GREAT KING OF THAILAND, KING BHUMIBHOL

GREAT KING OF THAILAND, KING BHUMIBHOL
LONG LIVE THE KING BHUMIBHOL

วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ทฤษฎี 2 B (Bribery & Black mail)/"ประชาธิปไตย" ของประเทศมหาอำนาจ กับประเทศที่อ่อนแอ...

Photo: มีคนบอกว่าทักษิณนำหลักนี้มาปกครองสมุน ซึ่งตรงกับที่ท่านสุเมธ เรียกว่า ทฤษฎี 2 B (Bribery &Black mail) จริงหรือไม่ คิดเองครับ. ส่วนผมอ่านจบตรองดูเเล้ว ใช่เลยครับ เขาใช้วิธีนี้จริงๆ 

อวี๋เหวินไท้ (ค.ศ.507-556) เป็นบุคคลหนึ่งที่มีส่วนช่วงวางรากฐานของราชวงศ์โจวเหนือ ตอนที่ท่านดำรงตำแหน่งมหาอุปราชอยู่นั้น ท่านได้เลียนแบบโจโฉในสมัยสามก๊ก คือ "อ้างพระบรมราชโองการในการสยบเหล่าขุนศึก" ตอนนั้นเองท่านได้มีโอกาสพบกับซูชั่วที่มีชื่อเสียงเรียงนามด้านสติปัญญาพอๆ กับขงเบ้ง จึงได้ไต่ถามถึงวิธีการหรือเคล็ดลับในการบริหารเหล่าขุนนางทั้งหลาย

อวี๋เหวินไท้ : เราอยากทราบวิธีการบริหารเหล่าขุนนาง

ซูชั่ว : ใช้ขุนนางที่ฉ้อราษฎร์บังหลวง ปราบขุนนางที่ฉ้อราษฎร์บังหลวง

อวี๋เหวินไท้ : ข้าพเจ้าไม่เข้าใจ ทำไมต้องใช้ขุนนางที่ฉ้อราษฎร์บังหลวง

ซูชั่ว : ท่านอยากให้คนอื่นอุทิศตนเพื่อท่าน ท่านก็ต้องให้เขาเหล่านั้นได้รับผลประโยชน์ แต่ท่านมิอาจให้เงินทองพวกเขามากมายถึงขนาดนั้นได้ ท่านก็มอบอำนาจให้พวกเขาแทน ให้พวกเขาใช้อำนาจในมือไปรีดไถประชาชาชน ซึ่งพวกเขาก็จะได้รับประโยชน์มหาศาล

อวี๋เหวินไท้ : ให้ขุนนางฉ้อราษฎร์บังหลวงได้รับประโยชน์ จะมีประโยชน์อันใดต่อข้าพเจ้าเล่า

ซูชั่ว : พวกเขาได้รับประโยชน์ ก็ด้วยอานิสงส์ของอำนาจที่ท่านมอบให้พวกเขา เพื่อที่จะรักษาผลประโยชน์ของพวกเขาต่อไป พวกเขาก็จะช่วยรักษาอำนาจการปกครองของท่านเอาไว้ เมื่อเป็นเช่นนั้น อำนาจของท่านก็จะไม่หลุดมือไป การบริหารประเทศก็จะมีความมั่นคง

พอได้ยินเช่นนั้น อวี๋เหวินไท้ถึงบางอ้อทันที และถามต่อว่า : ในเมื่อใช้ขุนนางที่ฉ้อราษฎร์บังหลวงได้ประโยชน์ถึงปานนั้นแล้ว เหตุใดต้องไปปราบปรามพวกเขาอีกล่ะ
ซูชั่ว : ตรงนี่แหละที่เป็นความมหัศจรรย์ของเรื่อง เพราะปราบปรามขุนนางฉ้อราษฎรบังหลวงนั้น สามารถตบตา หลอกลวงประชาชนได้ ทำเช่นนั้นแล้ว อำนาจการปกครองถึงจะมีความมั่นคง

อวี๋เหวินไท้ : ท่านได้โปรดรีบไขความมหัศจรรย์นั้นเป็นการเพิ่มสติปัญญาให้แก่ข้าพเจ้าเถิด

ซูชั่ว : การปราบปรามเช่นนั้นจะได้ประโยชน์สองประการ

ประการแรก อันว่าขุนนางนั้น ไม่ต้องกลัวเขาจะฉ้อราษฎร์บังหลวง สิ่งที่น่ากลัวคือเขาไม่ยอมฟังท่าน ท่านใช้วิธีการปราบปราม ขจัดขุนนางที่ฉ้อราษฎร์บังหลวง คงไว้แต่ขุนนางที่ฟังท่าน ทำเช่นนี้แล้ว ก็จะสามารถขจัดคนที่เป็นปรปักษ์กับท่าน ทำให้อำนาจท่านมีความมั่นคง อีกทั้งทำให้ประชาชนสนับสนุนท่าน

ประการที่สอง ขุนนางใดที่มีพฤติกรรมฉ้อราษฎร์บังหลวง ขุนนางนั้นก็จะมีชะนัฏติดหลัง เป็นวัวสันหลังหวะ หากเขาคิดคดจะทรยศท่าน ท่านก็อ้างเหตุผลนี้กำจัดเขาไปเสีย ขุนนางที่ฉ้อราษฎร์บังหลวง ล้วนกลัวจะถูกกำจัดทั้งนั้น จึงได้แต่สยบ และฟังท่านโดยดี เพราะฉะนั้น การปราบปรามขุนนางฉ้อราษฎร์บังหลวงนั้นเป็นเครื่องมือวิเศษของท่านในการคุมขุนนางให้อยู่หมัด

ถ้าท่านไม่ใช้ขุนนางที่ฉ้อราษฎร์บังหลวง ท่านก็จะสูญเสียเครื่องมือวิเศษนี้ไป เพราะถ้าหากขุนนางทุกท่านเป็นคนมือสะอาด เป็นที่รักใคร่ของประประชาชน หากเขาเกิดไม่ยอมฟังท่านขึ้นมา ท่านก็ไม่มีข้ออ้างอันใดไปกำจัดเขาได้ หากท่านดึงดันไปกำจัดโดยขาดข้ออ้าง ประชาชนก็จะไม่พอใจ จะก่อหวอดทำให้บ้านเมืองวุ่นวายได้

สำหรับขุนนางฉ้อราษฎร์บังหลวงนั้น หนึ่งท่านต้องใช้มัน สองต้องกำจัดมัน เพื่อให้ขุนนางออกมาเป็นสีเดียวกันหมด คือสนับสนุนท่าน

และแล้วอยู่ๆ ซูชั่วก็ถามขึ้นว่า : หากไปใช้ขุนนางฉ้อราษฎร์บังหลวง จนประชาชนเกิดความไม่พอใจขึ้นมาท่านจะทำประการใดดี ท่านทราบไหมว่าวิธีแก้คืออะไร
อวี๋เหวินไท้ตกใจเป็นกำลัง ถามว่า : ท่านมีแผนวิเศษใดกับปัญหาเช่นนี้ล่ะ

ซูชั่วตอบว่า : ชูธงจะปราบปรามขุนนางฉ้อราษฎร์บังหลวง ประกาศก้องให้ประชาชนทั่วหล้าสนับสนุน เพื่อให้ประชาชนเห็นว่าท่านรักใคร่ ห่วงใยปวงประชา ให้ประชาชนรู้ว่าท่านเป็นคนดี ที่ไม่ดีนั้นคือพวกขุนนางฉ้อราษฎร์บังหลวง ท่านผลักความรับผิดชอบไปให้แก่ขุนนางฉ้อโกงเหล่านั้นเสีย ที่สำคัญที่สุดต้องไม่ให้ประชาชนรู้ว่าท่านถือท้ายพวกขุนนางฉ้อราษฎร์บังหลวงอยู่เบื้องหลัง ท่านต้องให้ประชาชนรู้สึกว่า ท่านทำดีแล้ว การที่สังคมมีปัญหามากมายเช่นนั้น ไม่ใช่เป็นเพราะท่าน แต่เป็นเพราะขุนนางมิได้ปฏิบัติตามนโยบายของท่านต่างหาก

อวี๋เหวินไท้ : หากประชาชนมีความไม่พอใจมากเกินไป ควรจัดการอย่างไรดี

ซูชั่ว : จับและประหารขุนนางผู้นั้นเสีย เป็นการกำจัดเสี้ยนหนามของแผ่นดิน ริบทรัพย์สมบัติของพวกเขาเป็นตนเอง เมื่อทำเช่นนี้ก็จะไม่ถูกตราหน้าว่าเป็นผู้รีดไถรังแกประชาชน แต่กลับจะเป็นเป็นผู้รับประโยชน์จากการขูดรีดเหล่านั้นโดยไม่มีใครทราบ
ตอนท้าย ซูชั่วได้สรุปเป็นสรณะว่า

ใช้ขุนนางฉ้อโกงเสริมอำนาจตัวเอง

ปล่อยปละละเลยเพื่อสร้างพรรคพวก

กำจัดขุนนางฉ้อโกงคือขจัดฝ่ายปฏิปักษ์

ฆ่าขุนนางฉ้อโกงเพื่อเอาใจประชาชน

ริบทรัพย์ขุนนางฉ้อโกงบำรุงท้องพระคลัง

นี่แหละมรรควิถีครองอำนาจชั่วนิรันดร์
ทฤษฎี 2 B (Bribery &Black mail)

มีคนบอกว่าทักษิณนำหลักนี้มาปกครองสมุน ซึ่งตรงกับที่ท่านสุเมธ เรียกว่า ทฤษฎี 2 B (Bribery &Black mail) จริงหรือไม่ คิดเองครับ. ส่วนผมอ่านจบตรองดูเเล้ว ใช่เลยครับ เขาใช้วิธีนี้จริงๆ

อวี๋เหวินไท้ (ค.ศ.507-556) เป็นบุคคลหนึ่งที่มีส่วนช่วงวางร...ากฐานของราชวงศ์โจวเหนือ ตอนที่ท่านดำรงตำแหน่งมหาอุปราชอยู่นั้น ท่านได้เลียนแบบโจโฉในสมัยสามก๊ก คือ "อ้างพระบรมราชโองการในการสยบเหล่าขุนศึก" ตอนนั้นเองท่านได้มีโอกาสพบกับซูชั่วที่มีชื่อเสียงเรียงนามด้านสติปัญญาพอๆ กับขงเบ้ง จึงได้ไต่ถามถึงวิธีการหรือเคล็ดลับในการบริหารเหล่าขุนนางทั้งหลาย

อวี๋เหวินไท้ : เราอยากทราบวิธีการบริหารเหล่าขุนนาง

ซูชั่ว : ใช้ขุนนางที่ฉ้อราษฎร์บังหลวง ปราบขุนนางที่ฉ้อราษฎร์บังหลวง

อวี๋เหวินไท้ : ข้าพเจ้าไม่เข้าใจ ทำไมต้องใช้ขุนนางที่ฉ้อราษฎร์บังหลวง

ซูชั่ว : ท่านอยากให้คนอื่นอุทิศตนเพื่อท่าน ท่านก็ต้องให้เขาเหล่านั้นได้รับผลประโยชน์ แต่ท่านมิอาจให้เงินทองพวกเขามากมายถึงขนาดนั้นได้ ท่านก็มอบอำนาจให้พวกเขาแทน ให้พวกเขาใช้อำนาจในมือไปรีดไถประชาชาชน ซึ่งพวกเขาก็จะได้รับประโยชน์มหาศาล

อวี๋เหวินไท้ : ให้ขุนนางฉ้อราษฎร์บังหลวงได้รับประโยชน์ จะมีประโยชน์อันใดต่อข้าพเจ้าเล่า

ซูชั่ว : พวกเขาได้รับประโยชน์ ก็ด้วยอานิสงส์ของอำนาจที่ท่านมอบให้พวกเขา เพื่อที่จะรักษาผลประโยชน์ของพวกเขาต่อไป พวกเขาก็จะช่วยรักษาอำนาจการปกครองของท่านเอาไว้ เมื่อเป็นเช่นนั้น อำนาจของท่านก็จะไม่หลุดมือไป การบริหารประเทศก็จะมีความมั่นคง พอได้ยินเช่นนั้น อวี๋เหวินไท้ถึงบางอ้อทันที และถามต่อว่า : ในเมื่อใช้ขุนนางที่ฉ้อราษฎร์บังหลวงได้ประโยชน์ถึงปานนั้นแล้ว เหตุใดต้องไปปราบปรามพวกเขาอีกล่ะ
 
ซูชั่ว : ตรงนี่แหละที่เป็นความมหัศจรรย์ของเรื่อง เพราะปราบปรามขุนนางฉ้อราษฎรบังหลวงนั้น สามารถตบตา หลอกลวงประชาชนได้ ทำเช่นนั้นแล้ว อำนาจการปกครองถึงจะมีความมั่นคง

อวี๋เหวินไท้ : ท่านได้โปรดรีบไขความมหัศจรรย์นั้นเป็นการเพิ่มสติปัญญาให้แก่ข้าพเจ้าเถิด

ซูชั่ว : การปราบปรามเช่นนั้นจะได้ประโยชน์สองประการ

ประการแรก   อันว่าขุนนางนั้น ไม่ต้องกลัวเขาจะฉ้อราษฎร์บังหลวง สิ่งที่น่ากลัวคือเขาไม่ยอมฟังท่าน ท่านใช้วิธีการปราบปราม ขจัดขุนนางที่ฉ้อราษฎร์บังหลวง คงไว้แต่ขุนนางที่ฟังท่าน ทำเช่นนี้แล้ว ก็จะสามารถขจัดคนที่เป็นปรปักษ์กับท่าน ทำให้อำนาจท่านมีความมั่นคง อีกทั้งทำให้ประชาชนสนับสนุนท่าน

ประการที่สอง ขุนนางใดที่มีพฤติกรรมฉ้อราษฎร์บังหลวง ขุนนางนั้นก็จะมีชะนัฏติดหลัง เป็นวัวสันหลังหวะ หากเขาคิดคดจะทรยศท่าน ท่านก็อ้างเหตุผลนี้กำจัดเขาไปเสีย ขุนนางที่ฉ้อราษฎร์บังหลวง ล้วนกลัวจะถูกกำจัดทั้งนั้น จึงได้แต่สยบ และฟังท่านโดยดี เพราะฉะนั้น การปราบปรามขุนนางฉ้อราษฎร์บังหลวงนั้นเป็นเครื่องมือวิเศษของท่านในการคุมขุนนางให้อยู่หมัด

ถ้าท่านไม่ใช้ขุนนางที่ฉ้อราษฎร์บังหลวง ท่านก็จะสูญเสียเครื่องมือวิเศษนี้ไป เพราะถ้าหากขุนนางทุกท่านเป็นคนมือสะอาด เป็นที่รักใคร่ของประประชาชน หากเขาเกิดไม่ยอมฟังท่านขึ้นมา ท่านก็ไม่มีข้ออ้างอันใดไปกำจัดเขาได้ หากท่านดึงดันไปกำจัดโดยขาดข้ออ้าง ประชาชนก็จะไม่พอใจ จะก่อหวอดทำให้บ้านเมืองวุ่นวายได้

สำหรับขุนนางฉ้อราษฎร์บังหลวงนั้น หนึ่งท่านต้องใช้มัน สองต้องกำจัดมัน เพื่อให้ขุนนางออกมาเป็นสีเดียวกันหมด คือสนับสนุนท่าน และแล้วอยู่ๆ

ซูชั่วก็ถามขึ้นว่า : หากไปใช้ขุนนางฉ้อราษฎร์บังหลวง จนประชาชนเกิดความไม่พอใจขึ้นมาท่านจะทำประการใดดี ท่านทราบไหมว่าวิธีแก้คืออะไร
 
อวี๋เหวินไท้ตกใจเป็นกำลัง ถามว่า : ท่านมีแผนวิเศษใดกับปัญหาเช่นนี้ล่ะ

ซูชั่วตอบว่า : ชูธงจะปราบปรามขุนนางฉ้อราษฎร์บังหลวง ประกาศก้องให้ประชาชนทั่วหล้าสนับสนุน เพื่อให้ประชาชนเห็นว่าท่านรักใคร่ ห่วงใยปวงประชา ให้ประชาชนรู้ว่าท่านเป็นคนดี ที่ไม่ดีนั้นคือพวกขุนนางฉ้อราษฎร์บังหลวง ท่านผลักความรับผิดชอบไปให้แก่ขุนนางฉ้อโกงเหล่านั้นเสีย ที่สำคัญที่สุดต้องไม่ให้ประชาชนรู้ว่าท่านถือท้ายพวกขุนนางฉ้อราษฎร์บังหลวงอยู่เบื้องหลัง ท่านต้องให้ประชาชนรู้สึกว่า ท่านทำดีแล้ว การที่สังคมมีปัญหามากมายเช่นนั้น ไม่ใช่เป็นเพราะท่าน แต่เป็นเพราะขุนนางมิได้ปฏิบัติตามนโยบายของท่านต่างหาก

อวี๋เหวินไท้ : หากประชาชนมีความไม่พอใจมากเกินไป ควรจัดการอย่างไรดี

ซูชั่ว : จับและประหารขุนนางผู้นั้นเสีย เป็นการกำจัดเสี้ยนหนามของแผ่นดิน ริบทรัพย์สมบัติของพวกเขาเป็นตนเอง เมื่อทำเช่นนี้ก็จะไม่ถูกตราหน้าว่าเป็นผู้รีดไถรังแกประชาชน แต่กลับจะเป็นเป็นผู้รับประโยชน์จากการขูดรีดเหล่านั้นโดยไม่มีใครทราบ ตอนท้าย ซูชั่วได้สรุปเป็นสรณะว่า ใช้ขุนนางฉ้อโกงเสริมอำนาจตัวเอง ปล่อยปละละเลยเพื่อสร้างพรรคพวก กำจัดขุนนางฉ้อโกงคือขจัดฝ่ายปฏิปักษ์ ฆ่าขุนนางฉ้อโกงเพื่อเอาใจประชาชน ริบทรัพย์ขุนนางฉ้อโกงบำรุงท้องพระคลัง นี่แหละมรรควิถีครองอำนาจชั่วนิรันดร์
See More








...ผบ.ทบ.ลั่นทุบโต๊ะไม่ยอมให้ประชาชาชาวไทยใช้นํ้ามันแพงอีกต่อไป.
...ประกาศให้ปลดบอร์ดปตท.ทั้งหมดเพื่อนำพลังงานคืนชาติ คืนประชาชน.
..#แชร์ด่วน!พ่อพระพลังงาน ไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธาน ปตท. เปิดบัญชีลับ ธนาคารเคย์เเมน ดินแดนฟอกเงิน ผ่องถ่ายกำไร ปตท.ซื้อขายน้ำมัน เงินทอน อยู่ในบัญชี้ลับนี้ จ่ายเก๋าเจี๋ยะ รมต.พลังงาน 60ล้าน/เดือน
บ่อน้ำมันเเห่งชาติ จุดไฟไม่ติด! ปตท.มือเติบจ่ายเงินอุดปาก โฆษณาทีวี ทุกช่อง ทุกสี เรื่องเล่าเช้านี้! หนังสือพิมพ์เอาด้วย ทุกคอลัมนิสต์รับเงินทุกเดือน เชียร์สุดหัวใจ.....นี่ไงสาเหตุ น้ำมันไม่ติดไฟ. 555...
ปตท.ถูกนำเข้าตลาดหลักทรัพย์ ปี44 โดยผู้กำกับมือทอง ทักษิณ ชินวัตร เเละ ผู้ว่าการปตท.วิเศษ จูภิบาล เปิดขายทั้งหมด 49% (รัฐถือ51%) ขายราคาหุ้นละ 35บาท มีนอมินี(ตัวเเทน) ฝรั่งหัวดำ กวาดซื้อเข้าตระกูลชินวัตร โดยใช้ชื่อนอมินี กองทุนพลังงาน สิงคโปร์ ฯลฯ ปัญจุบัน ทักษิณ ชินวัตร มีหุ้น ปตท.ราวๆ 35เปอร์เซ็นต์ ราคาสูงสุดกว่า หุ้นละ 400บาท ทักษิณครอบครอง(999,704,868หุ้น) ราคาวันนี้หุ้นละ 271บาท คูณ 999ล้านหุ้น..!!! เเค่เงินปันผล ก็เอามาซื้อ สส.ขี้ข้าเข้าพรรคเพื่อไทยได้เเล้ว...
.ฟันธง!!! ขุมทรัพย์ชินวัตร อยู่ที่ ปตท.
มาเลเซียน้ำมันลิตรละ19 บาท เทียบ เมืองไทยราคาน้ำมันลิตรละ 40บาท ส่วนต่าง 21บาท คนไทยใช้น้ำมันวันละ 30 ล้านลิตร...!!!
การที่รัฐบาลอ้างยกเลิก เบนซิน 91 เเละ 95 เพื่อสนับสนุนเกษตรกร เเท้จริงคือ ต้องการ ผลิตเอทานอล โดยทักษิณ ชินวัตร มีหุ้นโรงงานผลิตเอทานอล ป้อน ปตท. (นโยบายรถคันเเรก เพื่อกระตุ้นการใช้น้ำมัน เเละเอทานอล)
พ่อพระไพรินทร์ ชูโชติถาวร อ้างว่า ปตท.มีกำไรน้อยมาก จากการขายน้ำมันให้ประชาชนในประเทศ...?
กำไร 2-3เเสนล้าน/ปี มาจากบริษัทลูก ของ ปตท. เเต่บอกไม่หมด ยักย้าย ถ่ายเท ทางการบัญชีไปที่ ธ.บริติชเวอร์จิ้น ธ.เคย์แมน รวมทั้ง ธ.สิงค์โปร...

นอกจากนี้ ทักษิณ ชินวัตร อยู่เบื้องหลัง ปตท. ผ่องถ่าย เงินสด 25,000 ล้าน ไปธนาคารเคย์เเมน เข้าบัญชีตระกูลชินวัตร สัปทาน บริษัทมูบาดาลา ปิโตรเลียมขุดเจาะน้ำมันเเหล่งนงเยาว์ ที่อ่าวไทย " บริษัทมูบาดาลา ผู้ถือหุ้นคือ ทักษิณ ชินวัตร นั่นเอง...

ชาวบ้านดีใจนำ้ตาไหล เเก๊ส LPG (เเก๊ซหุ้งต้ม) ปรับขึ้นราคา ปตท.อ้างนำเข้าจากเมืองนอก.......เเต่ดูดเเก๊สอ่าวไทย ไอ้โม่งชอบใจ เปิด L/C ที่เกาะเคย์แมน เเหกตาคนไทย ชาวบ้านนั้นเชื่อ ธรรมาภิบาล ทนใช้ไปเถอะทั้งเเก๊ส น้ำมัน 2ลิตร ร้อยบาท....

ช่วยกันป่าวประกาศออกไปนะกล่องดวงใจทักษิณอยู่ที่พลังงาน และโทรคมนาคม มันดูดเงินคนไทยไปเหลือคณานับแล้ว...:(เครดิต กาแล็คซี่ ทะลุมิติ):







วันจันทร์ ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2557, 09.34 น.
tags : วิมล ไทรนิ่มนวล, ประชาธิปไตย

23 มิ.ย.57 วิมล ไทรนิ่มนวล ผู้เขียนนวนิยาย "อมตะ" รางวัลซีไรต์ ประจำปี 2543 ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊คส่วนตัว วิมล ไทรนิ่มนวล วิพากษ์วิจารณ์ถึง "ประชาธิปไตย" ของประเทศมหาอำนาจ กับประเทศที่อ่อนแอ...

ว่าเปรียบเสมือน "ตลาดเสรี" ซึ่งทำหน้าที่บุกเบิก ขูดรีด กอบโกยทรัพย์สิน และทรัพยากรธรรมชาติ ไปเป็นของพวกตน ซึ่งไม่ต่างอะไรกับพวก "คนในระบอบทักษิณ" ที่วางยาด้วยนโยบายประชานิยม และเข่นฆ่าคนที่เห็นต่าง

ข้อความที่ วิมล ไทรนิ่มนวล โพสต์ไว้ดังนี้

"ประชาธิปไตยของพี่เบิ้มกับน้องเล็ก"

ผมหายสงสัยไปนานแล้วว่า บรรดาประเทศมหาอำนาจหรือ "พี่เบิ้ม" ของโลกที่โฆษณาชวนเชื่อว่า ประเทศของพวกตนเป็นประชาธิปไตยนั้นมันจริงหรือไม่?

เพราะเท่าที่เห็นมาหลายสิบปี (ถ้าศึกษาย้อนหลังก็เป็นร้อยๆปี) นั้น "ประชาธิปไตย" ของพวกเขาก็คือ "ระบบทุนนิยม" หรือทุกวันนี้คือ "ตลาดเสรี" นั่นเอง เพียงแต่มันทำหน้าที่ต่างกัน

"ประชาธิปไตย" ทำหน้าที่บุกเบิกด้านการเมืองการปกครองให้อยู่ในอำนาจ "กำกับ" ของพวกเขา หรือดีกว่านั้นก็คือ เป็นอย่างพวกเขาเสียเลย...

อันจะส่งผลให้ "ตลาดเสรี" ซึ่งทำหน้าที่บุกเบิก ขูดรีด กอบโกยทรัพย์สินและทรัพยากรธรรมชาติของประเทศที่อ่อนแอกว่าไปเป็นของพวกตน หรือไม่ก็เป็นประเทศอาณานิคมแบบอ้อม

"ประชาธิปไตยกับตลาดเสรี" ในยุคปัจจุบันจึงทำหน้าที่แทน "เรือปืนและคริสต์ศาสนา" ในยุคล่าอาณานิมคม

การที่ประเทศพี่เบิ้ม "สนับสนุน" ประเทศน้องเล็กให้ยอมรับระบบการเมืองการปกครองแบบของพวกตน และการช่วยเหลือทางด้านการเงิน การทหาร ด้านเทคโนโลยี และอื่นๆของพวกเขานั้น ก็เหมือนกับการใช้ศาสนาตริสต์เป็นเครื่องมือเช่นกัน

นับแต่ทหารยึดอำนาจประเทศ พวกพี่เบิ้มก็ออกมาเรียกร้อง ข่มขู่ บังคับให้ประเทศไทยการเลือกตั้งโดยเร็ว ด้วยมาตรการยกเลิกพันธสัญญาและการช่วยเหลือต่างๆแก่ไทย ทำให้หายสงสัยว่าที่แท้แล้ว พวกเขาเป็นประเทศประชาธิปไตยหรือนักประชาธิปไตยจริงหรือไม่

เพราะถ้าเป็นประชาธิปไตยที่แท้ ย่อมจะไม่มีการใช้อำนาจเข้าข่มขู่ คุกคาม บังคับด้วยมาตรการต่างๆที่พวกตน "วางยา" ไว้ในนามของการช่วยเหลือ

ประชาธิปไตยของพวกเขาจึงไม่ต่างอะไรกับพวกคนในระบอบทักษิณ (ที่วางยาด้วยนโยบายประชานิยม และเข่นฆ่าคนที่เห็นต่าง)

ผมไม่แปลกใจที่ประเทศพี่เบิ้มทั้งหลายกระทำต่อประเทศไทยและประเทศที่ อ่อนแอกว่าอื่นๆทั่วโลก นับแต่ยุคที่พวกเขา "ค้นพบโลกใหม่" เพราะนั่นเป็นกมลสันดานละโมบของพวกนักล่าอาณานิคม

แต่แปลกใจพวกนักประชาธิปไตยในประเทศไทย ที่สมยอม เชิดชู และสนับสนุนมาตรการของพวกพี่เบิ้มให้ทำลายประเทศไทย...ในนามของการต่อสู้กับ เผด็จการทหาร

ถ้าไม่เรียกคนพวกนี้ว่าพวกทรราชขายชาติ ก็คงต้องเรียกว่าพวกกุ้งกุลาดำ...ที่ในหัวมีแต่ขี้

Cr: Naewna


MANA PRADITKET

MANA PRADITKET
Handpainted oil painting by Mana Praditket

NIRAN PAIJIT

NIRAN PAIJIT
Original handpainted oil painting by Niran Paijit

PRAYAD TIPPAWAN

PRAYAD TIPPAWAN
ORIGINAL IMPRESSIONAL OIL PAINTING BY PRAYAD TIPPAWAN

Achara 34 (24x36)

Achara 34 (24x36)
ORIGINALl OIL PAINTING

Amornsak Livisit 74 (24x36)

Amornsak Livisit 74 (24x36)
ORIGINAL OIL PAINTING, Impressionist style

Suwan Khanboon 11 (24x24 inches)

Suwan Khanboon 11 (24x24 inches)
Original handpainted oil painting abstract style

NIRAN PAIJIT

NIRAN PAIJIT
ORIGINAL ABSTRACT STYLE OIL PAINTING BY NIRAN PAIJIT

Chavalit (Pong)

Chavalit (Pong)
PINTO Horses

Komez 78 (22x30)

Komez 78 (22x30)
Original handpainted pastel painting on paper

KOMES

KOMES
Handpainted pastel painting by Komez

PRATHOUN

PRATHOUN
ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING BY PRATHOUN

THAVORN IN-AKORN

THAVORN IN-AKORN
ORIGINAL OIL PAINTING BY THAVORN IN-AKORN (SIZE 20x30")

THAVORN IN-AKORN

THAVORN IN-AKORN
Original oil painting by Thavorn In-akorn

Facebook


ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING

PHOTO GALLERY

PHOTO GALLERY

Facebook

PHOTO GALLERY