Today there was another tragedy in the Kingdom. Terrorists struck with a small but deadly bomb leaving many killed and many wounded.
Many people are now worried about their loved ones who are traveling in Thailand. The attack was limited in nature to a very small but crowded area. I have been to that spot many times and it was always crowded. On the scale of Thailand, this was tiny.
Your loved ones are safe here. Riding motorbikes here, however, is very dangerous. I cannot stress this enough.
If the situation becomes dangerous for foreigners, I and others will say this. The situation remains safe and stable.
After the bombing in Bangkok, I saw increased Army and police on the street tonight in Chiang Mai, but not many -- just a handful. And the people like them, and I like to see them around.
If you are a tourist and see the Army and wish to take a picture, they are fine with it. They will not take your camera or arrest you. More likely they will just smile and wave.
My thoughts are with the victims and their families.
Keep Calm, and Love Thailand.
Keep Calm, and Love Thailand.
http://manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9580000093251
“ราชประสงค์”จากสี่แยกเทพเจ้า สี่แยกอาถรรพ์ สู่ “สี่แยกแห่งความเศร้า”
อุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9580000093920
บอกตามตรงว่าหลังได้ทราบข่าวลอบวางระเบิดที่แยกราชประสงค์เมื่อค่ำวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา ก็รู้สึกหดหู่ เศร้าใจอย่างบอกไม่ถูก นั่งเซ็งจนแทบไม่อยากทำอะไร เพราะความเสียหายที่เกิดขึ้นคราวนี้มันเลวร้ายมาก ประเภทที่เรียกว่า “ย่อยยับ” ลงไปในพริบตา ทำให้ประเทศไทยในสายตาคนไทยด้วยกัน รวมทั้งคนต่างชาติเป็นบ้านเมืองที่ไม่ปลอดภัย ไร้น้ำใจไมตรีลงไปในทันที
แน่นอนว่าจนถึงนาทีนี้ยังไม่อาจชี้ชัดได้ว่าเป็นฝีมือของใครหรือกลุ่มไหน แต่เท่าที่ฟังคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อตอนสายวันอังคารที่ 18 สิงหาคม หลังได้รับรายงานความคืบหน้าของคดีว่า “เป็นไปได้ที่สาเหตุอาจมาจากเรื่องการเมืองภายในประเทศหรือระหว่างประเทศ” ซึ่งต้องติดตามเบาะแสอย่างใกล้ชิด
“สถานการณ์ที่เกิดขึ้นอาจเป็นไปได้สองอย่าง ระหว่างเรื่องการเมือง กับเรื่องระหว่างประเทศ ยังไม่ได้ตัดว่าเป็นประเด็นใดประเด็นหนึ่ง แต่การเมืองมันขัดแย้งกันอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ใครเป็นคนจุดล่ะชนวน ใครจุด ตอบมาสิ ใคร”
ถามว่า ในความตั้งใจอยากให้ผลการสอบสวนมีความชัดเจนโดยใช้เวลากี่วัน นายกฯ กล่าวว่า เร็วที่สุด วันนี้ มีการนำกล้องวงจรปิดมาดูแล้ว พบมีบุคคลต้องสงสัยอยู่บ้างแต่ก็ยังไม่ชัด ต้องหาตัวให้เจอก่อน
เมื่อถามว่า มือโพสต์เฟซบุ๊กที่เหมือนจะรู้การณ์ล่วงหน้า เวลานี้รู้หรือยังว่าเป็นใครที่ไหน นายกฯ กล่าวว่า “ได้ให้ไปเรียกตัวคนโพสต์ดังกล่าวมาแล้ว กำลังหาตัวอยู่ ส่วนหนึ่งอยู่ทางภาคอีสานนู่น ไอ้คนโพสต์เคยอยู่กลุ่มต่อต้านรัฐบาล”
นายกรัฐมนตรียังเรียกร้องให้คนไทยต้องระมัดระวังตัว แต่ไม่ตื่นตระหนก “ต้องรู้ตัวและมีบทเรียนว่าที่ผ่านเกิดอะไรขึ้นบ้างกับประเทศ ต้องระมัดระวังตัวไหม ไม่ใช่ปล่อยสบายๆ ก็รู้อยู่ว่ามีการเคลื่อนไหว ต่อต้านรัฐบาลอยู่ ก็แค่นั้นระมัดระวังแต่ไม่ใช่ตื่นตระหนก จนไม่ใช้เงินใช้ทอง ก็จะยิ่งทำให้เดือดร้อนกันเข้าไปอีก ต้องการแบบนั้นหรืออย่างไร และมันจะเกิดแบบนี้เพราะจากข่าวทางโซเชียลมีเดีย ซึ่งวันนี้สื่อต่างประเทศนำเสนอข่าวออกมา โดยที่ผมยังไม่เคยแจ้งอะไรเลย แต่มีข้อมูลเขียนก่อน รวมทั้งภาพระเบิด และคนบาดเจ็บ ความสูญเสียเหล่านี้ออกไปได้ประโยชน์อะไร ผมไม่เข้าใจ”
ฟังจากบุคคลสำคัญด้านความมั่นคง เช่น พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก ก็ยอมรับว่ากล้องวงจรปิดสามารถจับภาพชายต้องสงสัยเอาไว้ กำลังอยู่ในช่วงประมวลหลักฐานการเชื่อมโยงเพื่อให้เกิดความชัดเจน ส่วนสาเหตุนั้นก็ยังไม่ตัดประเด็นความขัดแย้งของการเมืองในประเทศ และความขัดแย้งระหว่างประเทศ
ขณะที่รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ระบุว่าคนร้ายมีเจตนาทำร้ายคนบริสุทธิ์ ทำลายเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวอย่างชัดเจน และยอมรับว่าไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะลงมือก่อเหตุร้ายกันกลางใจเมืองที่มีเจตนาสร้างความเสียหายแบบนี้ แต่ให้ประชาชนมั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ในการควบคุมสถานการณ์และการจับกุมคนร้าย
นั่นเป็นการประมวลคำพูดของบุคคลสำคัญด้านความมั่นคงที่ออกไปในทิศทางเดียวกัน คือ “พบบุคคลต้องสงสัย” แล้ว เพียงแต่ว่ายังอยู่ในขั้นติดตามตัวมาสอบสวน รวมทั้งต้องตรวจสอบหาพยานแวดล้อมอื่นๆ มาประกอบ แต่เอาเป็นว่าข้อเด่นของพื้นที่แยกราชประสงค์อย่างหนึ่งก็คือ หลังจากมีเหตุการณ์ทางการเมืองมานานก็ได้มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดเอาไว้จำนวนมาก และถือว่าเป็นกล้องที่มีคุณภาพดีเป็นทั้งภาพสีคมชัดและขาวดำทั้งที่เป็นของกรุงเทพมหานคร และเอกชน รวมแล้วประมาณถึง 500 ตัวทีเดียว ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าจะสามารถพบบุคคลต้องสงสัยได้ ส่วนจะใช่หรือไม่ หรือคนลงมือเป็นพวกไหนก็ต้องเอาใจช่วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทั้งทหารและตำรวจที่ต้องแสดงฝีมือออกมาโดยเร็วที่สุด
หากมูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุมาจากไหนกันแน่ จากการเมืองภายในประเทศ หรือเป็นความขัดแย้งภายนอกประเทศที่ลากไทยเข้าไปเกี่ยวข้อง ซึ่งเรื่องภายนอกที่เกี่ยวข้องกับชนกลุ่มน้อยของบางประเทศหรือไม่เมื่อพิจารณาจากนักท่องเที่ยวที่เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ก็ต้องติดตามกันต่อไป
แต่สำหรับการเมืองในประเทศก็มีน้ำหนักไม่น้อย เมื่อพิจารณาจากการ “เสียประโยชน์” หาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะรักษาความสงบเรียบร้อยยังอยู่ต่อไป รวมไปถึงรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะมีผลบังคับใช้หรือไม่ก็ตาม หากประชามติผ่านก็มีข้อกำหนดเรื่องคุณสมบัติต้องห้าม “ปิดทาง” การเมืองตลอดชีวิต รวมทั้งเรื่องคดีอาญาและแพ่งที่กำลังตามมามากมาย ยิ่งเวลาทอดยาวออกไปนานมากเท่าใดก็จะยิ่งเสียหายสำหรับพวกเขา และล่าสุดบังเอิญอย่างยิ่งว่าศาลอาญาก็ได้รับฟ้องคดีหมิ่นประมาทกองทัพบกเอาไว้แล้วอีกด้วย
อย่างไรก็ดี นาทีนี้ทางที่ดีที่สุดก็คือได้แต่รอ และเอาใจช่วยให้เจ้าหน้าที่ได้ทำหน้าที่ติดตามหาหลักฐานและติดตามจับกุมคนร้ายมาให้ได้โดยเร็ว ทุกอย่างก็จะชัดเจนขึ้นว่าคนที่ลงมืออำมหิตแบบนี้มาจากไหน แต่ถึงอย่างไรก็ได้ทำลาย “ไทย” อย่างยับเยินเพียงชั่วข้ามคืน!!