
พลเมืองอเมริกันอาจจะถูกจัดชั้นโดยรัฐบาลอเมริกันเองให้เป็นพลเมืองชั้น 1 ในโลกใบนี้...แต่รัฐบาลอเมริกันกำลังถูกพฤติกรรมของตนเองจัดชั้นให้เป็นรัฐบาลชั้นเลวที่สุดในโลกใบนี้.....
ถ้าพลเมืองอเมริกันจะถูกพลเมืองชาติอื่นรังเกียจและลดระดับให้เป็นพลเมืองชั้นเลว ก็ต้องยอมรับนะว่าพลเมืองอเมริกันเองเป็นผู้เลือกรัฐบาลนี้เข้ามา และพลเมืองอเมริกันก็ไม่เคยคัดค้านนโยบายต่างประเทศแบบสามานย์ที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องในทุกรัฐบาลของคนอเมริกัน

ดิฉันได้ไปพบแหล่งข่าวหนึ่งโดยบังเอิญคือwww.altthainews.blogspot.com ซึ่งรายงานโดยคุณโทนี่ (Tony Cartlaucci) ซึ่งรายงานข่าวได้อย่างเที่ยงธรรมตรงตามความจริงที่ปรากฏ ไม่ใช่ว่าสิ่งที่เค้ารายงานถูกใจดิฉันแล้วก็มานั่งเยินยอกัน ....โทนี่ก็เหมือนกับคุณไมเคิล ยอน ที่มองสถานการณ์ตามที่เป็นจริงบนรากฐานของประวัติความเป็นมา และพูดจากใจจริงตามที่ได้เรียนรู้ตลอดมา ไม่ใช่ทำตัวแบบนักข่าวตามสำนักข่าวผู้ยิ่งใหญ่ที่รายงานข่าวตามที่เห็นต่อหน้าอย่างผิวเผินขาดการวิเคราะห์ความจริงตามเหตุและผลที่ผ่านมาว่า เพราะอะไรที่เกิดขึ้นที่เป็นปัจจัยให้เกิดสิ่งที่เราเห็นๆ กันอยู่นี้
เอาล่ะ ขอเข้าไปในประเด็นที่ว่า คุณโทนี่รายงานให้ทราบอย่างฉับพลันทันทีที่อ่านข่าวในบางกอกโพสท์ว่า มีคนบางกลุ่มออกไปต่อต้านการรัฐประหาร ซึ่งในเนื้อข่าวบางกอกโพสท์ได้อ้างว่า การต่อต้านรัฐประหารนี้มีองค์กรสากล 4 องค์กรได้ร่วมประท้วงเรียกร้องให้คืนประชาะธิปไตยแก่พลเมืองชาวไทย .... ซึ่งฟังดูเหมือนว่า ไอ้ 4 องค์กรนี้เป็นเสียงจากทั้งโลก
คุณโทนี่รายงานอย่างชนิดที่บางกอกโพสท์ต้องเก็บไปคิดนะว่า สิ่งที่บางกอกโพสท์พลาดในการนำเสนอคือ องค์กรทั้ง 4 ที่อ้างถึงนั้น ทุกๆ องค์กรเป็นหน่วยงานที่ได้รับเงินอุดหนุนจากกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาผ่านหน่วยงานที่ชื่อ กองทุนแห่งชาติสนับสนุนประชาธิปไตย (The US National Endowment for Democracy (NED) ดังนั้นเมื่อร้อยเรียงเข้ากับถ้อยแถลงของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ต่อการรัฐประหารโดยทหารเมื่อวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา (เชิงลบ) องค์กรเหล่านี้ที่ได้รับทุนอุดหนุนจาก NED ของสหรัฐ จึงไม่ได้มีความปรารถนาดีที่จะนำพาสิ่งที่ดีที่สุดมาสู่ประเทศไทยและผลประโยชน์ของคนไทยแต่อย่างใด แต่เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของผู้จ่ายเงินอุดหนุนพวกตัวเองและจ่ายค่าเดินทางออกนอกประเทศมาร่วมปฏิบัติการด้วย
หน่วยงานทั้ง 4 ที่มาร่วมปฏิบัติการกับพวกต่อต้านรัฐประหารในไทยคือ 1) The Human Rights Lawyers Association, 2) Cross Cultural Foundation, 3) Union of Civil Liberties และ 4) the Enlawthai Foundation ทั้งนี้เมื่อไปเปิดดูในเว็บไซท์ของ NED (www.ned.org) ก็จะเห็นโต้งๆ เลยว่า NED จ่ายเงินอุดหนุนใครเท่าไหร่ ที่เปิดเผย ณ ตอนนี้ที่หน้าเพจคือ เบอร์ 1 The Human Rights Lawyers Association ได้รับ 20,000 เหรียญฯ และเบอร์ 4 คือ the Enlawthai Foundation ได้มากหน่อยคือ 40,000 เหรียญฯ ทั้งนี้จำนวนนี้เป็นเงินที่สนับสนุนการปฎิบัติการในประเทศไทยช่วงนี้เท่านั้นนะคะ
นำเสนอเฉพาะประเด็นนี้นะคะ ส่วน Link ข่าวเฉพาะหัวข้อนี้จะแปะไว้ที่ comment อันแรกสุดของโพสท์นี้ค่ะ ไม่อยากแปะตรงนี้ เดี๋ยวจะรบกวนกันกับรูปประกอบ.... และเมื่อท่านเข้าไปในเว็บไซท์ของโทนี่อันนี้แล้ว จะเห็นรายงานข่าวมากมายเกี่ยวกับรัฐประหารในไทยในขณะนี้ สามารถเลือกหยิบบางชิ้นไปอธิบายกับเพื่อนฝูงหรือพันธมิตรทางธุรกิจได้เลย ขอบอกว่า บางข่าวรายงานความระยำของระบอบทักษิณอย่างละเอียดยิบมีลำดับเวลาของแต่ละเหตุการณ์อย่างชัดเจน ต้องเรียกว่าเป็นการชำแหละ ก็ว่าได้ ....
เอาล่ะ ขอเข้าไปในประเด็นที่ว่า คุณโทนี่รายงานให้ทราบอย่าง
คุณโทนี่รายงานอย่างชนิดที่
หน่วยงานทั้ง 4 ที่มาร่วมปฏิบัติการกับพวกต
นำเสนอเฉพาะประเด็นนี้นะคะ ส่วน Link ข่าวเฉพาะหัวข้อนี้จะแปะไว้




Jen Psaki in her latest DoS press briefing: Thailand, Ukraine, Saudi Arabia, others --
เจน ซากิ ในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ: ประเทศไทย, ยูเครน, ซาอุดิอาระเบีย และ ประเทศอื่น ๆ
มีความเห็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับ ยูเครน ในนาทีที่ 31'50" เรื่องของชาวอเมริกันหรืออาจจะเป็นคนชาติอื่นที่พูดภาษาอังกฤษ ในยูเครน
และนาทีที่ 45'50" เป็นการถกเถียงประเด็นที่เกี่ยวกับประเทศไทย แสดงให้เห็นว่ากระทรวงการต่างประเทศนั้นไม่รู้เรื่องที่เกี่ยวกับประเทศไทยเลย พูดออกมาอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว กระทรวงการต่างประเทศน่าจะอ่านจากร่างรายงานของนักศึกษาฝึกงานในประเทศไทย
หยุดสักนิดก่อนที่แสดงความคิดเห็นใดๆ: แน่นอนอยู่แล้วว่าประเทศไทยนั้นก็จะยังคงถูกทดสอบและจะเข้มแข็งมากขึ้น จากการเหยียดหยันที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯจะทำอีกต่อๆไปไม่มีจบสิ้น แต่ มันก็เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า สหรัฐฯยังคงพยายามที่จะข่มประเทศไทย แล้วสักวันมันก็จะย้อนกลับเข้าตัวเอง ประเทศไทยไม่จำเป็นต้องมีสหรัฐฯเพื่อความอยู่รอด และ คนไทยก็รู้ดี
Interesting comments on Ukraine at about 31'50" regarding US or other English speakers there.
At 45'50" discussion of Thailand, demonstrating how clueless the State Department is about Thailand. Utterly clueless. DoS officials must be reading the Cliff Notes on Thailand.
Finger on the pulse: It is clear that Thailand continues to be measured and mature about the constant slights from the US Department of State, but it is also clear that if the US continues to try to bully Thailand, it will eventually backfire. Thailand does not need the USA to survive, and Thais know it.