สัมปทานพลังงานรอบใหม่...เอาไงแน่?
โดย สิริอัญญา วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2557 และแล้วภาคประชาชนก็ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านการเปิดสัมปทานพลังงานรอบที่ 21 จำนวนเกือบ 30 บ่อ ที่ผู้มีอำนาจกำลังเปิดให้ยื่นขอสำรวจขุดเจาะและจะพิจารณาตัดสินใจกันในต้นปีหน้า ทรัพยากรพลังงานเป็นทรัพย์สมบัติของชาติที่บรรพบุรุษไทยมอบไว้ให้แก่ประเทศไทยและคนไทยทุกคน ไม่ได้มอบให้แก่ใครกลุ่มใดคณะใดโดยเฉพาะ และพลังงานนั้นก็เป็นทรัพย์สมบัติอันมีคุณค่าของประเทศชาติ ที่อาจทำให้ประเทศชาติมีความมั่งคั่ง หมดหนี้หมดสิน และทำให้ประชาชนของประเทศนี้มีความอยู่ดีกินดีถ้วนหน้ากัน ไม่ต้องถึงกับประเทศในตะวันออกกลางบางประเทศที่เขาอาศัยรายได้จากพลังงานมาจุนเจือเกื้อหนุนประเทศชาติและประชาชน ถึงขั้นยกเลิกการจัดเก็บภาษี และยังมีเงินสวัสดิการให้กับประชาชนจนมีความอยู่ดีกินดีถ้วนหน้ากัน เอากันแค่เอารายได้และผลประโยชน์จากพลังงานมาชำระล้างหนี้สินของประเทศชาติ ที่นักการเมืองสร้างความพินาศฉิบหายวายวอดไว้หลายรายการ เช่น รายการแรก สะสางล้างหนี้สินจากการโกงชาติที่เอาสมบัติชาติไปขายให้ต่างชาติราคาถูก ๆ แล้วให้ต่างชาติมาขูดรีดเอาจากประชาชนไทยในอัตราสูง ๆ ในขณะที่ประเทศต้องเป็นหนี้สินถึง 1.4 ล้านล้านบาท ซึ่งถึงวันนี้ก็ยังใช้หนี้กันไม่เสร็จ รายการที่สอง สะสางล้างหนี้สินจากโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งกำลังจะออกพันธบัตรกู้เงินรอบใหม่จำนวนถึง 800,000 ล้านบาท และจะต้องใช้หนี้กันกว่า 30 ปีโดยที่คนโกงลอยนวล ไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่งและทางอาญาใด ๆ นับว่าเป็นการเหยียบย่ำน้ำใจคนไทยทั้งประเทศไปอีกนานเท่านาน รายการที่สาม สะสางล้างหนี้สินที่โกงกินรัฐวิสาหกิจทั้ง 60 แห่ง จนทรัพย์สินของชาติกว่า 15 ล้านล้านบาท จะมีมูลค่าเหลือจริงต่ำกว่าครึ่งสักเท่าใดก็ยังไม่มีใครรู้ เพราะยังปกปิดปกป้องซุกขยะไว้ใต้พรม และผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาโกงกินกันไม่เลิกรา รายการที่สี่ สะสางล้างหนี้สินของประเทศที่เป็นหนี้สะสมมาจนเป็นหนี้ต่างประเทศรวมกันเป็นเงินประมาณ 5 ล้านล้านบาท ความฉิบหายวายวอดจากการโกงชาติ ฉ้อราษฎร์บังหลวงแค่สี่รายการนี้เป็นภาระอันหนักหนาสาหัสของประเทศชาติและประชาชน ดังนั้นถ้าหากสามารถนำผลประโยชน์จากพลังงานอันเป็นทรัพยากรของแผ่นดินมาสะสางล้างหนี้ดังกล่าวได้ก็จะเป็นคุณอนันต์ หาไม่แล้วประเทศไทยของเรานี้ก็ยากที่จะเงยหน้าอ้าปาก ยากที่จะมีความเป็นไทยแก่ตน ทั้งด้านนโยบายต่างประเทศ ด้านนโยบายการเงินการคลัง และในการพัฒนาประเทศชาติ เพราะจะถูกชาติเจ้าหนี้จิกหัวบังคับขับไสเคี่ยวเข็ญเย็นค่ำกรำไป ตามวิสัยเชิงเช่นผู้เป็นนาย ดังเช่นที่กำลังยื่นคำขาดให้ประเทศไทยต้องเลือกเอาว่าจะใช้รถไฟความเร็วสูงของญี่ปุ่นหรือของจีนกันแน่? ซึ่งทำราวกับว่าประเทศนี้เป็นอาณานิคมฉะนั้น หากบริหารจัดการเรื่องพลังงานได้ดี ก็อาจจะมีอานิสงส์เผื่อแผ่มาถึงประชาชนทุกภาคส่วน ที่อาจได้รับผลประโยชน์จากราคาค่าพลังงานที่ถูกลง ทำให้รายจ่ายลดลง ทำให้ต้นทุนการผลิตลดลงก็เป็นไปได้ ความจริงเป็นอย่างไร? โดยเฉพาะในปัญหาที่ว่าประเทศไทยมีพลังงานหรือว่าไม่มีกันแน่? และที่เที่ยวอ้างกันว่าประเทศไทยไม่มีพลังงานนั้น เหตุไฉนจึงแย่งกันขอสำรวจขุดเจาะพร้อมกันถึงเกือบ 30 แห่ง และถ้าประเทศไทยไม่มีพลังงานดังที่กล่าวอ้าง เหตุไฉนเล่าบรรดาพวกที่ได้รับสัมปทานขุดเจาะมาแต่ก่อนและกำลังหมดอายุสัมปทานจึงต้องวิ่งพล่านถึงขนาดอาศัยมือต่างชาติบังคับขับไสให้ประเทศไทยจำต้องต่ออายุสัมปทานอีก โดยเหตุผลสามัญ คนทั้งหลายก็ย่อมคิดเป็นอ่านเป็นว่า ดินแดนอันเป็นสุวรรณภูมิของชาติเรานั้น ย่อมมีพลังงานเป็นแน่แท้ หาไม่แล้วไหนเลยจะแย่งกันขอสัมปทานและต้องมุบมิบกันเปิดสัมปทานหรือต่ออายุสัมปทาน ในประการนี้ด้วยเหตุผลสามัญก็ฟันธงได้แล้วว่า ที่อ้างว่าประเทศไทยไม่มีพลังงานนั้นเป็นการโกหก และเป็นการโกหกเพื่อปล้นประเทศชาติและประชาชน ในประเด็นสำคัญของปัญหาอีกเรื่องหนึ่งคือ การให้สัมปทานขุดเจาะพลังงานนั้น ก็คือการเปิดโอกาสให้มีการขุดเจาะสำรวจและเอาพลังงานซึ่งเป็นทรัพย์สมบัติของประเทศชาติไปใช้ ก็เหมือนกับการซื้อทรัพย์สินของประเทศ โดยมีค่าซื้อก็คือค่าสัมปทาน ประชาชนไทยทั่วประเทศมีความกังขามาช้านานแล้วว่า ผู้มีอำนาจขายทรัพย์สมบัติของชาติดังกล่าวในราคาที่คุ้มค่ากับทรัพย์สมบัติของประเทศชาติหรือไม่? หรือว่าสมคบกันปล้นสะดมโดยจ่ายค่าทรัพย์สมบัติของประเทศชาติเพียงน้อยนิด คนไทยคิดเป็นและอ่านเป็นว่าบรรดาประเทศทั้งหลายในโลกที่เขาให้สัมปทานหรือขายทรัพยากรของชาตินั้น เขาจะต้องขายให้ได้ราคาดีที่สุด คือราคาระหว่าง 50-85% นั่นหมายความว่าค่าสัมปทานหรือจะเรียกว่าค่าส่วนแบ่งรายได้หรือจะเรียกว่าค่าตอบแทนอย่างใด ๆ ก็ตาม จะต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 50-85 ของมูลค่าพลังงานที่ขุดเจาะได้ ถ้าต่ำกว่านี้ก็ให้รู้เถิดว่านั่นคือการขายชาติและการปล้นชาติโดยแท้ และไม่มีทางแก้ตัวได้โดยเด็ดขาด!