GREAT KING OF THAILAND, KING BHUMIBHOL

GREAT KING OF THAILAND, KING BHUMIBHOL
LONG LIVE THE KING BHUMIBHOL

วันเสาร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2558

"Thailand summons U.S. diplomat over critical remarks”



"Thailand summons U.S. diplomat over critical remarks”
“ประเทศไทยเรียกอุปทูตสหรัฐฯเข้าพบ เกี่ยวกับเรื่องการแสดงความเห็นเชิงวิจารณ์ที่ร้ายแรง”
ประเทศไทยกำลังพิสูจน์ให้เห็นว่า มีความอดทนอดกลั้นต่อเจ้าหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศของพวกเราเป็นอย่างมากถึงมากที่สุด ความโกรธเคืองต่อการแทรกแซงของสหรัฐฯกำลังพุ่งสูงขึ้น ๆ ในไทย
ผมได้เฝ้าติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ความไม่พอใจค่อยๆคลายลงในช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา แต่ ตอนนี้กลับเพิ่มพุ่งสูงขึ้นในพริบตา จากการเข้าแทรกแซงของสหรัฐฯ โดยนาย เดเนียล รัสเซล ในสัปดาห์นี้
แต่ผมไม่เห็นหรือสัมผัสว่าจะมีความประสงค์ร้ายต่อบุคคลที่เป็นชนชาวอเมริกันเลย หรืออาจจะกล่าวได้ว่า ชาวอเมริกันที่เดินทางมาทำงานหรือมาท่องเที่ยวในประเทศไทยนั้น จะไม่ถูกรบกวนใดๆ คนไทยน่าจะไม่พูดเรื่องนี้ให้ได้ยินเลยด้วยซ้ำ พวกเขาจะพูดว่า ‘เวลคัม ทู ไทยแลนด์’ แล้วเข้าใจได้ว่า พวกคุณอาจจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
และ แม้กระทั่งเอกอัครราชทูต คริสตี้ เคนนี่ บุคคลคนไทยหลายล้านคนเกลียดขี้หน้า ก็สามารถเดินบนท้องถนนโดยไม่ต้องมีกลุ่มบอดี้การ์ดคอยอารักขา แล้วก็จะไม่มีใครสนใจเข้าไปรบกวน และ ได้รับการบริการดูแลที่ดี เพราะ นี่คือเมืองไทย
โดยทั่วไปแล้วทั้งประชาชนคนไทย และ ผู้นำรัฐบาลไทยนั้นมีความอดทนอดกลั้นสูงมาก
ผมรู้สึกว่า ความโกรธเคืองนี้อาจจะนำไปสู่ความฉงนสงสัยในรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ดูเหมือนว่ากำลังเผชิญกับสติและปัญญาที่ผิดปกติมากขึ้นๆ เรื่อยๆ ตัวอย่างเช่น กรณีของ เอกอัครราชทูต คริสตี้ เคนนี่ ในตอนนั้นคนก็เริ่มมองเธอว่าเป็นพวกสติไม่สมประกอบ ตอนที่ผู้คนคิดว่าเธอปกติดี พวกเขาก็จะแค่โกรธเคืองเธอ แต่เมื่อเอกอัครราชทูตของพวกเราดูเหมือนพวกเสียสติแล้ว คนที่สงสัยมากขึ้นๆ ว่า ทำไมเธอถึงได้มาประจำการที่นี่
ช่วงเวลาของเอกอัครราชทูต คริสตี้ ในประเทศไทยนั้นไม่ธรรมดา เธอเริ่มต้นจากการเป็นที่เคารพอย่างสูง จนเกือบจะเป็นที่เกลียดชัง แล้วไปสู่คนที่ดูแล้วน่าจะถูกส่งไปบำบัดทางจิต แล้วยิ่งดูเหมือนคนที่สติไม่สมประกอบมากขึ้นเท่าใด คนจำนวนไม่น้อยก็จะเลิกโจมตีเธอแล้ว แล้วหันมากล่าวโทษประธานาธิบดีที่ส่งให้เธอมาป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้แทน
และคนไทยนับล้านๆคน เห็นว่าเป็นทัศนคติที่มีต่อประเทศไทย ราวกับว่า ประเทศไทยไม่มีความสำคัญมากพอที่เป็นประเทศที่จะมีเอกอัครราชทูตระดับสูง
แต่ หลังจากนั้น ผมและอีกหลายๆคนได้ชี้ให้เห็นว่า ประเทศนอร์เวย์ และ ประเทศญี่ปุ่นเอง ก็เริ่มที่จะมีความขุ่นเคืองด้วยเหตุผลเดียวกันนี้ ไม่ใช่เพราะว่าเป็นประเทศไทย หรือ นอร์เวย์ หรือ ญี่ปุ่น — รัฐบาลชุดปัจจุบันของเรานั้นก็เป็นชุดบริหารโง่ๆไร้สติปัญญาชุดหนึ่งจริงๆ ไม่ใช่เป็นเรื่องส่วนตัวเฉพาะประเทศใดประเทศหนึ่ง แค่กลุ่มคนโง่ที่โง่เท่านั้น ลองจินตนาการดูว่า กรุงวอชิงตันนั้น มี 500 ยิ่งลักษณ์ และ ทักษิณ อีกเจ็ดแปดคน นั่นก็คือสิ่งที่เรามี ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แค่ โง่ กับ บ้า
ผมไม่ได้พูดเพราะปากพาไป
รัฐบาลของเราบอกว่า ตาลีบันนั้นไม่ใช่ผู้ก่อการร้ายในอาทิตย์นี้เอง ทำเนียบขาวพูดอย่างนี้จริงๆ
และในขณะเดียวกันนี้เอง รัฐบาลของเราก็ส่งคนมาเหยียดหยามประเทศไทย เราทำอย่างนี้จริงๆ
นายพลระดับสูงของเรา, นายพล มาร์ติน เดมพ์เซย์ (Martin Dempsey), ได้สนับสนุนการเขียนบทความสรรเสริญพระราชประวัติของกษัตริย์ซาอุฯที่สิ้นพระชนม์ เหลือเชื่อเลย
เช่นเดียวกับเรื่องของ คริสตี้ เคนนี่ และ โอบาม่า ผมได้เตือนเกี่ยวกับนายพล มาร์ติน เดมพ์เซย์ ก่อนหน้านี้มาหลายปีแล้ว
หากคุณใช้กูเกิ้ลหาชื่อของผมกับชื่อ Martin Dempsey แล้วละก็ คุณจะเห็นบทความนี้ และ อีกหลายๆอย่าง:
และในขณะที่ทำเนียบขาวและเพนธากอน ได้ทำสิ่งเหล่านี้ มันทำให้เกาหลีเหนือดูเป็นประเทศที่ดูดีมีเหตุมีผลขึ้นมาทีเดียว เจน ซากิ โฆษกของกระทรวงการต่างประเทศนั้น ได้แต่สบัดบ๊อบไปมาอยู่ที่แท่นปราศรัย พูดจาเกี่ยวกับประเทศไทยและประเทศอื่นๆที่เธอไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจเลยแม้แต่น้อย เจน ซากินั้นดูแล้วเหมือนกับสาวน้อยสังคมที่ได้เข้าไปอยู่ในกลุ่มสตรีผู้สูงศักดิ์ แล้ว ไม่เคยกลับออกมาสู่โลกภายนอกเลย
และตอนนี้ หลังจากการเยือนประเทศที่ก่อให้เกิดความรำคาญของ เดเนียล รัสเซล แล้ว — คนไทยจำนวนหนึ่งได้เริ่มพูดถึงการยกเลิกการฝึก คอบบร้าโกล์ด (การฝึกร่วมทางทหาร) นี่เป็นเรื่องที่น่าอับอาย — เมื่อปีที่แล้วนั้น รัฐบาลของเราได้พูดเกี่ยวกับการยกเลิกคอบบร้าโกล์ด แล้ว มาถึงตอนนี้ คนไทยก็กำลังพูดเรื่องนี้เหมือนกัน
กองทัพของทั้งสองประเทศนั้น มีความสัมพันธ์เข้ากันได้อย่างยอดเยี่ยม เหมือนกับเพื่อนซี้เก่าแก่ — นั่นเป็นเพราะว่าเรานั้นซี้กันมานานแล้ว — แต่ โอบาม่า ก็คือควายแดงอเมริกันนั่นเอง
Thailand is proving to be extremely patient with our US Department of State people. There is growing anger in Thailand against US Government meddling.
I have been watching this up close. Emotions abated for some months but now are flaring up again due to overt US meddling by Daniel Russell this past week.
But I sense zero animosity towards Americans. In other words, Americans who travel for work or vacation to Thailand will not be harassed at all. Thais likely will never even mention this. They will just say "Welcome to Thailand," knowing you probably have no idea what is going on.
And as much as our former Ambassador Kristie Kenney is despised by millions, Mrs. Kenney could today walk the streets with no security and she would be left alone and treated well. That is Thailand.
The average Thai and the government leaders are extremely patient.
I sense that some of the anger might be drifting into more of bewilderment at a US government that looks increasingly mentally challenged. For instance, Ambassador Kenney was actually starting to look a little crazy. When people thought she was normal, they were angry with her, but the crazier our Ambassador looked the more people wondered why she was allowed to be here.
Ambassador Kenney's time in Thailand was extraordinary. She went from highly respected, to almost hated, to looking like she needed a rubber room. The crazier she looked, many people stopped blaming her so much and began blaming the President who let her wonder around over here.
And millions of Thais took this as a personal slight to Thailand, like Thailand was not valued enough to rate a top notch Ambassador.
But then I and others pointed out that Norway and Japan also were becoming angry for similar reasons. It is nothing personal against Norway, Japan, or Thailand -- our current government truly is just an idiot in the form of a government. It is nothing personal. Just an idiot being an idiot. Imagine Washington filled with 500 Yinglucks, and a few Thaksins. That is what we got. Nothing personal, just dumb and crazy.
I say this not to be flippant.
Our government really did say this week that the Taliban are not terrorists. Our White House really said this.
And at the same time our government sent someone over to insult Thailand. We really did this.
And our top General, Martin Dempsey, actually is supporting a hagiography of the late Saudi King. Incredible.
As with former Ambassador Kristie Kenney, and Obama, I have been pointing out General Martin Dempsey for years.
Please Google my name and Martin Dempsey and you will find this and other things:https://www.michaelyon-online.com/a-hypothetical-interview-…
And while the White House and Pentagon were doing these things, making North Korea look like the rational ones, Jen Psaki at the Department of State was a flipping her hair at the pulpit, talking about Thailand and other countries that she does not understand in the least. Psaki comes across as a frat-girl who landed in Chi Omega and never left.
And now, after Daniel Russell's trip which miffed millions of Thais -- some Thais are starting to talk about canceling Cobra Gold. (Joint military exercises.) This would be a shame -- our own government just last year was talking about canceling Cobra Gold, and now Thais are talking about it.
Our militaries get along excellently, like old pals -- because they are old pals -- but Obama is our American Kwai Daeng.
http://www.theherald-news.com/…/thailand-summons-u…/ax990gp/

วันพฤหัสบดีที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2558

AMERICA SUPPORTS CORRUPTION SYSTEM OF THE "TAKSIN" REGIME & CALLS "DEMOCRACY"



พลเมืองอเมริกันอาจจะถูกจัดชั้นโดยรัฐบาลอเมริกันเองให้เป็นพลเมืองชั้น 1 ในโลกใบนี้...แต่รัฐบาลอเมริกันกำลังถูกพฤติกรรมของตนเองจัดชั้นให้เป็นรัฐบาลชั้นเลวที่สุดในโลกใบนี้.....
ถ้าพลเมืองอเมริกันจะถูกพลเมืองชาติอื่นรังเกียจและลดระดับให้เป็นพลเมืองชั้นเลว ก็ต้องยอมรับนะว่าพลเมืองอเมริกันเองเป็นผู้เลือกรัฐบาลนี้เข้ามา และพลเมืองอเมริกันก็ไม่เคยคัดค้านนโยบายต่างประเทศแบบสามานย์ที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องในทุกรัฐบาลของคนอเมริกัน


ดิฉันได้ไปพบแหล่งข่าวหนึ่งโดยบังเอิญคือwww.altthainews.blogspot.com ซึ่งรายงานโดยคุณโทนี่ (Tony Cartlaucci) ซึ่งรายงานข่าวได้อย่างเที่ยงธรรมตรงตามความจริงที่ปรากฏ ไม่ใช่ว่าสิ่งที่เค้ารายงานถูกใจดิฉันแล้วก็มานั่งเยินยอกัน ....โทนี่ก็เหมือนกับคุณไมเคิล ยอน ที่มองสถานการณ์ตามที่เป็นจริงบนรากฐานของประวัติความเป็นมา และพูดจากใจจริงตามที่ได้เรียนรู้ตลอดมา ไม่ใช่ทำตัวแบบนักข่าวตามสำนักข่าวผู้ยิ่งใหญ่ที่รายงานข่าวตามที่เห็นต่อหน้าอย่างผิวเผินขาดการวิเคราะห์ความจริงตามเหตุและผลที่ผ่านมาว่า เพราะอะไรที่เกิดขึ้นที่เป็นปัจจัยให้เกิดสิ่งที่เราเห็นๆ กันอยู่นี้ 

เอาล่ะ ขอเข้าไปในประเด็นที่ว่า คุณโทนี่รายงานให้ทราบอย่างฉับพลันทันทีที่อ่านข่าวในบางกอกโพสท์ว่า มีคนบางกลุ่มออกไปต่อต้านการรัฐประหาร ซึ่งในเนื้อข่าวบางกอกโพสท์ได้อ้างว่า การต่อต้านรัฐประหารนี้มีองค์กรสากล 4 องค์กรได้ร่วมประท้วงเรียกร้องให้คืนประชาะธิปไตยแก่พลเมืองชาวไทย .... ซึ่งฟังดูเหมือนว่า ไอ้ 4 องค์กรนี้เป็นเสียงจากทั้งโลก 

คุณโทนี่รายงานอย่างชนิดที่บางกอกโพสท์ต้องเก็บไปคิดนะว่า สิ่งที่บางกอกโพสท์พลาดในการนำเสนอคือ องค์กรทั้ง 4 ที่อ้างถึงนั้น ทุกๆ องค์กรเป็นหน่วยงานที่ได้รับเงินอุดหนุนจากกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาผ่านหน่วยงานที่ชื่อ กองทุนแห่งชาติสนับสนุนประชาธิปไตย (The US National Endowment for Democracy (NED) ดังนั้นเมื่อร้อยเรียงเข้ากับถ้อยแถลงของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ต่อการรัฐประหารโดยทหารเมื่อวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา (เชิงลบ) องค์กรเหล่านี้ที่ได้รับทุนอุดหนุนจาก NED ของสหรัฐ จึงไม่ได้มีความปรารถนาดีที่จะนำพาสิ่งที่ดีที่สุดมาสู่ประเทศไทยและผลประโยชน์ของคนไทยแต่อย่างใด แต่เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของผู้จ่ายเงินอุดหนุนพวกตัวเองและจ่ายค่าเดินทางออกนอกประเทศมาร่วมปฏิบัติการด้วย

หน่วยงานทั้ง 4 ที่มาร่วมปฏิบัติการกับพวกต่อต้านรัฐประหารในไทยคือ 1) The Human Rights Lawyers Association, 2) Cross Cultural Foundation, 3) Union of Civil Liberties และ 4) the Enlawthai Foundation ทั้งนี้เมื่อไปเปิดดูในเว็บไซท์ของ NED (www.ned.org) ก็จะเห็นโต้งๆ เลยว่า NED จ่ายเงินอุดหนุนใครเท่าไหร่ ที่เปิดเผย ณ ตอนนี้ที่หน้าเพจคือ เบอร์ 1 The Human Rights Lawyers Association ได้รับ 20,000 เหรียญฯ และเบอร์ 4 คือ the Enlawthai Foundation ได้มากหน่อยคือ 40,000 เหรียญฯ ทั้งนี้จำนวนนี้เป็นเงินที่สนับสนุนการปฎิบัติการในประเทศไทยช่วงนี้เท่านั้นนะคะ 

นำเสนอเฉพาะประเด็นนี้นะคะ ส่วน Link ข่าวเฉพาะหัวข้อนี้จะแปะไว้ที่ comment อันแรกสุดของโพสท์นี้ค่ะ ไม่อยากแปะตรงนี้ เดี๋ยวจะรบกวนกันกับรูปประกอบ.... และเมื่อท่านเข้าไปในเว็บไซท์ของโทนี่อันนี้แล้ว จะเห็นรายงานข่าวมากมายเกี่ยวกับรัฐประหารในไทยในขณะนี้ สามารถเลือกหยิบบางชิ้นไปอธิบายกับเพื่อนฝูงหรือพันธมิตรทางธุรกิจได้เลย ขอบอกว่า บางข่าวรายงานความระยำของระบอบทักษิณอย่างละเอียดยิบมีลำดับเวลาของแต่ละเหตุการณ์อย่างชัดเจน ต้องเรียกว่าเป็นการชำแหละ ก็ว่าได้ .... 





Jen Psaki in her latest DoS press briefing: Thailand, Ukraine, Saudi Arabia, others --
เจน ซากิ ในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ: ประเทศไทย, ยูเครน, ซาอุดิอาระเบีย และ ประเทศอื่น ๆ
มีความเห็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับ ยูเครน ในนาทีที่ 31'50" เรื่องของชาวอเมริกันหรืออาจจะเป็นคนชาติอื่นที่พูดภาษาอังกฤษ ในยูเครน
และนาทีที่ 45'50" เป็นการถกเถียงประเด็นที่เกี่ยวกับประเทศไทย แสดงให้เห็นว่ากระทรวงการต่างประเทศนั้นไม่รู้เรื่องที่เกี่ยวกับประเทศไทยเลย พูดออกมาอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว กระทรวงการต่างประเทศน่าจะอ่านจากร่างรายงานของนักศึกษาฝึกงานในประเทศไทย
หยุดสักนิดก่อนที่แสดงความคิดเห็นใดๆ: แน่นอนอยู่แล้วว่าประเทศไทยนั้นก็จะยังคงถูกทดสอบและจะเข้มแข็งมากขึ้น จากการเหยียดหยันที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯจะทำอีกต่อๆไปไม่มีจบสิ้น แต่ มันก็เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า สหรัฐฯยังคงพยายามที่จะข่มประเทศไทย แล้วสักวันมันก็จะย้อนกลับเข้าตัวเอง ประเทศไทยไม่จำเป็นต้องมีสหรัฐฯเพื่อความอยู่รอด และ คนไทยก็รู้ดี
Interesting comments on Ukraine at about 31'50" regarding US or other English speakers there.
At 45'50" discussion of Thailand, demonstrating how clueless the State Department is about Thailand. Utterly clueless. DoS officials must be reading the Cliff Notes on Thailand.
Finger on the pulse: It is clear that Thailand continues to be measured and mature about the constant slights from the US Department of State, but it is also clear that if the US continues to try to bully Thailand, it will eventually backfire. Thailand does not need the USA to survive, and Thais know it.
คำตอบที่น่าจะตรงที่สุด พี่เปลวสีเงินไทยโพสท์อ่านเกมนี้ขาด ชัดเจนครับ
Wednesday, 28 January, 2015 
ทำไมสหรัฐฯ บีบ 'เลิกกฎอัยการศึก'
"นายกฯ ประยุทธ์" ของเรา ไม่ใช่นักการทูต และท่านก็บอก ตัวท่านไม่ใช่นักการเมือง 
แต่ลีลา-ชั้นเชิงผู้ดีในฐานะ "เจ้าบ้าน" พูดจาให้เกียรติ "ตอบสนอง" ท่าทีการวางก้ามเป็นผู้ตรวจการโลกของแขกผู้มาเยือน "นายแดเนียล รัสเซล" ระดับผู้ช่วย รมต.ต่างประเทศสหรัฐฯ ระหว่าง ๒๕-๒๖ ม.ค.๕๘ นั้น
พูดได้คำเดียวว่า..........."เหนือชั้น"!
ยิ่งคนที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ส่งมา หยาบกร้าน-ไร้มรรยาทขนาดไหน นายกฯ ประยุทธ์กลับละเอียดอ่อน ให้เกียรติมากขนาดนั้น 
นายรัสเซล ไปปาฐกถาที่จุฬาฯ วานซืน ออกตัวว่า "ไม่เข้าข้างฝ่ายใด"!?
แต่เหมือนเป็นเอเยนต์รับจ้างระบอบทักษิณมาทำงาน มากกว่าเป็นตัวแทนสหรัฐฯ มาทำงานสมานประเทศต่อประเทศ
ก็ฟังที่เขาพูดซี......
"ผมขอกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า เมื่อผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งถูกปลดออกจากตำแหน่ง ถูกถอดถอนโดยผู้มีอำนาจที่ก่อรัฐประหาร และตกเป็นเป้าด้วยข้อหาอาญาในขณะที่กระบวนการและสถาบันพื้นฐานในระบอบประชาธิปไตยต้องหยุดชะงักลง ประชาคมโลกจึงเกิดความรู้สึกว่า ขั้นตอนเหล่านี้อาจเกิดจากแรงจูงใจทางการเมือง"
อย่างนี้ "ไม่เข้าข้างฝ่ายใด" งั้นหรือ?
ก็ทำให้ต้องร้อง...อ๋อ!
ไอ้ลีลาวาทะ "คนที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง จะถอดถอนคนที่มาจากการเลือกตั้งได้อย่างไร" ที่โพสต์ตามโซเชียลมีเดีย และที่พวกยิ่งลักษณ์ใช้เป็นวาทะเก๋นั้น...
ถ้านายรัสเซลไม่รับมาจากพวกยิ่งลักษณ์ตอนพูดคุย ก่อนไปปาฐกถา
ก็แสดงว่านายรัสเซล "ประดิษฐ์คำ" ให้แก๊งยิ่งลักษณ์ใช้ ตั้งแต่แรกแล้ว?
ยิ่งไปดูหัวข้อสนทนาระหว่างแก๊งยิ่งลักษณ์กับนายรัสเซลที่สถานทูตสหรัฐฯ ไม่มีคำไหนพ้นคำว่า "แทรกแซงกิจการภายใน" ของไทย ชนิดไร้มรรยาท น่าละอาย น่ารังเกียจไปได้เลย!
ผมไม่ได้อยู่ในวงสนทนา แต่นาย "สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล" ร่วมสนทนา เขาเล่าให้นักข่าวฟังด้วยความภูมิใจ ดังนี้
".............สหรัฐฯ ได้พูดคุยสอบถามถึงสถานการณ์การเมืองในประเทศไทย โดยเฉพาะกรณีล่าสุดที่ สนช.ลงมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งความจริงสหรัฐฯ ติดตามข่าวคราวตลอด ทราบดีอยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย เพียงแต่อยากฟังจากปาก จึงเล่าให้ฟังว่ามันมีที่มา-ที่ไป และมีขบวนการอย่างไร ยังหาตัวคนผิดไม่ได้ แต่ลงโทษคนกำกับนโยบายไปแล้ว 
และคาดหมายว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์คงมีชะตากรรมไม่ต่างจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซ้ำเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นเหมือนลอกแบบกันมา ต่อไปก็จะมีเหตุการณ์ทำนองว่า...น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องรับผิดชอบ ชดใช้อันนั้นอันนี้ตามมา"
".............สหรัฐฯ ได้แสดงความเป็นห่วงสิ่งที่เกิดขึ้น อดีตนายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้งต้องโดนถอดถอนจากคนที่มาจากการแต่งตั้ง ไม่ได้มาตามครรลองประชาธิปไตย เรื่องนี้จะส่งผลกระทบแน่นอน......"
".............นายแดเนียลยังสอบถามว่า การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ จึงบอกไปว่าคงต้องรอให้เขาได้ในสิ่งที่ต้องการ ถึงมีการเลือกตั้ง............" 
ครับ...ฟังแล้วเกิดความรู้สึก เป็นการมาสอบถามเรื่องราวแบบ "ไม่เข้าข้างฝ่ายใด" หรือมาร่วมวางแผนสู้กับรัฐบาล คสช.กันแน่?
ก็ทำให้นึกย้อนตั้งแต่ตอน "นางคริสตี เคนนีย์" ยังอยู่เป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำไทย คณะสถานทูตสหรัฐฯ ยกไปเยี่ยมสำนักงาน นปช. "แดงทั้งแผ่นดิน" ถึงที่อีสาน
และนึกย้อน วันชาติสหรัฐฯ ปีที่แล้ว...........!
นางคริสตี เคนนีย์ เชิญอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ เชิญพรรคเพื่อไทย เชิญคนขบวนการ นปช.และเชิญใครต่อใครไปร่วมงานมากมาย
ยกเว้นนายกฯ "พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา"!?
ขณะนี้ สหรัฐฯ คบหาไทยแค่ระดับอุปทูต ร่วม ๘ เดือน ที่ทหารเข้าควบคุมอำนาจปกครองประเทศ สหรัฐฯ โกรธ งดการไปมา-หาสู่
ก็เพิ่งครั้งนี้ครั้งแรกที่ นายโอบามาส่งนายแดเนียล รัสเซล ระดับผู้ช่วยรัฐมนตรี เป็นตัวแทนมาเป็น "ผู้ตรวจการโลก"
เรียกเพื่อไทยพบ ไปพบประชาธิปัตย์ ไปพบ รมว.การต่างประเทศของไทย "พลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร"
"นายเสข วรรณเมธี" อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ แถลงหลังจากนายรัสเซลพบกับพลเอกธนะศักดิ์ ว่า
"สหรัฐฯ ได้ย้ำท่าทีเดิม คือการขอให้ไทย 'ยกเลิกกฎอัยการศึก' และไม่ได้พูดคุยถึงตัวบุคคลนักการเมืองใดๆ รวมทั้งไม่ได้พูดถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร"
"นางเจน ซากี" โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ สหรัฐฯ แหวมาทันทีว่า.....
"ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ จะไม่อาจกลับเป็นปกติได้ จนกว่าจะมีการฟื้นฟูประชาธิปไตยขึ้นมาใหม่"
พูดยังกะว่า ไทยตายแน่...ไทยกลัว ถ้าสหรัฐฯ ตัดสัมพันธ์ หัดตักน้ำใส่กะโหลกก่อนพูดบ้าง จะเป็นกุศลแก่ชาติตัวเอง
นี่น่ะเรอะทัศนคติ "มหามิตร" ยาวนานร่วม ๒๐๐ ปี?
ยุคสฤษดิ์ปฏิวัติ ถนอมปฏิวัติ ยุค ๑๔ ตุลา ๖ ตุลา จอว์ปฏิวัติ สุจินดาปฏิวัติ สหรัฐฯ ก็ใช้กฎหมายฉบับเดียวกับที่ใช้อยู่วันนี้
กฎหมายสหรัฐฯ ห้ามคบประเทศไม่เป็นประชาธิปไตย........
แต่ไทยปฏิวัติทีไร สหรัฐฯ หลิ่วตาบ้าง เอาหูไปนา-เอาตาไปไร่บ้าง ขยิบตาให้ปฏิวัติเองบ้าง 
สหรัฐฯ ไม่เสียประโยชน์ มีแต่สมประโยชน์และประโยชน์เพิ่ม จึงไม่เคยเล่นบทปิศาจคาบคัมภีร์ประชาธิปไตย ถึงขนาดพูดจาหยาบหยาม-หมิ่นศักดิ์ศรีกันเหมือนครั้งนี้
เพราะอะไร?
เพราะตั้งแต่ยุคจอมพลสฤษดิ์เรื่อยมาถึงยุคทักษิณ ไทยไม่ใช่เมืองขึ้นสหรัฐฯ ตามกฎหมาย แต่พฤตินัยไทยเป็นประเทศ "ตามใบสั่ง" สหรัฐฯ มาตลอด 
จักรวรรดิอำนาจทุนตะวันตก ภายใต้แผน "รัฐบาลโลก" เข้าแทรกและปรุงเสร็จผ่านแผน "พัฒนาเศรษฐกิจและสังคมชาติ" ของไทย ตั้งแต่ฉบับที่ ๑ เรื่อยมา
ไทยเมืองคุณธรรมสังคมเกษตร ถูกระบบทุนสหรัฐฯ ครอบและเปลี่ยนเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่ตัวเองไม่เป็นและเป็นไม่ได้ 
สหรัฐฯ คล้องคอไว้ โดยหลอกให้เป็นหนี้ ให้กู้เงินเปลี่ยนเมืองไทยคุณธรรมสังคมเกษตร .........
ไปเป็นเมืองอุตสาหกรรมเครื่องจักร สังคมทาสทุน!
ไทยตกเป็นประเทศ "ทาสทุนวัตถุ" ติดหล่มลึก และยิ่งลึกถึงสังคมรากหญ้า เมื่อตอกย้ำด้วย "ประชานิยม" ตั้งแต่สมัยทักษิณเรื่อยมา 
"อำนาจโลก" คืออำนาจสหรัฐฯ และด้วยสหรัฐฯ หลอกให้ไทยกลัวคอมมิวนิสต์ถึงขั้น "เกลียดจีน" ตั้งองค์กรปลุกปั่น โหมประชาสัมพันธ์ จนไทยกับจีน "ปิดโลก-ปิดประเทศ" กันไปเลย
ไทยจึงเป็นเบี้ยในกระดานการเมืองโลก เดินตามนิ้วสหรัฐฯ ชี้มากว่าค่อนศตวรรษ!
ถ้าระบอบทักษิณใต้อาณัติสหรัฐฯ ยังครองไทย อำนาจชี้นิ้ว-ชักใย ก็จะยังเป็นของสหรัฐฯ เหมือนเดิม
กับสถาบันชาติ...ตอนนี้ชัดแล้ว ต่อหน้า สหรัฐฯ พูดอย่าง แต่ลับหลัง ทำกับสถาบันชาติไปอีกอย่าง!
เมื่อมวลมหาประชาชน กปปส.ซึ่งชัดเจน พิทักษ์ชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์ ออกต้านแดงทั้งแผ่นดิน ซึ่งมีเป้าหมายล้มสถาบัน เปลี่ยนระบอบ
นั่นแหละ...สหรัฐฯ ที่ "กระดิกตีน" มาตลอด เพราะไต๋ คือระบอบทักษิณอยู่ในมือ ผนึกแผน-ผนึกประโยชน์ ไม่มีพลิก
กลับพลิกขึ้นมาทันที!
ยึดอำนาจไม่ทำให้พลิก แต่ถ้ายึดโดยพลเอกประยุทธ์ ผู้ไม่ยอมเป็นแตงโมให้ระบอบทักษิณ ...พลิกแน่
สหรัฐฯ จึงส่งนายแดเนียล รัสเซล มาไทยครั้งหนึ่ง ตอนก่อนพลเอกประยุทธ์เข้าควบคุมอำนาจปกครองประเทศ
มาส่งสัญญาณเป็นความปรารถนาดีต่อประชาธิปไตยไทย ทำในลักษณะห้ามมวยแบบ ปล่อยรัฐบาลระบอบทักษิณ แต่ล็อกคอฝ่ายที่จะมากำจัดรัฐบาลโกงบ้าน-กินเมือง 
ลงท้าย...ทหารที่ไม่สนับสนุนการโกงชาติและล้มชาติ ก็นำคณะทหารเข้ายึดอำนาจปกครองประเทศ เป็นไปตามที่สหรัฐฯ หวั่นจนได้
นั่นคือ เหตุผลแรก โกรธ....หมูเขากำลังจะหาม กองทัพดันเอาคานเข้ามาสอด เพราะถ้า "แดงทั้งแผ่นดิน" สำเร็จ 
สหรัฐฯ ก็สำเร็จ!
และเหตุผลที่สอง สหรัฐฯ วิเคราะห์ขาดอยู่แล้ว ถ้ากองทัพปฏิวัติ โดยพลเอกประยุทธ์นำ "ชาติ-ศาสน์-กษัตริย์" คือเป้าหมายต้องพิทักษ์
ไม่ใช่ "ระบอบทักษิณ"!
ถ้าระบอบทักษิณตาย อำนาจสหรัฐฯ ชี้นิ้วประเทศไทย ก็ตายด้วย!
ก็ดูซี...แค่ ๗ เดือน ในหัวใจคนไทย มีแต่จีน ไม่มีสหรัฐฯ ถึงยังเหลือก็เจือจาง เพราะจีนจริงใจกับสถาบันกษัตริย์ไทย!
รัฐบาลจีน-รัฐบาลไทย จึงสัมพันธ์ด้วยน้ำใสใจจริง การที่มหาอำนาจลดสัมพันธ์ จึงไม่มีผลกระทบกระเทือนไทยมากนัก
สภาพนี้ การกลับเข้ามาครองอำนาจในเอเชีย-แปซิฟิกของสหรัฐฯ ตีบตัน และยากมากขึ้น!
นี่กระมัง โอบามาจึงส่งนายแดเนียล รัสเซล เข้ามาเล่นบท "กุ๊ยตะวันตก" ทุบโต๊ะสั่ง...........รัฐบาล คสช. "ต้องยกเลิกกฎอัยการศึก"!
สหรัฐฯ เดือดร้อนอะไรกับการที่ไทยยังใช้กฎอัยการศึก?
เดือดร้อนซี...เดือดร้อนมากด้วย!
จำเป็นต้อง "สร้างเงื่อนไข" เป็นการกรุยทางให้ขบวนการระบอบทักษิณออกมาเคลื่อนไหว "บีบ-กดดัน" ให้มีเลือกตั้งหลังตุลา ๕๘ ให้ได้ 
หรือไม่ก็ ให้พลเอกประยุทธ์ "ถอดใจ" ออกไป!
เพราะขืนให้พลเอกประยุทธ์อยู่ ระบอบทักษิณติดคุก-ตาย และการกลับเข้ามาใช้ไทยเป็นฐานของสหรัฐฯ.....ยากแล้ว.


MANA PRADITKET

MANA PRADITKET
Handpainted oil painting by Mana Praditket

NIRAN PAIJIT

NIRAN PAIJIT
Original handpainted oil painting by Niran Paijit

PRAYAD TIPPAWAN

PRAYAD TIPPAWAN
ORIGINAL IMPRESSIONAL OIL PAINTING BY PRAYAD TIPPAWAN

Achara 34 (24x36)

Achara 34 (24x36)
ORIGINALl OIL PAINTING

Amornsak Livisit 74 (24x36)

Amornsak Livisit 74 (24x36)
ORIGINAL OIL PAINTING, Impressionist style

Suwan Khanboon 11 (24x24 inches)

Suwan Khanboon 11 (24x24 inches)
Original handpainted oil painting abstract style

NIRAN PAIJIT

NIRAN PAIJIT
ORIGINAL ABSTRACT STYLE OIL PAINTING BY NIRAN PAIJIT

Chavalit (Pong)

Chavalit (Pong)
PINTO Horses

Komez 78 (22x30)

Komez 78 (22x30)
Original handpainted pastel painting on paper

KOMES

KOMES
Handpainted pastel painting by Komez

PRATHOUN

PRATHOUN
ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING BY PRATHOUN

THAVORN IN-AKORN

THAVORN IN-AKORN
ORIGINAL OIL PAINTING BY THAVORN IN-AKORN (SIZE 20x30")

THAVORN IN-AKORN

THAVORN IN-AKORN
Original oil painting by Thavorn In-akorn

Facebook


ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING

PHOTO GALLERY

PHOTO GALLERY

Facebook

PHOTO GALLERY