Menu Bar

วันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

มือที่มองไม่เห็น 21 02 58 เบรค 1/ศิษย์เอกออกซ์ฟอร์ด เปิด "ม่านดำธรรมกาย"



มือที่มองไม่เห็น 21 02 58 เบรค 1



ศิษย์เอกออกซ์ฟอร์ด เปิด "ม่านดำธรรมกาย"
(จาก : สาวกโลกอุดร ธมฺมปาโล (LD2541)
ใน บรรดาศิษย์เอกของวัดพระธรรมกาย ซึ่งดร.อภิญญา เฟื่องฟูสกุล อาจารย์ประจำ คณะสังคมวิทยามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้อ้างถึงในงานวิจัยเรื่องวัดพระธรรมกาย
ที่ได้รับการสนับสนุนการวิจัยศูนย์พุทธศาสนศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยนั้นพระรูปที่สำคัญคือ ท่านเมตตา นันโทภิกขุ ซึ่งได้รับปริญญาเกียรติ นิยมด้านภาษาสันสกฤตจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และกำลังศึกษาปริญญาเอก อยู่ในมหาวิทยาลัยฮัมบรู๊ก เพราะถือว่าเป็นผู้นำรุ่นใหม่ที่เข้ามาปรับปรุงวัดให้มีประสิทธิ ภาพ
แต่วันนี้พระมโน เมตตานันโท หรือ อดีตนายแพทย์มโน เลาหวณิช หันหลังให้กับวัดพระธรรมกายแล้ว และเข้ามาเป็นที่ปรึกษาฝ่ายกิจการพระพุทธศาสนาในเลขาธิการใหญ่องค์การสัมมนา ศาสนา
พระมโน กล่าวกับ "เดลินิวส์" ว่าเมื่อ 25 ปี ก่อนวัดพระธรรมกายเป็นวัดที่มีความอบอุ่น มีคุณยายจันทร์ ขนนกยูง เป็นหลัก แต่ต่อมาค่อยยกฐานะของพระให้สูงขึ้นเช่นเจ้าอาวาสจากหลวงพี่ไชยบูลย์ ธัมมชโย ก็ต้องเรียกว่าหลวงพ่อ
"คุณยายจันทร์มักจะเตือนสติหลวงพ่อธัมมชโยอยู่เสมอว่า ให้มักน้อย-สันโดษ อย่าไปขยายอะไรให้มันมาก นี่เป็นคำสอนประจำ พร้อมบอกว่าวัดนี้ต้องมีพระประจำอยู่มากที่สุดไม่เกิน 20 รูปเท่านั้น ไม่ทำอะไรอย่างอื่นนั่งสมาธิกัน คือปิดวัด เมื่อก่อนมีแต่ศาลาเล็กเป็นทั้งโบสถ์และศาลา จะใช้เพียงที่เดียว
และตกลงกันว่าจะปฏิบัติ ธรรมกันโดยจะไม่มีการรบกวนญาติโยม มีการปลูกสวนผักไว้รับประ ทาน ยุคนั้นเป็นยุคแรกและเป็นยุคเดียวที่สงบและอบอุ่นประมาณปี 2518-2524 มีพระอยู่เพียง 8-10 รูป ขณะนั้นอาตมาเรียนแพทย์อยู่ ถวายกายถวายใจทุ่มเทให้วัด โดยไม่มีความสงสัยอะไรในตัววัดเลย เพราะช่วงนั้นเรื่องระบบการเงินก็โปร่งใส แต่ขณะนี้การจ่ายเงินอยู่ที่เจ้าอาวาสองค์เดียว"
พระมโนบอกอีกว่าเมื่อวัดเริ่มขยายใหญ่ขึ้นมาจนเกิดการเปลี่ยนแปลง มาก โดยเฉพาะ เมื่อโทรศัพท์เข้ามา ความสะดวก ต่าง ๆ ก็เพิ่มขึ้น ทุกอย่างชักจะยุ่ง พระเริ่มมีการสั่งงานกันทางโทรศัพท์ ความใกล้ชิดกับพระสงฆ์ในวัดก็ลดน้อยลง และก็มีญาติโยมภายนอกโดยเฉพาะนักธุรกิจเข้ามามี บทบาทมากขึ้น ๆ เรื่อย ๆ
นอกจากนั้น จุดเปลี่ยนสำคัญของ วัดพระธรรมกายคือ การเข้าไปทำธุรกิจ โดยเมื่อปี 2525 ได้ตั้ง บริษัท ดูแวค ซึ่งรวบ รวมเอาญาติโยมที่เป็นแหล่งเงินทุนหลายคนร่วมด้วย และก็เริ่มมีการซื้อที่ดินขยายวัดไป 1,000 ไร่ โดยอ้างว่ามีเสียงดังรบกวนจากวัดใกล้เคียงทำให้ไม่มีสมาธิ
"อาตมานึกว่าจะดีแต่ก็ไม่เป็นดังที่คาด เพราะมีการกว้านซื้อที่ดินจนเกิดข้อพิพาทกันเป็น 2,600 ไร่ และมีการซื้อที่อีกมากมายที่ต่างจังหวัด อย่างเช่น ที่เชียงใหม่ 4,000 ไร่, ศรีสะเกษประมาณ 8,000 ไร่และที่ตามอุทยานแห่งชาติอีก"
ขณะเดียวกันเจ้าอาวาสก็เปลี่ยนไปมาก จนน่าตกใจ พร้อม ๆ กับการเสื่อมอายุสังขารของคุณยายจันทร์ สุดท้ายคุณยายจันทร์กลายเป็นสัญลักษณ์ของวัดไป
"อาตมาโชคดีกว่าใครเพื่อน สอบเข้าได้ไปเรียนที่ออกซ์ฟอร์ด ทางวัดก็เห็นช่องทางในการสร้างชื่อเสียง ก็เลยส่งเสริมเป็นอย่างดี
อาตมาจะเขียนจดหมายจากประเทศอังกฤษเพื่อเจริญศรัทธา อาตมาได้สร้างโครงการพระไตรปิฏกคอมพิวเตอร์คนแรก เพราะชอบเรียน เมื่อตอนอยู่จุฬาฯ ปี 2 เราก็รู้หลักว่าเครื่องนี้มันใช้ได้ จนในที่สุดหลวงพ่อก็ลงนามเซ็นโครงการ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2527 อาตมาก็เริ่มลงมือทำ บริษัทที่มาช่วยคือ เดต้าแมท ก็ออกมาเป็นรูปเป็นร่าง"
พระมโนเล่าให้ฟังอีกว่าในปี 2530 เมื่อเรียนจบก็เดินทางกลับเมืองไทย เรื่องวัดพระธรรมกายกำลังดัง การกลับมาครั้งนี้ทำให้รู้สึกสลดใจมาก เพราะได้เห็นอะไรหลายอย่าง ในเรื่องธุรกิจที่เกี่ยวพันกับวัดพระธรรมกาย ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว "ต่อมาก็มีธุรกิจค้าที่ดิน โครงการตะวันธรรมและโครงการอะไรต่อมิอะไรอีกมาก
โดยเฉพาะเกี่ยวกับโครงการสวนป่า คือ ให้มีการเวนคืนที่บริเวณล้อมรอบวัด โดยให้วัดเป็นไข่แดง จากนั้นก็ปลูกป่าโดยรอบ ด้วยการใช้เงินของราชการ แต่เรื่องก็ตกไปเพราะกรรมการเขาสงสัยว่ามันมีเลศนัย ว่าทำไมต้องทำกันใหญ่ขนาดนี้"
นอกจากนั้น ในสมัยที่ นายชวน หลีกภัย ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรได้มีการผลักดันโครงการอบรมเยาวชน ที่เขาใหญ่ ที่มีกำหนดสร้างอาคารให้เสร็จภายใน 72 ชั่วโมง และมีลูกศิษย์ของวัด ซึ่งเป็นข้าราชการในกรมป่าไม้ ผลัก ดันและสนองนโยบาย โดยได้มีการโทรศัพท์มาที่วัดพระธรรมกาย ให้เกณฑ์คนมาทำเสร็จตามกำหนด ครั้งนั้นมี พระชิดชัย ชิโต ซึ่งจบวิศวบัณฑิต จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นผู้ดูแลควบคุมการก่อสร้าง
พระมโนรำลึกถึงความหลังอีกว่าใน ปี 2525-2526 มีเรื่องเกิดขึ้นเกี่ยวกับพระชิดชัย ซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่จุฬาฯ ของพระมโน โดยพระชิดชัยทำงานหนักอาบเหงื่อต่างน้ำทุ่มเทเพื่อวัดทุกอย่างโดยไม่มีเงื่อนไข ไม่หลับไม่นอน แต่พระชิโตเริ่มมีอาการทางจิต พระมโนปรึกษากับพระหลายรูปว่า ต้องส่งท่านไปโรงพยาบาล
อย่างไรก็ตาม ก็มีการต่อต้านว่าการส่งพระชิโตไปโรงพยาบาลเป็นการทำลายวัด เพราะวัดที่ฝึกจิตกลับมีพระที่มีอาการทางจิต "สุดท้ายอาตมาและพวกได้นำท่านไปโรงพยาบาล พอหายแล้วก็กลับมา แต่ไม่ได้รับความสนใจเหมือนไม่มีท่านอยู่ในวัด ไม่ทักไม่พูด โดนบีบสารพัดอย่าง ทำให้ท่านคิดมากกินยาคืนวันจันทร์ พบศพวันอังคารเช้าที่กุฏิ ทางวัดได้ปิดเรื่องนี้เงียบ ตอนนั้นก็ได้เรียนท่านนายอำเภอ
หลวงพ่อทัตตชีโวเป็นคนจัดการ เจ้าอาวาสไม่อยู่ร่วมไปขึ้นดอย ก็มีการจัดงานศพ รดน้ำ ทำพิธีต่าง ๆ ที่ศาลา "หลังจากกลับจากลอยเถ้ากระดูก เถ้าอังคารพระชิโต ที่ชลบุรี พระมโนกล่าวว่ารู้สึกวัดนี้ไม่ใช่วัดแล้ว ผิดทางวิธีการบริหารเริ่มมีปัญหามาก เวลาประชุมก็เงียบไม่พูดกัน เริ่มแตกเป็นเสี่ยง ๆ พระก็เริ่มจับกลุ่ม เกิดจากเรื่องความไม่ไว้วางใจมากขึ้น ๆ
ปี 2530-2531 ภาวะวัดย่ำแย่ พระข้างในรวมตัวกันไม่ติด พระบางรูปเกิดความสับสน การปกครองไปไม่ทั่วถึง มีกฎเหล็กคือกางเกงเหล็ก ใครสวมได้ปฏิบัติตามได้ก็อยู่ได้ สวมไม่ได้ ปฏิบัติตามไม่ได้ก็ออกจากวัดไปและนับจากนั้นมา พระมโนจึงออกจากวัดพระธรรมกาย และไม่ได้หันกลับเข้าไปหาอีกเลย
ที่มา : ที่มา http://b2b2.tripod.com/dailynews/scoop19981217.htm





สหกรณ์ออมทรัพย์คลองจั่นมีเงินฝากถึง 15,000ล้านบาท มากที่สุดในบรรดาสหกรณ์ออมทรัพย์ด้วยกัน
การโกงเงิน 15,000ล้านของสมาชิกสหกรณ์นับแสนรายไม่ได้ซับซ้อนแนบเนียนอะไรเลย แค่ออกเช็คจ่ายพวกกันเองทั้งนั้น โกงกันดื้อๆอย่างนี้ด้วยฝีมือมัคทายกธรรมกายที่เข้าไปเป็นประธานสหกรณ์
ในจำนวนที่โกงไป15,000ล้านบาทนั้น ผู้แทน ปปง ชี้แจง กรรมการศาสนา สปช เมื่อวานซึ่งฝ่ายเลขาได้บันทึกเพืี่อรายงาน สปช ว่าตรวจพบเช็คสั่งจ่ายเครือข่ายธรรมกายร่วม4,000ล้านบาทคือ
1. จ่ายวัดธรรมกาย
2. จ่ายธัมมชโย แล้วโอนไปเข้าบัญชีมูลนิธิแม่ชีจันทร์
3. จ่ายพระครูปลัด พระที่เคยอยู่วัดธรรมกาย
4. จ่ายผู้บริหารสหกรณ์มัคทายกธรรมกายแล้วโอนไปซื้อที่ดินที่กาญจนบุรีเพื่อสร้างเจดีย์ทัตตะชีโว ที่ดินนี้ ดีเอสไอ อายัดแล้ว  กรรมการศาสนาจึงเสนอให้ ปปง. ตรวจสอบเพิ่มเติมว่าจำนวนเงินที่เหลือและถูกโกงอีก11,000 ล้านบาทนั้น ได้จ่ายแก่เครือข่ายธรรมกายอีกเท่าใด เพราะสงสัยว่ายังมีนอมินีรับโอนเงินที่โกงนี้อีก แต่ที่น่าแปลกคืออดีตรองปลัดกระทรวงยุติธรรม เจ้าสังกัดของดีเอสไอและ ปปง ไปเป็นนายประกันให้ผู้ต้องหาบางคน มิน่าละ ประชาชนนับพันรายที่ไปร้องทุกข์จึงได้แต่น้ำตา จะอุ้มกันต่อ จะปล่อยให้ประชาชนตาดำดำนับแสนรายหมดเนื้อประดาตัวร้องไห้กันระงมเมืองก็เชิญตามสบายเลย

ขอร้องท่านทั้งหลายอย่าได้ติเตียนมหาเถรสมาคมโดยส่วนรวม  อย่าได้ติเตียนกรรมการมหาเถรสมาคมไปหมดทุกรูป จะกระทบองค์กรคณะสงฆ์มาก  กรรมการมหาเถรสมาคมฝ่ายธรรมยุติ 8 รูป ยืนยันตามพระบัญชาสมเด็จพระญาณสังวรณ์สมเด็จพระสังฆราชลงวันที่ 26 เม.ย. 42 และมติมหาเถรสมาคมที่ 193/42 เรื่องปาราชิกว่าเป็นปาราชิกแน่นอน ฟื้นไม่ได้แล้ว  กรรมการมหาเถรสมาคมอีก3รูปจากวัดเทพศิรินทร์ วัดบวร และวัดสัมพันธวงศ์ไม่ได้ไปประชุม ท่านไม่ได้เกี่ยวข้องเลย ท่านเจ้าคุณพรหม วัดยานนาวา ยืนยันกับท่านผู้ใหญ่ว่าไม่มีมติอะไรและท่านก็ไม่ได้พูดอะไรด้วย สมเด็จวัดปากน้ำ และกรรมการมหาเถรสมาคมส่วนใหญ่ก็ไม่ได้พูดอะไร มีแต่นั่งฟังเลขานุการรานงาน  สรุปคือสมเด็จวัดปากน้ำ และกรรมการมหาเถรสมาคมไม่ได้ลงมติอะไรเลย และฟังรายงานจากเลขารายงานเสร็จ เลขาอ้างว่าติดราชการขอกลับไปก่อนแล้วเอาเอกสารให้พระพูด พระที่รับฝากพูดจากเลขาจึงเป็นหมู่บ้านกระสุนตกสิครับ ความจริงเป็นอย่างนี้แล้วหลวงพี่จีวรแดงจะว่ายังไง อย่าเอาเรื่องนี้มาบิดตะกูดปลุกระดมพระปกป้องคนโกงสหกรณ์คลองจั่นดีกว่า ท่านกรรมการมหาเถรสมาคมปรามเสียหน่อยจะช่วยบ้านเมืองได้มาก