ้าทุกฝ่ายนั่งลงแล้วคุยกันถึง วิธีแก้ปัญหาแบบไทยๆ แล้วทำงานร่วมกัน เช่น โครงการพัฒนาเศรษฐกิจ และพัฒนาการศึกษา ฯลฯ ทุกคนควรมีจิตสำนึก ของสิ่งถูกต้อง ตามทำนองคลองธรรม จริยธรรม และความภาคภูมิใจ ที่เป็นคนไทย ที่ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน หรือต้องฟังใคร ที่สำคัญหากความทะเยอทะยาน ของทักษิณถูกนำออกไป จากบริบท ปัญหานี้ก็น่าจะมีทางออก สักทาง
"ยารสหวานๆ แบบฉบับไทยๆ กินทุกๆ วันเป็นเดือนหรือ 3 เดือนแล้วคุณจะดีขึ้นเอง ดีกว่ายาที่กินวันเดียว แต่คนอาจไม่ชอบ ยานี้คืออะไร ผมว่ามันต้องมา จากผู้นำรัฐบาล ผู้นำพรรคการเมือง พวกเขาอาจต้องกลืนยาขม จะต้องไม่มีใครรับสินบน ใช้เวลา 3 ปี ตำรวจและทุกๆ คนต้องทำหน้าที่ของตัวเอง นี่คือยาขมทำให้คนไทย ได้เห็นว่านี่คือกฎเกณฑ์ใหม่"
http://www.nationmultimedia.com/…/opin…/opinion_30111886.php